เทียนฉางเฉิงยิ้มบาง ๆ และพูดว่า “หลานขู่เขาขนาดนี้ ครั้งหน้าเขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ”เทียนหลิงเอ๋อร์บุ้ยปากและพูดด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “แล้วใครบังคับให้คุณปู่ท่านพูดแบบนี้ทุกครั้งล่ะคะ? เริ่มตั้งแต่แรกที่หนูเจอท่าน ท่านก็บอกว่าจะให้ของขวัญกับหนู นี่กี่ปีแล้ว หนูยังไม่เคยเห็นของขวัญนั่นเลยว่ามันเป็นอะไร?"“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เทียนฉางเฉิงหัวเราะเสียงดัง แม้หวางเม่าจะมีตำแหน่งค่อนข้างสูงในเมืองหยุนเฉิง แต่เขาก็เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากผู้อื่น ดังนั้นชีวิตของเขาจึงยืดเยื้อชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วจะยังมีเงินสำรองที่ไหนมาซื้อของขวัญให้เทียนหลิงเอ๋อร์ได้ล่ะ?แต่ชายชราคนนี้ต้องการรักษาภาพลักษณ์เหมือนกัน เขาจึงพูดถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง“คุณปู่คะ คุณปู่หวางมาหาคุณปู่ทำไมกันคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย“เขามาขอความช่วยเหลือจากปู่น่ะ” เทียนฉางเฉิงนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ขอความช่วยเหลืออย่างนั้นเหรอคะ? คุณปู่หวางก็ไม่ใช่คนของกลุ่มธุรกิจ แล้วมาหาคุณปู่ให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างงุนงง สำหรับคุณปู่หวางเม่าที่ไม่ได้ให้ของขวั
ในวันเผาศพของหญิงชรา หานซานเฉียนยังคงไม่สามารถติดตามขบวนขนาดใหญ่ไปด้วยได้ นั่นเป็นเพราะท่าทีของซูไห่เฉา ตอนนี้ทุกคนจึงถือว่าหานซานเฉียนเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ แต่เมื่อมาถึงเมรุเผาศพ ซูไห่เฉากลับพบเรื่องบางอย่างเตาเผาศพของเมรุแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ด้วยตำแหน่งของหญิงชรา ย่อมต้องเลือกคุณภาพระดับสูงสุด แต่เนื่องจากความผิดพลาดของซูไห่เฉาที่ไม่มีการจองล่วงหน้าไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นำศพของหญิงชราไปวางไว้ที่ด้านข้างพร้อมกับกลุ่มคนที่รออย่างกระวนวาย“ทำยังไงกันดี ถ้าวันนี้ไม่สามารถเผาศพได้ก็จะพลาดฤกษ์ดีแล้วนะ ไห่เฉา นายรีบคิดหาวิธีเร็ว”“ใช่แล้ว ฉันปล่อยให้แม่รออยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”“ไห่เฉ่า ตอนนี้นายเป็นประธานกรรมการบริษัทของตระกูลซู ศักดิ์ศรีเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังให้ไม่ได้เลยเหรอไง?”ซู่ไห่เฉาเจรจากับคนที่อยู่บริเวณเมรุ แต่วันนี้เตาเผาศพคุณภาพสูงที่สุดล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่จะนำมาเผาได้ เขาจึงเสนอเรื่องนี้ไปว่าต้องการลัดคิว แต่ถูกหัวหน้าผู้ดูแลเมรุดุด่าเข้าเต็ม ๆ ซึ่งสีหน้าชายคนนั้นไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าไปในเมรุแล้ว ถ้าขืนออกไปทั้งแบบนี้ ฉันได้ยิน
เมื่อซูไห่เฉาเดินกลับมา บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูต่างพากันชื่นชมซูไห่เฉาอย่างมาก “ไห่เฉา ฉันบอกแล้ว เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ เมื่อสักครู่นี้ผู้จัดการของเมรุเผาศพออกมาบอกว่า เขาจะจัดการแก้ไขปัญหาให้เราในไม่ช้า” “สมกับที่เป็นประธานของเรา ไห่เฉา คุณเก่งจริง ๆ” “บริษัทอยู่ในมือคุณ จะต้องก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน” แม้ว่าเรื่องนี้ซูไห่เฉาจะไม่ได้เป็นคนจัดการ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนทำเช่นกัน ซูไห่เฉาจึงยอมรับคำเยินยอเอาไว้ทั้งหมด เขายิ้มแล้วพูดว่า “ตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นประธานบริษัท เขาต้องให้เกียรติผมอยู่แล้ว” “แน่นอน ใครจะกล้าไม่ให้เกียรติประธานแห่งตระกูลซูล่ะ?” ในขณะที่บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาว่า “ประธานบ้าบออะไร ไม่อยู่ในสายตาผมสักนิด” เมื่อซูไห่เฉาเห็นชัดเจนแล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นผู้จัดการที่อยู่ในสำนักงานเมื่อครู่นี้ ญาติตระกูลซูไม่รู้ว่าเขาให้เกียรติใคร แต่ตัวเขาเองนั้นรู้ดี “คุณ...ทำไมคุณพูดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เ
ด้วยความช่วยเหลือจากหานซานเฉียน การฌาปนกิจและฝังศพไม่ได้ทำให้ฤกษ์มงคลล่าช้าไป สามารถจัดขึ้นได้ในวันเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ตระกูลซูไม่ได้รู้สึกขอบคุณหานซานเฉียนในเรื่องนี้ กลับกลายเป็นเกลียดชังเขามากเป็นพิเศษด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูไห่เฉา เขารู้สึกว่าตนเองต้องรู้สึกอับอายเพราะหานซานเฉียน ดังนั้นเขาจึงจดจำความเคียดแค้นที่มีต่อหานซานเฉียนเอาไว้อีกครั้ง ไม่กี่วันต่อมา เรื่องของตระกูลซูก็เงียบลง และมันก็ไม่ได้เป็นที่โจษจันมากมายนักในเมืองหยุนเฉิง ถึงอย่างไรหญิงชราก็ไม่ได้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญอะไรในตระกูลซู เช้าวันนี้ ในขณะที่หานซานเฉียนยังไม่ตื่นนอนก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมาหลายครั้งอย่างเอาเป็นเอาตาย “ทำไมคุณยังไม่ตื่นนอนอีก คุณลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างรีบร้อนตามคาด หานซานเฉียนลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมองดูเวลา แล้วกดวางสายไปซะ บ้าไปแล้ว นี่ยังไม่ถึงเวลาหกโมงเช้าเลย! เทียนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ไม่ได้เห็นหน้าหานซานเฉียนมาหลายวันแล้ว ดังนั้นเธอจึงอดใจรอแทบไม่ไหว แม้ว่าจะยังเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ในความคิดของเธอ วันนี้หานซานเฉียนต้องเผชิญก
“ผู้อาวุโสซ่างกวน ไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่จริง ๆ” “ครั้งนี้ผู้อาวุโสซ่างกวนมาถึงเมืองหยุนเฉิง มีเรื่องอะไรให้ต้องจัดการเหรอครับ? ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ กรุณาเอ่ยปากได้อย่างเต็มที่” “ผู้อาวุโสซ่างกวน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่สมาคมหมากล้อมเมืองหยุนเฉิงของเรา หากคุณสะดวกชี้แนะสักสองสามกลยุทธ์ ทักษะการเล่นหมากล้อมของเราต้องพัฒนาขึ้นมากอย่างแน่นอน” ซ่างกวนเฮยไป๋เคยชินกับการถูกสรรเสริญเยินยออยู่แล้ว บุคคลระดับเขา ไปที่ไหนย่อมได้รับการต้อนรับจากผู้คนมากมาย เขาเดินเข้าไปหาหวางเม่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดว่า “ขอคำชี้แนะสักสองสามกลยุทธ์งั้นเหรอ ดูซิว่าหัวหน้าของพวกคุณมีศักยภาพสักแค่ไหน” สีหน้าของหวางเม่าแย่ลง เขาพ่ายแพ้มานานหลายปีแล้ว จนกลายเป็นเงามืดในใจยามที่ต้องเผชิญหน้ากับซ่างกวนเฮยไป๋ แค่เห็นหน้าหัวใจก็อยากถอยแล้ว ทำให้เขาพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ทันได้ต่อสู้ “ผู้อาวุโสซ่างกวนจะประลองกับหัวหน้าเหรอ?” “เยี่ยมมาก เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเราจะได้เห็นผู้อาวุโสซ่างกวนเดินหมากด้วยตาของตัวเอง” “หัวหน้า เวลาไม่รอช้า เรามาเริ่มกันเถอะ” การเดินหมากของซ่างกวนเฮยไป๋ คนเหล่านี้ล้วนเคยเห็นมาแ
ทันทีที่หวางเม่าพูดจบ สมาชิกทั้งหมดของสมาคมหมากล้อมก็มองไปทางสวี่ฮวนซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หวางเม่ามีลูกศิษย์สองคน คนหนึ่งคือเซี่ยเฟย และอีกคนหนึ่งก็คือสวี่ฮวน เซี่ยเฟยถูกหวางเม่าขับไล่ออกจากสำนักเมื่อหลายวันก่อน คนที่สามารถลงสนามแทนเขาได้ก็เหลือเพียงสวี่ฮวนเท่านั้น แต่ระดับฝีมือด้านหมากล้อมของสวี่ฮวนนั้นไม่ได้โดดเด่นมากนัก ถ้าเป็นเซี่ยเฟย พวกเขายังพอเข้าใจ แต่ถ้าส่งสวี่ฮวนลงสนาม มันจะไม่เห็นทนโท่อยู่หรือว่าจะแพ้? ทันใดนั้น หานซานเฉียนได้เดินเข้ามาเคียงข้างเทียนฉางเฉิง เนื่องจากมาสายจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “หัวหน้า ด้วยความสามารถของสวี่ฮวน จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของลูกศิษย์ผู้อาสุโสซ่างกวนได้ยังไง อย่าเสียเวลาเลย คุณลงสนามเองเถอะ” “ใช่แล้ว สวี่ฮวนจะเอาชนะได้ยังไง” “ระดับฝีมือด้านหมากล้อมของเธอ พวกเราทุกคนต่างรู้กันดี” เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้ว่าสวี่ฮวนจะรู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันและนิ่งเงียบ เพราะความรู้เรื่องหมากล้อมของเธอนั้นไม่ลึกซึ้งจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถเลย เห็นได้ชัดว่าโอวหยางซิวเจี๋ยที่อยู่ตรงหน้าเป็นยอดฝีมือ ต่อให้เธอลงสนามสู้ ก็มี
หวางเม่ามองหานซานเฉียนด้วยความซาบซึ้งใจ ถ้าหานซานเฉียนไม่ร่วมเล่นละครกับเขา วันนี้เขาคงไม่ใช่แค่เสียหน้าในเกมหมากล้อมเท่านั้น ซ่างกวนเฮยไป๋มองหานซานเฉียนอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “ได้ รอให้ลูกศิษย์ของคุณแพ้ แล้วคุณค่อยลงสนาม แต่ผมแนะนำให้คุณควรรีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ” ซ่างกวนเฮยไป๋มั่นใจในความสามารถของโอวหยางซิวเจี๋ยมาก ถึงอย่างไรก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาตั้งใจฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถ้าแม้แต่ลูกศิษย์ของหวางเม่ายังเอาชนะไม่ได้ ไม่เท่ากับเสียแรงเปล่าหรอกหรือ “เฮ้อ ต้องมาเสียเวลากับคุณอีก เร็วเข้าเถอะ เวลาของผมมีค่ามาก” โอวหยางซิวเจี๋ยดูท่าทางหงอยเหงาซึมเซา ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกสนใจการแข่งหมากล้อมกับหานซานเฉียนเลย สวี่ฮวนนำกระดานหมากล้อมออกมา โอวหยางซิวเจี๋ยจับหมากสีขาว หานซานเฉียนจับหมากสีดำ การแข่งขันหมากล้อมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรดาจีนมุงต่างชะเง้อคอมอง หวางเม่ารู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน ถ้าหานซานเฉียนเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยไม่ได้ สงครามครั้งนี้เขาย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว อีกอย่างถ้าหานซานเฉียนพ่ายแพ้ เขาก็คงจะแพ้ด้วยอย่างแน่นอนเช่นกัน เกียรติยศของเขาจะถูกซ่างกวนเฮยไป๋เหยียบย่ำก
เมื่อหานซานเฉียนพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างพากันฮือฮา แม้แต่หวางเม่ายังหน้าซีดเผือด เมื่อเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้แล้วก็ควรจะรู้จักพอ ตอนนี้ที่พูดแบบนี้ออกมานั้นไม่เป็นการยั่วยุซ่างกวนเฮยไป๋หรอกหรือ? “พ่อหนุ่ม ทำไมคุณถึงพูดจาดูหมิ่นกันแบบนี้ นึกว่าใครก็เป็นคู่ต่อกรกับซ่างกวนเฮยไป๋ก็ได้หรือไง?” “คุณเอาชนะลูกศิษย์ของผู้อาวุโสซ่างกวนได้ก็เพราะความโชคดี ยังกล้าอวดดีถึงขนาดนี้” “พ่อหนุ่ม เจียมตัวไว้บ้างก็ดีนะ ไม่อย่างนั้นตัวเองนั่นล่ะที่จะเสียหน้า” สมาชิกของสมาคมมองหานซานเฉียนอย่างขุ่นเคือง ไม่พอใจกับการไม่ให้เกียรติของเขา หวางเม่ารู้ว่าถ้าหานซานเฉียนแข่งขันกับซ่างกวนเฮยไป๋นั้นจะเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ จึงรีบพูดขึ้นว่า “รีบขอโทษเดี๋ยวนี้” หานซานเฉียนจ้องมองซ่างกวนเฮยไป๋ด้วยสายตาดุจคบเพลิง ดังคำกล่าวของเทียนฉางเฉิงที่พูดว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ หากพลาดไป เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่ได้มีโอกาสเป็นครั้งที่สองแล้ว ถึงจะแพ้แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ? ถ้าไม่รู้จักท้าทายตัวเองเสียบ้าง แล้วจะรู้ขีดจำกัดความสามารถได้อย่างไรกัน? เทียนฉางเฉิงแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขามองหานซานเฉียนด้วยความชื่นชม คนหนุ่ม
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ