หลังจากมาถึงคฤหาสน์ หญิงชราก็อดทนรอไม่ไหวที่จะบอกซูไห่เฉาถึงเรื่องธุรกิจความร่วมมือกับตระกูลเทียน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูไห่เฉาคงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากแน่นอน เพราะในที่สุดเขาก็ได้โครงการนี้มา ทำให้เขามีต้นทุนพอที่จะต่อสู้กับซูหยิงเซี่ยอย่างเท่าเทียม แต่ตอนนี้ภายในใจของเขากลับไม่พอใจในตำแหน่งใด ๆ ที่อยู่ภายใต้ประธานกรรมการบริษัทอีกแล้วมีเพียงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทเท่านั้น เขาถึงจะมีอำนาจขับไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซู หลัง.จากนั้นก็แก้แค้นหานซานเฉียนดังคำกล่าวที่ว่า เรื่องผิดพลาดไม่ควรทำเกินสามครั้ง ซูไห่เฉาถูกหานซานเฉียนจัดการมาแล้วสามครั้ง ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถยอมรับได้อย่างเด็ดขาดแต่เมื่อมองจากภายนอกแล้ว ซูไห่เฉากลับแสดงท่าทางซาบซึ้งใจและตื่นเต้นอย่างมาก “คุณย่าครับ ผมขอบคุณที่คุณย่าเชื่อมั่นในตัวผมนะ คุณย่าวางใจได้เลย ผมจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ และจะไม่ทำให้คุณย่าผิดหวังเด็ดขาด” ซูไห่เฉาพูดหญิงชราพูดด้วยความรู้สึกปลื้มใจว่า “ย่าหวังว่าหลานจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าในเรื่องนี้ได้ ถ้าหลานสามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ ย่าจะมอบตำแหน่งประธานกรรมการบริษ
ซูกั๋วเย่าพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซีดเซียวจากอาการตกใจ แม้ว่าหญิงชราจะปฏิบัติต่อเขาไม่ค่อยดี แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา ตอนนี้เธอมาเสียชีวิตไปซะแล้ว เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียใจซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะถูกหญิงชราดูถูกสารพัด แต่ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เธอทำใจยอมรับไม่ไหวจริง ๆ“ทำไมถึงได้กะทันหันขนาดนี้ อยู่ดี ๆ ทำไมท่านถึงเสียชีวิตได้คะ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างไม่เชื่อ“พ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไป ไปกันเถอะ กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูกัน” ซูกั๋วเย่าพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนทั้งครอบครัวออกเดินทางอย่างรีบเร่ง อาหารที่อยู่บนโต๊ะยังไม่ได้แตะต้องสักคำก่อนที่จะออกไป เจี่ยงหลานพูดกับเหอถิงว่า “วันนี้อาหารพวกนี้คงคุ้มค่าสำหรับเธอแล้วล่ะ”เมื่อมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลซู กลุ่มบรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูก็มาถึงครบแล้วในห้องของหญิงชรา ซูไห่เฉาและซูอี้หานกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่ข้างเตียง พร้อมกับร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก การแสดงออกด้วยน้ำตาที่ไหลรินจากความเสียใจอย่างสุดซึ้งของซูไห่เฉา ทำให้ผู้คนมองเห็นถึงความผิดปกติในการกระทำเล็กน้อยนี้ซูหย
คำพูดของซูไห่เฉาเห็นได้ชัดว่าเป็นมุมมองของตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท แต่ภายในห้องก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านออกมา เพราะพวกเขาต่างรู้ดีกันอยู่ว่า สุดท้ายหญิงชราจะมอบตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทให้กับซูไห่เฉา ตอนนี้หญิงชราได้เสียชีวิตแล้ว โดยปกติก็คงจะเป็นเขาที่ต้องมาสืบทอดตำแหน่งนี้แทน“ไห่เฉา ลูกหมายความว่า พวกเราได้แค่ต้องจำใจกล้ำกลืนความเจ็บปวดนี้ไว้เหรอ?” ซูกั๋วหลินกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนซูไห่เฉาถอนหายใจและพูดว่า “คุณพ่อคิดว่าตอนนี้ตระกูลซูมีคุณสมบัติที่จะจัดการกับตระกูลเทียนอย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าทำให้ตระกูลเทียนอับอาย พวกเราทั้งหมดได้เจอกับหายนะแน่นอน พวกเราอดทนกันชั่วคราวไปก่อน หวังว่าคงไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ ตราบใดที่ยังมีโอกาสแก้แค้นในอนาคตก็เพียงพอแล้ว”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยหญิงชราเสียชีวิตแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ทุกคนในตระกูลจะต้องถูกฝังตามไปกับเธอด้วยช่วงนี้การไปสร้างปัญหากับตระกูลเทียนนั้นก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งการตายของหญิงชราก็ไม่สามารถกล่าวอ้างกับสังคมภายนอกได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเทียน ไม่อย่างนั้นแล้วตระ
ความจริงแล้วภายในใจของซูหยิงเซี่ยไม่ได้คิดว่าหานซานเฉียนเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้พูดและไม่ได้ส่ายหน้า หรือพยักหน้ารับใด ๆ ทุกคนในตระกูลซูมาที่ห้องนั่งเล่นและกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานศพของหญิงชรา เมื่อหานซานเฉียนรู้ว่าซูอี้หานจะเอาสินสอดเหล่านั้นไป เขาจึงพูดกับซูอี้หานว่า “เงินพวกนี้ เธอก็ใช้จ่ายอย่างประหยัดอดออมด้วยนะ ไม่งั้นในอนาคตเธอจะต้องจ่ายคืน ซึ่งเธอไม่สามารถจ่ายคืนมันได้”ซูอี้หานมองไปที่หานซานเฉียนอย่างรังเกียจ และพูดว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันใช้เงินของตัวเองแล้วเกี่ยวอะไรกับแกด้วย แกอย่าลืมว่าแกเป็นแค่คนนอก แกมีสิทธิ์อะไรที่จะชี้แนะฉัน?”“คุณมั่นใจมากว่าสินสอดนั่นเป็นของคุณใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา“แน่นอนสิ” ซูอี้หานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นอกจากฉันแล้วจะยังมีใครที่มีสิทธิ์ในสินสอดนั่นอีก?”“ผมแค่แนะนำด้วยความหวังดี คนที่สามารถส่งสินสอดมากมายขนาดนี้มาให้ได้ อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ถ้าคุณจ่ายเงินคืนไม่ได้ อาจจะนำไปสู่จุดจบที่ทำให้ครอบครัวของคุณต้องพังพินาศ” หานซานเฉียนกล่าว“เจ้าโง่ นี่แกสาปแช่งฉันใช่ไหม?” ซูอี้หานจ้องไปที่หานซานเฉียนอย่าง
วันรุ่งขึ้น ห้องโถงไว้ทุกข์ของหญิงชราถูกสร้างขึ้นภายในคฤหาสน์ตระกูลซู หลายคนที่ได้ยินข่าวนี้ต่างรีบมาที่คฤหาสน์ตระกูลซูทีละคน เพื่อส่งหญิงชราเป็นครั้งสุดท้ายถึงแม้หลังจากที่ตระกูลซูได้เป็นผู้ดำเนินการโครงการเฉิงซีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการร่วมมือกับบุคคลอื่นอีก แต่มิตรภาพก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ ดังนั้นคนที่มาถึงคฤหาสน์ตระกูลซูจึงมีจำนวนไม่น้อยเช่นกันเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน การแสดงละครของซูไห่เฉายังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเมื่อวาน ดวงตาทั้งสองของเขาบวมและแดงช้ำราวกับว่าโศกเศร้าเสียใจมาก พูดถึงสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงชรากับบุคคลภายนอกว่าเป็นเพราะโรคประจำตัวกำเริบแม้บุคคลภายนอกจะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหันมาก แต่หญิงชราก็อายุมากแล้ว การเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นถือเป็นเรื่องปกติได้เช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในตระกูลซู บุคคลภายนอกจึงไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดหานซานเฉียนยืนอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ในชุดสีดำและไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะสวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์สำหรับลูกหลานคนจีนของตระกูลด้วย เพราะคฤหาสน์หลังนี้เป็นของซูไห่เฉาเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ประตูซูไห่เฉาก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปในช่ว
เทียนฉางเฉิงยิ้มบาง ๆ และพูดว่า “หลานขู่เขาขนาดนี้ ครั้งหน้าเขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ”เทียนหลิงเอ๋อร์บุ้ยปากและพูดด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “แล้วใครบังคับให้คุณปู่ท่านพูดแบบนี้ทุกครั้งล่ะคะ? เริ่มตั้งแต่แรกที่หนูเจอท่าน ท่านก็บอกว่าจะให้ของขวัญกับหนู นี่กี่ปีแล้ว หนูยังไม่เคยเห็นของขวัญนั่นเลยว่ามันเป็นอะไร?"“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เทียนฉางเฉิงหัวเราะเสียงดัง แม้หวางเม่าจะมีตำแหน่งค่อนข้างสูงในเมืองหยุนเฉิง แต่เขาก็เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากผู้อื่น ดังนั้นชีวิตของเขาจึงยืดเยื้อชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วจะยังมีเงินสำรองที่ไหนมาซื้อของขวัญให้เทียนหลิงเอ๋อร์ได้ล่ะ?แต่ชายชราคนนี้ต้องการรักษาภาพลักษณ์เหมือนกัน เขาจึงพูดถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง“คุณปู่คะ คุณปู่หวางมาหาคุณปู่ทำไมกันคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย“เขามาขอความช่วยเหลือจากปู่น่ะ” เทียนฉางเฉิงนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ขอความช่วยเหลืออย่างนั้นเหรอคะ? คุณปู่หวางก็ไม่ใช่คนของกลุ่มธุรกิจ แล้วมาหาคุณปู่ให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างงุนงง สำหรับคุณปู่หวางเม่าที่ไม่ได้ให้ของขวั
ในวันเผาศพของหญิงชรา หานซานเฉียนยังคงไม่สามารถติดตามขบวนขนาดใหญ่ไปด้วยได้ นั่นเป็นเพราะท่าทีของซูไห่เฉา ตอนนี้ทุกคนจึงถือว่าหานซานเฉียนเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ แต่เมื่อมาถึงเมรุเผาศพ ซูไห่เฉากลับพบเรื่องบางอย่างเตาเผาศพของเมรุแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ด้วยตำแหน่งของหญิงชรา ย่อมต้องเลือกคุณภาพระดับสูงสุด แต่เนื่องจากความผิดพลาดของซูไห่เฉาที่ไม่มีการจองล่วงหน้าไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นำศพของหญิงชราไปวางไว้ที่ด้านข้างพร้อมกับกลุ่มคนที่รออย่างกระวนวาย“ทำยังไงกันดี ถ้าวันนี้ไม่สามารถเผาศพได้ก็จะพลาดฤกษ์ดีแล้วนะ ไห่เฉา นายรีบคิดหาวิธีเร็ว”“ใช่แล้ว ฉันปล่อยให้แม่รออยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”“ไห่เฉ่า ตอนนี้นายเป็นประธานกรรมการบริษัทของตระกูลซู ศักดิ์ศรีเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังให้ไม่ได้เลยเหรอไง?”ซู่ไห่เฉาเจรจากับคนที่อยู่บริเวณเมรุ แต่วันนี้เตาเผาศพคุณภาพสูงที่สุดล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่จะนำมาเผาได้ เขาจึงเสนอเรื่องนี้ไปว่าต้องการลัดคิว แต่ถูกหัวหน้าผู้ดูแลเมรุดุด่าเข้าเต็ม ๆ ซึ่งสีหน้าชายคนนั้นไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าไปในเมรุแล้ว ถ้าขืนออกไปทั้งแบบนี้ ฉันได้ยิน
เมื่อซูไห่เฉาเดินกลับมา บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูต่างพากันชื่นชมซูไห่เฉาอย่างมาก “ไห่เฉา ฉันบอกแล้ว เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ เมื่อสักครู่นี้ผู้จัดการของเมรุเผาศพออกมาบอกว่า เขาจะจัดการแก้ไขปัญหาให้เราในไม่ช้า” “สมกับที่เป็นประธานของเรา ไห่เฉา คุณเก่งจริง ๆ” “บริษัทอยู่ในมือคุณ จะต้องก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน” แม้ว่าเรื่องนี้ซูไห่เฉาจะไม่ได้เป็นคนจัดการ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนทำเช่นกัน ซูไห่เฉาจึงยอมรับคำเยินยอเอาไว้ทั้งหมด เขายิ้มแล้วพูดว่า “ตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นประธานบริษัท เขาต้องให้เกียรติผมอยู่แล้ว” “แน่นอน ใครจะกล้าไม่ให้เกียรติประธานแห่งตระกูลซูล่ะ?” ในขณะที่บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาว่า “ประธานบ้าบออะไร ไม่อยู่ในสายตาผมสักนิด” เมื่อซูไห่เฉาเห็นชัดเจนแล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นผู้จัดการที่อยู่ในสำนักงานเมื่อครู่นี้ ญาติตระกูลซูไม่รู้ว่าเขาให้เกียรติใคร แต่ตัวเขาเองนั้นรู้ดี “คุณ...ทำไมคุณพูดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ