เพื่อนนักเรียนเริ่มทยอยมาถึงทีละคน พวกเขาอิจฉามากเมื่อเห็นรถเฟอร์รารี่ เพราะคนเหล่านี้มาจากครอบครัวธรรมดา ๆ อย่าว่าแต่ได้ครอบครองเฟอร์รารี่เลย โอกาสได้เห็นในชีวิตจริงยังมีน้อยมากเช่นกัน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปกับรถเฟอร์รารี่ หรงหลิ่วรู้สึกดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ และเพลิดเพลินกับแววตาอิจฉาจากเพื่อนนักเรียนที่ส่งมาให้เธอ “ถ้าพวกเธอชอบ ก็ขึ้นไปถ่ายรูปได้นะ ลองนั่งในเฟอร์รารี่ดูยังได้เลย” หรงหลิ่วเปิดประตูรถด้วยความยินดี “จริงเหรอ? หรงหลิ่ว เธอนี่ใจดีจังเลย” “ชีวิตของเธอตอนนี้ทำให้พวกเรารู้สึกอิจฉาตาร้อนสุด ๆ เลยล่ะ สามีไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่ยังรวยอีกด้วย” “ฉันจะไปหาสามีที่ซื้อเฟอร์รารี่ให้ฉันได้ที่ไหนเนี่ย?” หรงหลิ่วดึงตัวหยางเหวิน แกล้งทำหน้าเชิดแล้วพูดว่า “เขาไม่ได้ดีอย่างที่พวกเธอคิดหรอก ตอนตามจีบฉันแรก ๆ ฉันไม่สนใจอยู่ตั้งนาน ถ้าเขาไม่มอบแหวนเพชรวงนี้ให้ฉัน ฉันก็คงไม่มองเขาหรอก” หรงหลิ่วยกมือขึ้นอย่างตั้งใจ แหวนเพชรเม็ดใหญ่เบ้อเริ่มสวมอยู่บนนิ้วนางของเธอ ส่องแสงระยิบระยับแวววาวท่ามกลางแสงแดด “แหวนวงนี้ไม่ใช่ราคาถูก ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย?” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งถามด้
เฉินหลิงเหยาเอากระเป๋าซ่อนไว้ข้างหลังอย่างหวาดผวา สิ่งที่เธอสะพายมาเป็นของปลอมจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหรงหลิ่วมองออกในทันที “ซ่อนอะไรอยู่น่ะ ของปลอมก็คือของปลอม ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ กล้าสะพายแต่ไม่กล้ายอมรับงั้นเหรอ?” หรงหลิ่วส่ายหน้าขณะพูดพร้อมยิ้มออกมา “ที่รัก พวกคุณต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทำไมคุณถึงพุ่งเป้าไปที่พวกเธอจัง เห็นชัดเลยว่าคุณใจแคบมาก” หยางเหวินเดินเข้าไปหาหรงหลิ่ว พร้อมยกแขนโอบไหล่เธอแล้วมองไปยังซูหยิงเซี่ย เมื่อเปรียบเทียบรูปโฉมอันงดงามและรูปร่างของเธอ หรงหลิ่วไม่สามารถสู้ซูหยิงเซี่ยได้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่คนสวยแบบนี้กลับไปแต่งงานกับเจ้าคนไร้ค่า ช่างเสียดายของจริง ๆ เมื่อเฉินหลิงเหยาเห็นหยางเหวินก็รู้สึกอึ้งทันที แต่ไม่ใช่เพราะหน้าตาของเขา แต่กลับเป็นเครื่องแต่งกายที่เขาสวมใส่ เสื้อผ้าชุดนี้ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านเธอก็ไม่มีวันลืม คลิปวิดีโอตอนที่หานซานเฉียนเล่นเปียโนในห้างสรรพสินค้า และได้รับความนิยมในออนไลน์อย่างท่วมท้น ซึ่งเขาสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับหยางเหวิน ทำไมเขาถึงมีเสื้อผ้าแบบเดียวกัน อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ? ทันใดนั้น หานซานเฉียนเดินเข้าม
มีคนอดใจรอไม่ไหวคลิกเปิดคลิปวิดีโอสั้นบนอินเทอร์เน็ตนั้น ซึ่งอีกฝ่ายคล้ายหยางเหวินมาก “เขา... หยางเหวินเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโน” “พระเจ้า! หรงหลิ่ว สามีของเธอเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโนงั้นเหรอ?” “เขาเป็นผู้ชายที่ดังที่สุดบนอินเทอร์เน็ตตอนนี้เลยนะ” เพื่อนนักเรียนหญิงหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อเทียบกับแหวนเพชร DR และรถเฟอร์รารี่ก่อนหน้านี้แล้ว ความอิจฉาในตอนนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในกระดูกดำ หญิงสาวหลายคนหลงใหลอยู่กับเจ้าชายน้อยนักเปียโนบนอินเทอร์เน็ต หญิงสาวหลายคนเอาแต่พร่ำเพ้ออยากแต่งงานกับเขา! แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายผู้มีเสน่ห์นี้คือ หยางเหวิน เฉินหลิงเหยาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก! เจ้าชายน้อยนักเปียโนคือหานซานเฉียนแน่นอน จะกลายเป็นหยางเหวินได้อย่างไร? ซูหยิงเซี่ยเองก็รู้สึกอึ้งเหมือนกัน เธอไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะโกหกเธอ และมันไม่จำเป็นเลยที่ต้องพูดโกหกแบบนี้ แต่ในเวลานี้... ทันใดนั้นหรงหลิ่งก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเล่าว่า “หยางเหวินฝึกเปียโนมาตั้งแต่เด็ก แถมยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวเลยแหละ คราวก่อนในห้างก็แค่คันไม้คันมือนิดหน่อยเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดกระแ
“เฉินหลิงเหยา เธออย่ามาโม้ให้ยากเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าใครคือเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน?” “ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่ามีผู้หญิงหลายคนจากครอบครัวเศรษฐี ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลของเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเลย แล้วเธอไปรู้มาจากไหน?” “ในสายตาของฉัน เจ้าชายน้อยแห่งเปียโนคือหยางเหวิน เธออย่าไปอิจฉาหรงหลิ่วเลย ตอนนี้หรงหลิ่วเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในชั้นเรียนของเรา เรื่องนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้” เมื่อได้ยินเพื่อนนักเรียนช่วยพูดแทนเธอ หรงหลิ่วก็รู้สึกโล่งใจ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาจะรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก โชคดีที่ไม่มีใครยอมเชื่อเฉินหลิงเหยา “เฉินหลิงเหยา ทำไมเธอต้องทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าด้วย อยากจะช่วยซูหยิงเซี่ยให้มีหน้ามีตาขึ้น ก็ต้องคิดด้วยว่าตัวเองเป็นใคร อีกอย่างเธอก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ซูหยิงเซี่ยมานานหลายปี แล้วเธอได้ประโยชน์อะไรบ้างล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริง ๆ มาเป็นสุขนับรับใช้ของฉันก็ได้นะ พวกเครื่องสำอางชื่อดังในบ้านของฉัน เดี๋ยวยกให้เธอหมดเลย” หรงหลิ่วพูดอย่างขำ ๆ “หรงหลิ่ว เฉินหลิงเหยาเป็นพี่น้องของฉัน เธออย่ามาพูดจาซี้ซั้ว” ซูหยิงเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็ลุก
หรงหลิ่วโกรธจนขนลุกชูชันไปทั่วร่าง เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน ในงานคืนสู่เหย้าเพื่อนนักเรียนแบบนี้ เฉินหลิงเหยากล้าดียังไงมาทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ “ที่รัก อย่าโกรธเธอเลย ผมจะไปขอยืมคนจากคุณน้าเอง วันนี้ผมจะทำให้เธอคุกเข่าขอโทษคุณให้ได้” หยางเหวินกล่าว หรงหลิ่วพ่นลมหายใจแรงอย่างไม่พอใจ รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ฉันจะทำให้เธอขายหน้า รวมทั้งซูหยิงเซี่ยกับเจ้าคนไร้ค่านั่นด้วย” หยางเหวินยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง คุณยังไม่รู้อีกเหรอว่าคุณน้าผมเป็นใคร? วันนี้ทั้งสามคนไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก” หลังจากหยางเหวินเดินออกจากห้องโถง ก่อนตรงไปยังห้องทำงานของหยางฉี หยางฉีอยู่ในวัยราว ๆ สี่สิบ มีศีรษะล้านเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว คนรู้จักสนิทสนมจะเรียกเขาว่ายาจกหยาง แน่นอนว่าชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปกล้าเรียกได้ตามใจ แม้หยางฉีจะไม่ได้มีอิทธิพลมากนักในเมืองหยุนเฉิง แต่ถ้าเปรียบเรื่องเส้นสายก็กว้างขวางมาก เขามีความสัมพันธ์กับทุกฝ่าย คนที่ทำให้เขาไม่พอใจล้วนจบไม่สวยทุกราย การก่อตั้งบ้านผลไม้เมื่อสองปีก่อนนั้นตามมาด้วยการล่มสลายอย่างต่อเนื่องของคู่แข่ง ซ
ตอนรับประทานอาหารกลางวัน หานซานเฉียนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นเริ่มวางแผนไปพบหยางฉี เพราะเรื่องวันนี้หยางเหวินคงไม่ปล่อยให้มันจบง่าย ๆ เขาไม่อยากเคลื่อนไหวมากเกินไป ดังนั้นจึงคิดจะขอให้หยางฉีจัดการเรื่องนี้แทน เมื่อสามปีที่ก่อน หยางฉีไม่ได้ถูกลอตเตอรี่ แต่เขาโชคดีจริง ๆ เช่นเดียวกับหลินหย่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากหานซานเฉียน จึงได้มายืนในตำแหน่งเช่นวันนี้ได้ อิทธิพลและเส้นสายเป็นเรื่องแรกที่หานซานเฉียนทำหลังจากพวกเขามาถึงเมืองหยุนเฉิง หลินหย่งมีอำนาจรับผิดชอบพื้นที่สีเทา ส่วนหยางฉีได้เพิ่มสายสัมพันธ์ของเขาในเมืองหยุนเฉิง เตรียมพร้อมไว้ในกรณีที่หานซานเฉียนต้องการ ในช่วงเวลาที่หานซานเฉียนจำศีลอยู่ในตระกูลหานนั้น เขาเข้าใจในหลักการดีว่า ถ้าต้องการร่ำรวย ก็ต้องมีอิทธิพลและเส้นสาย หลังจากที่เขามีเงินแล้ว จึงใช้เงินสร้างอิทธิพลให้แข็งแกร่งและสานความสัมพันธ์ในระดับที่สูงขึ้น หมุนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้เรื่อยไป จึงทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แค่ไม่นานหลังจากที่หานซานเฉียนออกไปจากห้องโถง คนที่ดูท่าทางเป็นนักเลงหัวไม้หลายคนก็เข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นคนเหล่านี้ สายตาของหรงหลิ่วยิ
“หยิงเซี่ย แล้วหานซานเฉียนล่ะ ทำไมเขายังไม่มาอีก” เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันโจ่งแจ้งของกลุ่มนักเลงเหล่านั้น เฉินหลิงเหยาก็พูดเสียงแผ่วเบาด้วยความหวาดกลัว “คนสวย กระซิบอะไรกันจ๊ะ มีอะไรก็พูดให้พวกเราฟังบ้างสิ” นักเลงคนหนึ่งพูดพร้อมกับวางมือลงบนหัวไหล่ของเฉินหลิงเหยาเฉินหลิงเหยาเบี่ยงตัวหลบ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” “โอ้ อารมณ์รุนแรงซะด้วย ผมชอบ” สีหน้าซูหยิงเซี่ยเริ่มเคร่งขรึมขึ้น เธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหรงหลิ่ว จึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “หรงหลิ่ว ความขัดแย้งระหว่างเรา ทำให้เธอจำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” “ซูหยิงเซี่ย เธอไปคั่วผู้ชายข้างนอกมากี่คนแล้ว ตัวเองไม่ได้นับเลยเหรอ? ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ” หรงหลิ่วพูดอย่างเย็นชา “คนสวย คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อคืนเราตื่นเต้นกันมากแค่ไหน? คุณลุกจากเตียงไม่ได้เลย ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ” นักเลงพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยรอยยิ้ม “พูดจาเหลวไหล ฉันไปรู้จักกับคุณตอนไหน อย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “โธ่เว้ย ยัยพวกนี้ กล้าทำแบบนี้เหรอ” นักเลงตบเข้าไปหน้าซูหยิงเซี่ย
ณ ห้องทำงานของหยางฉี หานซานเฉียนนั่งลงบนโซฟาและมีหยางฉียืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ “พี่ซานเฉียน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ” หยางฉีเอ่ยถาม เมื่อสามปีก่อนเขายังเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น หานซานเฉียนพบเขาและให้โอกาสเขาได้ประสบความสำเร็จในวันนี้ แม้ว่าหยางฉีจะมีเส้นสายอยู่ในมือแล้วในตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้ามองข้ามหานซานเฉียน เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหานซานเฉียนสามารถให้ทุกอย่างแก่เขาได้ก็สามารถเรียกคืนกลับไปได้เช่นกัน “วันนี้ผมมางานคืนสู่เหย้าเป็นเพื่อนภรรยา ก็เลยถือโอกาสมาหาคุณด้วย เราไม่ได้เจอกันสามปีแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะลืมผมไปแล้ว” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินดังนั้นหยางฉีก็ลนลานรีบบอกว่า “พี่ซานเฉียน ผมจะลืมพี่ได้ยังไง ต่อให้ลืมว่าตัวเองแซ่อะไร แต่ก็ไม่อาจลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่พี่ซานเฉียนมีให้ผมได้” "หยางฉี สิ่งที่ผมให้คุณได้ ก็เอากลับคืนมาได้เช่นกัน คุณรู้ใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ย หยางฉีตกใจมาก ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พูดจาเช่นนี้ล่ะ? “พี่ซานเฉียน ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” หยางฉีถามด้วยความประหม่า หานซานเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรผิด แค่อยากจะมาเตือนคุณไว้เท่านั้น ผมไ