ณ ห้องทำงานของหยางฉี หานซานเฉียนนั่งลงบนโซฟาและมีหยางฉียืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ “พี่ซานเฉียน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ” หยางฉีเอ่ยถาม เมื่อสามปีก่อนเขายังเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น หานซานเฉียนพบเขาและให้โอกาสเขาได้ประสบความสำเร็จในวันนี้ แม้ว่าหยางฉีจะมีเส้นสายอยู่ในมือแล้วในตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้ามองข้ามหานซานเฉียน เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหานซานเฉียนสามารถให้ทุกอย่างแก่เขาได้ก็สามารถเรียกคืนกลับไปได้เช่นกัน “วันนี้ผมมางานคืนสู่เหย้าเป็นเพื่อนภรรยา ก็เลยถือโอกาสมาหาคุณด้วย เราไม่ได้เจอกันสามปีแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะลืมผมไปแล้ว” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินดังนั้นหยางฉีก็ลนลานรีบบอกว่า “พี่ซานเฉียน ผมจะลืมพี่ได้ยังไง ต่อให้ลืมว่าตัวเองแซ่อะไร แต่ก็ไม่อาจลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่พี่ซานเฉียนมีให้ผมได้” "หยางฉี สิ่งที่ผมให้คุณได้ ก็เอากลับคืนมาได้เช่นกัน คุณรู้ใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ย หยางฉีตกใจมาก ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พูดจาเช่นนี้ล่ะ? “พี่ซานเฉียน ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” หยางฉีถามด้วยความประหม่า หานซานเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรผิด แค่อยากจะมาเตือนคุณไว้เท่านั้น ผมไ
ช่างน่าขำ! ถ้าเขามีความสามารถเช่นนี้ จะมีชื่อกระฉ่อนทั่วเมืองหยุนเฉิงว่าเป็นคนไร้ค่าได้อย่างไร “ซูหยิงเซี่ย ฉันต้องการให้เธอคุกเข่าลง” หรงหลิ่วพูดประโยคนี้กับซูหยิงเซี่ยมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ซูหยิงเซี่ยเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “ฝันไปเถอะ” หรงหลิ่วรู้ว่าหยางฉีปฏิบัติต่อหยางเหวินเหมือนเป็นลูกชายของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตราบใดที่หยางฉีช่วยหนุนหลังเธอ เธอก็รู้สึกปลอดภัย เธอกระชากเส้นผมของซูหยิงเซี่ยอย่างแรง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เชื่อไหม ฉันจะบอกให้พวกเขาสำเร็จความใคร่กับเธอที่นี่ก็ได้ เธอบริสุทธิ์นักไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้เพื่อนนักเรียนทั้งหมดดูเธอยั่วยวนเพศตรงข้ามหน่อยเป็นไง?” “ปล่อยเธอ!” เสียงตวาดดังสะเทือนฟ้าดินมาจากในห้องโถง เมื่อหานซานเฉียนเห็นสภาพของซูหยิงเซี่ย ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที เขารีบวิ่งเข้าไปหาเธอ นักเลงสองคนที่จับซูหยิงเซี่ยอยู่ถูกหานซานเฉียนต่อยเข้าที่ศีรษะ พวกเขาล้มลงกับพื้นราวกับโคลนแหยะ ไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า หานซานเฉียนกอดซูหยิงเซี่ยเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทา มองดูบาดแผลบนใบหน้าซูหยิงเซี่
“ฉันจะบอกให้คุณน้าฆ่าแก ฉันจะบอกให้คุณน้าฆ่าแก” หรงหลิ่วคลำบริเวณเหนือศีรษะที่ผมหลุดออกไป พร้อมกับแผดเสียงลั่นใส่หานซานเฉียน เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหรงหลิ่ว หยางเหวินกุมปากที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่วิ่งเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เขาออกไปจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน” “หานซานเฉียน แกตายแน่ ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้อย่างเจ็บปวด” หยางเหวินหันกลับมามองหานซานเฉียนอย่างโหดเหี้ยม หยางฉีเห็นเขาเหมือนลูกชายแท้ ๆ ส่วนหรงหลิ่วก็เป็นลูกสะใภ้ของเขา ตอนนี้เธอถูกหานซานเฉียนดึงทึ้งผมออกจนหัวล้าน แล้วหยางฉีจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร “หยางฉี” หานซานเฉียนตะโกนเรียกด้วยเสียงเย็นชา หยางฉีที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นหน้าประตู พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็ตกใจและได้สติ เขาจึงรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในห้องโถงทันที “จบเห่แน่ หยางฉีมาแล้ว!” “คราวนี้หานซานเฉียนหนีไม่รอดแล้ว โง่จริง ๆ” “ใครใช้ให้เขาอวดดีแบบนี้ล่ะ มีโอกาสหนีก็ไม่หนี ตอนนี้หยางเหวินต้องการให้เขาตาย หยางฉีไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน” พอหยางเหวินเห็นหยางฉี ก็เหมือนได้เห็นผู้กอบกู้โลก เขาพูดทั้งน้ำตาและน้ำม
หยางฉีเรียกชื่อหานซานเฉียนว่า พี่ซานเฉียน! เพื่อนนักเรียนที่เคยมั่นใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูหยิงเซี่ยนั้นได้ถูกตบหน้าอย่างจัง แต่… แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมหานซานเฉียนเก่งกาจถึงขนาดทำให้หยางฉีคุกเข่าขอโทษได้ ไม่ใช่แค่นักเรียนเหล่านั้นที่ไม่เข้าใจ แต่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน ทำไมแม้แต่คนอย่างหยางฉี ถึงเรียกเขาว่าพี่ซานเฉียน? “เมื่อกี้นี้ มีคนคิดจะสำเร็จความใคร่ภรรยาของผมใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยชา หยางฉีพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เข้าใจแล้วครับ” เพียงไม่นานนัก หยางฉีก็เรียกลูกน้องหลายคนเข้ามา แล้วออกคำสั่งว่า “จัดการผู้หญิงคนนี้ให้กลายเป็นของแกซะ ตรงนี้แหละ” แม้ว่าลูกน้องหลายคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของหยางฉี หรงหลิ่วมองดูผู้คนที่เดินเข้ามาหาเธอด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเธอจะเคยเป็นคนอวดดีอย่างเหลือทน แต่หลังจากที่ได้คบกับหยางเหวินแล้ว เธอก็พยายามสำรวมไว้ เพราะหยางเหวินมีเงินทอง สามารถทำให้เธอมีชีวิตที่ดีได้ หากวันนี้เธอถูกคนเหล่านี้ย่ำยี หยางเหวินต้องไม่เอาเธอแล้วแน่ ๆ “หยางเหวิน ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ภายในใจซูหยิงเซี่ยรู้สึกสงสัยมาก แต่ว่าเธอไม่ได้ถามอะไรมากมาย หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าไม่ใช่เหรอ กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เขาเอง สุดท้ายเขาจะเป็นคนแบบไหน กาลเวลาก็จะเป็นคนบอกเธอเองเช่นกันซูหยิงเซี่ยขอแค่ได้รู้ว่าหานซานเฉียนรักเธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว“หานซานเฉียน คุณรู้จักหยางฉีเหรอ?” เฉินหลิงเหยาที่นั่งเบาะหลังถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี“เคยเจอกันครั้งหนึ่ง” หานซานเฉียนตอบ หลังจากพบกับหยางฉีเมื่อสามปีก่อน หานซานเฉียนก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา ดังนั้นคำพูดที่ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องโกหกเฉินหลิงเหยาเบะปากใส่ เธอไม่เชื่อในสิ่งที่หานซานเฉียนพูด แต่ซูหยิงเซี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เธอถึงรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งไม่เข้าเรื่องมากกว่านี้แต่ว่าเฉินหลิงเหยารู้สึกมั่นใจอยู่บ้างว่าหานซานเฉียนนั้นไม่ใช่คนไร้ค่า สายตาคนเหล่านั้นในเมืองหยุนเฉิง ความเก่งกาจของเขา คนธรรมดา ๆ เกรงว่าไม่อาจจินตนาการได้ แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายแบบนี้ถูกกำหนดไว้ให้เธอกับเขาต้องไร้วาสนาต่อกัน เพราะเขาเป็นสามีของเพื่อนสนิทที่สุดของเธอหลังจากมาถ
“ซานเฉียน คุณนี่ฉลาดจริง ๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณให้ฉันมาที่ไซต์งานก่อสร้าง คราวนี้ก็คงโดนซูไห่เฉาจับพิรุธได้” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมหัวเราะกับหานซานเฉียน เมื่อวานเธอมาที่ไซต์งานก่อสร้าง เนื่องจากเป็นคำแนะนำของหานซานเฉียนเมื่อวานตอนที่เขาแนะนำเรื่องนี้ ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจความคิดของหานซานเฉียน จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจ ที่แท้หานซานเฉียนก็รู้ล่วงหน้ามาตั้งนานแล้วว่าซูไห่เฉาจะนำเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวจับพิรุธเธอ“พฤติกรรมของซูไห่เฉาแทบจะพุ่งเป้าต่อต้านคุณทุกวินาที ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่คุณไม่ได้เข้าบริษัทคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะ แล้วมองไปที่ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยที่ฟื้นสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ทำให้เขาค่อนข้างพอใจมากซูหยิงเซี่ยเห็นว่าหานซานเฉียนจ้องมองที่ใบหน้ารูปไข่ของตัวเอง ทันใดนั้นก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และคำพูดของเขาตอนที่ออกจากฟาร์มผลไม้ฝูหยางขึ้นมา“ซานเฉียน ถ้าบนใบหน้าของฉันทิ้งรอยแผลเป็นไว้จริง ๆ คุณจะให้หยางฉีเตรียมโลงศพไว้จริง ๆ เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัยหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่หยางฉี แต่เป็นตร
ทุกคนในตระกูลซูมาถึงที่ไซต์งานก่อสร้าง สีหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้เป็นสถานที่ที่กำลังดำเนินการพัฒนา มีความเป็นไปได้มากว่าจะเข้ามาแทนที่เขตเหมืองหลักของเมืองหยุนเฉิงในอนาคต เนื่องจากตระกูลซูอาศัยช่องทางนี้ หมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิงได้อย่างไม่ยากเย็น นี่คือสิ่งที่หญิงชราปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง จนเก็บเอาไปฝัน“ฉันคิดว่าชั่วชีวิตของฉันคงไม่มีวันได้เห็นตระกูลซูโผล่เข้ามาเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิง คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะเมตตามอบโอกาสนี้ให้กับฉันอย่างไม่คาดคิด” นี่เป็นครั้งแรกของหญิงชราที่ได้มาสำรวจทางตะวันตกของเมือง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย“คุณย่าครับ คุณย่าไม่ต้องกังวลนะครับ ภายใต้การนำของผม ตระกูลซูจะสามารถทัดเทียมกับตระกูลเทียนได้อย่างแน่นอนครับ บางทีอาจจะอยู่เหนือตระกูลเทียนก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้มหญิงชราพยักหน้าและพูดชื่นชมว่า “ไม่เลว แกเป็นคนทะเยอทะยานอย่างนี้ ภายหลังฉันก็สามารถตายตาหลับได้แล้ว”“คุณย่าครับ ผมจะโทรศัพท์หาซูหยิงเซี่ย เพื่อดูว่าเธออ
“หยิงเซี่ย ในเมื่อเจ้านายของบริษัทลั่วเฉวให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้ เธอไม่สามารถทำให้เขาผิดหวังได้นะ” หญิงชรากล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณย่าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะทำอย่างเต็มที่ค่ะ แต่ที่บริษัทยังมีงานที่หนูต้องจัดการอีกมาก หนูอาจจะไม่สามารถมาที่ไซต์งานก่อสร้างได้อีกต่อไป ถ้าอย่างนั้นคุณย่าช่วยหนูเลือกใครสักคนมาช่วยหนูที่ไซต์งานก่อสร้าง และเฝ้าจับตามองก็ดีนะคะ”แค่เฝ้าจับตามองเท่านั้น ไม่มีงานอย่างอื่นให้ทำ ยิ่งไม่มีอำนาจอะไรเลยหญิงชราเหลือบมองซูอี้หาน งานนี้ไม่สามารถยอมให้ซูไห่เฉาทำได้อย่างแน่นอน ถ้าเขาไปที่ไซต์งานก่อสร้าง บริษัทก็คงถูกปกครองโดยซูหยิงเซี่ยเพียงคนเดียวจริง ๆ ไม่เพียงหัวหน้างานจะไม่มีอำนาจใด ๆ แล้ว แต่ยังเท่ากับทำให้อำนาจของซูไห่เฉานั้นหมดสิ้นลงซูอี้หานพบว่าหญิงชรากำลังมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกกระวนกระวายในทันที เธอไม่อยากทำงานอยู่กลางแสงแดดทุกวัน ผิวขาว ๆ ของเธอ ถ้าถูกพิษจากรังสีอัลตราไวโอเลตเข้าคงกลายเป็นถ่านสีดำแน่“คุณย่าคะ หนูไม่ทำนะคะ คุณย่าอย่าหวังว่าหนูจะมาทำงานนี้เลยค่ะ” ซูอี้หานไม่รอให้หญิงชราเริ่มพูดก็ปฏิเสธขึ้นมาทันทีหญิงชราถอนหายใจ