ตอนรับประทานอาหารกลางวัน หานซานเฉียนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นเริ่มวางแผนไปพบหยางฉี เพราะเรื่องวันนี้หยางเหวินคงไม่ปล่อยให้มันจบง่าย ๆ เขาไม่อยากเคลื่อนไหวมากเกินไป ดังนั้นจึงคิดจะขอให้หยางฉีจัดการเรื่องนี้แทน เมื่อสามปีที่ก่อน หยางฉีไม่ได้ถูกลอตเตอรี่ แต่เขาโชคดีจริง ๆ เช่นเดียวกับหลินหย่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากหานซานเฉียน จึงได้มายืนในตำแหน่งเช่นวันนี้ได้ อิทธิพลและเส้นสายเป็นเรื่องแรกที่หานซานเฉียนทำหลังจากพวกเขามาถึงเมืองหยุนเฉิง หลินหย่งมีอำนาจรับผิดชอบพื้นที่สีเทา ส่วนหยางฉีได้เพิ่มสายสัมพันธ์ของเขาในเมืองหยุนเฉิง เตรียมพร้อมไว้ในกรณีที่หานซานเฉียนต้องการ ในช่วงเวลาที่หานซานเฉียนจำศีลอยู่ในตระกูลหานนั้น เขาเข้าใจในหลักการดีว่า ถ้าต้องการร่ำรวย ก็ต้องมีอิทธิพลและเส้นสาย หลังจากที่เขามีเงินแล้ว จึงใช้เงินสร้างอิทธิพลให้แข็งแกร่งและสานความสัมพันธ์ในระดับที่สูงขึ้น หมุนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้เรื่อยไป จึงทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แค่ไม่นานหลังจากที่หานซานเฉียนออกไปจากห้องโถง คนที่ดูท่าทางเป็นนักเลงหัวไม้หลายคนก็เข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นคนเหล่านี้ สายตาของหรงหลิ่วยิ
“หยิงเซี่ย แล้วหานซานเฉียนล่ะ ทำไมเขายังไม่มาอีก” เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันโจ่งแจ้งของกลุ่มนักเลงเหล่านั้น เฉินหลิงเหยาก็พูดเสียงแผ่วเบาด้วยความหวาดกลัว “คนสวย กระซิบอะไรกันจ๊ะ มีอะไรก็พูดให้พวกเราฟังบ้างสิ” นักเลงคนหนึ่งพูดพร้อมกับวางมือลงบนหัวไหล่ของเฉินหลิงเหยาเฉินหลิงเหยาเบี่ยงตัวหลบ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” “โอ้ อารมณ์รุนแรงซะด้วย ผมชอบ” สีหน้าซูหยิงเซี่ยเริ่มเคร่งขรึมขึ้น เธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหรงหลิ่ว จึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “หรงหลิ่ว ความขัดแย้งระหว่างเรา ทำให้เธอจำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” “ซูหยิงเซี่ย เธอไปคั่วผู้ชายข้างนอกมากี่คนแล้ว ตัวเองไม่ได้นับเลยเหรอ? ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ” หรงหลิ่วพูดอย่างเย็นชา “คนสวย คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อคืนเราตื่นเต้นกันมากแค่ไหน? คุณลุกจากเตียงไม่ได้เลย ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ” นักเลงพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยรอยยิ้ม “พูดจาเหลวไหล ฉันไปรู้จักกับคุณตอนไหน อย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “โธ่เว้ย ยัยพวกนี้ กล้าทำแบบนี้เหรอ” นักเลงตบเข้าไปหน้าซูหยิงเซี่ย
ณ ห้องทำงานของหยางฉี หานซานเฉียนนั่งลงบนโซฟาและมีหยางฉียืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ “พี่ซานเฉียน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ” หยางฉีเอ่ยถาม เมื่อสามปีก่อนเขายังเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น หานซานเฉียนพบเขาและให้โอกาสเขาได้ประสบความสำเร็จในวันนี้ แม้ว่าหยางฉีจะมีเส้นสายอยู่ในมือแล้วในตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้ามองข้ามหานซานเฉียน เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหานซานเฉียนสามารถให้ทุกอย่างแก่เขาได้ก็สามารถเรียกคืนกลับไปได้เช่นกัน “วันนี้ผมมางานคืนสู่เหย้าเป็นเพื่อนภรรยา ก็เลยถือโอกาสมาหาคุณด้วย เราไม่ได้เจอกันสามปีแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะลืมผมไปแล้ว” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินดังนั้นหยางฉีก็ลนลานรีบบอกว่า “พี่ซานเฉียน ผมจะลืมพี่ได้ยังไง ต่อให้ลืมว่าตัวเองแซ่อะไร แต่ก็ไม่อาจลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่พี่ซานเฉียนมีให้ผมได้” "หยางฉี สิ่งที่ผมให้คุณได้ ก็เอากลับคืนมาได้เช่นกัน คุณรู้ใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ย หยางฉีตกใจมาก ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พูดจาเช่นนี้ล่ะ? “พี่ซานเฉียน ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” หยางฉีถามด้วยความประหม่า หานซานเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรผิด แค่อยากจะมาเตือนคุณไว้เท่านั้น ผมไ
ช่างน่าขำ! ถ้าเขามีความสามารถเช่นนี้ จะมีชื่อกระฉ่อนทั่วเมืองหยุนเฉิงว่าเป็นคนไร้ค่าได้อย่างไร “ซูหยิงเซี่ย ฉันต้องการให้เธอคุกเข่าลง” หรงหลิ่วพูดประโยคนี้กับซูหยิงเซี่ยมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ซูหยิงเซี่ยเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “ฝันไปเถอะ” หรงหลิ่วรู้ว่าหยางฉีปฏิบัติต่อหยางเหวินเหมือนเป็นลูกชายของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตราบใดที่หยางฉีช่วยหนุนหลังเธอ เธอก็รู้สึกปลอดภัย เธอกระชากเส้นผมของซูหยิงเซี่ยอย่างแรง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เชื่อไหม ฉันจะบอกให้พวกเขาสำเร็จความใคร่กับเธอที่นี่ก็ได้ เธอบริสุทธิ์นักไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้เพื่อนนักเรียนทั้งหมดดูเธอยั่วยวนเพศตรงข้ามหน่อยเป็นไง?” “ปล่อยเธอ!” เสียงตวาดดังสะเทือนฟ้าดินมาจากในห้องโถง เมื่อหานซานเฉียนเห็นสภาพของซูหยิงเซี่ย ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที เขารีบวิ่งเข้าไปหาเธอ นักเลงสองคนที่จับซูหยิงเซี่ยอยู่ถูกหานซานเฉียนต่อยเข้าที่ศีรษะ พวกเขาล้มลงกับพื้นราวกับโคลนแหยะ ไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า หานซานเฉียนกอดซูหยิงเซี่ยเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทา มองดูบาดแผลบนใบหน้าซูหยิงเซี่
“ฉันจะบอกให้คุณน้าฆ่าแก ฉันจะบอกให้คุณน้าฆ่าแก” หรงหลิ่วคลำบริเวณเหนือศีรษะที่ผมหลุดออกไป พร้อมกับแผดเสียงลั่นใส่หานซานเฉียน เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหรงหลิ่ว หยางเหวินกุมปากที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่วิ่งเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เขาออกไปจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน” “หานซานเฉียน แกตายแน่ ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้อย่างเจ็บปวด” หยางเหวินหันกลับมามองหานซานเฉียนอย่างโหดเหี้ยม หยางฉีเห็นเขาเหมือนลูกชายแท้ ๆ ส่วนหรงหลิ่วก็เป็นลูกสะใภ้ของเขา ตอนนี้เธอถูกหานซานเฉียนดึงทึ้งผมออกจนหัวล้าน แล้วหยางฉีจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร “หยางฉี” หานซานเฉียนตะโกนเรียกด้วยเสียงเย็นชา หยางฉีที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นหน้าประตู พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็ตกใจและได้สติ เขาจึงรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในห้องโถงทันที “จบเห่แน่ หยางฉีมาแล้ว!” “คราวนี้หานซานเฉียนหนีไม่รอดแล้ว โง่จริง ๆ” “ใครใช้ให้เขาอวดดีแบบนี้ล่ะ มีโอกาสหนีก็ไม่หนี ตอนนี้หยางเหวินต้องการให้เขาตาย หยางฉีไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน” พอหยางเหวินเห็นหยางฉี ก็เหมือนได้เห็นผู้กอบกู้โลก เขาพูดทั้งน้ำตาและน้ำม
หยางฉีเรียกชื่อหานซานเฉียนว่า พี่ซานเฉียน! เพื่อนนักเรียนที่เคยมั่นใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูหยิงเซี่ยนั้นได้ถูกตบหน้าอย่างจัง แต่… แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมหานซานเฉียนเก่งกาจถึงขนาดทำให้หยางฉีคุกเข่าขอโทษได้ ไม่ใช่แค่นักเรียนเหล่านั้นที่ไม่เข้าใจ แต่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน ทำไมแม้แต่คนอย่างหยางฉี ถึงเรียกเขาว่าพี่ซานเฉียน? “เมื่อกี้นี้ มีคนคิดจะสำเร็จความใคร่ภรรยาของผมใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยชา หยางฉีพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เข้าใจแล้วครับ” เพียงไม่นานนัก หยางฉีก็เรียกลูกน้องหลายคนเข้ามา แล้วออกคำสั่งว่า “จัดการผู้หญิงคนนี้ให้กลายเป็นของแกซะ ตรงนี้แหละ” แม้ว่าลูกน้องหลายคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของหยางฉี หรงหลิ่วมองดูผู้คนที่เดินเข้ามาหาเธอด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเธอจะเคยเป็นคนอวดดีอย่างเหลือทน แต่หลังจากที่ได้คบกับหยางเหวินแล้ว เธอก็พยายามสำรวมไว้ เพราะหยางเหวินมีเงินทอง สามารถทำให้เธอมีชีวิตที่ดีได้ หากวันนี้เธอถูกคนเหล่านี้ย่ำยี หยางเหวินต้องไม่เอาเธอแล้วแน่ ๆ “หยางเหวิน ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ภายในใจซูหยิงเซี่ยรู้สึกสงสัยมาก แต่ว่าเธอไม่ได้ถามอะไรมากมาย หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าไม่ใช่เหรอ กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เขาเอง สุดท้ายเขาจะเป็นคนแบบไหน กาลเวลาก็จะเป็นคนบอกเธอเองเช่นกันซูหยิงเซี่ยขอแค่ได้รู้ว่าหานซานเฉียนรักเธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว“หานซานเฉียน คุณรู้จักหยางฉีเหรอ?” เฉินหลิงเหยาที่นั่งเบาะหลังถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี“เคยเจอกันครั้งหนึ่ง” หานซานเฉียนตอบ หลังจากพบกับหยางฉีเมื่อสามปีก่อน หานซานเฉียนก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา ดังนั้นคำพูดที่ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องโกหกเฉินหลิงเหยาเบะปากใส่ เธอไม่เชื่อในสิ่งที่หานซานเฉียนพูด แต่ซูหยิงเซี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เธอถึงรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งไม่เข้าเรื่องมากกว่านี้แต่ว่าเฉินหลิงเหยารู้สึกมั่นใจอยู่บ้างว่าหานซานเฉียนนั้นไม่ใช่คนไร้ค่า สายตาคนเหล่านั้นในเมืองหยุนเฉิง ความเก่งกาจของเขา คนธรรมดา ๆ เกรงว่าไม่อาจจินตนาการได้ แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายแบบนี้ถูกกำหนดไว้ให้เธอกับเขาต้องไร้วาสนาต่อกัน เพราะเขาเป็นสามีของเพื่อนสนิทที่สุดของเธอหลังจากมาถ
“ซานเฉียน คุณนี่ฉลาดจริง ๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณให้ฉันมาที่ไซต์งานก่อสร้าง คราวนี้ก็คงโดนซูไห่เฉาจับพิรุธได้” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมหัวเราะกับหานซานเฉียน เมื่อวานเธอมาที่ไซต์งานก่อสร้าง เนื่องจากเป็นคำแนะนำของหานซานเฉียนเมื่อวานตอนที่เขาแนะนำเรื่องนี้ ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจความคิดของหานซานเฉียน จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจ ที่แท้หานซานเฉียนก็รู้ล่วงหน้ามาตั้งนานแล้วว่าซูไห่เฉาจะนำเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวจับพิรุธเธอ“พฤติกรรมของซูไห่เฉาแทบจะพุ่งเป้าต่อต้านคุณทุกวินาที ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่คุณไม่ได้เข้าบริษัทคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะ แล้วมองไปที่ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยที่ฟื้นสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ทำให้เขาค่อนข้างพอใจมากซูหยิงเซี่ยเห็นว่าหานซานเฉียนจ้องมองที่ใบหน้ารูปไข่ของตัวเอง ทันใดนั้นก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และคำพูดของเขาตอนที่ออกจากฟาร์มผลไม้ฝูหยางขึ้นมา“ซานเฉียน ถ้าบนใบหน้าของฉันทิ้งรอยแผลเป็นไว้จริง ๆ คุณจะให้หยางฉีเตรียมโลงศพไว้จริง ๆ เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัยหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่หยางฉี แต่เป็นตร