ณ บ้านเฉินหลิงเหยา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงถ้วยถังกะละมังหม้อดังประสานกันออกมาจากในห้องครัวไม่หยุด แถมยังมีควันหนาทึบลอยคลอเคล้ากับเสียงกรีดร้องของเฉินหลิงเหยาอยู่เป็นระยะ เธอสั่งให้หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยนั่งรอในห้องนั่งเล่น แม้ซูหยิงเซี่ยจะเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงรู้สึกร้อนใจเท่านั้น “จะไม่ไปดูจริง ๆ เหรอ? ผมกลัวว่าเธอจะเผาบ้านเอาน่ะ” ควันพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง แม้แต่ห้องนั่งเล่นก็ยังรู้สึกแสบจมูก หานซานเฉียนอยากจะสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเหลือเกิน ซูหยิงเซี่ยมีสีหน้าร้อนใจ จึงลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “เฉินหลิงเหยา นี่เธอจะก่อสงครามโลกหรือไง?” เมื่อเดินไปที่ประตูห้องครัว ภายในห้องครัวนั้นรกระเกะระกะไปหมด เฉินหลิงเหยากำลังเข้าตาจน เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เมื่อเธอเห็นทั้งสองจึงรีบพูดอย่างลนลานว่า “ฉันบอกให้พวกเธอนั่งรอในห้องนั่งเล่นไม่ใช่เหรอ? รีบกลับไปเร็วเข้า ห้ามมาดูฉัน” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจอย่างจนปัญญาและพูดว่า “เรื่องที่ทำไม่เป็นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก หรือว่าต้องให้ไฟไหม้บ้านก่อนถึงจะพอใจ?” “ใคร
เฉินหลิงเหยานั่งลงอย่างหมดแรง เจ้าผู้ชายคนนี้ไม่มีอารมณ์ขันเลยจริง ๆ เธอก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง “ยังไงก็เถอะ วันนี้ฉันบอกพวกเพื่อนนักเรียนเอาไว้แล้วว่าเธอจะไปร่วมงานคืนสู่เหย้า ตอนนี้พวกเขารู้กันหมดแล้ว” เฉินหลิงเหยานั่งลงแล้วพูด ซูหยิงเซี่ยได้ออกมาจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่ว่าตั้งนานแล้ว เพื่อนนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มนั้น นอกจากอวดว่าตัวเองจะซื้อของฟุ่มเฟือยอะไรมาบ้าง หรือไม่ก็ไปเที่ยวประเทศที่ไหนมาบ้าง ก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่นอีกเลย “พวกเขาคงประหลาดใจมากเลยสินะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เฉินหลิงเหยาพยักหน้ารับและพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ ทุกคนคิดว่าฉันพูดเล่น ยัยป้าหรงจอมจุ้นนั่นยังบอกว่าไม่ได้เจอเธอนานแล้ว และคิดถึงเธอมาก ฉันว่าหล่อนแค่อยากจะมาทำให้เธอปวดหัวมากกว่า” “นักเรียนชายที่หรงหลิ่วเคยชอบเมื่อก่อนก็มาชอบฉัน ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะพุ่งเป้ามาที่ฉัน” ซูหยิงเซี่ยตกเป็นเป้าหมายของหรงหลิ่วนั้น ถือเป็นภัยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้ามาก่อน หรงหลิ่วเคยไล่จีบนักเรียนชายหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดก็มาชอบซูหยิงเซี่ย “หล่อนหน้าตาขี้เหร่เองแล้วจะไปโทษใครได้ แต่หล่อนก็ถือว่าโชคดีนะที่ได้แต่งงานกับคนรวย ตอนนี้ห
ในวันงานคืนสู่เหย้า หานซานเฉียนเป็นคนขับรถ ซูหยิงเซี่ยนั่งข้างคนขับ ทั้งสองไปรับเฉินหลิงเหยาก่อน แล้วค่อยขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ที่นั่นคือบ้านผลไม้ฝูหยาง เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว รอบ ๆ เมืองหยุนเฉิงมีฟาร์มสเตย์มากมายที่ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บผลไม้สดถูกสร้างขึ้น ฟาร์มสเตย์เหล่านี้ขึ้นป้ายว่าไม่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากในเมืองให้เดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด และสัมผัสความสุขจากการเก็บผลไม้ เมื่อคนในประเทศนึกเห็นแก่ได้ ความสุขในฟาร์มสเตย์นี้ก็เกิดขึ้นราวกับหน่อไม้หลังฝน แต่ไม่นานก็เกิดอุทกภัยขึ้น ส่งผลให้ฟาร์มสเตย์หลายแห่งต้องปิดตัวลงในคืนเดียว ความรุ่งเรืองนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่บ้านผลไม้ฝูหยางเป็นฟาร์มสเตย์เพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีผู้เยี่ยมชมไม่ขาดสาย แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงวันหยุด แต่ก็ยังต้องจองล่วงหน้า ว่ากันว่าเจ้าของบ้านผลไม้ฝูหยางแห่งนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเมืองหยุนเฉิง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ฟาร์มสเตย์ที่ปิดตัวลงไปก็ได้รับการส่งเสริมจากบ้านผลไม้ฝูหยาง “เหยาเหยา โต๊ะที่บ้านผลไม้ฝูหยางจองยากมาก ใครกันที่หน้าใหญ่แบบนี้?” ซูหยิง
เพื่อนนักเรียนเริ่มทยอยมาถึงทีละคน พวกเขาอิจฉามากเมื่อเห็นรถเฟอร์รารี่ เพราะคนเหล่านี้มาจากครอบครัวธรรมดา ๆ อย่าว่าแต่ได้ครอบครองเฟอร์รารี่เลย โอกาสได้เห็นในชีวิตจริงยังมีน้อยมากเช่นกัน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปกับรถเฟอร์รารี่ หรงหลิ่วรู้สึกดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ และเพลิดเพลินกับแววตาอิจฉาจากเพื่อนนักเรียนที่ส่งมาให้เธอ “ถ้าพวกเธอชอบ ก็ขึ้นไปถ่ายรูปได้นะ ลองนั่งในเฟอร์รารี่ดูยังได้เลย” หรงหลิ่วเปิดประตูรถด้วยความยินดี “จริงเหรอ? หรงหลิ่ว เธอนี่ใจดีจังเลย” “ชีวิตของเธอตอนนี้ทำให้พวกเรารู้สึกอิจฉาตาร้อนสุด ๆ เลยล่ะ สามีไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่ยังรวยอีกด้วย” “ฉันจะไปหาสามีที่ซื้อเฟอร์รารี่ให้ฉันได้ที่ไหนเนี่ย?” หรงหลิ่วดึงตัวหยางเหวิน แกล้งทำหน้าเชิดแล้วพูดว่า “เขาไม่ได้ดีอย่างที่พวกเธอคิดหรอก ตอนตามจีบฉันแรก ๆ ฉันไม่สนใจอยู่ตั้งนาน ถ้าเขาไม่มอบแหวนเพชรวงนี้ให้ฉัน ฉันก็คงไม่มองเขาหรอก” หรงหลิ่วยกมือขึ้นอย่างตั้งใจ แหวนเพชรเม็ดใหญ่เบ้อเริ่มสวมอยู่บนนิ้วนางของเธอ ส่องแสงระยิบระยับแวววาวท่ามกลางแสงแดด “แหวนวงนี้ไม่ใช่ราคาถูก ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย?” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งถามด้
เฉินหลิงเหยาเอากระเป๋าซ่อนไว้ข้างหลังอย่างหวาดผวา สิ่งที่เธอสะพายมาเป็นของปลอมจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหรงหลิ่วมองออกในทันที “ซ่อนอะไรอยู่น่ะ ของปลอมก็คือของปลอม ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ กล้าสะพายแต่ไม่กล้ายอมรับงั้นเหรอ?” หรงหลิ่วส่ายหน้าขณะพูดพร้อมยิ้มออกมา “ที่รัก พวกคุณต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทำไมคุณถึงพุ่งเป้าไปที่พวกเธอจัง เห็นชัดเลยว่าคุณใจแคบมาก” หยางเหวินเดินเข้าไปหาหรงหลิ่ว พร้อมยกแขนโอบไหล่เธอแล้วมองไปยังซูหยิงเซี่ย เมื่อเปรียบเทียบรูปโฉมอันงดงามและรูปร่างของเธอ หรงหลิ่วไม่สามารถสู้ซูหยิงเซี่ยได้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่คนสวยแบบนี้กลับไปแต่งงานกับเจ้าคนไร้ค่า ช่างเสียดายของจริง ๆ เมื่อเฉินหลิงเหยาเห็นหยางเหวินก็รู้สึกอึ้งทันที แต่ไม่ใช่เพราะหน้าตาของเขา แต่กลับเป็นเครื่องแต่งกายที่เขาสวมใส่ เสื้อผ้าชุดนี้ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านเธอก็ไม่มีวันลืม คลิปวิดีโอตอนที่หานซานเฉียนเล่นเปียโนในห้างสรรพสินค้า และได้รับความนิยมในออนไลน์อย่างท่วมท้น ซึ่งเขาสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับหยางเหวิน ทำไมเขาถึงมีเสื้อผ้าแบบเดียวกัน อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ? ทันใดนั้น หานซานเฉียนเดินเข้าม
มีคนอดใจรอไม่ไหวคลิกเปิดคลิปวิดีโอสั้นบนอินเทอร์เน็ตนั้น ซึ่งอีกฝ่ายคล้ายหยางเหวินมาก “เขา... หยางเหวินเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโน” “พระเจ้า! หรงหลิ่ว สามีของเธอเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโนงั้นเหรอ?” “เขาเป็นผู้ชายที่ดังที่สุดบนอินเทอร์เน็ตตอนนี้เลยนะ” เพื่อนนักเรียนหญิงหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อเทียบกับแหวนเพชร DR และรถเฟอร์รารี่ก่อนหน้านี้แล้ว ความอิจฉาในตอนนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในกระดูกดำ หญิงสาวหลายคนหลงใหลอยู่กับเจ้าชายน้อยนักเปียโนบนอินเทอร์เน็ต หญิงสาวหลายคนเอาแต่พร่ำเพ้ออยากแต่งงานกับเขา! แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายผู้มีเสน่ห์นี้คือ หยางเหวิน เฉินหลิงเหยาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก! เจ้าชายน้อยนักเปียโนคือหานซานเฉียนแน่นอน จะกลายเป็นหยางเหวินได้อย่างไร? ซูหยิงเซี่ยเองก็รู้สึกอึ้งเหมือนกัน เธอไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะโกหกเธอ และมันไม่จำเป็นเลยที่ต้องพูดโกหกแบบนี้ แต่ในเวลานี้... ทันใดนั้นหรงหลิ่งก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเล่าว่า “หยางเหวินฝึกเปียโนมาตั้งแต่เด็ก แถมยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวเลยแหละ คราวก่อนในห้างก็แค่คันไม้คันมือนิดหน่อยเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดกระแ
“เฉินหลิงเหยา เธออย่ามาโม้ให้ยากเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าใครคือเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน?” “ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่ามีผู้หญิงหลายคนจากครอบครัวเศรษฐี ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลของเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเลย แล้วเธอไปรู้มาจากไหน?” “ในสายตาของฉัน เจ้าชายน้อยแห่งเปียโนคือหยางเหวิน เธออย่าไปอิจฉาหรงหลิ่วเลย ตอนนี้หรงหลิ่วเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในชั้นเรียนของเรา เรื่องนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้” เมื่อได้ยินเพื่อนนักเรียนช่วยพูดแทนเธอ หรงหลิ่วก็รู้สึกโล่งใจ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาจะรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก โชคดีที่ไม่มีใครยอมเชื่อเฉินหลิงเหยา “เฉินหลิงเหยา ทำไมเธอต้องทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าด้วย อยากจะช่วยซูหยิงเซี่ยให้มีหน้ามีตาขึ้น ก็ต้องคิดด้วยว่าตัวเองเป็นใคร อีกอย่างเธอก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ซูหยิงเซี่ยมานานหลายปี แล้วเธอได้ประโยชน์อะไรบ้างล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริง ๆ มาเป็นสุขนับรับใช้ของฉันก็ได้นะ พวกเครื่องสำอางชื่อดังในบ้านของฉัน เดี๋ยวยกให้เธอหมดเลย” หรงหลิ่วพูดอย่างขำ ๆ “หรงหลิ่ว เฉินหลิงเหยาเป็นพี่น้องของฉัน เธออย่ามาพูดจาซี้ซั้ว” ซูหยิงเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็ลุก
หรงหลิ่วโกรธจนขนลุกชูชันไปทั่วร่าง เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน ในงานคืนสู่เหย้าเพื่อนนักเรียนแบบนี้ เฉินหลิงเหยากล้าดียังไงมาทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ “ที่รัก อย่าโกรธเธอเลย ผมจะไปขอยืมคนจากคุณน้าเอง วันนี้ผมจะทำให้เธอคุกเข่าขอโทษคุณให้ได้” หยางเหวินกล่าว หรงหลิ่วพ่นลมหายใจแรงอย่างไม่พอใจ รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ฉันจะทำให้เธอขายหน้า รวมทั้งซูหยิงเซี่ยกับเจ้าคนไร้ค่านั่นด้วย” หยางเหวินยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง คุณยังไม่รู้อีกเหรอว่าคุณน้าผมเป็นใคร? วันนี้ทั้งสามคนไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก” หลังจากหยางเหวินเดินออกจากห้องโถง ก่อนตรงไปยังห้องทำงานของหยางฉี หยางฉีอยู่ในวัยราว ๆ สี่สิบ มีศีรษะล้านเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว คนรู้จักสนิทสนมจะเรียกเขาว่ายาจกหยาง แน่นอนว่าชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปกล้าเรียกได้ตามใจ แม้หยางฉีจะไม่ได้มีอิทธิพลมากนักในเมืองหยุนเฉิง แต่ถ้าเปรียบเรื่องเส้นสายก็กว้างขวางมาก เขามีความสัมพันธ์กับทุกฝ่าย คนที่ทำให้เขาไม่พอใจล้วนจบไม่สวยทุกราย การก่อตั้งบ้านผลไม้เมื่อสองปีก่อนนั้นตามมาด้วยการล่มสลายอย่างต่อเนื่องของคู่แข่ง ซ