ซูหยิงเซี่ยกลับมาถึงสำนักงานด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่เคยคิดเลยว่าหญิงชราจะบีบคอเธอด้วยวิธีนี้ ซูไห่เฉากลายเป็นรองประธาน แล้วหญิงชรายังจงใจบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้ปรึกษาซูไห่เฉา เห็นชัดเจนว่านี่คือการหลอกใช้คนอื่นเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง “เมื่อไหร่คุณย่าถึงจะตระหนักว่าซูไห่เฉาไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งประธาน หรือต้องการให้บริษัทเจ๊งไม่เป็นท่าจริง ๆ ก่อนหรือไง?” ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยได้รับโทรศัพท์จากเฉินหลิงเหยา เธอบอกว่าอยากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของหานซานเฉียน จึงจะเลี้ยงข้าวพวกเขาทั้งสองคนเป็นการตอบแทน ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เจอเฉินหลิงเหยามาหลายวันแล้ว ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง หลังเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างประตูรถกล่าวว่า “เฉินหลิงเหยาจะเลี้ยงข้าวเรา เดี๋ยวฉันขับเอง เพราะคุณไม่รู้เส้นทาง” หานซานเฉียนลงจากรถแล้วเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ พอขึ้นรถก็เห็นสีหน้าของซูหยิงเซี่ยในวันนี้ที่ดูไม่ค่อยสดใสนัก ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้เธอ ตามหลักแล้ววันนี้เธอควรจะอารมณ์ดีสิ “เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณย่าอาศัยข้ออ้างว่าเพื่อช่วยฉันแบ่งเบาความกดดัน เลยให้ตำแหน่งรองประธา
ณ บ้านเฉินหลิงเหยา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงถ้วยถังกะละมังหม้อดังประสานกันออกมาจากในห้องครัวไม่หยุด แถมยังมีควันหนาทึบลอยคลอเคล้ากับเสียงกรีดร้องของเฉินหลิงเหยาอยู่เป็นระยะ เธอสั่งให้หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยนั่งรอในห้องนั่งเล่น แม้ซูหยิงเซี่ยจะเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงรู้สึกร้อนใจเท่านั้น “จะไม่ไปดูจริง ๆ เหรอ? ผมกลัวว่าเธอจะเผาบ้านเอาน่ะ” ควันพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง แม้แต่ห้องนั่งเล่นก็ยังรู้สึกแสบจมูก หานซานเฉียนอยากจะสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเหลือเกิน ซูหยิงเซี่ยมีสีหน้าร้อนใจ จึงลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “เฉินหลิงเหยา นี่เธอจะก่อสงครามโลกหรือไง?” เมื่อเดินไปที่ประตูห้องครัว ภายในห้องครัวนั้นรกระเกะระกะไปหมด เฉินหลิงเหยากำลังเข้าตาจน เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เมื่อเธอเห็นทั้งสองจึงรีบพูดอย่างลนลานว่า “ฉันบอกให้พวกเธอนั่งรอในห้องนั่งเล่นไม่ใช่เหรอ? รีบกลับไปเร็วเข้า ห้ามมาดูฉัน” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจอย่างจนปัญญาและพูดว่า “เรื่องที่ทำไม่เป็นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก หรือว่าต้องให้ไฟไหม้บ้านก่อนถึงจะพอใจ?” “ใคร
เฉินหลิงเหยานั่งลงอย่างหมดแรง เจ้าผู้ชายคนนี้ไม่มีอารมณ์ขันเลยจริง ๆ เธอก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง “ยังไงก็เถอะ วันนี้ฉันบอกพวกเพื่อนนักเรียนเอาไว้แล้วว่าเธอจะไปร่วมงานคืนสู่เหย้า ตอนนี้พวกเขารู้กันหมดแล้ว” เฉินหลิงเหยานั่งลงแล้วพูด ซูหยิงเซี่ยได้ออกมาจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่ว่าตั้งนานแล้ว เพื่อนนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มนั้น นอกจากอวดว่าตัวเองจะซื้อของฟุ่มเฟือยอะไรมาบ้าง หรือไม่ก็ไปเที่ยวประเทศที่ไหนมาบ้าง ก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่นอีกเลย “พวกเขาคงประหลาดใจมากเลยสินะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เฉินหลิงเหยาพยักหน้ารับและพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ ทุกคนคิดว่าฉันพูดเล่น ยัยป้าหรงจอมจุ้นนั่นยังบอกว่าไม่ได้เจอเธอนานแล้ว และคิดถึงเธอมาก ฉันว่าหล่อนแค่อยากจะมาทำให้เธอปวดหัวมากกว่า” “นักเรียนชายที่หรงหลิ่วเคยชอบเมื่อก่อนก็มาชอบฉัน ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะพุ่งเป้ามาที่ฉัน” ซูหยิงเซี่ยตกเป็นเป้าหมายของหรงหลิ่วนั้น ถือเป็นภัยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้ามาก่อน หรงหลิ่วเคยไล่จีบนักเรียนชายหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดก็มาชอบซูหยิงเซี่ย “หล่อนหน้าตาขี้เหร่เองแล้วจะไปโทษใครได้ แต่หล่อนก็ถือว่าโชคดีนะที่ได้แต่งงานกับคนรวย ตอนนี้ห
ในวันงานคืนสู่เหย้า หานซานเฉียนเป็นคนขับรถ ซูหยิงเซี่ยนั่งข้างคนขับ ทั้งสองไปรับเฉินหลิงเหยาก่อน แล้วค่อยขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ที่นั่นคือบ้านผลไม้ฝูหยาง เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว รอบ ๆ เมืองหยุนเฉิงมีฟาร์มสเตย์มากมายที่ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บผลไม้สดถูกสร้างขึ้น ฟาร์มสเตย์เหล่านี้ขึ้นป้ายว่าไม่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากในเมืองให้เดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด และสัมผัสความสุขจากการเก็บผลไม้ เมื่อคนในประเทศนึกเห็นแก่ได้ ความสุขในฟาร์มสเตย์นี้ก็เกิดขึ้นราวกับหน่อไม้หลังฝน แต่ไม่นานก็เกิดอุทกภัยขึ้น ส่งผลให้ฟาร์มสเตย์หลายแห่งต้องปิดตัวลงในคืนเดียว ความรุ่งเรืองนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่บ้านผลไม้ฝูหยางเป็นฟาร์มสเตย์เพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีผู้เยี่ยมชมไม่ขาดสาย แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงวันหยุด แต่ก็ยังต้องจองล่วงหน้า ว่ากันว่าเจ้าของบ้านผลไม้ฝูหยางแห่งนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเมืองหยุนเฉิง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ฟาร์มสเตย์ที่ปิดตัวลงไปก็ได้รับการส่งเสริมจากบ้านผลไม้ฝูหยาง “เหยาเหยา โต๊ะที่บ้านผลไม้ฝูหยางจองยากมาก ใครกันที่หน้าใหญ่แบบนี้?” ซูหยิง
เพื่อนนักเรียนเริ่มทยอยมาถึงทีละคน พวกเขาอิจฉามากเมื่อเห็นรถเฟอร์รารี่ เพราะคนเหล่านี้มาจากครอบครัวธรรมดา ๆ อย่าว่าแต่ได้ครอบครองเฟอร์รารี่เลย โอกาสได้เห็นในชีวิตจริงยังมีน้อยมากเช่นกัน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปกับรถเฟอร์รารี่ หรงหลิ่วรู้สึกดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ และเพลิดเพลินกับแววตาอิจฉาจากเพื่อนนักเรียนที่ส่งมาให้เธอ “ถ้าพวกเธอชอบ ก็ขึ้นไปถ่ายรูปได้นะ ลองนั่งในเฟอร์รารี่ดูยังได้เลย” หรงหลิ่วเปิดประตูรถด้วยความยินดี “จริงเหรอ? หรงหลิ่ว เธอนี่ใจดีจังเลย” “ชีวิตของเธอตอนนี้ทำให้พวกเรารู้สึกอิจฉาตาร้อนสุด ๆ เลยล่ะ สามีไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่ยังรวยอีกด้วย” “ฉันจะไปหาสามีที่ซื้อเฟอร์รารี่ให้ฉันได้ที่ไหนเนี่ย?” หรงหลิ่วดึงตัวหยางเหวิน แกล้งทำหน้าเชิดแล้วพูดว่า “เขาไม่ได้ดีอย่างที่พวกเธอคิดหรอก ตอนตามจีบฉันแรก ๆ ฉันไม่สนใจอยู่ตั้งนาน ถ้าเขาไม่มอบแหวนเพชรวงนี้ให้ฉัน ฉันก็คงไม่มองเขาหรอก” หรงหลิ่วยกมือขึ้นอย่างตั้งใจ แหวนเพชรเม็ดใหญ่เบ้อเริ่มสวมอยู่บนนิ้วนางของเธอ ส่องแสงระยิบระยับแวววาวท่ามกลางแสงแดด “แหวนวงนี้ไม่ใช่ราคาถูก ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย?” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งถามด้
เฉินหลิงเหยาเอากระเป๋าซ่อนไว้ข้างหลังอย่างหวาดผวา สิ่งที่เธอสะพายมาเป็นของปลอมจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหรงหลิ่วมองออกในทันที “ซ่อนอะไรอยู่น่ะ ของปลอมก็คือของปลอม ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ กล้าสะพายแต่ไม่กล้ายอมรับงั้นเหรอ?” หรงหลิ่วส่ายหน้าขณะพูดพร้อมยิ้มออกมา “ที่รัก พวกคุณต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทำไมคุณถึงพุ่งเป้าไปที่พวกเธอจัง เห็นชัดเลยว่าคุณใจแคบมาก” หยางเหวินเดินเข้าไปหาหรงหลิ่ว พร้อมยกแขนโอบไหล่เธอแล้วมองไปยังซูหยิงเซี่ย เมื่อเปรียบเทียบรูปโฉมอันงดงามและรูปร่างของเธอ หรงหลิ่วไม่สามารถสู้ซูหยิงเซี่ยได้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่คนสวยแบบนี้กลับไปแต่งงานกับเจ้าคนไร้ค่า ช่างเสียดายของจริง ๆ เมื่อเฉินหลิงเหยาเห็นหยางเหวินก็รู้สึกอึ้งทันที แต่ไม่ใช่เพราะหน้าตาของเขา แต่กลับเป็นเครื่องแต่งกายที่เขาสวมใส่ เสื้อผ้าชุดนี้ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านเธอก็ไม่มีวันลืม คลิปวิดีโอตอนที่หานซานเฉียนเล่นเปียโนในห้างสรรพสินค้า และได้รับความนิยมในออนไลน์อย่างท่วมท้น ซึ่งเขาสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับหยางเหวิน ทำไมเขาถึงมีเสื้อผ้าแบบเดียวกัน อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ? ทันใดนั้น หานซานเฉียนเดินเข้าม
มีคนอดใจรอไม่ไหวคลิกเปิดคลิปวิดีโอสั้นบนอินเทอร์เน็ตนั้น ซึ่งอีกฝ่ายคล้ายหยางเหวินมาก “เขา... หยางเหวินเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโน” “พระเจ้า! หรงหลิ่ว สามีของเธอเป็นเจ้าชายน้อยนักเปียโนงั้นเหรอ?” “เขาเป็นผู้ชายที่ดังที่สุดบนอินเทอร์เน็ตตอนนี้เลยนะ” เพื่อนนักเรียนหญิงหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อเทียบกับแหวนเพชร DR และรถเฟอร์รารี่ก่อนหน้านี้แล้ว ความอิจฉาในตอนนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในกระดูกดำ หญิงสาวหลายคนหลงใหลอยู่กับเจ้าชายน้อยนักเปียโนบนอินเทอร์เน็ต หญิงสาวหลายคนเอาแต่พร่ำเพ้ออยากแต่งงานกับเขา! แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายผู้มีเสน่ห์นี้คือ หยางเหวิน เฉินหลิงเหยาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก! เจ้าชายน้อยนักเปียโนคือหานซานเฉียนแน่นอน จะกลายเป็นหยางเหวินได้อย่างไร? ซูหยิงเซี่ยเองก็รู้สึกอึ้งเหมือนกัน เธอไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะโกหกเธอ และมันไม่จำเป็นเลยที่ต้องพูดโกหกแบบนี้ แต่ในเวลานี้... ทันใดนั้นหรงหลิ่งก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเล่าว่า “หยางเหวินฝึกเปียโนมาตั้งแต่เด็ก แถมยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวเลยแหละ คราวก่อนในห้างก็แค่คันไม้คันมือนิดหน่อยเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดกระแ
“เฉินหลิงเหยา เธออย่ามาโม้ให้ยากเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าใครคือเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน?” “ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่ามีผู้หญิงหลายคนจากครอบครัวเศรษฐี ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลของเจ้าชายน้อยแห่งเปียโน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเลย แล้วเธอไปรู้มาจากไหน?” “ในสายตาของฉัน เจ้าชายน้อยแห่งเปียโนคือหยางเหวิน เธออย่าไปอิจฉาหรงหลิ่วเลย ตอนนี้หรงหลิ่วเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในชั้นเรียนของเรา เรื่องนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้” เมื่อได้ยินเพื่อนนักเรียนช่วยพูดแทนเธอ หรงหลิ่วก็รู้สึกโล่งใจ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาจะรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก โชคดีที่ไม่มีใครยอมเชื่อเฉินหลิงเหยา “เฉินหลิงเหยา ทำไมเธอต้องทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าด้วย อยากจะช่วยซูหยิงเซี่ยให้มีหน้ามีตาขึ้น ก็ต้องคิดด้วยว่าตัวเองเป็นใคร อีกอย่างเธอก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ซูหยิงเซี่ยมานานหลายปี แล้วเธอได้ประโยชน์อะไรบ้างล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริง ๆ มาเป็นสุขนับรับใช้ของฉันก็ได้นะ พวกเครื่องสำอางชื่อดังในบ้านของฉัน เดี๋ยวยกให้เธอหมดเลย” หรงหลิ่วพูดอย่างขำ ๆ “หรงหลิ่ว เฉินหลิงเหยาเป็นพี่น้องของฉัน เธออย่ามาพูดจาซี้ซั้ว” ซูหยิงเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็ลุก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ