“นังตอแหล ดูสิว่าแกวิ่งจะไปที่ไหน” หัวหน้าที่เป็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดและสวมผ้าคลุมบาง ๆ สีดำพูดขึ้นมา“นายเป็นผู้ชายของนังตอแหลคนนี้เหรอ พอดีเลย ชดใช้เงินมาซะ”หานซานเฉียนพูดขึ้นว่า “ผมไม่รู้จักเธอครับ”เฉินหลิงเหยาต่อยเข้าไปที่หลังของหานซานเฉียนหนึ่งทีแล้วพูดว่า “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาคุณนะ คุณจะเมินเฉยกับคนที่กำลังลำบากไม่ได้นะ”หานซานเฉียนยิ้มเจื่อนออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วจะให้ช่วยเธอได้อย่างไร?“ในเมื่อคุณกับเธอไม่เกี่ยวข้องกัน ก็รีบไปให้พ้นซะ อย่ามาขัดขวางการทำงานของฉัน” ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดพูดขึ้นเสียงดัง“ถ้าผมไม่ไปล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าว“ไม่ไปเหรอ?” ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดส่งเสียงหัวเราะเยาะและพูดออกมาว่า “ถ้าคุณอยากโดนทำร้ายด้วย แน่นอนว่าคุณไม่ต้องไปก็ได้”คนจำนวนมากที่สวมชุดบอดี้การ์ด ที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดได้เดินตรงมาที่หานซานเฉียนด้วยท่าทางโหดเหี้ยม“เจ้าโง่ทำตัวเป็นฮีโร่ปกป้องสาวสวย ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาว่าตัวเองเป็นใคร”“แกไม่เดินออกไปเอง ก็อย่ามาโทษว่าพี่ชายพวกนี้ไม่ปรานีก็แล้วกัน”เฉินหลิงเหยาดึงเสื้อห
ในหมู่เพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดของซูหยิงเซี่ย เธอเคยมีสถานะที่สูงส่ง แม้แต่เพื่อนผู้ชายหลายคนก็มีความคิดอยากคว้าเธอมาอยู่ใกล้ ๆ ด้วยการตามจีบเธอเมื่อก่อนซูหยิงเซี่ยคือดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ แต่หลังจากที่หานซานเฉียนแต่งงานเข้าตระกูล เพื่อนร่วมชั้นต่างก็พูดถากถางและล้อเลียนเธอ โดยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายเหล่านั้น เมื่อไม่ได้รับความรักจากเธอ ก็เริ่มคิดร้ายสร้างความปัญหาให้เธอด้วยการพูดถากถางเธอในงานคืนสู่เหย้า จนทำให้ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยหลีกเลี่ยงที่จะไปร่วมงานเฉินหลิงเหยาเข้าร่วมงานเลี้ยงทุกปี และในทุกปีก็จะได้ยินพวกเขาพูดถึงซูหยิงเซี่ยในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง เธอช่วยพูดแทนซูหยิงเซี่ยจนทำให้เกิดการทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นทุกครั้ง แต่ว่าเธอก็เถียงสู้พวกเขาไม่ได้เลยตอนนี้ซูหยิงเซี่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาแล้ว และหานซานเฉียนก็ดูไม่ใช่คนไร้ค่าอะไร ดังนั้นเฉินหลิงเหยาจึงอยากให้หานซานเฉียนช่วยซูหยิงเซี่ยระบายความเจ็บใจนี้“คุณไม่รู้หรอกว่าเพื่อนร่วมชั้นพวกนั้นพูดจาหยาบคายกับเธอมากแค่ไหน โดยเฉพาะยัยป้าหรง ผู้หญิงต่ำช้าคนนั้น ตอนสมัยเรียนเธอมีความแค้นกับซูหยิงเซี่ย พอคุณแต่งงานเข้าตระ
หานซานเฉียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ซูหยิงเซี่ยฟัง สำหรับเรื่องที่เขาทำร้ายบอดี้การ์ดเหล่านั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขาโดนเธอต่อว่าเล็กน้อย “คุณทำร้ายคนอื่นตามอำเภอใจก็ได้ยังไงกัน ถ้าเกิดตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจะทำยังไง คราวหลังถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ห้ามไปชกต่อยกับใครอีก”“ครับ” หานซานเฉียตอบรับอย่างไม่ลังเล และไม่สนใจว่าการให้สัญญาครั้งนี้จะทำให้เกิดผลอะไรตามมาบ้าง“อ้อ ใช่แล้ว เธอยังพูดถึงเรื่องงานคืนสู่เหย้าด้วยนะ เธออยากให้คุณเข้าร่วมด้วย” หานซานเฉียนกล่าว“ไม่ไป” ซูหยิงเซี่ยปฏิเสธอทันทีอย่างไม่ต้องคิด ถ้าไปงานคืนสู่เหย้าหลิวหรงจะต้องกัดเธอไม่ปล่อยแน่ แล้วทำไมจะต้องพาตัวเองไปโดนดูถูกด้วย?“แต่ผมรับปากเธอไปแล้วว่า ผมจะพาคุณไปงานด้วย จะทำยังไงกันดีล่ะ” หานซานเฉียนพูดอย่างวิตกกังวล“คุณก็ไปกับเธอสิ บางทีพวกคุณจะจับมือกันอย่างแนบแน่นก็ได้”ในรถมีกลิ่นน้ำส้มสายชูเต็มไปหมด โถน้ำส้มสายชูของใครบางคนเอ่อล้นออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง มันคืออาการของคนขี้หึงนั่นเอง แต่ว่าหานซานเฉียนนั้นกลับหัวเราะออกมาดังลั่นซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนที่ยังคงหัวเราะ ความไม่พอใจที่สะสมมานานใน
ที่ห้องประชุม หญิงชราจับมือของซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่คือความสนิทชิดใกล้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ก่อนหน้านี้หญิงชราก็ไม่เคยคิดว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนในครอบครัวของเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าซูหยิงเซี่ยจะกลายเป็นหลานสาวคนโปรดของเธอไปเรียบร้อยแล้วแม้ว่าในอนาคต ซูอี้หานอาจได้แต่งงานเกับตระกูลที่ร่ำรวย แต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยคือคนที่ช่วยให้ตระกูลซูก้าวผ่านความยากลำบากได้แต่นอกจากหญิงชราแล้ว ญาติคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักตระกูลซูรอดพ้นจากช่วงวิกฤตนี้ได้เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าการเงินของบริษัทนั้นตกไปอยู่ในมือของซูหยิงเซี่ย อนาคตพวกเขาคงจะยักยอกเงินกันไม่ได้ง่าย ๆ แล้วหญิงชราสามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่ว่าซูหยิงเซี่ยจะทำแบบนั้นเหรอ?ดูจากสิ่งที่ตัวเองทำไว้กับเธอในอดีต หากเธอรู้ว่าพวกเขายักยอกเงินบริษัท เธอจะปล่อยพวกเขาไปอย่างงั้นเหรอ? ซูไห่เฉากับซูอี้หานมาถึงที่ห้องประชุมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง โดยเฉพาะซูไห่เฉา เมื่อเขาเห็นท่าทางสนิทสนมระหว่างหญิงชรากับซูหยิงเซี่ย ความรู้สึกไม่พอใจของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ แต่ต
ซูหยิงเซี่ยกลับมาถึงสำนักงานด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่เคยคิดเลยว่าหญิงชราจะบีบคอเธอด้วยวิธีนี้ ซูไห่เฉากลายเป็นรองประธาน แล้วหญิงชรายังจงใจบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้ปรึกษาซูไห่เฉา เห็นชัดเจนว่านี่คือการหลอกใช้คนอื่นเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง “เมื่อไหร่คุณย่าถึงจะตระหนักว่าซูไห่เฉาไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งประธาน หรือต้องการให้บริษัทเจ๊งไม่เป็นท่าจริง ๆ ก่อนหรือไง?” ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยได้รับโทรศัพท์จากเฉินหลิงเหยา เธอบอกว่าอยากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของหานซานเฉียน จึงจะเลี้ยงข้าวพวกเขาทั้งสองคนเป็นการตอบแทน ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เจอเฉินหลิงเหยามาหลายวันแล้ว ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง หลังเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างประตูรถกล่าวว่า “เฉินหลิงเหยาจะเลี้ยงข้าวเรา เดี๋ยวฉันขับเอง เพราะคุณไม่รู้เส้นทาง” หานซานเฉียนลงจากรถแล้วเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ พอขึ้นรถก็เห็นสีหน้าของซูหยิงเซี่ยในวันนี้ที่ดูไม่ค่อยสดใสนัก ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้เธอ ตามหลักแล้ววันนี้เธอควรจะอารมณ์ดีสิ “เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณย่าอาศัยข้ออ้างว่าเพื่อช่วยฉันแบ่งเบาความกดดัน เลยให้ตำแหน่งรองประธา
ณ บ้านเฉินหลิงเหยา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงถ้วยถังกะละมังหม้อดังประสานกันออกมาจากในห้องครัวไม่หยุด แถมยังมีควันหนาทึบลอยคลอเคล้ากับเสียงกรีดร้องของเฉินหลิงเหยาอยู่เป็นระยะ เธอสั่งให้หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยนั่งรอในห้องนั่งเล่น แม้ซูหยิงเซี่ยจะเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงรู้สึกร้อนใจเท่านั้น “จะไม่ไปดูจริง ๆ เหรอ? ผมกลัวว่าเธอจะเผาบ้านเอาน่ะ” ควันพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง แม้แต่ห้องนั่งเล่นก็ยังรู้สึกแสบจมูก หานซานเฉียนอยากจะสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเหลือเกิน ซูหยิงเซี่ยมีสีหน้าร้อนใจ จึงลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “เฉินหลิงเหยา นี่เธอจะก่อสงครามโลกหรือไง?” เมื่อเดินไปที่ประตูห้องครัว ภายในห้องครัวนั้นรกระเกะระกะไปหมด เฉินหลิงเหยากำลังเข้าตาจน เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เมื่อเธอเห็นทั้งสองจึงรีบพูดอย่างลนลานว่า “ฉันบอกให้พวกเธอนั่งรอในห้องนั่งเล่นไม่ใช่เหรอ? รีบกลับไปเร็วเข้า ห้ามมาดูฉัน” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจอย่างจนปัญญาและพูดว่า “เรื่องที่ทำไม่เป็นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก หรือว่าต้องให้ไฟไหม้บ้านก่อนถึงจะพอใจ?” “ใคร
เฉินหลิงเหยานั่งลงอย่างหมดแรง เจ้าผู้ชายคนนี้ไม่มีอารมณ์ขันเลยจริง ๆ เธอก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง “ยังไงก็เถอะ วันนี้ฉันบอกพวกเพื่อนนักเรียนเอาไว้แล้วว่าเธอจะไปร่วมงานคืนสู่เหย้า ตอนนี้พวกเขารู้กันหมดแล้ว” เฉินหลิงเหยานั่งลงแล้วพูด ซูหยิงเซี่ยได้ออกมาจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่ว่าตั้งนานแล้ว เพื่อนนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มนั้น นอกจากอวดว่าตัวเองจะซื้อของฟุ่มเฟือยอะไรมาบ้าง หรือไม่ก็ไปเที่ยวประเทศที่ไหนมาบ้าง ก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่นอีกเลย “พวกเขาคงประหลาดใจมากเลยสินะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เฉินหลิงเหยาพยักหน้ารับและพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ ทุกคนคิดว่าฉันพูดเล่น ยัยป้าหรงจอมจุ้นนั่นยังบอกว่าไม่ได้เจอเธอนานแล้ว และคิดถึงเธอมาก ฉันว่าหล่อนแค่อยากจะมาทำให้เธอปวดหัวมากกว่า” “นักเรียนชายที่หรงหลิ่วเคยชอบเมื่อก่อนก็มาชอบฉัน ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะพุ่งเป้ามาที่ฉัน” ซูหยิงเซี่ยตกเป็นเป้าหมายของหรงหลิ่วนั้น ถือเป็นภัยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้ามาก่อน หรงหลิ่วเคยไล่จีบนักเรียนชายหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดก็มาชอบซูหยิงเซี่ย “หล่อนหน้าตาขี้เหร่เองแล้วจะไปโทษใครได้ แต่หล่อนก็ถือว่าโชคดีนะที่ได้แต่งงานกับคนรวย ตอนนี้ห
ในวันงานคืนสู่เหย้า หานซานเฉียนเป็นคนขับรถ ซูหยิงเซี่ยนั่งข้างคนขับ ทั้งสองไปรับเฉินหลิงเหยาก่อน แล้วค่อยขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ที่นั่นคือบ้านผลไม้ฝูหยาง เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว รอบ ๆ เมืองหยุนเฉิงมีฟาร์มสเตย์มากมายที่ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บผลไม้สดถูกสร้างขึ้น ฟาร์มสเตย์เหล่านี้ขึ้นป้ายว่าไม่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากในเมืองให้เดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด และสัมผัสความสุขจากการเก็บผลไม้ เมื่อคนในประเทศนึกเห็นแก่ได้ ความสุขในฟาร์มสเตย์นี้ก็เกิดขึ้นราวกับหน่อไม้หลังฝน แต่ไม่นานก็เกิดอุทกภัยขึ้น ส่งผลให้ฟาร์มสเตย์หลายแห่งต้องปิดตัวลงในคืนเดียว ความรุ่งเรืองนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่บ้านผลไม้ฝูหยางเป็นฟาร์มสเตย์เพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีผู้เยี่ยมชมไม่ขาดสาย แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงวันหยุด แต่ก็ยังต้องจองล่วงหน้า ว่ากันว่าเจ้าของบ้านผลไม้ฝูหยางแห่งนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเมืองหยุนเฉิง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ฟาร์มสเตย์ที่ปิดตัวลงไปก็ได้รับการส่งเสริมจากบ้านผลไม้ฝูหยาง “เหยาเหยา โต๊ะที่บ้านผลไม้ฝูหยางจองยากมาก ใครกันที่หน้าใหญ่แบบนี้?” ซูหยิง