หลังจากเข้าสู่เขตกลาง สีหน้าของเฉินเหยียนหรันและฮวงเซียวหย่งก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้น เพราะพวกเขารู้ดีว่าอสูรที่อยู่รอบนอกเทือกเขาหลงเหยียนนั้นเทียบไม่ได้กับอสูรในเขตนี้ หากพวกเขาโชคไม่ดีก็อาจเสี่ยงที่จะเสียชีวิตที่นี่ได้แต่เมื่อเทียบกับฮวงเซียวหย่งแล้ว เฉินเหยียนหรันนั้นมีอาการรุนแรงมากกว่า เพราะอย่างน้อยฮวงเซียวหย่งก็รู้ว่าหากมีอันตรายจริง หานซานเฉียนจะดำเนินการทันที แต่เฉินเหยียนหรันไม่รู้อะไรเลยเมื่อฮวงเซียวหย่งเห็นหานซานเฉียนเดินตามหลัง เขาก็จงใจชะลอความเร็ว และค่อย ๆ ขนานกับหานซานเฉียนเนื่องจากเฉินเหยียนหรันมุ่งเน้นไปที่การสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ จึงไม่ทันสังเกตเห็นการกระซิบคุยกันระหว่างฮวงเซียวหย่งและหานซานเฉียน“อาจารย์ ชีวิตของลูกศิษย์คนนี้อยู่ในมือของท่าน ท่านต้องปกป้องความปลอดภัยของข้าด้วยนะขอรับ” ฮวงเซียวหย่งพูดเสียงเบา“ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับโคมสี่แล้ว นี่ไม่ใช่การเข้าไปแกนกลาง เจ้าจะกลัวอะไร?” หานซานเฉียนพูดอย่างหมดคำจะพูด“อาจารย์ ท่านไม่รู้อะไร แม้ว่านี่จะเป็นเพียงเขตกลาง แต่ที่นี่ก็มีอสูรของแกนกลางด้วยนะขอรับ อสูรที่ทรงพลังเหล่านั้นต้องการอาหารอยู่เสมอ” ฮวงเซียวหย่ง
เมื่อหนูยักษ์นอนอยู่บนพื้นโดยขยับได้ หานซานเฉียนก็เห็นทั้งสามคนคุยกันในเรื่องนี้ จากนั้นหนึ่งในนั้นก็เดินไปที่หนูยักษ์ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบนหน้าผาก ทันใดนั้นหนูยักษ์ก็เชื่องและกระดิกหางใส่ชายคนนั้นเหมือนสุนัข“เมื่อครู่เขาทำอะไร เหตุใดท่าทีของหนูยักษ์ที่มีต่อเขาถึงเปลี่ยนไปเร็วเช่นนี้” หานซานเฉียนถามด้วยความสับสนฮวงเซียวหย่งกำลังจะอธิบายให้ท่านอาจารย์ของเขาฟัง แต่ไม่คิดว่าเฉินเหยียนหรันจะแทรกขึ้นก่อน “นั่นคือยันต์พิเศษ ยันต์นี้สามารถทำให้อสูรตายได้เพียงแค่ความคิด หนูยักษ์รู้ว่าชีวิตของมันอยู่ในมือของบุคคลนั้น ดังนั้นจึงพยายามทำให้เขาพอใจ” เฉินเหยียนหรันอธิบาย“นี่ไม่ใช่การฝึกฝน แต่เป็นภัยคุกคาม” หานซานเฉียนกล่าวเฉินเหยียนหรันยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ต้องใช้เหตุผลกับอสูรเหล่านั้นด้วยงั้นรึ?"เมื่อเฉินเหยียนหรันพูดคำเหล่านี้ หานซานเฉียนรู้สึกอย่างชัดเจนว่างูสีขาวตัวน้อยบนแขนของเขาสั่นเทา และเริ่มแลบลิ้นออกมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจกับคำพูดของเฉินเหยียนหรันมากหานซานเฉียนแตะแขนตัวเอง เพื่อทำให้งูขาวตัวน้อยสงบลง และบอกมันว่าอย่าทำตัวเหมือนผู้หญิง“เฉินเหยียนหรัน ได้ยินท่านพูดเช
“เหตุใดถึงเป็นพวกเขา!” ฮวงเซียวหย่งตกใจ เมื่อเห็นศพของคนสามคนนอนอยู่ข้างหน้าไม่ไกลสามคนนี้คือสามคนจากเมืองเซียวหลิงเมื่อครู่ไม่ใช่หรือ?หลังจากที่พวกเขาแยกทางกัน ฮวงเซียวหย่งคิดว่าพวกเขาจะออกจากเขตกลางไปแล้วเสียอีก เพราะพวกเขาได้หนูยักษ์ไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาตายที่นี่ใบหน้าของเฉินเหยียนหรันซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว หนูยักษ์เป็นอสูรสี่ดาว แต่ในบรรดาศพทั้งสามนั้นไม่พบหนูยักษ์เลย ซึ่งหมายความว่าหนูยักษ์อาจถูกอสูรที่ทรงพลังกว่าไล่ล่า เหนือกว่าอสูรสี่ดาว!นี่อาจไม่เพียงแต่หานซานเฉียนเท่านั้นที่จะตาย แต่นางเองอาจตายที่นี่ด้วยเช่นกันขณะที่ฮวงเซียวหย่งกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ หานซานเฉียนก็ดุขึ้น "อยู่กับที่อย่าขยับ"เมื่อฮวงเซียวหย่งได้ยินสิ่งนี้ ขาของเขารู้สึกเหมือนถูกตะกั่วถ่วงไว้ และไม่กล้าที่จะขยับไปไหนเลย“หนูยักษ์ต้องถูกกินไปแล้วแน่ ๆ ในบรรดาสามคนนี้ สองคนอยู่ในโคมสาม ส่วนอีกคนอยู่ระดับโคมสี่ อีกอย่างหนูยักษ์ก็เป็นสัตว์สี่ดาว อสูรชนิดใดที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้?” เฉินเหยียนหรันก้าวถอยหลังอย่างเงียบ ๆ ขณะพูด“ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้มากนัก ซึ่งหมายควา
ฮวงเซียวหย่งยังคงมีสีหน้าสิ้นหวัง เขาคิดว่าอาจารย์จะมาพร้อมกับไพ่เด็ด แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กนี่ ที่เตะครั้งเดียวก็อาจแตกเป็นชิ้น ๆ แล้วด้วยซ้ำ !"อาจารย์ นี่...นี่ท่าน..." ฮวงเซียวหย่งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริง ๆหานซานเฉียนเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผาก ตอนอยู่ในถ้ำราชาปีศาจมันมีพลังมากไม่ใช่หรือไง ใช่ว่าจะถูกพยัคฆ์ฆ่าตายเมื่อมายังโลกเชวียนหยวนหรอกนะและตามคำพูดของฮวงเซียวหย่ง มันน่าจะเป็นงูเหลือมหยกตาแดงไม่ผิดแน่ และมันก็เป็นสัตว์เก้าดาวด้วยซ้ำ จะไม่สามารถจัดการกับสัตว์เจ็ดดาวได้อย่างไร?หรือว่ามันกำลังอยู่ในช่วงการเติบโต และความแข็งแกร่งของมันยังไม่ถึงเก้าดาวอย่างนั้นเหรอ?เช่นนั้นก็จบเห่แน่อาการบาดเจ็บในปัจจุบันของหานซานเฉียน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจเผชิญหน้ากับพยัคฆ์เจ็ดดาวได้ หากงูเหลือมหยกตาแดงยังมีสภาพที่แย่ขนาดนั้น เกรงว่าชีวิตของพวกเขาก็คงจะจบลงที่นี่“อย่างเพิ่งรีบร้อน” หานซานเฉียนปลอบใจฮวงเซียวหย่ง แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูด ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อ
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน” หานซานเฉียนพูดกับงูหลามหยกตาแดงงูหลามหยกตาแดงเชื่อฟังคำสั่งของหานซานเฉียน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงยออมปล่อยไปพยัคฆ์เหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกขอบคุณ เห็นได้ชัดว่าสัตว์ในระดับนี้ฉลาดมาก แต่เมื่อมันกำลังจะหนีไป หานซานเฉียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "ข้าไม่ได้ให้เขาฆ่าเจ้า ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไปได้”พยัคฆ์ตัวแข็งทันที ราวกับทำอะไรไม่ถูกหานซานเฉียนหันหน้าไปมองฮวงเซียวหย่งแล้วถามว่า "เจ้าอยากได้มันไหม?""อยากได้?" ฮวงเซียวหย่งมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจและถามต่อว่า "อยากได้อะไรขอรับ"“พยัคฆ์” หานซานเชียนกล่าวฮวงเซียวหย่งรู้สึกขนลุกไปทั่วชร่างกายทันที และแม้แต่ผมก็ตั้งตรงอยากได้พยัคฆ์หรือไม่อย่างนั้นหรือ?ความหมายของคำพูดของอาจารย์ คือจะให้เขาฝึกพยัคฆ์อย่างนั้นหรือสำหรับฮวงเซียวหย่ง นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮวงเซียวหย่ง คือการฝึกสัตว์ร้ายสามดาวให้เชื่อง และความฝันนี้ก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะเป็นจริงแต่ตอนนี้เขามีโอกาสฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวให้เชื่อง แถมมันยังคือพยัคฆ์ ซึ่งทำให้ฮวงเซียวหย่งรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน“ท่านอาจาร
ฮวงเซียวหย่งเข้าเมืองพร้อมกับพยัคฆ์เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองหลงหยุนทันที และไม่ถึงหนึ่งในสี่ของชั่วโมง ข่าวก็กระจายไปทั่วทันทีทั้งสองด้านของถนนทุกคนต่างชื่นชมความสง่าของฮวงเซียวหย่ง โดยมองไปที่ร่างใหญ่ของพยัคฆ์ด้วยความอิจฉานี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองหลงหยุน และฮวงเซียวหย่งก็ถูกกำหนดให้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเมืองหลงหยุน เพราะไม่มีใครเคยฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวให้เชื่องได้ แต่เขาทำมันได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นความภาคภูมิใจของเมืองหลงหยุนณ จวนของเจ้าเมือง ฮวงโหวอี้กำลังเจ็บปวด เพราะฮวงเซียวหย่งถึ่งเลื่อนสองระดับ และทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองของเขามั่นคงได้ไม่นาน แต่งานล่าอสูรเขากลับไปเขตกลาง แถมพยัคฆ์ก็ยังปรากฏตัวในเขตกลางอีก เหตุการณ์นี้ สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับฮวงโหวอี้ทุกคนรู้ดีว่าพยัคฆ์นั้นทรงพลังแค่ไหน ในฐานะของสัตว์เจ็ดดาว ความแข็งแกร่งของฮวงเซียวหย่งในโคมสี่นั้นเทียบไม่ได้มันไม่ได้ปแน่นอน ดังนั้นในมุมมองของฮวงโหวอี้ ฮวงเซียวหย่งถึงวาระแล้ว ในครั้งนี้เขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียลูกชาย แต่เขาอาจสูญเสียตำแหน่งเจ้าเมืองไปด้วย ฮวงเซียว
ปรมาจารย์ที่ทรงพลัง!ประโยคนี้ทำให้เฉินเถี่ยซินไม่เต็มใจยอมรับมากขึ้น เขาออกค้นหาปรมาจารย์มาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แต่ฮวงเซียวหย่งกลับสามารถหาปรมาจารย์ที่สามารถช่วยให้เขาฝึกสัตว์เจ็ดดาวได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เหตุใดโลกนี้ถึงได้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย?ทันใดนั้น คนรับใช้ก็รีบวิ่งไปหาทั้งสองแล้วพูดว่า "นายท่าน นายน้อย คุณหนูกลับมาแล้วขอรับ""กลับมาแล้วอย่างนั้นรึ!""กลับมาแล้วอย่างนั้นรึ!"ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไปที่ประตูจวนเห็นหานซานเฉียนแบกเฉินเหยียนหรันไว้บนไหล่เฉินเถี่ยซินเดินไปหาหานซานเฉียนและตวาดขึ้น "หานซานเฉียน เจ้าทำอะไรน่ะ ปล่อยน้องสาวของข้าลงมาเดี๋ยวนี้ ไอ้คนไร้ค่า กล้าดียังไงมาแตะต้องน้องสาวข้าเช่นนี้"หานซานเฉียนเหลือบมองเฉินเถี่ยซินเบา ๆ แล้วพูดว่า "นางเป็นลม หากข้าไม่อุ้มนางกลับมา จะข้าทิ้งนางไว้ที่เทือกเขาหลงเหยียนรึ ถึงจะได้ไม่ต้องแตะต้องนาง"เฉินเถี่ยซินไม่ได้ขบคิดมากนัก สำหรับเขาเฉินเหยียนหรันและหานซานเฉียนจะใกล้ชิดกันเช่นนี้ไม่ได้“หากเจ้ายังไม่ปล่อยนางลงมา ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ” เฉินเถี่ยซินขู่หานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ผ
หานซานเฉียนนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง เฉินเหยียนหรันบุกเข้ามาไม่บอกไม่กล่าว แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว เพราะการฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวของฮวงเซียวหย่งนั้นกระตุ้นความอยากรู้ของผู้คนมาก เป็นไปไม่ได้ที่หานซานเฉียนจะตอบแบบส่ง ๆ ไปแล้วเรื่องจะจบ“ข้าก็เหมือนท่านที่ไม่รู้อะไรเลย ถึงท่านจะถามข้า ข้าก็ไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้กับท่าน” ก่อนที่เฉินเหยียนหรันจะพูด หานซานเฉียนก็แทรกขึ้นก่อนเฉินเหยียนหรันมองหานซานเฉียนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกนางว่าหานซานเฉียนไม่ได้หมดสติ เขาเห็นกระบวนการที่ฮวงเซียวหย่งพิชิตสัตว์ร้ายเจ็ดดาวด้วยตาตัวเองเป็นแน่ “หานซานเฉียน เจ้าอาศัยอยู่ในตระกูลเฉินของข้า ทานอาหารของตระกูลเฉินของข้า ตระกูลเฉินมอบชีวิตปัจจุบันให้เจ้า เจ้าหมดสติเป็นเวลานาน หากข้าไม่พาเจ้ากลับจวน ป่านนี้เจ้าคงจะเสียชีวิตในถิ่นทุรกันดารไปนานแล้ว และเจ้าก็ติดหนี้ชีวิตต่อตระกูลเฉินอยู่” เฉินเหยียนหรันกล่าว“เหตุผลที่ท่านให้ข้าอยู่ในตระกูลเฉิน ก็เพราะต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือไม่ใช่หรือ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“แต่ข้าช่วยชิวิตเจ้าไว้ เจ้าจะปฏิเสธสิ่งนี้งั้นรึ” เฉินเหยียนหรันกล่าว