“อย่าเพิ่งฆ่ามัน” หานซานเฉียนพูดกับงูหลามหยกตาแดงงูหลามหยกตาแดงเชื่อฟังคำสั่งของหานซานเฉียน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงยออมปล่อยไปพยัคฆ์เหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกขอบคุณ เห็นได้ชัดว่าสัตว์ในระดับนี้ฉลาดมาก แต่เมื่อมันกำลังจะหนีไป หานซานเฉียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "ข้าไม่ได้ให้เขาฆ่าเจ้า ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไปได้”พยัคฆ์ตัวแข็งทันที ราวกับทำอะไรไม่ถูกหานซานเฉียนหันหน้าไปมองฮวงเซียวหย่งแล้วถามว่า "เจ้าอยากได้มันไหม?""อยากได้?" ฮวงเซียวหย่งมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจและถามต่อว่า "อยากได้อะไรขอรับ"“พยัคฆ์” หานซานเชียนกล่าวฮวงเซียวหย่งรู้สึกขนลุกไปทั่วชร่างกายทันที และแม้แต่ผมก็ตั้งตรงอยากได้พยัคฆ์หรือไม่อย่างนั้นหรือ?ความหมายของคำพูดของอาจารย์ คือจะให้เขาฝึกพยัคฆ์อย่างนั้นหรือสำหรับฮวงเซียวหย่ง นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮวงเซียวหย่ง คือการฝึกสัตว์ร้ายสามดาวให้เชื่อง และความฝันนี้ก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะเป็นจริงแต่ตอนนี้เขามีโอกาสฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวให้เชื่อง แถมมันยังคือพยัคฆ์ ซึ่งทำให้ฮวงเซียวหย่งรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน“ท่านอาจาร
ฮวงเซียวหย่งเข้าเมืองพร้อมกับพยัคฆ์เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองหลงหยุนทันที และไม่ถึงหนึ่งในสี่ของชั่วโมง ข่าวก็กระจายไปทั่วทันทีทั้งสองด้านของถนนทุกคนต่างชื่นชมความสง่าของฮวงเซียวหย่ง โดยมองไปที่ร่างใหญ่ของพยัคฆ์ด้วยความอิจฉานี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองหลงหยุน และฮวงเซียวหย่งก็ถูกกำหนดให้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเมืองหลงหยุน เพราะไม่มีใครเคยฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวให้เชื่องได้ แต่เขาทำมันได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นความภาคภูมิใจของเมืองหลงหยุนณ จวนของเจ้าเมือง ฮวงโหวอี้กำลังเจ็บปวด เพราะฮวงเซียวหย่งถึ่งเลื่อนสองระดับ และทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองของเขามั่นคงได้ไม่นาน แต่งานล่าอสูรเขากลับไปเขตกลาง แถมพยัคฆ์ก็ยังปรากฏตัวในเขตกลางอีก เหตุการณ์นี้ สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับฮวงโหวอี้ทุกคนรู้ดีว่าพยัคฆ์นั้นทรงพลังแค่ไหน ในฐานะของสัตว์เจ็ดดาว ความแข็งแกร่งของฮวงเซียวหย่งในโคมสี่นั้นเทียบไม่ได้มันไม่ได้ปแน่นอน ดังนั้นในมุมมองของฮวงโหวอี้ ฮวงเซียวหย่งถึงวาระแล้ว ในครั้งนี้เขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียลูกชาย แต่เขาอาจสูญเสียตำแหน่งเจ้าเมืองไปด้วย ฮวงเซียว
ปรมาจารย์ที่ทรงพลัง!ประโยคนี้ทำให้เฉินเถี่ยซินไม่เต็มใจยอมรับมากขึ้น เขาออกค้นหาปรมาจารย์มาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แต่ฮวงเซียวหย่งกลับสามารถหาปรมาจารย์ที่สามารถช่วยให้เขาฝึกสัตว์เจ็ดดาวได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เหตุใดโลกนี้ถึงได้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย?ทันใดนั้น คนรับใช้ก็รีบวิ่งไปหาทั้งสองแล้วพูดว่า "นายท่าน นายน้อย คุณหนูกลับมาแล้วขอรับ""กลับมาแล้วอย่างนั้นรึ!""กลับมาแล้วอย่างนั้นรึ!"ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไปที่ประตูจวนเห็นหานซานเฉียนแบกเฉินเหยียนหรันไว้บนไหล่เฉินเถี่ยซินเดินไปหาหานซานเฉียนและตวาดขึ้น "หานซานเฉียน เจ้าทำอะไรน่ะ ปล่อยน้องสาวของข้าลงมาเดี๋ยวนี้ ไอ้คนไร้ค่า กล้าดียังไงมาแตะต้องน้องสาวข้าเช่นนี้"หานซานเฉียนเหลือบมองเฉินเถี่ยซินเบา ๆ แล้วพูดว่า "นางเป็นลม หากข้าไม่อุ้มนางกลับมา จะข้าทิ้งนางไว้ที่เทือกเขาหลงเหยียนรึ ถึงจะได้ไม่ต้องแตะต้องนาง"เฉินเถี่ยซินไม่ได้ขบคิดมากนัก สำหรับเขาเฉินเหยียนหรันและหานซานเฉียนจะใกล้ชิดกันเช่นนี้ไม่ได้“หากเจ้ายังไม่ปล่อยนางลงมา ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ” เฉินเถี่ยซินขู่หานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ผ
หานซานเฉียนนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง เฉินเหยียนหรันบุกเข้ามาไม่บอกไม่กล่าว แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว เพราะการฝึกสัตว์ร้ายเจ็ดดาวของฮวงเซียวหย่งนั้นกระตุ้นความอยากรู้ของผู้คนมาก เป็นไปไม่ได้ที่หานซานเฉียนจะตอบแบบส่ง ๆ ไปแล้วเรื่องจะจบ“ข้าก็เหมือนท่านที่ไม่รู้อะไรเลย ถึงท่านจะถามข้า ข้าก็ไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้กับท่าน” ก่อนที่เฉินเหยียนหรันจะพูด หานซานเฉียนก็แทรกขึ้นก่อนเฉินเหยียนหรันมองหานซานเฉียนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกนางว่าหานซานเฉียนไม่ได้หมดสติ เขาเห็นกระบวนการที่ฮวงเซียวหย่งพิชิตสัตว์ร้ายเจ็ดดาวด้วยตาตัวเองเป็นแน่ “หานซานเฉียน เจ้าอาศัยอยู่ในตระกูลเฉินของข้า ทานอาหารของตระกูลเฉินของข้า ตระกูลเฉินมอบชีวิตปัจจุบันให้เจ้า เจ้าหมดสติเป็นเวลานาน หากข้าไม่พาเจ้ากลับจวน ป่านนี้เจ้าคงจะเสียชีวิตในถิ่นทุรกันดารไปนานแล้ว และเจ้าก็ติดหนี้ชีวิตต่อตระกูลเฉินอยู่” เฉินเหยียนหรันกล่าว“เหตุผลที่ท่านให้ข้าอยู่ในตระกูลเฉิน ก็เพราะต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือไม่ใช่หรือ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“แต่ข้าช่วยชิวิตเจ้าไว้ เจ้าจะปฏิเสธสิ่งนี้งั้นรึ” เฉินเหยียนหรันกล่าว
แม้ว่าฮวงเซียวหย่งจะไม่มีบทบาทใด ๆ ในการพิชิตพยัคฆ์ แต่การมีปรมาจารย์เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ฮวงเซียวหย่งภูมิใจ ดังนั้นเขาจึงได้ตอบออกไปอย่างภาคภูมิใจฮวงโหวอี้ไม่ได้ดูถูกฮวงเซียวหย่ง ที่นี่ไม่ใช่ผลงานของเขา ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติที่จะมีปรมาจารย์เช่นนี้ “อาจารย์ของเจ้าอยู่ระดับใดกันแน่ ถึงได้พิชิตได้แม้กระทั่งอสูรเจ็ดดาวเช่นนี้” ฮวงโหวอี้ถามอย่างสงสัยฮวงเซียวหย่งยังคงรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อนึกถึงกระบวนการพิชิตอสูร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่องูหลามหยกตาแดงเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของมัน ฮวงเซียวหย่งจะจำภาพนี้ไปตลอดชีวิตงูหลามหยกตาแดงคือสัตว์ร้ายเก้าดาวในตำนาน!“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านอยากรู้ แต่ท่านต้องรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากท่านรู้อะไรบางอย่างแล้วเผลอเปิดเผยออกไป” ฮวงเซียวหย่งกล่าวฮวงโหวอี้พยักหน้าซ้ำ ๆ เขารู้ดีถึงเดิมพันของเรื่องนี้ หากอาจารย์ของฮวงเซียวหย่งไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลตนเอง แสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่าง หากใครก็ตามรั่วไหลตัวตนของเขา ผลที่ตามมานั้นไม่อาจจินตนาการได้ “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่ควรรู้ มันคงจะไม่ดี หากข้าเผลอพูดมากไป
“นายท่าน นายน้อย มีคนจากตระกูลเฉินมาขอรับ”ณ จวนของเจ้าเมือง คนรับใช้วิ่งไปหาฮวงโหวอี้และลูกชายของเขาด้วยความตื่นตระหนกฮวงโหวอี้ถลึงตาใส่คนรับใช้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหตุใดต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นด้วย ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยถูกขับไล่กลับไปแล้ว เขากลัวตระเฉินหรืออย่างไร?“เจ้าเป็นคนของจวนเจ้าเมือง เหตุใดต้องกลัวตระกูลเฉินด้วย?” ฮวงโหวอี้พูดอย่างไม่พอใจ“นายท่าน ไม่เพียงแต่เฉินเยวียนไห่เท่านั้นที่มาที่นี่ แต่เฉินเหยียนหรันก็มาที่นี่ด้วยขอรับ” คนรับใช้กล่าวฮวงโหวอี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจสาเหตุที่ทำให้คนรับใช้ตื่นตระหนกฮวงเซียวหย่งชอบเฉินเหยียนหรันมาหลายปีแล้ว นี่คือสิ่งที่ทุกคนในเมืองหลงหยุนรู้ดี เมื่อถูกฮวงเซียวหย่งตามจีบ นางมักจะปฏิเสธเขาเสมอ และไม่เคยมาหาเขาที่จวนเช่นนี้มาก่อนแต่คราวนี้ เฉินเหยียนหรันมาที่จวนของเจ้าเมืองด้วยตัวเอง ซึ่งมีความหมายแอบแฝงฮวงโหวอี้เหลือบมองฮวงเซียวหย่ง จากนั้นหัวเราะขึ้นไปบนฟ้าแล้วพูดว่า "ลูกชาย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะชื่นชอบเจ้าขึ้นมาแล้ว ถึงได้มาหาถึงจวนเช่นนี้”หากเป็นเมื่อก่อนฮวงเซียวหย่งคงจะคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อต้อนรับ
ฮวงเซียวหย่งอยากจะถามว่าหานซานเฉียนไปที่ไหนแล้ว แต่เขาไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานซานเฉียนได้ หากเขาถามออกไปตรง ๆ มันจะกระตุ้นความสงสัยของตระกูลเฉินอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงระงับความปรารถนาในใจตัวเอง“เฉินเหยียนหรัน เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ฮวงเซียวหย่งกล่าว“เจ้าชอบข้าไม่ใช่หรือ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ครอบครองข้า เจ้าจะยอมพลาดโอกาสนี้อย่างนั้นหรือ?” เฉินเหยียนหรันถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบ นางเชื่อมั่นว่าตราบใดที่นางเต็มใจพยักหน้า ฮวงเซียวหย่งก็จะยังคงรักนางมากเหมือนเมื่อก่อน ความมั่นใจในตัวเองนี้ช่างไร้สาระอย่างยิ่งใช้ประโยคเดียวในการอธิบายอารมณ์ปัจจุบันของฮวงเซียวหย่งคือ เมื่อก่อนเคยเพิกเฉยต่อข้า แต่ตอนนี้กลับทำตัวเหนือกว่า ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งมีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ราชสำนักของจักรพรรดิแล้ว เขาจะหมกมุ่นอยู่กับเฉินเหยียนหรันได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ยังเตะอาจารย์ออกจากบ้านด้วย เขาจะพานางเข้ามาในจวนของเจ้าเมืองได้อย่างไร!“เฉินเหยียนหรัน เจ้าผยองเกินไป เมื่อก่อนเคยชอบเจ้ามาก แต่ตอนนี้เจ้าไม่คู่ควร”
ในอดีต ฮวงเซียวหย่งมักจะจินตนาการว่าในวันที่เขามีชื่อเสียง ทุกคนจะมองเขาด้วยความชื่นชม และเขาจะรู้สึกมีความสุขมากแต่เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นมากนักมีความสุขมากอย่างนั้นหรือ?ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไป แม้ว่าเฉินเหยียนหรันจะมาหาถึงจวน ฮวงเซียวหย่งก็ไม่รู้สึกมีความสุขมากนักตรงกันข้าม ฮวงเซียวหย่งเพียงแต่หัวเราะกับความรู้เท่าไม่ถึงการของตระกูลเฉิน และความไม่รู้จักชายผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงหากนางปฏิบัติต่อหานซานเฉียนดี ๆ สถานะของตระกูลเฉินจะสูงกว่าจวนของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน และทั้งเมองหลงหยุนจะถูกตระกูลเฉินครอบงำ“ท่านพ่อ เมื่อก่อนข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว” ฮวงเซียวหย่งพูดเสียงเรียบ"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" ฮวงโหวอี้หัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า "เป็นเพราะว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งมาก จนไม่จำเป็นต้องจริงจังกับคนเหล่านี้ และเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่สนใจว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเจ้า"ฮวงเซียวหย่งพยักหน้า บางทีอาจเป็นเช่นนั้น ตอนนี้แม้ว่าราชสำนักก็คงอยากเอาใจเขา แล้วเหตุใดเขาถึงจะมาสนใจว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองหลงหยุนจะคิดอย่างไรกับเขากันล่ะ?“ท่า