“ไห่เฉา นายช่วยฉันสืบไปถึงไหนแล้ว ได้ข้อมูลอะไรบ้างไหม?” ซูอี้หานถาม ซูไห่เฉาต้องการใช้เรื่องนี้มาคลี่คลายสถานการณ์ในบริษัทเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลยแม้แต่น้อย ในเมืองหยุนเฉิงไม่มีตระกูลหานที่มีอิทธิพลเช่นนี้ แต่นอกเมืองหยุนเฉิง คนแซ่หานนั้นมีจำนวนมากเกินไป จนเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร “เรื่องนี้ค่อนข้างสืบหาลำบาก แต่เธอไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามทำให้ถึงที่สุด” ซูไห่เฉากล่าว “ถ้าฉันได้แต่งงานแล้ว ฉันจะเหยียบซูหยิงเซี่ยให้มิดจมดินเลยคอยดูสิ” ซูอี้หานกัดฟันพูด “ฉันสงสัยว่าสินสอดนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลหาน เธออาจจะโชคดีจริง ๆ ก็ได้” ซูไห่เฉากล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา ซูอี้หานลูบหน้าตัวเองพร้อมกับพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนสิ ฉันมีใบหน้าที่เหมือนจะได้แต่งงานกับตระกูลเศรษฐี” ซูหยิงเซี่ยมาถึงห้องทำงานได้ไม่นาน หญิงชราก็โทรศัพท์มาหาเธออีกครั้งดั่งเช่นทุกวัน “สวัสดีค่ะ คุณย่า” “เป็นยังไงบ้าง? ยังไม่ได้เจอจงเหลียงอีกเหรอ?” หลายวันที่ผ่านมานี้หญิงชรารู้สึกหมดแรงทั้งกายและใจ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เธออยากให้โลกนี้มียารักษาอาการเสียใจทีหลังเหลือเกิน พอคิดว่าจะไม่มีความร่วมมือกับบริษัท
สำหรับคำชื่นชมที่ไม่จริงใจนั้นซูหยิงเซี่ยทำเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น แต่สายตาของซูไห่เฉากลับโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าเดิม เพราะเขาชอบที่จะได้รับคำชื่นชมจากญาติพี่น้องตระกูลซู แต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกลับแย่งความสนใจของเขาไปทั้งหมด “ซูหยิงเซี่ย เธออย่าได้ใจไป” ซูไห่เฉากัดฟันกรอด “อ้อ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ต้องส่งสองคนไปที่สถานที่ก่อสร้าง นายกับซูอี้หานไปแล้วกันนะ” ซูหยิงเซี่ยบอกกับซูไห่เฉา ซูไห่เฉาตบโต๊ะประชุมพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัดแล้วพูดว่า “ซูหยิงเซี่ย ฉันเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เธอจะให้ฉันไปที่สถานที่ก่อสร้างได้ยังไง” ในวันที่แดดจ้า ใครบ้างจะไม่อยากอยู่ในห้องปรับอากาศ ซูไห่เฉาก็ไม่เต็มใจที่จะไปโผล่หน้าในสถานที่ก่อสร้างเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ชื่อคุณชายตระกูลซูของเขาเสียหาย ซูอี้หานไม่อยากให้ผิวขาว ๆ ของเธอต้องถูกแดดเผาไหม้เช่นกัน เธอจึงพูดว่า “ฉันไม่ไป ถ้าจะไปเธอก็ไปเองสิ” “ได้” ซูหยิงเซี่ยพยักหน้าอย่างเฉยเมยพร้อมกับพูดว่า “ในเมื่อพวกเธอไม่ไป ฉันก็จะบอกเรื่องนี้กับคุณย่าให้ท่านเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกัน” “ซูหยิงเซี่ย เธอต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดเสีย
“เรื่องคราวก่อนฉันไม่ได้ติดใจเอาความ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้นายทำอะไรก็ได้ ขาทั้งสองนี้คือบทเรียนสำหรับนาย ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ ต่อไปก็อยู่ให้ห่างจากซูหยิงเซี่ยซะ” หานซานเฉียนก้มลงมองหยางเผิงพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “ถุย” หยางเผิงถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “แกคิดว่าแกเป็นใคร ฉันจะแก้แค้นคืนเป็นสองเท่า” หานซานเฉียนยกเท้าขึ้นเหยียบเข้าไปที่ใบหน้าของหยางเผิง แล้วพูดด้วยสายตาดุจคบเพลิงว่า “ฉันจะเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อย่างนั้นตระกูลหยางทั้งหมดจะถูกฝังลงไปพร้อมกับนายด้วย” จากนั้นหานซานเฉียนก็หันไปพูดกับหลินหย่งว่า “โยนมันออกไป” หยางเผิงถูกจับโยนออกไปทางประตูไนท์คลับเมจิกซิตี้ราวกับสุนัขจรจัด ขาทั้งสองเจ็บปวดจนไร้ความรู้สึก ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันเหลือบมอง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับม่อหยาง?” หานซานเฉียนถามหลิ่นหย่ง “ช่วงนี้พี่ใหญ่ม่อมีปัญหากับคนที่สนามมวยใต้ดินครับ ได้ข่าวว่าถูกเอาเปรียบไม่น้อย” หลินหย่งรายงาน “สนามมวย? เจ้าของสนามมวยในเมืองหยุนเฉิงน่าจะชื่อเย่เฟยใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “ในเมืองหยุนเฉิงมีสนามมวยใต้ดิน ทั้งส
สนามมวยใต้ดินเป็นอาชีพที่มองไม่เห็นแสงสว่าง แต่ความสำเร็จของเย่เฟยนั้นแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถพอตัวในหยุนเฉิง และการที่เขากล้าออกมาสกัดดาวรุ่งม่อหยางในเวลานี้ แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการแข่งขันกับม่อหยาง เมื่อก่อนเมืองหยุนเฉิงมีม่อหยางยิ่งใหญ่อยู่คนเดียว เย่เฟยจึงกังวลว่าถ้าปล่อยให้ม่อหยางแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง เมืองหยุนเฉิงก็จะกลายเป็นอาณาจักรของเขาแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้ง หลายปีที่ผ่านมา เย่เฟยไม่เคยก้มหัวให้ใคร ถ้าคิดจะเหยียบหัวเขาก็ต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาให้เห็นก่อน เขามีนักมวยบนสังเวียนมากมาย แต่ละคนนั้นก็เหี้ยมโหด ในเมืองหยุนเฉิง เย่เฟยมีลูกสมุนน้อยกว่าคนอื่น ๆ ก็จริง แต่ถ้าเอาลูกสมุนออกมาเทียบกันตัวต่อตัวนั้นคงไม่มีใครสู้เขาได้ ในวันธรรมดาผู้ชมในสนามมวยใต้ดินมีไม่มากนัก อัฒจันทร์รอบ ๆ มีคนนั่งอยู่ไม่ถึง 200 คน โดยปกติเวลานี้เย่เฟยมักจะอยู่ในสำนักงาน เขาจะมาที่สนามมวยในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น แล้วนั่งที่นั่งวีไอพี “พี่เฟย ลูกน้องของม่อหยางเข้าโรงพยาบาลไปเกือบครึ่งแล้วครับ เห็นทีว่าช่วงนี้เขาน่าจะหายหน้าไปสักพัก” ลูกสมุนคนหนึ่งของเย่เฟยกล่าว เย่เฟยไว้เคราแพ
นักมวยมองหานซานเฉียนที่สวมหน้ากากพร้อมพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “น้องชาย ระวังหน่อยนะ หมัดคู่ของฉันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้านายโดนหมัดของฉันตาย ก็ช่วยไปทักทายยมทูตแทนฉันด้วยก็แล้วกัน” หานซานเฉียนยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร พร้อมกระดิกนิ้วเรียกนักมวย สีหน้าของนักมวยเปลี่ยนเป็นสีหน้าเกรี้ยวกราด ขาทั้งสองออกแรงพุ่งตัวเข้าไป หานซานเฉียนขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบหมัด นักมวยออกแรงมากไปจนไม่สามารถยั้งหมัดเอาไว้ได้ ทำให้หมัดพุ่งเฉียดผ่านตัวหานซานเฉียนไปอย่างหวุดหวิด หานซานเฉียนใช้จังหวะที่นักมวยเปิดช่องโหว่ ถีบเขาออกไปด้วยอานุภาพดุจสายฟ้าฟาด นักมวยรู้สึกว่าแรงนั้นมีพลังมหาศาลจนกระดูกสันหลังแทบหัก ร่างกายของเขากระโจนไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่เชือกรอบเวทีก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทำให้เขาตกลงไปจากเวทีมวยก่อนที่หัวจะกระแทกกับพื้นแล้วสลบไป เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น! ภายในสนามมวยตกอยู่ในความเงียบทันที รายการนี้จัดขึ้นเพียงเพื่อให้ผู้ชมได้ผ่อนคลายจากการแข่งขันที่ตึงเครียด ไม่เคยมีผู้ชมคนไหนสามารถต่อยนักมวยได้อย่างอนาถเช่นนี้ แถมยังจัดการได้อย่างรวดเร็ว ผู้ชมบนอัฒจันทร์ต่างก็ตกตะลึง “พระ
“นี่มันดุเดือดเกินไปแล้ว” “ถ้าเขาไม่ใช่คนของสนามมวย ฉันจะเขียนชื่อกลับหัวให้ดูเลย เขาต้องเป็นคนที่สนามมวยเตี๊ยมไว้แน่ ๆ” “ผู้ชมธรรมดาทั่วไปจะเก่งกาจแบบเขาได้ยังไงกัน” เริ่มเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นภายในที่นั่งผู้ชม มีเพียงม่อหยางและหลินหย่งเท่านั้นที่รู้ว่าหานซานเฉียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับสนามมวย แต่ในหัวของพวกเขาทั้งสองก็ไม่รู้จะหาคำใดมาจำกัดความหานซานเฉียนได้เลย “เขาคงไม่ได้คิดจะท้าดวลคนทั้งสนามมวยด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ?” ม่อหยางพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อน หลินหย่งปาดเหงื่ออันเย็นเยียบบนหน้าผากแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าจะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ลูกสมุนฝีมือดีของเย่เฟยนั้นมีเป็นจำนวนมหาศาล เขาจะต้านทานไหวเหรอครับ?” “นายว่าเขาดูมีทีท่าจะต้านไม่อยู่เหรอ? นักมวยสองคนนี้ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ คนที่เก่งกาจขนาดนี้ ทำไมถึงยอมแต่งงานเข้าตระกูลซู แถมยังถูกคนทั้งหยุนเฉิงมองว่าเป็นเศษสวะอีก” ม่อหยางพูดอย่างงุนงง ถ้าเขามีเงินและมีฝีมือขนาดนี้ คงไม่มีวันยอมถูกคนอื่นกดขี่แน่นอน หรือว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนเดียวจริง ๆ เหรอ? สีหน้าของกรรมการนั้นแย่จนถึงขีดสุด ดูท่าคงต้องให้นักมวยที่แข็งแกร่ง
“เจ้าเตาสือเอ้อร์คนนี้แข็งแกร่งมากเลยเหรอ?” ม่อหยางถามหลินหย่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เขามีบันทึกการต่อสู้ไม่เยอะครับ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่รักษาสถิติชนะรวดทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นยังโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี คู่ต่อสู้ของเขาถ้าโชคดีที่สุดอย่างน้อยก็ต้องไปนอนโรงพยาบาลสักหนึ่งอาทิตย์” “มีทางขัดขวางได้ไหม จะให้หานซานเฉียนบาดเจ็บไม่ได้” ม่อหยางกล่าว หลินหย่งส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ภายใต้สถานการณ์ที่สนามมวยกำลังจะเสียหน้า เขาจะไม่มีวันปล่อยหานซานเฉียนไปแน่ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของสนามมวย “พี่ใหญ่ม่อ ตอนนี้เราคงต้องลุ้นความแข็งแกร่งของพี่ซานเฉียนอย่างเดียวแล้วล่ะครับ หากเราเข้าไปยุ่ง แล้วเรื่องไปถึงหูเย่เฟย สถานการณ์จะยิ่งร้ายแรงมากขึ้นได้” หลินหย่งกล่าว บนเวทีมวย เตาสือเอ้อร์พูดกับหานซานเฉียนว่า “พี่ชาย ฉันแนะนำให้นายไปโรงพยาบาลแผนกศัลยกรรมกระดูกในเมือง หมอที่นั่นเก่งนะ” เมื่อหานซานเฉียนเผชิญหน้ากับเตาสือเอ้อร์ ก็ไม่มีท่าทางผ่อนคลายเหมือนก่อน เขามองออกว่าเตาสือเอ้อร์เป็นคนโหดเหี้ยม และน่าจะมีฝีมือแข็งแกร่ง เหยียนจุนเคยบอกไว้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูใด ๆ ก็อย่าชะ
เดิมทีเตาสือเอ้อร์นึกว่าตัวเองจะรับมือหานซานเฉียนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อโดนพลังนั้นโจมตีเข้าจริง ๆ สีหน้าของเตาสือเอ้อร์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะมันแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้! หานซานเฉียนถีบออกไปอีกครั้ง ในขณะที่ตัวกำลังตกลงมาเตาสือเอ้อร์ถอยกรูออกไปสามก้าว แล้วยืนตะลึงงันอยู่กับที่! ทั้งสนามมวยตกอยู่ในความเงียบ เมื่อนักมวยคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างพากันเบิกตากว้างราวกับเห็นผี ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อ บังคับให้เตาสือเอ้อร์ถอย! คนคนนี้บังคับให้เตาเสืเอ้อร์ถอยได้จริง ๆ เตาสือเอ้อร์ผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาไม่ได้แพ้ แต่เขาก็ถอยหลังไปสามก้าวติด นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี เมื่อหานซานเฉียนตกลงมาถึงพื้นก็เกิดเสียงกระแทกดังลั่น “ยังจำสิ่งที่นายพูดไว้ได้ไหม?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ เตาสือเอ้อร์เคยบอกว่า ถ้าทำให้เขาถอยได้หนึ่งก้าว เขาจะยอมแพ้ แต่ตอนนี้เขาถอยไปตั้งสามก้าว เขาเดินลงจากเวทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะพูดกับกรรมการว่า “เงินสำหรับการแข่งขันรอบนี้ ฉันไม่เอาแล้ว” กรรมการหน้าซีดเผือด เรื่องนี้ต้องไปถึงหูเย่เฟยแน่ และเขาจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด หานซานเ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ