หลังจากได้ยินคำพูดของหานซานเฉียน จู่ ๆ ฮวงเซียวหย่งก็ได้สติจากอาการตกใจ แต่คนที่อยู่ข้าง ๆ เขากลัวมากจนขาอ่อนแรงและลงไปนั่งอยู่บนพื้นแล้ว“เจ้า...เจ้าเป็นใครกันแน่!” ฮวงเซียวหย่งถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นหานซานเฉียนเดินเข้ามาในมุมมองของฮวงเซียวหย่ง เมื่อหานซานเฉียนออกจากจวนของตระกูลเฉินและเดินไปนอกชานเมือง เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เขาเคยคิดว่าหานซานเฉียนปัญญาอ่อน แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงทำเช่นนี้ คนที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าไร้ค่า เขาสามารถโค่นปรมาจารย์โคมสองได้มากกว่าสิบคนในช่วงเวลาอันสั้น ความแข็งแกร่งของเขาอย่างน้อยก็โคมสี่แน่นอน!โคมสี่!ปรมาจารย์เช่นนี้หาได้ยากในเมืองหลงหยุน และไม่เกินจริงที่จะบอกว่าตอนนี้เขาเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งในเมืองหลงหยุน“ข้า? ข้าชื่อหานซานเฉียน สามีของเฉินเหยียนหรัน เจ้าลืมเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มฮวงเซียวหย่งกลืนน้ำลายลงคอ แน่นอนว่าเขารู้ตัวตนของบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่เขาถามไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนรู้ แต่หมายถึงตัวตนที่ซ่อนอยู่ของหานซานเฉียนต่างหาก“ท่านแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เหตุใดถึงได้แต่ง
“เป็นไปได้อย่างไร เขารอดชีวิตกลับมาได้อย่างไร!”เมื่อผู้นำตระกูลหวังทราบข่าว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจทุกคนในเมืองหลงหยุนรู้ดีว่าฮวงเซียวหย่งเกลียดหานซานเฉียนมากแค่ไหน เขาหลงรักเฉินเหยียนหรัน นับตั้งแต่มีข่าวว่าเฉินเหยียนหรันกำลังจะแต่งงานแพร่กระจายในเมืองหลงหยุน ฮวงเซียวหย่งก็ฆ่าแม้แต่คนรับใช้ของตระกูลไปแล้วหลายคน แล้วเขาจะยอมปล่อยหานซานเฉียนไปได้อย่างไร?“ข่าวถูกแน่หรือ มองคนผิดไปหรือเปล่า” ผู้นำตระกูลหวังถามคนรับใช้ของเขา“ท่านผู้นำ บ่าวมองไม่ผิดแน่ คือหานซานเฉียนจริง ๆ ขอรับ” คนรับใช้กล่าวผู้นำตระกูลหวังหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น เหตุใดฮวงเซียวหย่งถึงไม่ฆ่าเขา"ในเวลาเดียวกัน ตระกูลเซี่ยก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหลังจากที่ผู้นำตระกูลเซี่ยได้ยินข่าว เขาก็คิดว่าคนรับใช้ของเขาจำคนผิดเช่นกัน แต่หลังจากได้รับการยืนยันซ้ำ ๆ ว่าเป็นหานซานเฉียนจริง ๆ เขาก็รู้สึกสับสน“ท่านผู้นำ มีบางอย่างที่แปลกมาก” คนรับใช้พูดกับผู้นำตระกูลเซี่ย “อะไรแปลก รีบบอกข้ามา” ผู้นำตระกูลเซี่ยถามอย่างรีบร้อน“ฮวงเซียวหย่งกลับเมืองเพียงลำพัง แต่ตอนที่เขาออกจากเมือง เขาพาปรมาจารย์โคม
เฉินเหยียนหรันไม่ได้รับคำตอบที่เธอต้องการ เธอโกรธมากจนอยากจะถลกหนังของหานซานเฉียน สาวใช้เดินตามอย่างระมัดระวังและพูดกับเฉินเหยียนหรันว่า "คุณหนู คุณท่านจะกลับบ้านพรุ่งนี้แล้ว ท่านอย่าอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนี้เลยนะเจ้าคะ"เฉินเหยียนหรันต้องการสงบสติอารมณ์ แต่หัวใจที่ปั่นป่วนของเธอไม่สามารถสงบลงได้เลยหานซานเฉียนอาศัยอยู่ในจวนของตระกูลเฉิน และในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉิน เธอกลับไม่สามารถจัดการคนไร้ค่านี่ได้ เธอจะสงบความโกรธในใจได้อย่างไร“คุณหนู หรือว่ารอให้คุณชายใหญ่กลับมาแล้วให้ท่านทดสอบหานซานเฉียนดูไหมเจ้าคะ” สาวใช้แนะนำเฉินเหยียนหรันมีพี่ชายชื่อเฉินเถี่ยซิน ซึ่งตอนนี้อยู่ระดับโคมสอง แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่โดดเด่น แต่ความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเฉินเหยียนหรันก็ไม่มีใครเทียบได้ เหตุผลที่ฮวงเซียวหย่งทำอะไรเธอไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งก็มาจากการปกป้องของเฉินเถี่ยซินเฉินเถี่ยซินต่อต้านการแต่งงานของเฉินเหยียนหรันอย่างมากในตอนนั้น แต่เมื่อเขาคิดได้ว่าการใช้คนไร้ค่านี่สามารถหยุดฮวงเซียวหย่งได้ เขาก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้นในใจของเฉินเถี่ยซิน หานซานเฉียนเป็นตัว
เช้าวันรุ่งขึ้นจวนเจ้าเมืองขณะที่ฮวงเซียวหย่งลืมตาขึ้น สีหน้าของเขาก็ดูตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อมีวัตถุแห่งชีวิตของตนเองที่กำลังลุกไหม้ด้วยประกายโคมไฟสี่ดวง ซึ่งหมายถึงว่าตอนนี้เขาอยู่ในระดับโคมสี่ในโลกเชวียนหยวน ทุกคนมีวัตถุแห่งชีวิตของตนเอง และระดับความแข็งแกร่งของแต่ละคนก็จะปรากฏเหนือวัตถุแห่งชีวิตเช่นนี้วัตถุแห่งชีวิตของฮวงเซียวหย่งคือดาบม่อเตา ดาบม่อเตานี้อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าระดับของเขาจะไม่สูงนัก แต่ใครคือผู้ใช้ดาบม่อเตานี้ก็เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว “เลื่อนสองระดับภายในคืนเดียว” ฮวงเซียวหย่งพึมพำกับตัวเองอย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าสามปีที่แล้วฮวงเซียวหย่งเลื่อนมาถึงระดับโคมสอง และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ และนี่ก็เป็นขั้นที่หลายคนไม่สามารถเอาชนะได้ในจวนเจ้าเมืองมีปรมาจารย์โคมสองหลายสิบคน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ไม่มีความหวังที่จะได้เลื่อนระดับ ฮวงเซียวหย่งคิดว่าตัวเองจะอยู่ในระดับโคมสองนี้ไปตลอดชีวิตแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งอัศจรรย์เช่นการเลื่อนสองระดับภายในคืนเดียวนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขาทันใดนั้นฮวงเซียวหย่งก็คุกเข่าลง“ท่านอาจารย์
ฮวงเซียวหย่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านอาจารย์ ท่านล้อเล่นหรือ? ผู้ฝึกฝนจะไม่มีวัตถุแห่งชีวิตได้อย่างไร"“มันเป็นไปไม่ได้หรือ?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย เนื่องจากตัวเขาไม่มีวัตถุแห่งชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนของโลกเชวียนหยวน บางทีการฝึกฝนของเขาอาจแตกต่างจากของพวกเขาด้วยก็ได้“ท่านอาจารย์” จู่ ๆ ฮวงเซียวหย่งก็หายใจถี่ขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านไม่มีวัตถุแห่งชีวิตหรือ? ข้าได้ยินมาว่า เมื่อไปถึงจุดยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีวัตถุแห่งชีวิตอีกต่อไป”ดวงตาของฮวงเซียวหย่งเริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ หากอาจารย์ไม่มีวัตถุแห่งชีวิตจริง ๆ ก็หมายความว่าเขาคือยอดปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ?นี่คือระดับสูงสุด ในโลกเชวียนหยวนมียอดปรมาจารย์ทั้งหมดเพียงสามคนในตำนานสำหรับฮวงเซียวหย่งเขาเคยโชคดีที่ได้พบกับปรมาจารย์โคมเจ็ด ซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับสูงอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้พบกับยอดปรมาจารย์!หานซานเฉียนไม่รู้ว่าเขาอยู่ในระดับใด เพราะเขาไม่มีวัตถุแห่งชีวิตที่จะสะท้อนให้เห็น แต่สถานะยอดปรมาจารย์อาจไม่ใช่ระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา“ช่วยข้าหา
การขอความช่วยเหลือจากผู้คนแล้วฆ่าทิ้งเป็นสิ่งที่หานซานเฉียนทำไม่ได้“ท่านผู้เฒ่า โปรดเก็บเรื่องของวันนี้ไว้เป็นความลับด้วย” หานซานเฉียนพูดกับชายชราชายชราพยักหน้าและกล่าวว่า "แน่นอนขอรับ ข้าไม่มองท่านเลยตั้งแต่แรก ก็เพราะว่าข้ายังอยากมีชีวิตรอด ขอบพระคุณท่านมากที่ไม่ฆ่าข้า"“ท่านไปเถอะ รางวัลสำหรับวันนี้ ข้าจะให้ฮวงเซียวหย่งส่งไปให้ที่เรือน” หานซานเฉียนนกล่าวชายชรากำหมัดแน่นพร้อมกับโค้งคำนับ แล้วหันหลังเดินจากไปเนื่องจากหานซานเฉียนไม่ต้องการฆ่า ฮวงเซียวหย่งก็จะไม่ออกความเห็นใดในเรื่องนี้ เมื่อมองไปที่ภาพวาดในมือของหานซานเฉียน ฮวงเซียวหย่งก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "ท่านอาจารย์ หญิงงามในภาพนี้ คือคนรักในฝันของท่านหรือขอรับ?หานซานเฉียนจ้องไปที่ฮวงเซียวหย่งแล้วพูดว่า "นี่คือน้องสาวที่หายไปของข้า เจ้านำภาพเสมือนนี้ไป แล้วสั่งให้ลูกน้องของเจ้าช่วยข้าออกตามหานาง"“ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของท่านอาจารย์นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่นางดูมีพรสวรรค์มากเช่นนี้ ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยท่านตามหานางเองขอรับ” ฮวงเซียวหย่งกล่าวผู้ชายคนนี้มีทักษะการประจบคนอื่นที่ค่อนข้างดีจริง ๆ แต่มันไม่มีประโยชน์กับหานซ
ผู้คุ้มกัน?ผู้ตาย!สีหน้าเฉินเหยียนหรันเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และเธอก็พูดขึ้นว่า "ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร"มุมปากของหานซานเฉียนโค้งงอในลักษณะแปลก ๆ และเขาก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไรการแสดงออกเช่นนี้ทำให้เฉินเหยียนหรันรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น และเธอก็หันหลังจากไปอย่างรวดเร็วสายตาของหานซานเฉียนดูเหมือนจะมองทะลุเธอ ความรู้สึกนี้ทำให้เฉินเหยียนหรันรู้สึกไม่สบายใจ ในความเห็นของเฉินเหยียนหรัน เธอควรจะเป็นฝ่ายเล่นงานหานซานเฉียน แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าหานซานเฉียนดูเหมือนจะมองเรื่องทุกอย่างออกหมดมานานแล้ว แต่แค่ไม่ขัดขืนเท่านั้นเพราะเหตุใดกัน?หรือว่าเขาจะเดาไว้แล้วว่าเขาต้องตายในงานล่าอสูรอย่างนั้นหรือ?แต่ในเมื่อเดาได้แล้ว เหตุใดถึงไม่หนีไปล่ะ?“เหยียนหรัน เป็นอะไรไป?” เฉินเถี่ยซินถามขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของเฉินเหยียนหรันผิดปกติไปเฉินเหยียนหรันส่ายหัว เธอไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของเธอเมื่อกี้นี้ถูกต้องหรือไม่ ในใจมีมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ แต่คนไร้ค่าอย่างหานซานเฉียนจะทำให้เธอรู้สึกอันตรายได้อย่างไร“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ท่านพี่ พวกเรารีบเตรียมตัวสำหรับงานล่าอสูรกั
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งรีบร้อน ข้ากำลังบอกท่านว่า จริง ๆ แล้วสาเหตุที่ข้าสามารถเลื่อนระดับได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้เป็นเพราะท่านอาจารย์ของข้าเอง” เมื่อพูดถึงหานซานเฉียน ฮวงเซียวหย่งรู้สึกภาคภูมิใจจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างเห็นได้ชัด และความภักดีที่เขามีต่อหานซานเฉียนก็เหนือคำบรรยาย“ท่านอาจารย์?” ฮวงโหวอี้มองฮวงเซียวหย่งด้วยความสับสน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะเจ้าเมือง เขารู้ดีว่าใครอยู่ในเมืองหลงหยุนมีคนประเภทไหน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปรมาจารย์ระดับสูงเช่นนี้ ผู้ที่สามารถทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนระดับไปถึงโคมสี่ได้เช่นนี้ ในความเห็นของฮวงโหวอี้อย่างจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งเหนือโคมหกขึ้นไป แต่จะมีประมาจารย์เช่นนี้อยู่ในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเมืองหลงหยุนได้อย่างไร?“อาจารย์ของเจ้าคือไคร เขาอยู่ในเมืองหลงหยุนรึ?” ฮวงโหวอี้ถามสำหรับหัวข้อนี้ฮวงเซียวหย่งสามารถบอกได้แค่ว่าเขามีปรมาจารย์ และการเลื่อนระดับของเขาก็เป็นเพราะปรมาจารย์ แต่เขาจะเปิดเผยตัวตนของปรมาจารย์ไม่ได้ นี่คือคำเตือนที่หานซานเฉียน แม้ว่าจะมอบความกล้าให้กับฮวงโหวอี้ แต่เขาก็ไม่กล้าบอกตัวตนของหานซานเฉียน“ท่
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ