พื้นที่ต้องห้ามอี้เหล่าและผู้ช่วยของเขาดูเหมือนจะมาถึงก่อนเวลา นอกจากสองคนนี้แล้ว ยังมีปรมาจารย์ระดับเทียนทั้งหมดในเทียนฉีอีกด้วย น่าเสียดายที่เมื่อเปรียบเทียบกับยุครุ่งเรืองของเทียนฉีแล้ว ปรมาจารย์ระดับเทียนมากกว่าสิบคนเหล่านี้ดูเหมือนจะน่าขำมาก เพราะเทียนฉีเคยมีพลังที่จะต่อกรกับโลกใบที่สอง แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ระดับเทียนมากกว่าสิบคนเหล่านี้อาจไม่เพียงพอที่จะอุดรอยรั่วของโลกใบที่สองด้วยซ้ำ“ซานเฉียน ฉันจะไม่โน้มน้าวอะไรนายอีก เพราะฉันรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่หลังจากที่นายไปที่นั่น ฉันก็มีอะไรจะบอกนาย” อี้เหล่าเดินไปหาหานซานเฉียนแล้วพูดขึ้นหานซานเฉียนไม่ได้ตอบ แต่จ้องมองไปที่ทางเข้าโลกอีกใบอย่างไม่วางตา หลังจากที่เขาปรากฏตัว ความผันผวนของพลังงานที่ทางเข้าก็ชัดเจนยิ่งขึ้น และความรู้สึกแผ่วเบาของความคุ้นเคยนี้ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง ราวกับว่าโลกใบที่สองกำลังร้องเรียกเขาอยู่“สำหรับนาย โลกใบที่สองนั้นเป็นสถานที่ที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย ดังนั้นหลังจากที่นายไปที่นั่นแล้ว นายต้องทำตัวให้ปกติ ก่อนที่นายจะคุ้นเคยกับที่นั่น อย่าทำอะไรที่เอิกเกริกเกินไป และอย่าดึงดูดความสนใจของมนุษย์ในโลก
“สิ่งที่ข้าต้องการคือขยะ เหตุใดเจ้าถึงตื่นขึ้นมาในเวลานี้” ผู้หญิงคนนั้นกัดฟันกรอด ดูเหมือนว่าเธอจะรับไม่ได้กับการตื่นขึ้นมาของหานซานเฉียนเมื่อเธอยกมือขึ้นอีกครั้ง หานซานเฉียนก็เอื้อมมือไปบีบข้อมือของเธอไว้ทันทีหานซานเฉียนไม่ใช่คนที่จะยอมถูกทุบตีโดยไม่มีเหตุผล และตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย แล้วจะยอมถูกผู้หญิงคนนี้กลั่นแกล้งได้ยังไงแม้ว่าเธอจะสวยมาก แต่หานซานเฉียนก็จะไม่ยอมให้เธอทำตามใจตัวเอง“ข้าอยู่ที่ไหน เหตุใดถึงสวมเสื้อผ้าเหล่านี้ แล้วท่านเป็นใคร” หานซานเฉียนถามผู้หญิงคนนั้นดิ้น แต่เธอก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งมาก ซึ่งทำให้ดวงตาของเธอส่องแสงประกาย“ข้าขอสั่งให้เจ้าอยู่แต่ในห้องเท่านั้น ห้ามออกไปไหน ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำทุกทางเพื่อฆ่าเจ้า” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับหานซานเฉียนด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง“ได้ ข้าจะไม่ไปไหน แต่ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หานซานเฉียนกล่าว“ปล่อยข้า แล้วข้าจะให้คนมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าฟัง เจ้าจะได้รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรในอนาคต” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวหานซานเฉียนปล่อยมือของเธอ และผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังกลับและจากไปอ
หานซานเฉียนถูกขังอยู่ในห้อง แม้ว่าประตูไม้จะไม่สามารถหยุดเขาได้ แต่หานซานเฉียนก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอกประตู และหลังจากเตะมันเปิดออก หานซานเฉียนไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดผลอะไรตามมาแม้ว่าความรู้สึกของการถูกคุมขังนี้เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจมาก แต่สำหรับหานซานเฉียน เขาจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งทุกย่างก้าว เพราะถ้าเขาเสียชีวิตที่นี่ หานซานเฉียนจะไม่มีวันได้พบซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนอีกเลยเมื่อท้องฟ้ามืดลง และตกกลางคืน หานซานเฉียนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตูเป็นสาวใช้คนเดิมที่นำอาหารมาให้หานซานเฉียนอาหารอร่อย แต่สาวใช้ยืนจ้องเขาโดยไม่พูดอะไร ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามอง“ข้าหมดสติไปนาน เจ้าเป็นคนดูแลข้างั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามสาวใช้“บ่าวเพียงแค่ทำตามคำสั่งของคุณหนู ดังนั้นนายท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณบ่าวเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของสาวใช้ไร้อารมณ์ ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกเหมือนเธอเป็นเครื่องจักร“ข้าอยากรู้ว่าข้ากินอะไรตอนหมดสติ?” หานซานเฉียนมองสาวใช้ด้วยความสับสน วันนี้เมื่อเขาตื่นขึ้น
วันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนรู้สึกเย็นเล็กน้อยที่แขนของเขา ทันทีที่ลืมตา เขาก็พบว่างูสีขาวตัวน้อยกลับมาที่แขนของเขาอีกครั้งหลังจากที่หานซานเฉียนตื่นขึ้นมาเมื่อวานนี้ เขาก็หามันทุกที่ แต่ไม่มีร่องรอยของมันเลย เขาจึงคิดว่ามันได้กลับมาสู่โลกของตัวเองและจากไปแล้วซะอีก แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะยังไม่ไปไหน คาดว่ามันคงกลัวที่จะถูกพบ จึงซ่อนตัวชั่วคราว“เจ้าตัวเล็ก ไม่คิดเลยว่าแกจะให้ความสำคัญกับมิตรภาพ และยังไม่จากไปไหนแบบนี้” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มงูสีขาวตัวน้อยพ่นลิ้นใส่หานซานเฉียน และเขาไม่รู้ว่ามันเป็นการแสดงความภักดีหรือข่มขู่เขากันแน่หานซานเฉียนลุกขึ้นแต่งตัว และผลักประตูเปิดออกเขาหายใจเข้าลึก และพูดอย่างไม่รู้ตัวว่า "อากาศที่นี่ดีจริง ๆ หากในอนาคตมีโอกาสก็คงจะเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะพาหยิงเซี่ยและเนี่นเอ๋อร์มาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่นี่"หลังจากพูดแบบนั้น หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่ซูหยิงเซี่ยเคยกล่าวไว้ ว่าให้หาประเทศที่มีภรรยาได้หลายคน โลกใบนี้อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ลานของตระกูลเฉินมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่รวมของลานบ้านของตระกูลหานในเหยียนจิงหลายเท่า แต่นี่ไม่ใช่เร
หานซานเฉียนมีสีหน้าขมขื่น ก่อนออกไปข้างนอกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะเขาไม่เคยขาดแคลนเงิน และเขาก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องเงินด้วย เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องน่าอายแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา“เถ้าแก่ โปรดฟังข้าก่อน ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีเงิน ข้าแค่ลืมพกมันติดตัวมาเท่านั้น” หานซานเฉียนกล่าวชายวัยกลางคนเคยเจอข้อแก้ตัวมาแล้วทุกประเภท และเขาก็ไม่เชื่อสิ่งที่หานซานเฉียนพูดเลย ดังนั้นจึงสั่งให้คนของเขาทุบตีหานซานเฉียนอย่างรุนแรงทันทีแม้ว่าหานซานเฉียนจะไม่กลัวคนตรงหน้า แต่หากทำอะไรบุ่มบ่าม ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ ในอนาคตได้“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน เถ้าแก่ หากท่านไม่เชื่อ จะกลับบ้านกับข้าก็ได้ ข้ารับประกันว่าจะให้เงินกับท่านแน่นอน แถมยังจะชดเชยให้ท่านเป็นสองเท่าเลยด้วย” หานซานเฉียนกล่าว“คนของตระกูลเฉิน?” เจ้าของร้านมองหานซานเฉียนขึ้นลง เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนจนจริง ๆ ผ้าไหมคุณภาพสูง ไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวธรรมดาสามารถซื้อได้“เจ้าเป็นใครจากตระกูลเฉิน” เจ้าของร้านถามหานซานเฉียนนิ่งงัน หากเขาบอกว่าเป็นสามีของเฉินเหยียนหรัน คนเหล่านี้จะไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะมีข่าวลือว่าเขา
คำพูดของเฉินเหยียนหรันเผยให้เห็นความทะเยอทะยานของเธอโดยตรง จากน้ำเสียงของเธอ หานซานเฉียนรู้สึกได้ถึงความไม่เต็มใจ ดูเหมือนว่าการอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ เช่นเมืองหลงหยุนจะยังไม่ทำให้ เฉินเหยียนหรันพึงพอใจนอกจากนี้ยังหมายความว่าเฉินเหยียนหรันอาจต้องการยึดตำแหน่งเจ้าเมืองจริง ๆ และนี่เป็นเพียงก้าวแรกของเธอเท่านั้นในเรื่องนี้เมื่อเปรียบเทียบกับซูหยิงเซี่ย ทั้งสองคนมีตัวตนที่ต่างกันสุดขั้ว ซูหยิงเซี่ยเป็นคนที่ไม่แข่งขันกับใคร เธอไม่เคยสนใจสถานะและสิทธิ์ในตระกูลซูเลย หากเธอไม่ถูกบังคับจนจนมุม ซูหยิงเซี่ยก็คงไม่แตกหักกับกับตระกูลซูแบบนี้เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินเหยียนหรันยื่นหนังสือให้หานซานเฉียนที่มีคำว่าภูเขาและแม่น้ำ พิมพ์อยู่บนหน้าปก“นี่คืออะไร?” หานซานเฉียนถามด้วยความสับสน"เนื่องจากเจ้าจำอะไรไม่ได้เลย หนังสือเล่มนี้จะสามารถช่วยให้เจ้าเข้าใจโลกเชวียนหยวนได้ดีขึ้น" หลังจากวางหนังสือลงแล้ว เฉินเหยียนหรันก็จากไป การเผชิญหน้ากับสามีอย่างหานซานเฉียน อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่มีอารมณ์เลยใด ๆ เลยหานซานเฉียนกลับมาที่ห้องของตัวเอง และเริ่มอ่านหนังสือ สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องทำตอนนี้คือการทำความเข
ใบหน้าของหานซานเฉียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีสาวใช้คนนี้สร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล เธอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินเหยียนหรันดีกว่าใคร แต่ในเวลานี้กลับต้องการให้เขาเข้าไปแก้ไขปัญหาของเฉินเหยียนหรัน“คุณหนูของเจ้าคงไม่รู้ว่าเจ้ามาพบข้าสินะ” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาการแสดงออกของสาวใช้เปลี่ยนไป เฉินเหยียนหรันไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ นางเป็นคนตัดสินใจเองเมื่อเห็นสีหน้าของสาวใช้ หานซานเฉียนก็รู้ว่าเขาเดาถูกและพูดต่อ "ขอเดาอีกหน่อย ปัญหาของเฉินเหยียนหรันน่าจะมาจากอีกสองตระกูลใช่หรือไม่"“ท่านรู้ได้อย่างไร!” สาวใช้ตกใจมาก นางไม่ได้บอกหานซานเฉียนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหานซานเฉียนจะรู้ได้อย่างไร?หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ เขารู้ได้อย่างไรงั้นเหรอ? เรื่องนี้แทบไม่ต้องใช้สมองในการคิดเลยด้วยซ้ำ มันยากตรงไหนกัน เฉินเหยียนหรันมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ในเวลานี้เธอมีแนวโน้มที่จะตกหลุมพรางของอีกสองตระกูลใครควรเป็นเจ้าเมือง ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น แม้ว่าหุ่นเชิดนี้จะยังไม่ค่อยเชื่อฟังในตอนนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวง เพราะตระกูลเฉินเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริง สองตระกูลใหญ่ต
สองประโยคนี้ทำให้สีหน้าของเฉินเหยียนหรันดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น และนางก็จ้องสาวใช้อย่างเกลียดชัง ถ้าไม่ใช่เพราะนางยุ่งไม่เข้าเรื่อง หานซานเฉียนจะปรากฏตัวได้อย่างไร และนางจะถูกคนเฒ่าสองคนนี้หัวเราะเยาะเช่นนี้ไหม“นี่เป็นเรื่องของพวกข้า ผู้เฒ่าทั้งสองไม่ต้องเป็นกังวลใจกับเรื่องนี้หรอก” เฉินเหยียนหรันกล่าว“เมื่อได้เห็นพลังของปรมาจารย์โคมสี่แล้ว เจ้ายังไม่รีบไสหัวออกไปอีกหรือ?” ผู้นำตระกูลคนหนึ่งพูดกับหานซานเฉียน เขาไม่อยากมองขยะนี้ด้วยซ้ำหานซานเฉียนส่ายหัวและส่งเสียงจิจิ“เจ้าหนู เจ้ากำลังทำอะไร” ปรมาจารย์โคมสี่รู้สึกว่าพฤติกรรมของหานซานเฉียนมุ่งเป้ามาที่เขา และเขาก็โกรธขึ้นมาทันที“น่าเสียดาย มีหินที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กอยู่ในลานบ้านตระกูลเฉิน มีปรมาจารย์เคยทุบมันแตกได้ด้วยมือเปล่า ในความคิดของข้า นั่นต่างหากคือปรมาจารย์ที่แท้จริง ส่วนท่านก็แค่ทุบโต๊ะไม้เท่านั้น ไม่ได้ดูยอดเยี่ยมตรงไหนเลย” หานซานเฉียนกล่าวปรมาจารย์โคมสี่มองไปที่หานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ยแล้วพูดว่า "ไม่มีทางที่จะมีคนแบบนั้นในเมืองหลงหยุน หากเจ้ากำลังคิดจะขู่ให้ข้ากลัวล่ะก็ เจ้าก็ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว"“ขู่ให้ท่านกลั