“ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเรายังมีชีวิตอยู่” หลังจากเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้น หานซานเฉียนก็พูดกับเจียงหยิงหยิงด้วยรอยยิ้มเจียงหยิงหยิงแลบลิ้นออกมา แสดงสีหน้าน่ารักราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แล้วพูดว่า "พี่ซานเฉียน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะรอดชีวิตออกมาได้ ฉันคิดว่าฉันจะตายอยู่ข้างในแน่ ๆ"หานซานเฉียนพยักหน้า เขาก็มีความคิดแบบเดียวกัน เพราะสัตว์ร้ายเหล่านั้นมีพลังมากเกินไป ในแง่ของความแข็งแกร่ง ไม่มีทางที่พวกเขาทั้งสองจะรอดชีวิตออกมาได้อย่างแน่นอน แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากงูขาวตัวน้อยกันล่ะ?งูสีขาวตัวน้อยดูเหมือนจะเป็นสัตว์ร้ายที่อ่อนแอที่สุดในถ้ำราชาปีศาจ แต่มันกลับสามารถครอบงำสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ ซึ่งสิ่งนี้หานซานเฉียนเองก็ยังคิดไม่ออกมาว่าเพราะอะไรกันท่ามกลางฝูงชน มีร่างที่กระตือรือร้นปรากฏขึ้นเมื่อเขาเห็นเขา หานซานเฉียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“หานซานเฉียน! นาย นาย...ยังมีชีวิตอยู่” เหอชิงเฟิงวิ่งไปหาหานซานเฉียน ดวงตาของเขาแทบจะทะลักออกมาราวกับเห็นผี“ท่านผู้นำ ผมไม่ได้เจอคุณแค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงพูดติดอ่างขนาดนั้นล่ะครับ” หานซา
หานซานเฉียนรู้สึกต่างจากอี้เหล่าอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลุมดำในอวกาศ แต่เขากลับรู้สึกถึงความผูกพันที่อธิบายไม่ได้ แทนที่จะรู้สึกกลัว เขารู้สึกว่ามีความคุ้นเคยเสียด้วยซ้ำเจียงหยิงหยิงเองก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ราวกับว่ามีบางอย่างในหลุมดำที่ดึงดูดเธอ“อี้เหล่า นี่คืออะไร?” หานซานเฉียนถามอี้เหล่าด้วยความสงสัยอี้เหล่าละสายตาที่หวาดกลัวออกไป พยายามสงบสติอารมณ์ และอธิบายให้หานซานเฉียนฟังว่า "หลุมดำนี้จะนำไปสู่อีกโลกหนึ่ง เราเรียกมันว่าโลกใบที่สอง นี่คือความลับที่เทียนฉีปกป้องมาตลอด"โลกใบที่สอง!หานซานเฉียนเคยคาดเดาไว้แล้วตอนที่เขาอยู่ในถ้ำราชาปีศาจ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์ร้ายตัวใหญ่เช่นนี้จะปรากฏบนโลก ตอนนี้การคาดเดาของเขาได้รับการยืนยันแล้ว และหานซานเฉียนก็ตกตะลึงเกินกว่าจะวัดได้มีโลกอีกใบจริง ๆ ซึ่งมันทำลายความเข้าใจของหานซานเฉียนที่มีเกี่ยวกับโลกนี้ไปโดยสิ้นเชิง“โลกใบที่สอง สัตว์ร้ายในถ้ำราชาปีศาจมาจากโลกใบที่สอง” หานซานเฉียนกล่าวอี้เหล่าพยักหน้าและอธิบายต่อว่า "สัตว์ประหลาดในถ้ำราชาปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกทิ้งไว้หลังจากการบุกรุกของโลกใบที่สองเม
เหตุผลที่หานซานเฉียนยืนกรานจะไปโลกใบที่สองด้วยตัวเอง ไม่เพียงเพราะเขาต้องการปกป้องซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาต้องการค้นหาว่าความรู้สึกในใจของเขามันคืออะไรกันแน่ ในโลกใบที่สองมีบางอย่างกำลังเรียกเขาอยู่“ไว้เราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ ตอนนี้ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” อี้เหล่าพูดกับหานซานเฉียน เขารู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน เมื่อเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ แต่อี้เหล่าคิดว่าการให้หานซานเฉียนเป็นผู้นำซื่อเหมิน และอยู่ในเทียนฉีเป็นทางเลือกที่ดีกว่า“ไม่ ผมตัดสินใจแล้ว” หานซานเฉียนกล่าวอี้เหล่ายิ้มอย่างขมขื่นและถอนหายใจ "สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีสิทธิ์ตายเก้าในสิบ ทำไมนายต้องไปเสี่ยงด้วย ชายชราอย่างฉันคนนี้จวนจะตายแล้ว การให้ฉันไปที่นั่นมันเหมาะสมมากกว่า”“อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมไม่เชื่อคุณ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆหากคนอื่นพูดแบบนี้กับอี้เหล่า มันคงเป็นเรื่องตลกโดยสมบูรณ์แต่ความหมายที่มาจากปากของหานซานเฉียนนั้นต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขามีความสามารถนั้นจริง ๆเขาเลื่อนเป็นระดับเทียนในช่วงเวลาสั้น ๆ แม้แต่อี้เหล่าก
ตอนที่จวงถางและกงเทียนปรากฏตัวต่อหน้าหานซานเฉียนครั้งแรก ตอนนั้นหานซานเฉียนเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีใครรู้จัก ดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวห่างเหินแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนอีกครั้ง ด้วยท่าทางระมัดระวังอย่างมาก และกังวลจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือเนื่องจากตอนนี้หานซานเฉียนอยู่ระดับเทียนแล้ว สถานะของทั้งสองจึงไม่มีใครเทียบหานซานเฉียนได้โดยสิ้นเชิง“หานซานเฉียน ฉันรู้ว่าเราเคยมีความแค้นมาก่อน แต่ตอนนี้คุณเป็นคนที่มีอำนาจแล้ว คุณยังจะคิดเล็กคิดน้อยกับเราอีกเหรอ” กงเทียนก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้น เขากลัวว่าหานซานเฉียนจะคิดบัญชีเก่า เพราะตอนนี้เพียงแค่คำพูดเดียวจากหานซานเฉียน ชีวิตเขาก็จบเห่อย่างสมบูรณ์ และอาจถูกไล่ออกเทียนฉีไปเลยด้วยซ้ำถึงจวงถางจะมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังกังวลและกลัวมากเช่นเดียวกัน หากเขารู้ว่าหานซานเฉียนจะอยู่ในจุดที่เขาอยู่ทุกวันนี้ เขาจะไม่มีวันเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนด้วยลักษณะแบบนั้นที่ตระกูลหนานกงเลย “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับพวกนาย” หานซานเฉียนมองไปที่คนสองคนที่วิตกกังวลและพูดด้วยรอยยิ้ม“งั้นคุณมีอะไรจะสั่งเรางั้นเหรอ” จวงถา
เหอเซียวเซียวโกรธมากจนหน้าเขียว เธอคิดว่าตอนที่พบกับหานซานเฉียนครั้งแรก เขาเป็นเพียงคนระดับฮวงที่ต่ำต้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งในระดับเทียนแล้ว ช่องว่างขนาดใหญ่ของสถานะนี้ เขากลับทำสำเร็จเพียงแค่ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนเป็นต้นแบบของเทียนฉีไปแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหลินตง ในตอนนั้นเขานำหน้าไปมากกว่าสิบก้าวด้วยซ้ำแล้วมองดูตัวเองอีกครั้ง บุตรสาวของผู้นำซานเตี้ยนผู้สูงส่ง ตอนนี้ถูกลดระดับลงมาอยู่ระดับฮวงแล้วแม้ว่าตัวตนของการเป็นลูกสาวของผู้นำซานเตี้ยนจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่สถานะที่แท้จริงของเธอนั้นแตกต่างจากหานซานเฉียนมานานแล้วเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะหานซานเฉียนได้ เหอเซียวเซียวจึงไม่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้าอีกต่อไป แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเกลียดชังและความเยือกเย็น เธอจ้องไปที่หานซานเฉียนไม่วางตา“หานซานเฉียน ได้ใจไปเถอะ สักวันหนึ่งฉันจะเหยียบย่ำนายไว้ใต้เท้าของฉัน” เหอเสี่ยวเซียวพูดอย่างเย็นชาหานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส "เหอเซียวเซียว นอกเหนือจากตัวตนของคุณในฐานะลูกสาวของผู้นำแห่งซานเตี้ยนแล้ว คุณไม่มีอะไรอีกในเที
“ขอ ขอโทษ” หานซานเฉียนรีบขอโทษและรีบออกจากห้องไปทันทีท่าทีของเจียงหยิงหยิงนั้นแปลกมาก หากเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไป ถูกบุกเข้าไปในห้องและเห็นเธอเปลือยเปล่า คงจะตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย แถมยังรู้สึกได้ถึงความเสียดายที่อธิบายไม่ถูก โดยหวังว่าหานซานเฉียนจะออกไปแบบนี้หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว เจียงหยิงหยิงก็เปิดประตูตามปกติแล้วถามหานซานเฉียน "พี่ซานเฉียน รีบมาหาฉันแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?"หานซานเฉียนคิดว่าการพบกันคงจะทำให้ทั้งคู่รู้สึกอึกอัด แต่เขาไม่คิดว่าเจียงหยิงหยิงจะทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เธอกลัว หรือทำให้เธอตื่นตระหนกใด ๆ เลย“เราต้องกลับไปที่หยุนเฉิงทันที” หานซานเฉียนกล่าวเจียงหยิงหยิงเริ่มกังวล หานซานเฉียนรีบกลับไปที่หยุนเฉิงแบบนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้นกับพี่หยิงเซี่ยเหรอคะ หรือว่าเนี่ยนเอ๋อร์?” เจียงหยิงหยิงถาม“ไปกันเถอะ ไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังระหว่างทาง”พวกเขาทั้งสองออกจากเทียนฉี โดยไม่ต้องรับกระเป๋าเดินทางใด ๆระหว่างทางหานซานเฉียนก็อธิบายสาเหตุของเรื่องนี้ให้เจียงหยิงหยิงฟัง ซึ่ง
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก ฟางจ้านก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาซือจิง หานเทียนหยาง และคนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่เห็ซูหยิงเซี่ยเลยนับตั้งแต่ซูหยิงเซี่ยเริ่มแก่ตัวมากขึ้น เธอก็ไม่ต้องการเห็นใคร และแม้แต่กระจกที่บ้านก็ถูกทุบทิ้งไปจนหมดสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ไม่อาจยอมรับได้ ซูหยิงเซี่ยไม่รู้ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนอย่างไรในอนาคต เธอกลัวมากว่าเขาจะกลับมาหยุนเฉิงอย่างกะทันหันเธอไม่อยากให้หานซานเฉียนเห็นตัวตนที่น่าเกลียดของเธอ และเธอถึงขั้นเคยคิดที่จะอยากตายแต่เมื่อซูหยิงเซี่ยคิดว่าหานเนี่ยนยังเด็กอยู่ เธอก็ไม่กล้าตาย เธอไม่อยากให้หานเนี่ยนสูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้“คุณฟาง”“คุณฟาง”“คุณฟาง”หลายคนยืนขึ้นและทักทายฟางจ้าน“หยิงเซี่ยล่ะ?” ฟางจ้านถามซือจิงเหลือบมองหานเทียนหยาง ในครอบครัวนี้หากจะพูดอะไร.ต้องได้รับความยินยอมจากหานเทียนหยางก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของซูหยิงเซี่ย ซือจิงไม่กล้าพูดเองตามใจชอบ“คุณฟาง ที่คุณมาครั้งนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” หานเทียนหยางถาม“ซานเฉียนไม่ได้ก
เฉินหลิงเหยารู้ชัดเจนมากเกี่ยวกับเหตุผลที่หานซานเฉียนต้องเช่าบ้าน เป็นเพราะหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยต้องแสร้งทำเป็นหย่าร้างกัน เขาจึงย้ายออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขาชั่วคราว แต่การที่เขาบังเอิญอาศัยอยู่ถัดจากหยางเหมิงและกลายเป็นเพื่อนบ้านกันทำให้เฉินหลิงเหยาประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหยางเหมิงก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เลวคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหานซานเฉียนกับเธอหรือเปล่าเพื่อคลายข้อสงสัยขอตัวเอง เฉินหลิงเหยาจึงถามขึ้นอย่างตรงประเด็น "ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาหรอกใช่ไหม?"หยางเหมิงโบกมือด้วยความตื่นตระหนกและพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "คุณเฉิน คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ ระหว่างฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ"เฉินหลิงเหยาขมวดคิ้ว หากไม่มีอะไร ทำไมหยางเหมิงถึงได้ตื่นตระหนกมากขนาดนี้ล่ะ เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในสายตาของเธอ“ไม่มีอะไรจริง ๆ งั้นเหรอ แต่สายตาของเธอมันบอกว่ามีอะไรบางอย่างนะ” เฉินหลิงเหยายืนขึ้น เดินตรงไปที่หยางเหมิง และมองตรงไปที่เธอหยางเหมิงไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเฉินหลิงเหยา แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่ในช่วงเวลานั้น หยางเหมิงก็มีคว