คฤหาสน์ใจกลางภูเขาหลังจากที่เห็นอาการของซูหยิงเซี่ย กลุ่มแพทย์ก็ไม่ได้วินิจฉัยโรคโดยตรง นี่คือคำเตือนของหนานกงป๋อหลิง เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเป็นกังวลกับอาการของตัวเองมากมากเกินไป จนเกิดแรงกดดันทางจิตใจมากขึ้นกลุ่มแพทย์ออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขาด้วยเหตุผลที่จะหารือกันเกี่ยวกับอาการ หนานกงป๋อหลิพากลุ่มแพทย์ไปที่โรงแรมเพนนินซูล่า ที่ม่อหยางทำการจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว มีบอดี้การ์ดเฝ้าระวังตรงทางเข้าและทางออกทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มีแพทย์คนไหนหลบหนีออกไป ที่ด้านนอกมีคนมากมายกำลังให้ความสนใจ และต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่เนื่องทางโรงแรมมีการปิดผนึกอย่างแน่นหนา พวกเขาจึงเข้ามาไม่ได้ แต่ในเวลานี้ มีข่าวหนึ่งจากแหล่งที่ไม่ระบุกำลังระเบิดในหยุนเฉิง“ได้ยินหรือยังว่าซูหยิงเซี่ยเล่นชู้กับผู้ชายข้างนอกจนติดโรค จนทีมแพทย์ต้องแห่กันมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา”“ข่าวเชื่อถือได้เหรอ ซูหยิงเซี่ยดูไม่เหมือนผู้หญิงประเภทนั้นเลยนะ”“หานซานเฉียนออกจากบ้านไปตั้งนาน เป็นเรื่องปกติที่เธอจะเหงา ในฐานะผู้หญิง ใครจะไม่มีความปรารถนากันล่ะ ยังไงซะข่าวนี้ก็เหมือนจะจริง ไม่อย่างนั้นทำไมต้องปิดข่าว
เศรษฐีรุ่นสองหลายคนมักจะหยิ่งผยอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขาจะนั่งตัวตรงและเชื่อฟังเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ“ดูเหมือนว่าพวกเธอจะรู้สิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้ว?” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชาประโยคนี้ทำให้สีหน้าของเศรษฐีรุ่นสองหลายคนดูหวาดกลัว พวกเขารู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์กำลังพูดถึงอะไร และพวกเขาก็แอบพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แถมยังคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงด้วย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกว่าเขาเชื่อเรื่องข่าวลือนั่น “หลิงเอ๋อร์ เธอกำลังพูดถึงเรื่องที่มีคนใส่ร้ายซูหยิงเซี่ยใช่ไหม?” บางคนที่ฉลาดถามขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ความโกรธของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็สงบลงเล็กน้อย อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็รู้ว่าซูหยิงเซี่ยถูกใส่ร้าย“ทำไมเธอไม่บอกฉัน” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม“หลิงเอ๋อร์ พวกเราไม่เชื่อข่าวลือไร้สาระนี้เลย”“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าคนโง่คนไหนจะกล้าพูดแบบนั้น อันที่จริง พวกเราก็กำลังตามสืบคนที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือนี้อยู่”“ใช่ ใช่ เดิมทีพวกเราตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเธอ หลังจากหาตัวคนบงการเจอแล้วน่ะ”เทียนหลิงเอ๋อร์มองผู้คนที่อยู่ตร
แม้ว่าเฉินอี้จะไม่สนใจรองเท้าหัก ๆ อย่างซูอี้หาน แต่เนื่องจากเป็นคำขอของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาจึงทำได้เพียงปฏิบัติตามเท่านั้นและสำหรับเขาแล้ว การจีบสาวถือเป็นความสามารถพิเศษของเขา ผู้หญิงที่หยิ่งยะโสอย่างซูอี้หานนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉินอี้ ที่จะจัดการกับผู้หญิงแบบนี้“ได้ แต่เธอต้องให้ฉันเบิกค่าใช้จ่ายด้วยล่ะ” เฉินอี้พูดด้วยรอยยิ้ม“ตระกูลของนายอยากจะถือหุ้นในหมู่บ้านเฉิงจงด้วยไม่ใช่หรือไง? ตราบใดที่จัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะให้โอกาสนาย” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว ตอนนี้ตระกูลเทียนมีหุ้นในโครงการหมู่บ้านเฉิงจง จะปล่อยให้เฉินอี้ได้กินความหวานด้วยบ้าง ก็เป็นเพียงคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อร์เท่านั้น“จริงนะ! หลิงเอ๋อร์ เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม!” เฉินอี้รู้สึกประหลาดใจมากจนอ้าปากกว้าง ตระกูลของเขากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเขาทำสิ่งนี้ได้ ในอนาคตใครจะกล้าพูดว่าเขาเอาแต่เที่ยวเล่นได้อีกล่ะ?“ฉันเคยล้อเล่นกับนายเมื่อไหร่?” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว“ขอบคุณมากหลิงเอ๋อร์ เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ไม่ว่าเธอจะมีแผนอะไรต่อไป ฉันก็จะฟังเธออย่างแน่นอน” เฉินอี้ไม่ใช่คนโง่ เทียนหลิงเอ๋อร์จะ
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับ ซึ่งเดิมทีกลัวหมัดของม่อหยาง เมื่อเธอเห็นผู้จัดการวิ่งมา เธอก็รู้สึกมั่นใจและพูดกับม่อหยางว่า "คุณอยากเจอผู้จัดการของเราไม่ใช่เหรอ เขามาแล้ว แต่ฉันขอแนะนำให้คุณทำตัวสุภาพด้วย ผู้จัดการของเราไม่ใช่คนที่ใครจะมีปัญหาด้วยได้ง่าย ๆ”ม่อหยางหันศีรษะด้วยสีหน้าเย็นชา และมองไปที่ชายวัยกลางคนที่กำลังวิ่งมาหาเขาไม่ใช่คนที่ใครจะมีปัญหาด้วยได้ง่าย ๆ?“ฉันชอบมีปัญหากับคนแบบนี้แหละ” ม่อหยางพูดอย่างเย็นชา“ฉันอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ถ้าคุณไม่ฟัง ก็อย่ามาโทษฉัน” หญิงสาวที่แผนกต้อนรับพูดพร้อมกับกลอกตา“พี่...พี่ใหญ่ม่อ ลมอะไรพัดพาคุณมาที่นี่กันครับ?” ผู้จัดการรีบถามด้วยความเคารพ หลังจากวิ่งมาถึงข้างหน้าม่อหยาง สำหรับบุคคลอันดับหนึ่งในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิงผู้นี้ แม้แต่เถ้าแก่ของโรงแรมแห่งนี้ก็ยังต้องให้ความเคารพ เขาเป็นแค่ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ จะกล้าผยองต่อหน้าม่อหยางได้อย่างไร หญิงสาวที่แผนกต้อนรับ ซึ่งเดิมทีกำลังรอดูการแสดงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเธอรู้นิสัยของผู้จัดการคนนี้ดี เพราะเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังคือคนสำคัญในหยุนเฉิง ดังนั้นผู้จัดการโรงแรมจึงอาศัยอิทธิพลขอ
คำพูดของม่อหยางทำให้ฟางจ้านรู้สึกผิดในใจ จึงปิดบังข่าวการเสียชีวิตของหานซานเฉียนด้วยความเห็นแก่ตัว เขาควรแจ้งให้คนเหล่านี้ทราบ เพื่อที่พวกเขาจะได้คาดหวังในการกลับมาของหานซานเฉียนแต่ฟางจ้านตามหาลูกสาวของเขามาหลายปีแล้ว เขาอยากรู้ข่าวเกี่ยวกับเธอ หากหนานกงป๋อหลิงรู้ว่าหานซานเฉียนตายแล้ว เขาจะหยุดการตามหาลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ฟางจ้านไม่อยากเห็นหานซานเฉียน ผมขอโทษจริง ๆ!“ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้” ฟางจ้านพูดพร้อมกับถอนหายใจม่อหยางไม่เชื่อ “คุณจะทำอะไรไม่ได้ได้ยังไง คุณเป็นคนพาเขาไป แล้วทำไมถึงจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”“ที่นั่นผมไม่มีอำนาจอย่างที่คุณคิด มีหลายสิ่งที่ผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปแตะต้อง แต่เรื่องนี้ผมจะจำเอาไว้ หากพบเขาผมจะแจ้งให้เขาทราบทันที” ฟางจ้านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องสัญญาแบบนี้ เพื่อที่ม่อหยางจะได้ปล่อยเขาไปเมื่อม่อหยางเห็นว่าเขาพูดแบบนี้ ก็ถอนหายใจและพูดว่า "คุณได้โปรดจำไว้ให้ดี ๆ หากมีความต้องการอะไรในหยุนเฉิงก็มามาหาผมได้ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว"ฟางจ้านพยักหน้าและส่งม่อหยางออกจากห้องเมื่อม่อหยางลงมาชั้นล่าง เจ้าของโรงแรมก็รออยู่ด้านข้างอย่างเป็
“คุณ คุณมาหาฉันเหรอคะ?” ซูอี้หานพูดติดอ่างเล็กน้อย เพราะเธอมองหาโอกาสที่จะได้แต่งงานกับตระกูลร่ำรวยมาโดยตลอด และเธอก็อวดโฉมต่อหน้าเศรษฐีรุ่นสองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน แต่น้อยคนนักที่มองมาที่เธอ ดังนั้นการปรากฏตัวของเฉินอี้ไม่เพียงแต่ทำให้ซูอี้หานประหลาดใจ แต่ยังทำให้เธอไม่อยากจะเชื่ออีกด้วย หากเป็นอดีต ซูอี้หานจะไม่ชายตามองครอบครัวของเฉินอี้เลย ตระกูลที่มีทรัพย์สินสุทธิไม่เกินหนึ่งร้อยล้านด้วยซ้ำ จะเรียกว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยได้อย่างไรแต่ตอนนี้มันต่างออกไป ตระกูลซูพังทลายลงแล้ว และเธอก็ไม่ใช่คุณหนูของตระกูลซูอีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็นเพียงคนธรรมดา ดังนั้นซูอี้หานจึงพอใจที่ได้รับการสนับสนุนจากคนอย่างเฉินอี้“ที่นี่มีใครสวยกว่าคุณอีกไหมล่ะ?” เฉินอี้พูดด้วยรอยยิ้มคำพูดเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ผู้หญิงคนอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงคือรูปร่างหน้าตาและรูปร่าง พวกเธอจะยอมรับได้ยังไงว่าซูอี้หานสวยกว่าพวกเธอ“เฉินอี้ คุณไม่ได้สายตาสั้นหรอกใช่ไหม พวกเราที่นี่มีใครบ้างที่สวยสู้ซูอี้หานไม่ได้”“ใช่ คุณควรไปตรวจตากับแพทย์หน่อยนะ เอาเธอมาเทียบกับเราได้ยังไง”“อกไข่ดาว ขาก็สั้
สิ่งที่เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องการทำนั้นไม่สำคัญสำหรับคนอื่นอีกต่อไป เฉินอี้จะได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงเพราะเรื่องนี้ ซึ่งทำให้พวกเขาอิจฉามาก หากเรื่องดี ๆ แบบนี้ตกมาที่พวกเขา อย่าว่าแต่ให้ตามจีบซูอี้หานเลย ต่อให้พวกเขาต้องนอนกับสาวจรจัด พวกเขาก็จะกัดฟันอดทนสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทของพวกเขา ตอนนี้เฉินอี้เป็นเพียงนักธุรกิจรุ่นที่สองที่ครอบครัวมีทรัพย์สินมูลค่าสุทธิน้อยกว่าร้อยล้าน แต่เมื่อเขาได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน และสถานะของเขาในหยุนเฉิงก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย“เฉินอี้ นายคงโชคดีเกินไปแล้ว เรื่องดี ๆ แบบนี้ถึงได้ตกมาอยู่ที่นายน่ะ”“ต่อจากนี้ฉันคงต้องเรียกนายว่านายน้อยเฉินแล้วสินะ เราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไปแล้ว”“เฮ้อ ฉันเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนหลิงเอ๋อร์ ทำไมเธอไม่มอบหมายเรื่องดี ๆ แบบนี้กับฉันนะ”หลายคนถอนหายใจเฉินอี้เดาออกว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เพราะโครงการหมู่บ้านเฉิงจงนั้นน่าดึงดูดเกินไป และไม่มีใครสามารถต้านทานได้“ไม่ต้องกังวล หากฉันสามารถเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงได้ มีอะไร
พ่อของเฉินอี้เดินเข้ามาหาเขา เห็นได้ชัดว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไป“อะไรนะ แกพูดว่าอะไรนะ” พ่อของเฉินอี้ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินเลย เพราะโครงการหมู่บ้านเฉิงจงไม่เพียงแต่เป็นตัวกำหนดคุณค่าของตระกูลเฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานะของพวกเขาด้วยหากได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงแล้ว ก็จะได้ติดต่อใกล้ชิดกับตระกูลเทียนและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตอนนี้ในหยุนเฉิงหากมีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองได้ ก็สามารถทำให้สถานะของคน ๆ นั้นสูงขึ้นทันที นี่เป็นสิ่งใครหลายคนต่างก็ฝันถึง!แม่ของเฉินอี้มีสีหน้าไม่เชื่อและถามอย่างใจร้อน "เฉินอี้ ลูกล้อเล่นกับพวกเราหรือเปล่า? ลูกจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงได้ยังไง"แม่ของเฉินอี้รักและตามใจเขามาโดยตลอด และเธอก็เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าวันหนึ่งเฉินอี้จะต้องประสบความสำเร็จ และนำเกียรติยศมาสู่ตระกูลเฉิน แต่ถึงเธอแม้จะมีความคิดเช่นนั้น เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เฉินอี้พูด เห็นได้ว่าเรื่องนี้มีสถานนะสูงมากแค่ไหนในใจพวกเขาแน่นอนว่าเฉินอี้เดินไว้แล้วว่าพ่อแม่ของเขาจะ