หลังจากที่หานซานเฉียนเห็นแบบนั้น จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยคำถาม เขาเคยพบกับกอริลล่า ถึงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมมันถึงวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้เชื่องขนาดนี้ และไม่ต้องพูดถึงกิ้งก่ายักษ์เลย มันอยากจะจับพวกเขากินตั้งแต่เจอกันด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้พวกมันจะมีสีหน้าอ่อนโยนและก้มหัวลงแบบนี้ได้ยังไงกัน“เกิดอะไรขึ้น?” หานซานเฉียนพูดด้วยความตกใจเจียงหยิงหยิงก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน สิ่งมีชีวิตดุร้ายเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างพื้นดินที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก ตอนนี้พวกมันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว แต่ทำไมพวกมันถึงไม่โจมตีล่ะ?“พี่ซานเฉียน พวกมันมองไม่เห็นเรางั้นเหรอ?” เจียงหยิงหยิงพูดเสียงเบา คำพูดไร้สาระนี้ทำให้หานซานเฉียนหัวเราะ ถึงจะอยากปลอบใจตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องตลกแบบนี้ มองไม่เห็นแต่กลับมาอยู่ตรงหน้า นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือไง?“หยิงหยิง หลังจากที่ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว พี่ซานเฉียนคนนี้จะหาโรงพยาบาลให้เธอไปตรวจเช็กสมอง” หานซานเฉียนล้อเลียนเจียงหยิงหยิง ในขณะที่กำลังเผชิญกับปัญหาเจียงหยิงหยิงแลบลิ้นด้วยสีหน้าเขินอายในเวลานี้หานซานเฉียนพบว่างูสีขาวตัวน้อยพันอยู่ร
เขตซื่อเหมินหลังจากเกิดเสียงดังขึ้นในถ้ำราชาปีศาจ เกือบทุกคนคิดว่าหานซานเฉียนตายแล้วอี้เหล่าหดหู่และไม่เคยออกจากซื่อเหมินอีกเลยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาสำหรับอี้เหล่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เขาตั้งความหวังกับหานซานเฉียนสูงมาก และฝากความหวังทั้งหมดของเทียนฉีไว้กับเขา โดยหวังว่าเขาจะผ่านการทดสอบจากถ้ำราชาปีศาจเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และความมั่นใจให้กับผู้อื่นต่อไปหวังว่าหลังจากที่หานซานเฉียนมีสถานะเป็นระดับเทียนแล้วเขาจะสามารถเป็นผู้นำซื่อเหมินสามารถแบ่งเบาภาระของเขาได้ และเขาจะได้ไปสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอีกใบได้อย่างหมดห่วงแต่เนื่องจากการตายของหานซานเฉียน แผนการทั้งหมดของอี้เหล่าจึงสูญเปล่า ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในระดับตี้จะกลัวถ้ำราชาปีศาจมากขึ้นเท่านั้น แต่การหาผู้นำคนใหม่ให้ซื่อเหมินก็ยังเป็นเรื่องเพ้อฝันอีกด้วย“อี้เหล่า คุณอย่ากังวลมากเกินไปเลย บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้แล้วว่าหานซานเฉียนจะไม่สามารถรับงานสำคัญนี้ได้” ผู้ช่วยพูดกับอี้เหล่าอี้เหล่าอารมณ์ไม่ดี เพราะการตายของหานซานเฉียนไม่ใช่แค่การตายของเขาเท่านั้น แต่มันทำให้เทียนฉีเสื่อมโทรมลงด้วย ขนาดเขายังท้
แม้ว่าซือจิงจะไม่ได้พูดครึ่งประโยคท้าย แต่ม่อหยางและหนานกงป๋อหลิงก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะพูดได้เป็นอย่างดี“ให้ผมลองหน่อย” ม่อหยางพูดพลางกัดฟัน เขาไม่อาจเอาแต่เฝ้าดูสถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ แบบนี้ได้ เมื่อหานซานเฉียนออกจากหยุนเฉิง เขาต้องรับผิดชอบในการปกป้องซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยน จะให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอในเวลานี้ไม่ได้หนานกงป๋อหลิงก็กังวลมากเช่นกัน เพราะกว่าเขาจะได้เห็นความหวังที่จะได้ไปเทียนฉี เขาไม่ต้องการทำให้หานซานเฉียนโกรธเพราะการตายของซูหยิงเซี่ย“ม่อหยางสนิทกับหานซานเฉียน เขามีโอกาสที่จะโน้มน้าวซูหยิงเซี่ยได้ ให้เขาลองดูเถอะ” หนานกงป๋อหลิงกล่าวซือจิงเหลือบมองม่อหยาง เธอใช้วิธีที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว แต่ซูหยิงเซี่ยก็ยังไม่ยอมเผชิญกับเรื่องนี้ ในความเห็นของเธอ แม้ว่าม่อหยางจะเข้าไปมันก็คงไม่มีประโยชน์แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วในตอนนี้ ดังนั้นการให้ม่อหยางลองดูก็อาจมีโอกาสอยู่บ้าง“เอาล่ะ นายลองดูสิ” ซือจิงพยักหน้าม่อหยางยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ เขาหายใจเข้าลึกก่อนที่จะผลักประตูเปิดออกและเข้าไปด้านในวันนี้ม่อหยางยังไม่เห็นซูหยิงเซี่ย เมื่อเขาเดินไปที่ห้องน
คฤหาสน์ใจกลางภูเขาหลังจากที่เห็นอาการของซูหยิงเซี่ย กลุ่มแพทย์ก็ไม่ได้วินิจฉัยโรคโดยตรง นี่คือคำเตือนของหนานกงป๋อหลิง เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเป็นกังวลกับอาการของตัวเองมากมากเกินไป จนเกิดแรงกดดันทางจิตใจมากขึ้นกลุ่มแพทย์ออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขาด้วยเหตุผลที่จะหารือกันเกี่ยวกับอาการ หนานกงป๋อหลิพากลุ่มแพทย์ไปที่โรงแรมเพนนินซูล่า ที่ม่อหยางทำการจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว มีบอดี้การ์ดเฝ้าระวังตรงทางเข้าและทางออกทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มีแพทย์คนไหนหลบหนีออกไป ที่ด้านนอกมีคนมากมายกำลังให้ความสนใจ และต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่เนื่องทางโรงแรมมีการปิดผนึกอย่างแน่นหนา พวกเขาจึงเข้ามาไม่ได้ แต่ในเวลานี้ มีข่าวหนึ่งจากแหล่งที่ไม่ระบุกำลังระเบิดในหยุนเฉิง“ได้ยินหรือยังว่าซูหยิงเซี่ยเล่นชู้กับผู้ชายข้างนอกจนติดโรค จนทีมแพทย์ต้องแห่กันมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา”“ข่าวเชื่อถือได้เหรอ ซูหยิงเซี่ยดูไม่เหมือนผู้หญิงประเภทนั้นเลยนะ”“หานซานเฉียนออกจากบ้านไปตั้งนาน เป็นเรื่องปกติที่เธอจะเหงา ในฐานะผู้หญิง ใครจะไม่มีความปรารถนากันล่ะ ยังไงซะข่าวนี้ก็เหมือนจะจริง ไม่อย่างนั้นทำไมต้องปิดข่าว
เศรษฐีรุ่นสองหลายคนมักจะหยิ่งผยอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขาจะนั่งตัวตรงและเชื่อฟังเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ“ดูเหมือนว่าพวกเธอจะรู้สิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้ว?” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชาประโยคนี้ทำให้สีหน้าของเศรษฐีรุ่นสองหลายคนดูหวาดกลัว พวกเขารู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์กำลังพูดถึงอะไร และพวกเขาก็แอบพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แถมยังคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงด้วย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกว่าเขาเชื่อเรื่องข่าวลือนั่น “หลิงเอ๋อร์ เธอกำลังพูดถึงเรื่องที่มีคนใส่ร้ายซูหยิงเซี่ยใช่ไหม?” บางคนที่ฉลาดถามขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ความโกรธของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็สงบลงเล็กน้อย อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็รู้ว่าซูหยิงเซี่ยถูกใส่ร้าย“ทำไมเธอไม่บอกฉัน” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม“หลิงเอ๋อร์ พวกเราไม่เชื่อข่าวลือไร้สาระนี้เลย”“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าคนโง่คนไหนจะกล้าพูดแบบนั้น อันที่จริง พวกเราก็กำลังตามสืบคนที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือนี้อยู่”“ใช่ ใช่ เดิมทีพวกเราตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเธอ หลังจากหาตัวคนบงการเจอแล้วน่ะ”เทียนหลิงเอ๋อร์มองผู้คนที่อยู่ตร
แม้ว่าเฉินอี้จะไม่สนใจรองเท้าหัก ๆ อย่างซูอี้หาน แต่เนื่องจากเป็นคำขอของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาจึงทำได้เพียงปฏิบัติตามเท่านั้นและสำหรับเขาแล้ว การจีบสาวถือเป็นความสามารถพิเศษของเขา ผู้หญิงที่หยิ่งยะโสอย่างซูอี้หานนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉินอี้ ที่จะจัดการกับผู้หญิงแบบนี้“ได้ แต่เธอต้องให้ฉันเบิกค่าใช้จ่ายด้วยล่ะ” เฉินอี้พูดด้วยรอยยิ้ม“ตระกูลของนายอยากจะถือหุ้นในหมู่บ้านเฉิงจงด้วยไม่ใช่หรือไง? ตราบใดที่จัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะให้โอกาสนาย” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว ตอนนี้ตระกูลเทียนมีหุ้นในโครงการหมู่บ้านเฉิงจง จะปล่อยให้เฉินอี้ได้กินความหวานด้วยบ้าง ก็เป็นเพียงคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อร์เท่านั้น“จริงนะ! หลิงเอ๋อร์ เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม!” เฉินอี้รู้สึกประหลาดใจมากจนอ้าปากกว้าง ตระกูลของเขากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเขาทำสิ่งนี้ได้ ในอนาคตใครจะกล้าพูดว่าเขาเอาแต่เที่ยวเล่นได้อีกล่ะ?“ฉันเคยล้อเล่นกับนายเมื่อไหร่?” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว“ขอบคุณมากหลิงเอ๋อร์ เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ไม่ว่าเธอจะมีแผนอะไรต่อไป ฉันก็จะฟังเธออย่างแน่นอน” เฉินอี้ไม่ใช่คนโง่ เทียนหลิงเอ๋อร์จะ
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับ ซึ่งเดิมทีกลัวหมัดของม่อหยาง เมื่อเธอเห็นผู้จัดการวิ่งมา เธอก็รู้สึกมั่นใจและพูดกับม่อหยางว่า "คุณอยากเจอผู้จัดการของเราไม่ใช่เหรอ เขามาแล้ว แต่ฉันขอแนะนำให้คุณทำตัวสุภาพด้วย ผู้จัดการของเราไม่ใช่คนที่ใครจะมีปัญหาด้วยได้ง่าย ๆ”ม่อหยางหันศีรษะด้วยสีหน้าเย็นชา และมองไปที่ชายวัยกลางคนที่กำลังวิ่งมาหาเขาไม่ใช่คนที่ใครจะมีปัญหาด้วยได้ง่าย ๆ?“ฉันชอบมีปัญหากับคนแบบนี้แหละ” ม่อหยางพูดอย่างเย็นชา“ฉันอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ถ้าคุณไม่ฟัง ก็อย่ามาโทษฉัน” หญิงสาวที่แผนกต้อนรับพูดพร้อมกับกลอกตา“พี่...พี่ใหญ่ม่อ ลมอะไรพัดพาคุณมาที่นี่กันครับ?” ผู้จัดการรีบถามด้วยความเคารพ หลังจากวิ่งมาถึงข้างหน้าม่อหยาง สำหรับบุคคลอันดับหนึ่งในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิงผู้นี้ แม้แต่เถ้าแก่ของโรงแรมแห่งนี้ก็ยังต้องให้ความเคารพ เขาเป็นแค่ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ จะกล้าผยองต่อหน้าม่อหยางได้อย่างไร หญิงสาวที่แผนกต้อนรับ ซึ่งเดิมทีกำลังรอดูการแสดงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเธอรู้นิสัยของผู้จัดการคนนี้ดี เพราะเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังคือคนสำคัญในหยุนเฉิง ดังนั้นผู้จัดการโรงแรมจึงอาศัยอิทธิพลขอ
คำพูดของม่อหยางทำให้ฟางจ้านรู้สึกผิดในใจ จึงปิดบังข่าวการเสียชีวิตของหานซานเฉียนด้วยความเห็นแก่ตัว เขาควรแจ้งให้คนเหล่านี้ทราบ เพื่อที่พวกเขาจะได้คาดหวังในการกลับมาของหานซานเฉียนแต่ฟางจ้านตามหาลูกสาวของเขามาหลายปีแล้ว เขาอยากรู้ข่าวเกี่ยวกับเธอ หากหนานกงป๋อหลิงรู้ว่าหานซานเฉียนตายแล้ว เขาจะหยุดการตามหาลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ฟางจ้านไม่อยากเห็นหานซานเฉียน ผมขอโทษจริง ๆ!“ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้” ฟางจ้านพูดพร้อมกับถอนหายใจม่อหยางไม่เชื่อ “คุณจะทำอะไรไม่ได้ได้ยังไง คุณเป็นคนพาเขาไป แล้วทำไมถึงจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”“ที่นั่นผมไม่มีอำนาจอย่างที่คุณคิด มีหลายสิ่งที่ผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปแตะต้อง แต่เรื่องนี้ผมจะจำเอาไว้ หากพบเขาผมจะแจ้งให้เขาทราบทันที” ฟางจ้านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องสัญญาแบบนี้ เพื่อที่ม่อหยางจะได้ปล่อยเขาไปเมื่อม่อหยางเห็นว่าเขาพูดแบบนี้ ก็ถอนหายใจและพูดว่า "คุณได้โปรดจำไว้ให้ดี ๆ หากมีความต้องการอะไรในหยุนเฉิงก็มามาหาผมได้ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว"ฟางจ้านพยักหน้าและส่งม่อหยางออกจากห้องเมื่อม่อหยางลงมาชั้นล่าง เจ้าของโรงแรมก็รออยู่ด้านข้างอย่างเป็