คำพูดของม่อหยางทำให้ฟางจ้านรู้สึกผิดในใจ จึงปิดบังข่าวการเสียชีวิตของหานซานเฉียนด้วยความเห็นแก่ตัว เขาควรแจ้งให้คนเหล่านี้ทราบ เพื่อที่พวกเขาจะได้คาดหวังในการกลับมาของหานซานเฉียนแต่ฟางจ้านตามหาลูกสาวของเขามาหลายปีแล้ว เขาอยากรู้ข่าวเกี่ยวกับเธอ หากหนานกงป๋อหลิงรู้ว่าหานซานเฉียนตายแล้ว เขาจะหยุดการตามหาลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ฟางจ้านไม่อยากเห็นหานซานเฉียน ผมขอโทษจริง ๆ!“ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้” ฟางจ้านพูดพร้อมกับถอนหายใจม่อหยางไม่เชื่อ “คุณจะทำอะไรไม่ได้ได้ยังไง คุณเป็นคนพาเขาไป แล้วทำไมถึงจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”“ที่นั่นผมไม่มีอำนาจอย่างที่คุณคิด มีหลายสิ่งที่ผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปแตะต้อง แต่เรื่องนี้ผมจะจำเอาไว้ หากพบเขาผมจะแจ้งให้เขาทราบทันที” ฟางจ้านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องสัญญาแบบนี้ เพื่อที่ม่อหยางจะได้ปล่อยเขาไปเมื่อม่อหยางเห็นว่าเขาพูดแบบนี้ ก็ถอนหายใจและพูดว่า "คุณได้โปรดจำไว้ให้ดี ๆ หากมีความต้องการอะไรในหยุนเฉิงก็มามาหาผมได้ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว"ฟางจ้านพยักหน้าและส่งม่อหยางออกจากห้องเมื่อม่อหยางลงมาชั้นล่าง เจ้าของโรงแรมก็รออยู่ด้านข้างอย่างเป็
“คุณ คุณมาหาฉันเหรอคะ?” ซูอี้หานพูดติดอ่างเล็กน้อย เพราะเธอมองหาโอกาสที่จะได้แต่งงานกับตระกูลร่ำรวยมาโดยตลอด และเธอก็อวดโฉมต่อหน้าเศรษฐีรุ่นสองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน แต่น้อยคนนักที่มองมาที่เธอ ดังนั้นการปรากฏตัวของเฉินอี้ไม่เพียงแต่ทำให้ซูอี้หานประหลาดใจ แต่ยังทำให้เธอไม่อยากจะเชื่ออีกด้วย หากเป็นอดีต ซูอี้หานจะไม่ชายตามองครอบครัวของเฉินอี้เลย ตระกูลที่มีทรัพย์สินสุทธิไม่เกินหนึ่งร้อยล้านด้วยซ้ำ จะเรียกว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยได้อย่างไรแต่ตอนนี้มันต่างออกไป ตระกูลซูพังทลายลงแล้ว และเธอก็ไม่ใช่คุณหนูของตระกูลซูอีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็นเพียงคนธรรมดา ดังนั้นซูอี้หานจึงพอใจที่ได้รับการสนับสนุนจากคนอย่างเฉินอี้“ที่นี่มีใครสวยกว่าคุณอีกไหมล่ะ?” เฉินอี้พูดด้วยรอยยิ้มคำพูดเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ผู้หญิงคนอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงคือรูปร่างหน้าตาและรูปร่าง พวกเธอจะยอมรับได้ยังไงว่าซูอี้หานสวยกว่าพวกเธอ“เฉินอี้ คุณไม่ได้สายตาสั้นหรอกใช่ไหม พวกเราที่นี่มีใครบ้างที่สวยสู้ซูอี้หานไม่ได้”“ใช่ คุณควรไปตรวจตากับแพทย์หน่อยนะ เอาเธอมาเทียบกับเราได้ยังไง”“อกไข่ดาว ขาก็สั้
สิ่งที่เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องการทำนั้นไม่สำคัญสำหรับคนอื่นอีกต่อไป เฉินอี้จะได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงเพราะเรื่องนี้ ซึ่งทำให้พวกเขาอิจฉามาก หากเรื่องดี ๆ แบบนี้ตกมาที่พวกเขา อย่าว่าแต่ให้ตามจีบซูอี้หานเลย ต่อให้พวกเขาต้องนอนกับสาวจรจัด พวกเขาก็จะกัดฟันอดทนสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทของพวกเขา ตอนนี้เฉินอี้เป็นเพียงนักธุรกิจรุ่นที่สองที่ครอบครัวมีทรัพย์สินมูลค่าสุทธิน้อยกว่าร้อยล้าน แต่เมื่อเขาได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน และสถานะของเขาในหยุนเฉิงก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย“เฉินอี้ นายคงโชคดีเกินไปแล้ว เรื่องดี ๆ แบบนี้ถึงได้ตกมาอยู่ที่นายน่ะ”“ต่อจากนี้ฉันคงต้องเรียกนายว่านายน้อยเฉินแล้วสินะ เราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไปแล้ว”“เฮ้อ ฉันเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนหลิงเอ๋อร์ ทำไมเธอไม่มอบหมายเรื่องดี ๆ แบบนี้กับฉันนะ”หลายคนถอนหายใจเฉินอี้เดาออกว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เพราะโครงการหมู่บ้านเฉิงจงนั้นน่าดึงดูดเกินไป และไม่มีใครสามารถต้านทานได้“ไม่ต้องกังวล หากฉันสามารถเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงได้ มีอะไร
พ่อของเฉินอี้เดินเข้ามาหาเขา เห็นได้ชัดว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไป“อะไรนะ แกพูดว่าอะไรนะ” พ่อของเฉินอี้ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินเลย เพราะโครงการหมู่บ้านเฉิงจงไม่เพียงแต่เป็นตัวกำหนดคุณค่าของตระกูลเฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานะของพวกเขาด้วยหากได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงแล้ว ก็จะได้ติดต่อใกล้ชิดกับตระกูลเทียนและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตอนนี้ในหยุนเฉิงหากมีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองได้ ก็สามารถทำให้สถานะของคน ๆ นั้นสูงขึ้นทันที นี่เป็นสิ่งใครหลายคนต่างก็ฝันถึง!แม่ของเฉินอี้มีสีหน้าไม่เชื่อและถามอย่างใจร้อน "เฉินอี้ ลูกล้อเล่นกับพวกเราหรือเปล่า? ลูกจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเฉิงจงได้ยังไง"แม่ของเฉินอี้รักและตามใจเขามาโดยตลอด และเธอก็เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าวันหนึ่งเฉินอี้จะต้องประสบความสำเร็จ และนำเกียรติยศมาสู่ตระกูลเฉิน แต่ถึงเธอแม้จะมีความคิดเช่นนั้น เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เฉินอี้พูด เห็นได้ว่าเรื่องนี้มีสถานนะสูงมากแค่ไหนในใจพวกเขาแน่นอนว่าเฉินอี้เดินไว้แล้วว่าพ่อแม่ของเขาจะ
“เฉินอี้ ฉันเพิ่งเห็นคู่หมั้นของนายทะเลาะกับพนักงานเสิร์ฟ นายไม่เข้าไปช่วยเธอแก้ปัญหาหน่อยล่ะ” ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำล้อเลียนเฉินอี้เฉินอี้ยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "อย่ามาล้อเล่น รองเท้าพัง ๆ คู่นี้ ถ้าไม่ใช่ว่าเธอยังมีประโยชน์กับฉันล่ะก็ แค่สูดอากาศในที่เดียวกับเธอฉันก็จะอ้วกแล้ว"“เฮ้อ” ชายคนนั้นถอนหายใจแล้วพูดว่า “แกนี่มันโชคดีจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะได้เล่นกับสุนัขตัวเมียตัวนี้เท่านั้น แต่ยังได้รับผลประโยชน์มากมายอีกด้วย ไม่รู้ว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้เมื่อไหร่จะตกลงมาบนหัวของฉันบ้าง"เฉินอี้ตบไหล่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า "เพื่อนเอ๋ย ถ้าฉันรวยแล้ว ฉันยังลืมนายได้ยังไง"“ใช่ ถ้านายกล้าลืม ฉันก็จะไม่มีวันนับเพื่อนกับนายอีก”หลังจากนั้นไม่นาน ซูอี้หานก็กลับมาที่ที่นั่งของเธอ หลังจากแต่งหน้าเสร็จเฉินอี้ยืนขึ้นและยกมือไปทางบูธดีเจจู่ ๆ ดนตรีก็หยุดลง และกลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอยู่ก็รู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่ พวกเขาเริ่มก่นด่าขึ้นทันทีดีเจพูดอย่างใจเย็นผ่านลำโพง "ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อน คืนนี้มีเซอร์ไพรส์รอพวกคุณอยู่ การขอแต่งงานที่โรแมนติกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และนายน้อยเฉินจะเป็นคนจ่ายค่
ซูอี้หานวางหัวของเธอไว้บนไหล่ของเฉินอี้ ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินอี้อย่างชัดเจน ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายเล่นมาแล้วนับไม่ถ้วนแบบนี้อยู่ใกล้เขามาก และเป็นเรื่องยากที่เขาจะไม่รู้สึกรังเกียจ “จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้เป็นแผนของซูไห่เฉากับฉันเองค่ะ เราจงใจแพร่ข่าวว่าซูหยิงเซี่ยคบชู้ ส่วนเธอเป็นโรคอะไรนั้น ฉันไม่รู้” ซูอี้หานกล่าวใบหน้าของเฉินอี้เย็นชา ความสุขของการถูกขอแต่งงาน ทำให้ซูอี้หานไม่ได้ระมัดระวังเขาเลยจริง ๆ และเขาก็สามารถหลอกความจริงของเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ” เฉินอี้กล่าวในอดีตตอนซูอี้หานเคยเป็นคนไร้อารมณ์เมื่อต้องนอนกับชายอื่น แต่วันนี้เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย"ค่ะ" ซูหานพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปที่ห้องน้ำหลังจากได้ยินเสียงน้ำ เฉินอี้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาเทียนหลิงเอ๋อร์“หลิงเอ๋อร์ สำเร็จแล้ว เธอเป็นคนทำจริง ๆ ด้วย” เฉินอี้กล่าวเทียนหลิงเอ๋อร์นั่งด้วยสีหน้าเย็นแล้วถามว่า "นายได้บันทึกเสียงไว้หรือเปล่า?"“แน่นอน กลัวว่าฉันจะจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ได้ไม่ดีเหรอ?” เฉินอี้กล่าว“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”หลังจากลุกขึ้นและแ
เทียนหลิงเอ๋อร์คว้าผมของซูอี้หาน และบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น ก่อนจะตบหน้าเธอเต็มแรงในไม่ช้า แก้มของซูอี้หานก็บวมแดง มือของเทียนหลิงเอ๋อร์เองก็แดงเช่นกันมือของเทียนหลิงเอ๋อร์เจ็บจากการตบ แต่เธอไม่คิดที่จะหยุด เพราะความโกรธในใจของเธอมันยังระบายออกมาไม่พอนับตั้งแต่หานซานเฉียนจากไป เทียนหลิงเอ๋อร์ก็แอบสาบานว่าจะปกป้องซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยน นี่ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของม่อหยางเท่านั้น เธอเองก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกสองแม่ลูกนี้ได้เช่นกันสำหรับเทียนหลิงเอ๋อร์ หากเธอไม่สามารถเป็นคนรักของหานซานเฉียนได้ งั้นเธอก็จะเป็นน้องสาวที่ดี และปฏิบัติต่อหานซานเฉียนด้วยความจริงใจ เพราะนี่คือผู้ชายคนแรกที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง“หยุดนะ หยุดได้แล้ว” ซูอี้หานถูกตบจนมึนหัวไปหมดแล้ว และเธอไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่เริ่มร้องขอความเมตตาแต่ดูเหมือนว่าเทียนหลิงเอ๋อร์จะไม่ได้ยินอะไรเลย เธอยังคงโจมตีอย่างไร้ความปราณี แม้แต่เฉินอี้ที่อยู่นอกประตูก็รู้สึกเย็นไปทั้งหัวใจเทียนหลิงเอ๋อร์ในฐานะคุณหนูแห่งตระกูลเทียน ไม่ว่าจะเป็นสถานะในอดีตหรือปัจจุบันก็มีน้อยคนที่กล้ายั่วยุเธอ ดังนั้นเฉินอี้จึงไม่ค่อย
ควรจะตายไปนานแล้วอย่างนั้นเหรอ!คำนี้ระเบิดขึ้นในหัวของซูอี้หานราวกับสายฟ้าฟาดซูอี้หานโขกหัวตัวเองแรง ๆ ลงต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ด้วยความตื่นตระหนก หวังจะใช้สิ่งนี้มาบรรเทาความผิดของตัวเอง“เทียนหลิงเอ๋อร์ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะ”"โอกาส?" เทียนหลิงเอ๋อร์ยิ้มเยาะและพูดต่อว่า "เธอทำเรื่องเลวร้ายไปหมดแล้ว ถ้าฉันเป็นหานซานเฉียน คงจะฆ่าเธอไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังให้โอกาสเธอมากมาย แล้วเธอรู้จักรักษามันไว้ไหม ทางเดียวสำหรับคนแบบเธอก็คือความตาย"เฉินอี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกหนาวสั่นในใจ ยิ่งเขาได้รู้ถึงอีกด้านหนึ่งของเทียนหลิงเอ๋อร์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองในตอนนั้นช่างบ้าบิ่นและโง่เขลามาก น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่จะเสียใจในตอนนี้ คำที่พูดออกไปแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ไม่นานม่อหยางก็มาถึงบ้านของเฉินอี้ เมื่อเขาเห็นแก้มบวม ๆ ของซูอี้หาน เขาก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก ใส่ร้ายซูหยิงเซี่ย และทำให้ทารกอย่างหานเนี่ยนได้รับผลกระทบไปด้วย นี่คือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น“มือข
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ