เหลยเฮ่อหมิงเป็นมือใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนวัยเดียวกัน สถานฝึกยุทธจ้านเทียนออกอาละวาดบ่อยครั้ง สถานฝึกยุทธหลายที่ยุ่งเหยิง ทั้งหมดนี้เป็นล้วนเป็นผลงานของเหลยเฮ่อหมิง และก็เป็นเพราะเหลยเฮ่อหมิงด้วยที่ทำให้สถานฝึกยุทธจ้านเทียนกลายเป็นสถานฝึกยุทธอันดับหนึ่งในเหยียนจิงแต่มีข่าวลือว่าเหลยเฮ่อหมิงจะไม่ลงแข่งขันในงานประลองครั้งนี้ ดังนั้นหลายคนจึงโล่งใจ แต่อาจารย์หวังไม่คิดเลยว่าข่าวลือเหล่าพวกนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ!ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับคำพูดของฟางจ้านเทียนเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าผู้ชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับการตัดสินแล้วขนาดผู้นำของสถานฝึกยุทธมากมายยังพ่ายแพ้ให้กับเหลยเฮ่อหมิง คนอื่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อเห็นอาจารย์หวังรู้สึกหวาดกลัว ฟางจ้านเทียนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงสั่งให้เหลยเฮ่อหมิงไปอาละวาดในแต่ละโรงยิม เพราะเขาต้องการให้คนเหล่านี้หวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเหลยเฮ่อหมิง“กลัวหรือยัง? มันก็เป็นเรื่องปกติที่นายจะรู้สึกหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิ
เมื่อพูดถึงเรื่องของจงเทียนหลี อาจารย์หวังก็แสดงสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก บวกกับความเจ็บปวดเล็กน้อย เนื่องจากสถานฝึกยุทธหลิงหยุนต้องการเงินเพื่อรักษามันเอาไว้ และเขาก็แทบจะหมดกระสุนและอาหารแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานให้คนอื่นเพื่อแลกเงิน “จะหยาบคายเกินไปไหม ถ้าผมบอกว่าทำไปเพราะเงิน” อาจารย์หวังกล่าว"สถานฝึกยุทธหลิงหยุนขาดเงินด้วยเหรอ?" หานซานเฉียนถามอย่างไม่คาดคิด สถานฝึกยุทธหลิงหยุนนั้นใหญ่โตโอ่อ่ามาก เห็นได้ว่าต้องใช้เงินมากมายในการสร้างมันขึ้นมา เมื่อเทียบกับสถานฝึกยุทธของเทียนฉางเฉิงในหยุนฉิงนั้นต่างกันหลายระดับ แต่เขายังขาดเงินอยู่งั้นเหรอ?"ขาด ขาดเยอะมากด้วยครับ ในอดีตสถานฝึกยุทธหลิงหยุนทำเงินให้ผมมากมายในช่วงที่รุ่งเรือง แต่ตอนนี้มันซบเซาแล้ว สถานฝึกยุทธหลิงหยุนไม่เพียงแต่ไม่ทำเงินเท่านั้น แต่ยังต้องจ่ายเงินทุกวันอีกด้วย คนที่คุณเห็นในโรงยิมวันนั้น แทนที่จะบอกว่าลูกศิษย์ผม พวกเขาเป็นเหมือนพนักงานออฟฟิศมากกว่า พวกเขาได้รับค่าจ้างจากผม หากไม่มีเงิน พวกเขาก็คงจากไปนานแล้ว และผมก็อาจจะเป็นคนเดียวที่เหลือในสถานฝึกยุทธหลิงหยุน” อาจารย์หวังกล่าวหานซานเฉียนอดไม่ได
เมื่อเวลาการประลองศิลปะการต่อสู้ใกล้เข้ามา เรื่องที่เจียงหยิงหยิงได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับกลุ่มปรมาจารย์ก็เริ่มเป็นที่พูดคุยมากขึ้นเรื่อย ๆ เกือบจะทุกคนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงที่นี่ ในสายตาของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ ผู้หญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และการเข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ก็ยิ่งเป็นเรื่องตลกเข้าไปใหญ่ ก็เหมือนกับการที่จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งเข้ามาในโรงอาบน้ำชาย มันไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตาแปลก ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเธอด้วยในเวลาเดียวกัน มีข่าวใหญ่ยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นในโลกศิลปะการต่อสู้เมื่อฟางจ้านเทียนประกาศว่าเหลยเฮ่อหมิงจะเข้าร่วมการแข่งขันในกลุ่มปรมาจารย์ด้วย ผู้ที่ลงทะเบียนในกลุ่มปรมาจารย์ทั้งหมดต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญ เพราะความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิงทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวลมีแม้กระทั่งข่าวลือว่าบางคนต้องการถอนตัวจากการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ เพราะพวกเขาไม่ต้องการยืนบนเวทีเดียวกับเหลยเฮ่อหมิงจากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเหลยเฮ่อหมิงทรงพลังเพียงใดในการคุกคามผู้ค
“คราวนี้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนจะสร้างเรื่องตลกครั้งใหญ่แน่ ให้ผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ได้ยังไงกัน”“ถึงจะอยากสร้างความตื่นเต้นให้ผู้คน ก็ต้องมีขอบเขตบ้าง หวังซินโดนประตูหนีบหัวหรือไง”"ไม่รู้จริง ๆ ว่าหวังซินคิดอะไรอยู่ ถึงคิดว่าจะสร้างชื่อเสียงให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนด้วยวิธีนี้ เขาคิดว่าการแข่งขันที่ไร้สาระนี่จะกู้ชื่อให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนได้หรือไงกัน?""บางทีหวังซินอาจต้องการให้ผู้คนจดจำสถานฝึกยุทธหลิงหยุนในอีกแบบหนึ่งก็ได้ ฉันคิดว่าสถานฝึกยุทธหลิงหยุนอีกไม่นานก็คงต้องปิดตัวลงแน่"หลายคนบนอัฒจันทร์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในความเห็นของพวกเขา การเข้าร่วมการแข่งขันของเจียงหยิงหยิงนั้นเป็นเรื่องตลก และไม่สามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจได้แม้ว่าหวังซินจะอยู่แถวหน้าของผู้ชม แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้นอย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้หวังซินรู้สึกหายใจไม่ออก แม้ว่าเขาจะเดาไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากเจียงหยิงหยิงขึ้นบนสังเวียน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าจะคนหรือผีตอนนี้ต่างก็พากันหัวเราะสถานฝึกยุทธหลิงกันทั้งนั้น “ท่านอาจารย
เขาและฟางจ้านเทียนรู้ดีว่าคำพูดของเหลยเฮ่อหมิงเป็นการโอ้อวดมากแค่ไหน เพราะนี่คือการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ ทุกคนที่เข้าร่วมได้คือบุคคลที่มีทักษะที่ดี แม้ว่าเหลยเฮ่อหมิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากมากที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ในกระบวนท่าเดียว แค่คิดน่ะง่าย แต่จะทำได้หรือเปล่านั้นยังไม่มีใครรู้ได้“คู่ต่อสู้ของเธอประมาทเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ มันยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น” ฟางจ้านเทียนอธิบาย จริง ๆ แล้วคำพูดเหล่านี้ก็เป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น เพราะในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่กังวลว่าเจียงหยิงหยิงจะแข็งแกร่งเกินไป แต่ยังกังวลว่าเหลยเฮอหมิงจะพ่ายแพ้ให้กับเจียงหยิงหยิงด้วยหากเหลยเฮ่อหมิงแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถคว้าโอกาสในการเข้าร่วมเทียนฉีเท่านั้น แต่มันจะยังทำลายชื่อเสียงของสถานฝึกยุทธจ้านเทียนด้วยในเกมแรก เจียงหยิงหยิงก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง ทุกคนต่างก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องที่เธอเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเดียว สำหรับการแข่งขันกลุ่มเยาวชน มันเป็นชัยชนะที่ง่ายดายสำหรับเธอมากเรื่องตลกก่อนหน้านี้เหมือนเป็นการตบหน้าเข้าอย่า
“ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาน่าจะแก่กว่าเหยียนจุน นายแน่ใจเหรอว่ายังแข็งแกร่งอยู่?” แม้ว่าชื่อเฉินเปาจะทำให้จงหมิงกั๋วตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ไม่ได้สูญเสียสติ เมื่ออายุเยอะแล้ว ทักษะจะลดลงอย่างแน่นอน เฉินเปาในวันนี้จะเทียบกับในอดีตได้อย่างไร“ผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่ผมบอกปู่ได้เลยว่าตอนนี้เฉินเป่าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ” จงเทียนอีกล่าวเมื่อเห็นว่างจงเทียนอีพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ จงหมิงกั๋วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของเฉินเปาอีกต่อไป แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงกลับมาเหยียนจิงอีกครั้ง “นายหาเขาเจอได้ยังไง และทำไมเขาถึงยอมกลับมาที่เหยียนจิง?” จงหมิงกั๋วถามอย่างงุนงง"สมาคมศิลปะการต่อสู้ก่อตั้งโดยเฉินเปา แต่ตอนนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้ถูกพวกขยะที่เห็นแต่ผลกำไรก่อความยุ่งเหยิง แม้แต่การประลองศิลปะการต่อสู้ทุกครั้งก็ยังไม่เป็นธรรม ดังนั้นเฉินเปาจึงทนไม่ไหวแล้ว เขาต้องการจัดระเบียบสมาคมศิลปะการต่อสู้ใหม่ และเอาตำแหน่งประธานสมาคมกลับคืนมา และผมจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เขาครับ” จงเทียนอีกล่าวจงหมิงกั๋วเป็นนักธุรกิจ เขาจึงรู้ดีว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์มากมายแค่ไหนเฉินเป
“หยิงหยิง เหลยเฮ่อหมิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้คนก่อน ๆ มาก สักพักตอนอยู่บนสังเวียนเธอต้องระมัดระวังให้ดีอย่าประมาทเขาเด็ดขาด” หานซานเฉียนเตือนเจียงหยิงหยิงก่อนขึ้นสังเวียนเขาไม่ได้กลัวว่าเจียงหยิงหยิงจะแพ้เกมนี้ หากเธอแพ้เพราะความแข็งแกร่ง หานซานเฉียนจะไม่โทษเธอ แต่หานซานเฉียนกังวลว่าการแข่งขันที่ราบรื่นในวันที่ผ่านมาจะทำให้เจียงหยิงหยิงได้ใจ เมื่อเธอประมาท มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เหลยเฮ่อหมิงทันทีที่สำคัญกว่านั้น เหลยเฮ่อหมิงมีเจตนาฆ่าเจียงหยิงหยิง เมื่อเจียงหยิงหยิงประมาท ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะแน่นอนเจียงหยิงหยิงพยักหน้าและกล่าวว่า "พี่ซานเฉียน ไม่ต้องกังวล ฉันจะระมัดระวังในการแข่งขันค่ะ และฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง"“ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจียงหยิงหยิงที่จะมาถึงแมตช์ชิงแชมป์ได้ เพราะเธอมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยมาก เธออาศัยเพียงความแข็งแกร่งในการเอาชนะ เมื่อเจอกับเหลยเฮ่อหมิง หากไม่ควบคุมให้ดี ในแง่ของประสบการณ์ เจียงหยิงหยิงก็เทียบเหลยเฮ่อหมิงไม่ได้“ฉันจะไม่แพ้ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่รู
ขณะที่เหลยเฮ่อหมิงกำลังรู้สึกได้ใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าขาของเขาถูกล็อกด้วยพลังมหาศาลไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมายืนอยู่ข้างเจียงหยิงหยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาก็ใช้แขนสกัดกั้นการโจมตีที่รุนแรงของเหลยเฮ่อหมิงไว้“เฮ้อ” หานซานเฉียนมองดูเจียงหยิงหยิงและถอนหายใจ ยังไงเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่จิตใจยังไม่มั่นคง เธอโกรธอย่างง่ายดายด้วยคำพูดของเหลยเฮ่อหมิง หากเขาไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ถึงเจียงหยิงหยิงจะยังคงมีชีวิตรอด แต่เกรงว่าเธออาจจะพิการทางสมองได้“หานซานเฉียน นายทำอะไรน่ะ!” เหลยเฮ่อหมิงกัดฟันและมองไปที่หานซานเฉียน นี่คือเวทีสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ แต่หานซานเฉียนกลับกล้าขึ้นมาบนสังเวียนในเวลานี้“หานซานเฉียน นายกำลังฝ่าฝืนกฎของการแข่งขันชิงแชมป์ นายรู้ไหมว่าจะมีจุดจบแบบไหน?” ฟางจ้านเทียนสถบอยู่ข้างสนามเช่นกัน เพราะเจียงหยิงหยิงกำลังจะตายแล้ว แต่จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เจียงหยิงหยิงรอดไปได้“กฎ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ฉันนี่แหละคือผู้ควบคุมกฎ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนทั่วทั้งสนามก็ตกตะลึงนี่คือการประลองศิลปะการต่อสู้ที่จัด