“หยิงหยิง เหลยเฮ่อหมิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้คนก่อน ๆ มาก สักพักตอนอยู่บนสังเวียนเธอต้องระมัดระวังให้ดีอย่าประมาทเขาเด็ดขาด” หานซานเฉียนเตือนเจียงหยิงหยิงก่อนขึ้นสังเวียนเขาไม่ได้กลัวว่าเจียงหยิงหยิงจะแพ้เกมนี้ หากเธอแพ้เพราะความแข็งแกร่ง หานซานเฉียนจะไม่โทษเธอ แต่หานซานเฉียนกังวลว่าการแข่งขันที่ราบรื่นในวันที่ผ่านมาจะทำให้เจียงหยิงหยิงได้ใจ เมื่อเธอประมาท มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เหลยเฮ่อหมิงทันทีที่สำคัญกว่านั้น เหลยเฮ่อหมิงมีเจตนาฆ่าเจียงหยิงหยิง เมื่อเจียงหยิงหยิงประมาท ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะแน่นอนเจียงหยิงหยิงพยักหน้าและกล่าวว่า "พี่ซานเฉียน ไม่ต้องกังวล ฉันจะระมัดระวังในการแข่งขันค่ะ และฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง"“ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจียงหยิงหยิงที่จะมาถึงแมตช์ชิงแชมป์ได้ เพราะเธอมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยมาก เธออาศัยเพียงความแข็งแกร่งในการเอาชนะ เมื่อเจอกับเหลยเฮ่อหมิง หากไม่ควบคุมให้ดี ในแง่ของประสบการณ์ เจียงหยิงหยิงก็เทียบเหลยเฮ่อหมิงไม่ได้“ฉันจะไม่แพ้ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่รู
ขณะที่เหลยเฮ่อหมิงกำลังรู้สึกได้ใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าขาของเขาถูกล็อกด้วยพลังมหาศาลไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมายืนอยู่ข้างเจียงหยิงหยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาก็ใช้แขนสกัดกั้นการโจมตีที่รุนแรงของเหลยเฮ่อหมิงไว้“เฮ้อ” หานซานเฉียนมองดูเจียงหยิงหยิงและถอนหายใจ ยังไงเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่จิตใจยังไม่มั่นคง เธอโกรธอย่างง่ายดายด้วยคำพูดของเหลยเฮ่อหมิง หากเขาไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ถึงเจียงหยิงหยิงจะยังคงมีชีวิตรอด แต่เกรงว่าเธออาจจะพิการทางสมองได้“หานซานเฉียน นายทำอะไรน่ะ!” เหลยเฮ่อหมิงกัดฟันและมองไปที่หานซานเฉียน นี่คือเวทีสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ แต่หานซานเฉียนกลับกล้าขึ้นมาบนสังเวียนในเวลานี้“หานซานเฉียน นายกำลังฝ่าฝืนกฎของการแข่งขันชิงแชมป์ นายรู้ไหมว่าจะมีจุดจบแบบไหน?” ฟางจ้านเทียนสถบอยู่ข้างสนามเช่นกัน เพราะเจียงหยิงหยิงกำลังจะตายแล้ว แต่จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เจียงหยิงหยิงรอดไปได้“กฎ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ฉันนี่แหละคือผู้ควบคุมกฎ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนทั่วทั้งสนามก็ตกตะลึงนี่คือการประลองศิลปะการต่อสู้ที่จัด
เฉินเปาหายตัวไปหลายปีแล้ว และคนที่รู้จักเขามีไม่มากแล้ว แต่คนในวัยหวังซินไม่มีวันลืมเฉินเปาแน่นอนดังนั้นเมื่อเฉินเปาปรากฏตัว ไม่เพียงแต่หวังซินเท่านั้นที่จำเขาได้ แต่คนอื่น ๆ ในสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็จำผู้ก่อตั้งสมาคมคนนี้ได้เช่นกัน“เฉินเปา เฉินเปากลับมาแล้ว!”“ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้เห็นบุคคลในตำนานในช่วงชีวิตของฉัน ได้ยินมาว่าเขาหายตัวไปหลายปี เพื่อออกค้นหาโลกอีกใบของศิลปะการต่อสู้ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงกลับมาล่ะ?”และที่เรียกว่าโลกอีกใบของศิลปะการต่อสู้ก็คือเทียนฉี หลายปีมานี้เฉินเปาออกตามหาเทียนฉี เขาต้องการเข้าร่วมเพื่อพบกับปรมาจารย์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น"ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เขาก็ยังปรากฏตัวขึ้น มันน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ" เมื่ออี้เหล่าเห็นเฉินเปา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้น หานซานเฉียนใช้โลกศิลปะการต่อสู้เป็นก้าวย่างให้ตระกูลหานได้กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์สูงสุดในเหยียนจิง แต่ก็ยังไม่น่าพอใจอยู่บ้าง แต่การปรากฏตัวของเฉินเปาอาจทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแม้แต่ผู้ก่อตั้งสมาคมก็พ่ายแพ้ให้กับหานซานเฉียน แล้วใครจะกล้าดูถูกตระกูลหานกันล่ะ?“อี้เหล่า ผมได้ยินมาว่าเฉินเปาต้องการเข
การลงนามในใบมรณะบัตรบนสังเวียน ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับความเหนือและความด้อยกว่าเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับความเป็นและความตายด้วย ในสายตาของผู้อื่น การกระทำของหานซานเฉียนเหมือนผลักตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น แต่อี้เหล่าขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีอี้เหล่ารู้ดีว่าถ้าหานซานเฉียนไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเฉินเป่าได้ เขาจะไม่มีทางเซ็นใบมรณะเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งที่หานซานเชียนแสดงออกมาให้เห็นระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อนกับฟางจ้าน เขาดูไม่เกรงกลัวเฉินเปายิ่งกว่า แต่อี้เหล่าคิดหาเหตุผลไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องการฆ่าเฉินเปา เฉินเปาหรือทั้งสมาคมศิลปะการต่อสู้เป็นเพียงก้าวย่างของหานซานเฉียน ตราบใดที่เขาก้าวบนสองคนนี้เพื่อขึ้นสู่อำนาจ สถานะของตระกูลหานในเหยียนจิงจะกลับมาอยู่จุดสูงสุดอีกครั้ง แต่ก็ไม่จำเป็นถึงกลับต้องฆ่าเฉินเปา“ฟางจ้าน ดูเหมือนว่านายจะต้องลงมือหน่อยแล้ว” อี้เหล่าพูดกับฟางจ้าน“อี้เหล่า หรือว่าคุณกังวลว่าหานซานเฉียนจะสู้เฉินเปาไม่ได้เหรอครับ?” ฟางจ้านถามอย่างสงสัย ในความคิดของเขา หานซานเฉียนแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกั
หานซานเฉียนกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เฉินเปาที่ถูกต้อนจนมุมสังเวียน ทำได้เพียงพยายามป้องกันตัวเองไว้เท่านั้น ในสถานการณ์นี้ แม้แต่ผู้ชมทั่วไปก็ยังสามารถบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่า ผู้ที่อยู่ในสมาคมศิลปะการต่อจึงรู้ดีว่าเฉินเปามีช่องว่างต่างจากหานซานเฉียนมากแค่ไหน ไม่มีใครจินตนาการว่าเรื่องมันจะดำเนินการมาจุดนี้ นักสู้หมายเลขหนึ่ง นายน้อยผู้ไร้ค่าของตระกูลหานไล่ต้อน โดยที่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ด้วยซ้ำทุกคนในสมาคมศิลปะการต่อสู้รู้ดีว่าหลังจากวันนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเรื่องตลก และสถานะของตระกูลหานในเหยียนจิงจะกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง เกรงว่าจะไม่มีตระกูลใดในเหยียนจิงที่จะสามารถแข่งขันกับตระกูลหานได้แล้วในอนาคต“ไม่คิดเลยว่าหานซานเฉียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่เฉินเปาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”“คิดไม่ถึงจริง ๆ หานซานเฉียนเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ เขามีพลังขนาดนี้ได้ยังไง”“หานจุนอยู่ในคุก ตระกูลหานก็น่าจะล่มสลายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเพราะหานซานเฉียน ตระกูลหานอาจก้าวไปสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ได้”“ครั้งนี้คนที่ทำให้ตระกูลหานขุ่นเคือง คงต้
คำพูดของจงเทียนหลีกระทบใจผู้คนมากมาย จะเป็นคนหรือเป็นผี ทุกคนต่างก็มีคำตอบอยู่ในใจ การสละชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำ ขอแค่พวกเขาสามารถมีชีวิตต่อได้ ให้คุกเข่าลงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรแต่จงหมิงกั๋วนั้นต่างออกไป ในฐานะผู้นำตระกูลจง เขามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และเคยประกาศออกไปแบบนั้น ตอนนี้จะให้เขาคุกเข่าให้กับตระกูลหาน แล้วอนาคตเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบปะผู้คนกันล่ะ “จงเทียนหลี หุบปากซะ แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่” จงหมิงกั๋วตวาดอย่างเย็นชา จากนั้นหันไปมองจงเทียนอีในใจของจงหมิงกั๋ว จงเทียนอีคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของตระกูล ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าจงเทียนอีจะต้องมีวิธีในการแก้ปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้“เทียนอี นายต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาภายในสองวันนี้ ความหวังของตระกูลอยู่ที่นายนะ ขอแค่นายสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะให้ตำแหน่งผู้นำตระกุลให้กับนายทันที” จงหมิงกั๋วพูดนี่เป็นคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจมาก การได้นั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลคือความใฝ่ฝันของจงเทียนอีแต่น่าเสียดายจงเทียนอีไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ก่อนจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลจะต้องมีวิธีจัดกา
“นายน้อย ผมได้จัดการเรื่องในหยุนเฉิงเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วครับ” ในสวน จงเหลียงและฉินหลินยืนอยู่ด้านหลังหานซานเฉียน พวกเขาทำท่าทางเหมือนกันแทบจะทุกประการ โดยเอียงตัวและก้มศีรษะลงเล็กน้อย“ไปที่ตระกูลจง ในเมื่อจะมอบธุรกิจของตระกูลหานให้คุณแล้ว งั้นก็ต้องทำให้พวกเขารู้จักตัวตนของคุณ” หานซานเฉียนกล่าวสำหรับจงเหลียงคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มีอะไร แต่ฉินหลินรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ามอบธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหานให้จงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?หากไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ในอนาคตตระกูลหานในเหยียนจิงจะตกไปอยู่ในมืองของจงเหลียง!ไม่แปลกใจเลยที่จงเหลียงบอกว่าในอนคตจะได้ร่วมมือกับเขา ที่แท้เขาก็ได้กลับมาเหยียนจิงแล้ว แถมยังได้รับความสำคัญจากหานซานเฉียนอีกด้วยการมีอำนาจของตระกูลหานอยู่ในกำมือ สถานะของจงเหลียงในเหยียนจิงก็คืออันดับหนึ่งในโลกธุรกิจไม่ใช่เหรอ?ตกตะลึงอย่างนั้นเหรอ?นี่มันมากกว่าตกตะลึงซะอีก ฉินหลินแทบจะไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ“นายน้อย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” จงเหลียงกล่าวอย่างหนักแน่นหานซานเฉียนชัดเจนมากเกี่ยวกับความสามารถของจงเหลียงดี ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลหาน แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องในด้านคว
เมื่อจงเทียนอียืนอยู่ที่ประตู และเตรียมที่จะเปิดออก ตระกูลจงก็คุกเข่าลงบนพื้นทีละคน นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนได้ เพราะไม่มีใครอยากตาย และไม่มีใครอยากมีปัญหากับหานซานเฉียนเมื่อเห็นฉากนี้ จงหมิงกั๋วก็หมดหวังมากยิ่งขึ้นหลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดตระกูลจงก็รอจนกระทั่งตระกูลหานตกต่ำ จงหมิงกั๋วเคยคิดว่าตระกูลจงสามารถเหยียบตระกูลหานและก้าวขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ความฝันนี้อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่หานซานเฉียนกลับมาที่เหยียนจิงความใฝ่ฝันก็แตกสลายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนจงหมิงกั๋วรู้สึกเหมือนว่าเขามีความฝันอันแสนหวาน และในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริงจงหมิงกั๋วไม่เต็มใจมาก เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตระกูลจงไม่สามารถขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าหานซานเฉียนสามารถเอาชนะสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ นี่คือสิ่งที่ไม่มีตระกูลขุนนางคนไหนทำได้ การก้มหัวให้กับตระกูลหานจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจงหมิงกั๋ว บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของตระกูลจงสินะแม้ว่าจงเทียนอีจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้เก