คำพูดของจงเทียนหลีกระทบใจผู้คนมากมาย จะเป็นคนหรือเป็นผี ทุกคนต่างก็มีคำตอบอยู่ในใจ การสละชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำ ขอแค่พวกเขาสามารถมีชีวิตต่อได้ ให้คุกเข่าลงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรแต่จงหมิงกั๋วนั้นต่างออกไป ในฐานะผู้นำตระกูลจง เขามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และเคยประกาศออกไปแบบนั้น ตอนนี้จะให้เขาคุกเข่าให้กับตระกูลหาน แล้วอนาคตเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบปะผู้คนกันล่ะ “จงเทียนหลี หุบปากซะ แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่” จงหมิงกั๋วตวาดอย่างเย็นชา จากนั้นหันไปมองจงเทียนอีในใจของจงหมิงกั๋ว จงเทียนอีคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของตระกูล ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าจงเทียนอีจะต้องมีวิธีในการแก้ปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้“เทียนอี นายต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาภายในสองวันนี้ ความหวังของตระกูลอยู่ที่นายนะ ขอแค่นายสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะให้ตำแหน่งผู้นำตระกุลให้กับนายทันที” จงหมิงกั๋วพูดนี่เป็นคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจมาก การได้นั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลคือความใฝ่ฝันของจงเทียนอีแต่น่าเสียดายจงเทียนอีไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ก่อนจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลจะต้องมีวิธีจัดกา
“นายน้อย ผมได้จัดการเรื่องในหยุนเฉิงเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วครับ” ในสวน จงเหลียงและฉินหลินยืนอยู่ด้านหลังหานซานเฉียน พวกเขาทำท่าทางเหมือนกันแทบจะทุกประการ โดยเอียงตัวและก้มศีรษะลงเล็กน้อย“ไปที่ตระกูลจง ในเมื่อจะมอบธุรกิจของตระกูลหานให้คุณแล้ว งั้นก็ต้องทำให้พวกเขารู้จักตัวตนของคุณ” หานซานเฉียนกล่าวสำหรับจงเหลียงคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มีอะไร แต่ฉินหลินรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ามอบธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหานให้จงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?หากไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ในอนาคตตระกูลหานในเหยียนจิงจะตกไปอยู่ในมืองของจงเหลียง!ไม่แปลกใจเลยที่จงเหลียงบอกว่าในอนคตจะได้ร่วมมือกับเขา ที่แท้เขาก็ได้กลับมาเหยียนจิงแล้ว แถมยังได้รับความสำคัญจากหานซานเฉียนอีกด้วยการมีอำนาจของตระกูลหานอยู่ในกำมือ สถานะของจงเหลียงในเหยียนจิงก็คืออันดับหนึ่งในโลกธุรกิจไม่ใช่เหรอ?ตกตะลึงอย่างนั้นเหรอ?นี่มันมากกว่าตกตะลึงซะอีก ฉินหลินแทบจะไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ“นายน้อย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” จงเหลียงกล่าวอย่างหนักแน่นหานซานเฉียนชัดเจนมากเกี่ยวกับความสามารถของจงเหลียงดี ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลหาน แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องในด้านคว
เมื่อจงเทียนอียืนอยู่ที่ประตู และเตรียมที่จะเปิดออก ตระกูลจงก็คุกเข่าลงบนพื้นทีละคน นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนได้ เพราะไม่มีใครอยากตาย และไม่มีใครอยากมีปัญหากับหานซานเฉียนเมื่อเห็นฉากนี้ จงหมิงกั๋วก็หมดหวังมากยิ่งขึ้นหลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดตระกูลจงก็รอจนกระทั่งตระกูลหานตกต่ำ จงหมิงกั๋วเคยคิดว่าตระกูลจงสามารถเหยียบตระกูลหานและก้าวขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ความฝันนี้อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่หานซานเฉียนกลับมาที่เหยียนจิงความใฝ่ฝันก็แตกสลายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนจงหมิงกั๋วรู้สึกเหมือนว่าเขามีความฝันอันแสนหวาน และในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริงจงหมิงกั๋วไม่เต็มใจมาก เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตระกูลจงไม่สามารถขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าหานซานเฉียนสามารถเอาชนะสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ นี่คือสิ่งที่ไม่มีตระกูลขุนนางคนไหนทำได้ การก้มหัวให้กับตระกูลหานจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจงหมิงกั๋ว บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของตระกูลจงสินะแม้ว่าจงเทียนอีจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้เก
จู่ ๆ ประธานคนปัจจุบันก็มีความคิดอยู่ในใจ หากสามารถดึงหานซานเฉียนเข้าสู่สมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ เช่นนั้นความอับอายของสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็จะหายไปเพราะหานซานเฉียนเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้ หากเขาแพ้ให้กับคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้ บุคคลภายนอกก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้แล้ว“ประธานเฉิน คุณคิดว่าเรามีโอกาสที่จะทำให้เขาเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ไหมครับ?” ประธานคนปัจจุบันถาม"ตลก เป็นเรื่องตลกมาก" เฉินเปามองประธานคนปัจจุบันด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม การขอให้หานซานเฉียนเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ สมาคมศิลปะการต่อสู้มีคุณสมบัตินั้นไหม? ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาสามารถเข้าร่วมเทียนฉีได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะมาสนใจสมาคมศิลปะการต่อสู้เพียงได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เฉินเปายังสงสัยว่าบุคคลที่ปรากฏตัวบนสังเวียนก่อนหน้านี้อาจเกี่ยวข้องกับเทียนฉี เพราะเขาสามารถสกัดกั้นหมัดของหานซานเฉียนได้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีพลังมาก คนที่ทำแบบนี้ได้จะเป็นแค่ปรมาจารย์ทั่วไปอย่างนั้นเหรอ?ประธานคนปัจจุบันกระอักกระอ่วน เขาก็แค่อยากขอให้หานซานเฉียนเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ มันเป็นเรื่องตลกตรงไหนกัน ในคว
ขณะที่ทุกคนในเหยียนจิงกำลังรอคอยการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของหานซานเฉียน ก็มีข่าวที่ฮือฮาอีกเรื่องที่แพร่กระจายไปทั่วเหยียนจิง หานซานเฉียนออกจากเหยียนจิง และกลับไปที่หยุนเฉิงการจากไปอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในเหยียนจิงไม่ทันตั้งตัว ในมุมมองของพวกเขา หลังจากที่หานซานเฉียนก่อตั้งอำนาจแล้ว เขาควรปรับปรุงสถานะและความแข็งแกร่งของตระกูลหานในโลกธุรกิจด้วยอิทธิพล และการปราบปรามในปัจจุบันของเขาเป็นเรื่องง่ายที่จะทำสิ่งนี้ แต่เขากลับจากไป สิ่งนี้จึงทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนต่อมาไม่นานก็มีข่าวไม่น่าเชื่อเผยแพร่ออกมาหานซานเฉียนทิ้งตระกูลหานไว้ในมือของจงเหลียงและฉินหลิน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลับมาเหยียนจิงอีก ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทุกคนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ทุกคนต่างก็ปรารถนาในการครอบครองอำนาจและสิทธิ์ของตระกูลหานในเหยียนจิง แต่หานซานเฉียนดูเหมือนจะเพิกเฉย กล่าวได้ว่าสิทธิ์ดังกล่าวไม่อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ “หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงได้จากไปในสถานการณ์แบบนี้”“ได้ยินมาว่าเขาไปหยุนเฉิงเพราะภรรยาของเขา หานซานเฉียนเป็นคนที่มีความภักดีมาก ในสายตาของเขา พลังและอำนาจเทียบไม่กับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เลย
เมื่อถึงวันตรุษจีน เมืองเล็ก ๆ อย่างหยุนเฉิงดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก คนที่ไปทำงานเมืองอื่นกลับมาที่บ้านเกิด และกำลังตกแต่งงานตรุษจีนกันอย่างคึกคัก ในตรอกซอกซอยคับแน่นไปด้วยผู้คน ในหนึ่งปีจะมีก็แต่เทศกาลนี้เท่านั้นที่หยุนเฉิงจะดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้บ้านทุกหลังกำลังประดับตกแต่งและแปะโคลงกลอน คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเองก็เช่นกัน เทียนหลิงเอ๋อร์มาคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเกือบทุกวันนับตั้งแต่ที่หานซานเฉียนกลับมา ราวกับว่าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาคือบ้านของเธอเองซูหยิงเซี่ยและซือจิงกลับมาจากการซื้อของ และกำลังตรวจสอบของที่พวกเธอซื้อมาลูกอมถั่วทุกชนิดถูกจัดเตรียมไว้รับประทานหลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานกาล่า“ซานเฉียน ปีนี้นายเป็นคนเขียนบทกลอนคู่ก็แล้วกัน” ในเวลานี้ เหยียนจุนพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มซูหยิงเซี่ยที่กำลังนับสิ่งต่าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ จึงถามเหยียนจุนด้วยความประหลาดใจ "คุณปู่เหยียน ซานเฉียนเขียนบทกลอนคู่เป็นด้วยเหรอคะ?"“แน่นอน” เหยียนจุนพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “เขาฝึกคัดลายมือมาตั้งแต่เด็ก บทกลอนคู่ทั้งหมดในตระกูลหานเป็นผลงานของเขาเอง”“นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผ
สุดท้ายตระกูลเทียนก็ไม่ได้แขวนบทกลอนคู่ที่หานซานเฉียนเป็นคนเขียน แต่เอาบทกลอนไปใส่กรอบและวางไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดในห้องนั่งเล่น ในความคิดของเทียนฉางเฉิง คุณค่าของบทกลอนคู่นี้ไม่ธรรมดา หากเอามันไปใช้ ก็คงจะน่าเสียดายที่ต้องโดนแดดโดนฝน และเทียนฉางเฉิงก็มีความรู้สึกว่าของแบบนี้จะมีคุณค่ามากขึ้นในอนาคต และสามารถรวบรวมเป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้อย่างแน่นอน ในวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในครอบครัวร่วมกันทำอาหารเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ซูหยิงเซี่ยผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นก็ยังช่วยอยู่ในครัว ในขณะที่ผู้ชายหลายคนดูทีวีและดื่มชากันในห้องนั่งเล่น เพลิดเพลินกับความผ่อนคลายที่มีมาเพียงปีละครั้งเท่านั้นม่อหยาง หลินหย่ง และฉีฮู่ก็มาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเช่นกัน หานซานเฉียนเป็นคนเรียกคนขี้เหงาเหล่านี้มาเอง เพราะยิ่งคนเยอะก็จะยิ่งครึกครื้น หากให้พวกเขาอยู่แต่ในคลับเมจิกซิตี้ มันก็จะดูหดหู่เกินไปหน่อยเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งครอบครัวก็นั่งรวมกันเต็มพื้นที่ กินอาหารอร่อย กำลังดูงานกาล่า และพูดคุยสัพเพเหระกัน ดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่วิเศษมาก แม้แต่หานเนี่ยนก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่มี
ณ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ในวันต่อมามีผู้คนมากมายมามอบของขวัญวันปีใหม่ นี่คือการที่ทุกคนปฏิบัติต่อตระกูลเทียนในอดีต แต่ในวันนี้ ผู้คนหันมาประจบประแจงตระกูลหานตระกูลเทียนไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มคนใหญ่คนโตที่มามอบของขวัญด้วยเช่นกัน แถมเทียนฉางเฉิงเองยังเป็นคนนำของขวัญมามอบให้เป็นการส่วนตัวด้วยอย่างไรก็ตาม ตระกูลเทียนนั้นยังมีความต่างจากคนอื่น ๆ อยู่ โดยที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์ได้ มากที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่มอบของขวัญและทักทายไม่กี่ประโยคเท่านั้นก่อนจะกลับไป แต่ตระกูลเทียนได้รับเชิญให้เข้าไปในคฤหาสน์ เพราะด้านในมีเทียนหลิงเอ๋อร์เด็กสาวคนนี้อยู่ ไม่ต้องรอให้หานซานเฉียนเอ่ยปาก เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เชิญครอบครัวเธอเข้ามาในคฤหาสน์แล้วในวันที่ห้าของปีใหม่ทางจันทรคติ สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในที่สุดก็มาถึงเมื่ออี้เหล่าและฟางจ้านปรากฏตัว แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเอาซะเลยเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอไม่อยากนึกถึงในทีสุดก็เกิดขึ้นแล้ว“จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อยหรือยัง?” อี้เหล่าถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนเ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ