คำพูดของจงเทียนหลีกระทบใจผู้คนมากมาย จะเป็นคนหรือเป็นผี ทุกคนต่างก็มีคำตอบอยู่ในใจ การสละชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำ ขอแค่พวกเขาสามารถมีชีวิตต่อได้ ให้คุกเข่าลงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรแต่จงหมิงกั๋วนั้นต่างออกไป ในฐานะผู้นำตระกูลจง เขามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และเคยประกาศออกไปแบบนั้น ตอนนี้จะให้เขาคุกเข่าให้กับตระกูลหาน แล้วอนาคตเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบปะผู้คนกันล่ะ “จงเทียนหลี หุบปากซะ แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่” จงหมิงกั๋วตวาดอย่างเย็นชา จากนั้นหันไปมองจงเทียนอีในใจของจงหมิงกั๋ว จงเทียนอีคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของตระกูล ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าจงเทียนอีจะต้องมีวิธีในการแก้ปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้“เทียนอี นายต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาภายในสองวันนี้ ความหวังของตระกูลอยู่ที่นายนะ ขอแค่นายสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะให้ตำแหน่งผู้นำตระกุลให้กับนายทันที” จงหมิงกั๋วพูดนี่เป็นคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจมาก การได้นั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลคือความใฝ่ฝันของจงเทียนอีแต่น่าเสียดายจงเทียนอีไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ก่อนจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลจะต้องมีวิธีจัดกา
“นายน้อย ผมได้จัดการเรื่องในหยุนเฉิงเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วครับ” ในสวน จงเหลียงและฉินหลินยืนอยู่ด้านหลังหานซานเฉียน พวกเขาทำท่าทางเหมือนกันแทบจะทุกประการ โดยเอียงตัวและก้มศีรษะลงเล็กน้อย“ไปที่ตระกูลจง ในเมื่อจะมอบธุรกิจของตระกูลหานให้คุณแล้ว งั้นก็ต้องทำให้พวกเขารู้จักตัวตนของคุณ” หานซานเฉียนกล่าวสำหรับจงเหลียงคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มีอะไร แต่ฉินหลินรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ามอบธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหานให้จงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?หากไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ในอนาคตตระกูลหานในเหยียนจิงจะตกไปอยู่ในมืองของจงเหลียง!ไม่แปลกใจเลยที่จงเหลียงบอกว่าในอนคตจะได้ร่วมมือกับเขา ที่แท้เขาก็ได้กลับมาเหยียนจิงแล้ว แถมยังได้รับความสำคัญจากหานซานเฉียนอีกด้วยการมีอำนาจของตระกูลหานอยู่ในกำมือ สถานะของจงเหลียงในเหยียนจิงก็คืออันดับหนึ่งในโลกธุรกิจไม่ใช่เหรอ?ตกตะลึงอย่างนั้นเหรอ?นี่มันมากกว่าตกตะลึงซะอีก ฉินหลินแทบจะไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ“นายน้อย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” จงเหลียงกล่าวอย่างหนักแน่นหานซานเฉียนชัดเจนมากเกี่ยวกับความสามารถของจงเหลียงดี ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลหาน แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องในด้านคว
เมื่อจงเทียนอียืนอยู่ที่ประตู และเตรียมที่จะเปิดออก ตระกูลจงก็คุกเข่าลงบนพื้นทีละคน นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนได้ เพราะไม่มีใครอยากตาย และไม่มีใครอยากมีปัญหากับหานซานเฉียนเมื่อเห็นฉากนี้ จงหมิงกั๋วก็หมดหวังมากยิ่งขึ้นหลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดตระกูลจงก็รอจนกระทั่งตระกูลหานตกต่ำ จงหมิงกั๋วเคยคิดว่าตระกูลจงสามารถเหยียบตระกูลหานและก้าวขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ความฝันนี้อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่หานซานเฉียนกลับมาที่เหยียนจิงความใฝ่ฝันก็แตกสลายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนจงหมิงกั๋วรู้สึกเหมือนว่าเขามีความฝันอันแสนหวาน และในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริงจงหมิงกั๋วไม่เต็มใจมาก เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตระกูลจงไม่สามารถขึ้นสู่อำนาจได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าหานซานเฉียนสามารถเอาชนะสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ นี่คือสิ่งที่ไม่มีตระกูลขุนนางคนไหนทำได้ การก้มหัวให้กับตระกูลหานจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจงหมิงกั๋ว บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของตระกูลจงสินะแม้ว่าจงเทียนอีจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้เก
จู่ ๆ ประธานคนปัจจุบันก็มีความคิดอยู่ในใจ หากสามารถดึงหานซานเฉียนเข้าสู่สมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ เช่นนั้นความอับอายของสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็จะหายไปเพราะหานซานเฉียนเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้ หากเขาแพ้ให้กับคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้ บุคคลภายนอกก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้แล้ว“ประธานเฉิน คุณคิดว่าเรามีโอกาสที่จะทำให้เขาเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้ไหมครับ?” ประธานคนปัจจุบันถาม"ตลก เป็นเรื่องตลกมาก" เฉินเปามองประธานคนปัจจุบันด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม การขอให้หานซานเฉียนเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ สมาคมศิลปะการต่อสู้มีคุณสมบัตินั้นไหม? ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาสามารถเข้าร่วมเทียนฉีได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะมาสนใจสมาคมศิลปะการต่อสู้เพียงได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เฉินเปายังสงสัยว่าบุคคลที่ปรากฏตัวบนสังเวียนก่อนหน้านี้อาจเกี่ยวข้องกับเทียนฉี เพราะเขาสามารถสกัดกั้นหมัดของหานซานเฉียนได้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีพลังมาก คนที่ทำแบบนี้ได้จะเป็นแค่ปรมาจารย์ทั่วไปอย่างนั้นเหรอ?ประธานคนปัจจุบันกระอักกระอ่วน เขาก็แค่อยากขอให้หานซานเฉียนเข้าร่วมสมาคมศิลปะการต่อสู้ มันเป็นเรื่องตลกตรงไหนกัน ในคว
ขณะที่ทุกคนในเหยียนจิงกำลังรอคอยการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของหานซานเฉียน ก็มีข่าวที่ฮือฮาอีกเรื่องที่แพร่กระจายไปทั่วเหยียนจิง หานซานเฉียนออกจากเหยียนจิง และกลับไปที่หยุนเฉิงการจากไปอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในเหยียนจิงไม่ทันตั้งตัว ในมุมมองของพวกเขา หลังจากที่หานซานเฉียนก่อตั้งอำนาจแล้ว เขาควรปรับปรุงสถานะและความแข็งแกร่งของตระกูลหานในโลกธุรกิจด้วยอิทธิพล และการปราบปรามในปัจจุบันของเขาเป็นเรื่องง่ายที่จะทำสิ่งนี้ แต่เขากลับจากไป สิ่งนี้จึงทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนต่อมาไม่นานก็มีข่าวไม่น่าเชื่อเผยแพร่ออกมาหานซานเฉียนทิ้งตระกูลหานไว้ในมือของจงเหลียงและฉินหลิน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลับมาเหยียนจิงอีก ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทุกคนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ทุกคนต่างก็ปรารถนาในการครอบครองอำนาจและสิทธิ์ของตระกูลหานในเหยียนจิง แต่หานซานเฉียนดูเหมือนจะเพิกเฉย กล่าวได้ว่าสิทธิ์ดังกล่าวไม่อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ “หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงได้จากไปในสถานการณ์แบบนี้”“ได้ยินมาว่าเขาไปหยุนเฉิงเพราะภรรยาของเขา หานซานเฉียนเป็นคนที่มีความภักดีมาก ในสายตาของเขา พลังและอำนาจเทียบไม่กับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เลย
เมื่อถึงวันตรุษจีน เมืองเล็ก ๆ อย่างหยุนเฉิงดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก คนที่ไปทำงานเมืองอื่นกลับมาที่บ้านเกิด และกำลังตกแต่งงานตรุษจีนกันอย่างคึกคัก ในตรอกซอกซอยคับแน่นไปด้วยผู้คน ในหนึ่งปีจะมีก็แต่เทศกาลนี้เท่านั้นที่หยุนเฉิงจะดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้บ้านทุกหลังกำลังประดับตกแต่งและแปะโคลงกลอน คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเองก็เช่นกัน เทียนหลิงเอ๋อร์มาคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเกือบทุกวันนับตั้งแต่ที่หานซานเฉียนกลับมา ราวกับว่าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาคือบ้านของเธอเองซูหยิงเซี่ยและซือจิงกลับมาจากการซื้อของ และกำลังตรวจสอบของที่พวกเธอซื้อมาลูกอมถั่วทุกชนิดถูกจัดเตรียมไว้รับประทานหลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานกาล่า“ซานเฉียน ปีนี้นายเป็นคนเขียนบทกลอนคู่ก็แล้วกัน” ในเวลานี้ เหยียนจุนพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มซูหยิงเซี่ยที่กำลังนับสิ่งต่าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ จึงถามเหยียนจุนด้วยความประหลาดใจ "คุณปู่เหยียน ซานเฉียนเขียนบทกลอนคู่เป็นด้วยเหรอคะ?"“แน่นอน” เหยียนจุนพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “เขาฝึกคัดลายมือมาตั้งแต่เด็ก บทกลอนคู่ทั้งหมดในตระกูลหานเป็นผลงานของเขาเอง”“นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผ
สุดท้ายตระกูลเทียนก็ไม่ได้แขวนบทกลอนคู่ที่หานซานเฉียนเป็นคนเขียน แต่เอาบทกลอนไปใส่กรอบและวางไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดในห้องนั่งเล่น ในความคิดของเทียนฉางเฉิง คุณค่าของบทกลอนคู่นี้ไม่ธรรมดา หากเอามันไปใช้ ก็คงจะน่าเสียดายที่ต้องโดนแดดโดนฝน และเทียนฉางเฉิงก็มีความรู้สึกว่าของแบบนี้จะมีคุณค่ามากขึ้นในอนาคต และสามารถรวบรวมเป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้อย่างแน่นอน ในวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในครอบครัวร่วมกันทำอาหารเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ซูหยิงเซี่ยผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นก็ยังช่วยอยู่ในครัว ในขณะที่ผู้ชายหลายคนดูทีวีและดื่มชากันในห้องนั่งเล่น เพลิดเพลินกับความผ่อนคลายที่มีมาเพียงปีละครั้งเท่านั้นม่อหยาง หลินหย่ง และฉีฮู่ก็มาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเช่นกัน หานซานเฉียนเป็นคนเรียกคนขี้เหงาเหล่านี้มาเอง เพราะยิ่งคนเยอะก็จะยิ่งครึกครื้น หากให้พวกเขาอยู่แต่ในคลับเมจิกซิตี้ มันก็จะดูหดหู่เกินไปหน่อยเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งครอบครัวก็นั่งรวมกันเต็มพื้นที่ กินอาหารอร่อย กำลังดูงานกาล่า และพูดคุยสัพเพเหระกัน ดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่วิเศษมาก แม้แต่หานเนี่ยนก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่มี
ณ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ในวันต่อมามีผู้คนมากมายมามอบของขวัญวันปีใหม่ นี่คือการที่ทุกคนปฏิบัติต่อตระกูลเทียนในอดีต แต่ในวันนี้ ผู้คนหันมาประจบประแจงตระกูลหานตระกูลเทียนไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มคนใหญ่คนโตที่มามอบของขวัญด้วยเช่นกัน แถมเทียนฉางเฉิงเองยังเป็นคนนำของขวัญมามอบให้เป็นการส่วนตัวด้วยอย่างไรก็ตาม ตระกูลเทียนนั้นยังมีความต่างจากคนอื่น ๆ อยู่ โดยที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์ได้ มากที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่มอบของขวัญและทักทายไม่กี่ประโยคเท่านั้นก่อนจะกลับไป แต่ตระกูลเทียนได้รับเชิญให้เข้าไปในคฤหาสน์ เพราะด้านในมีเทียนหลิงเอ๋อร์เด็กสาวคนนี้อยู่ ไม่ต้องรอให้หานซานเฉียนเอ่ยปาก เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เชิญครอบครัวเธอเข้ามาในคฤหาสน์แล้วในวันที่ห้าของปีใหม่ทางจันทรคติ สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในที่สุดก็มาถึงเมื่ออี้เหล่าและฟางจ้านปรากฏตัว แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเอาซะเลยเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอไม่อยากนึกถึงในทีสุดก็เกิดขึ้นแล้ว“จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อยหรือยัง?” อี้เหล่าถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนเ