ขณะที่ทุกคนในเหยียนจิงกำลังรอคอยการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของหานซานเฉียน ก็มีข่าวที่ฮือฮาอีกเรื่องที่แพร่กระจายไปทั่วเหยียนจิง หานซานเฉียนออกจากเหยียนจิง และกลับไปที่หยุนเฉิงการจากไปอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในเหยียนจิงไม่ทันตั้งตัว ในมุมมองของพวกเขา หลังจากที่หานซานเฉียนก่อตั้งอำนาจแล้ว เขาควรปรับปรุงสถานะและความแข็งแกร่งของตระกูลหานในโลกธุรกิจด้วยอิทธิพล และการปราบปรามในปัจจุบันของเขาเป็นเรื่องง่ายที่จะทำสิ่งนี้ แต่เขากลับจากไป สิ่งนี้จึงทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนต่อมาไม่นานก็มีข่าวไม่น่าเชื่อเผยแพร่ออกมาหานซานเฉียนทิ้งตระกูลหานไว้ในมือของจงเหลียงและฉินหลิน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลับมาเหยียนจิงอีก ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทุกคนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ทุกคนต่างก็ปรารถนาในการครอบครองอำนาจและสิทธิ์ของตระกูลหานในเหยียนจิง แต่หานซานเฉียนดูเหมือนจะเพิกเฉย กล่าวได้ว่าสิทธิ์ดังกล่าวไม่อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ “หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงได้จากไปในสถานการณ์แบบนี้”“ได้ยินมาว่าเขาไปหยุนเฉิงเพราะภรรยาของเขา หานซานเฉียนเป็นคนที่มีความภักดีมาก ในสายตาของเขา พลังและอำนาจเทียบไม่กับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เลย
เมื่อถึงวันตรุษจีน เมืองเล็ก ๆ อย่างหยุนเฉิงดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก คนที่ไปทำงานเมืองอื่นกลับมาที่บ้านเกิด และกำลังตกแต่งงานตรุษจีนกันอย่างคึกคัก ในตรอกซอกซอยคับแน่นไปด้วยผู้คน ในหนึ่งปีจะมีก็แต่เทศกาลนี้เท่านั้นที่หยุนเฉิงจะดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้บ้านทุกหลังกำลังประดับตกแต่งและแปะโคลงกลอน คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเองก็เช่นกัน เทียนหลิงเอ๋อร์มาคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเกือบทุกวันนับตั้งแต่ที่หานซานเฉียนกลับมา ราวกับว่าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาคือบ้านของเธอเองซูหยิงเซี่ยและซือจิงกลับมาจากการซื้อของ และกำลังตรวจสอบของที่พวกเธอซื้อมาลูกอมถั่วทุกชนิดถูกจัดเตรียมไว้รับประทานหลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานกาล่า“ซานเฉียน ปีนี้นายเป็นคนเขียนบทกลอนคู่ก็แล้วกัน” ในเวลานี้ เหยียนจุนพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มซูหยิงเซี่ยที่กำลังนับสิ่งต่าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ จึงถามเหยียนจุนด้วยความประหลาดใจ "คุณปู่เหยียน ซานเฉียนเขียนบทกลอนคู่เป็นด้วยเหรอคะ?"“แน่นอน” เหยียนจุนพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “เขาฝึกคัดลายมือมาตั้งแต่เด็ก บทกลอนคู่ทั้งหมดในตระกูลหานเป็นผลงานของเขาเอง”“นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผ
สุดท้ายตระกูลเทียนก็ไม่ได้แขวนบทกลอนคู่ที่หานซานเฉียนเป็นคนเขียน แต่เอาบทกลอนไปใส่กรอบและวางไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดในห้องนั่งเล่น ในความคิดของเทียนฉางเฉิง คุณค่าของบทกลอนคู่นี้ไม่ธรรมดา หากเอามันไปใช้ ก็คงจะน่าเสียดายที่ต้องโดนแดดโดนฝน และเทียนฉางเฉิงก็มีความรู้สึกว่าของแบบนี้จะมีคุณค่ามากขึ้นในอนาคต และสามารถรวบรวมเป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้อย่างแน่นอน ในวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในครอบครัวร่วมกันทำอาหารเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ซูหยิงเซี่ยผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นก็ยังช่วยอยู่ในครัว ในขณะที่ผู้ชายหลายคนดูทีวีและดื่มชากันในห้องนั่งเล่น เพลิดเพลินกับความผ่อนคลายที่มีมาเพียงปีละครั้งเท่านั้นม่อหยาง หลินหย่ง และฉีฮู่ก็มาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเช่นกัน หานซานเฉียนเป็นคนเรียกคนขี้เหงาเหล่านี้มาเอง เพราะยิ่งคนเยอะก็จะยิ่งครึกครื้น หากให้พวกเขาอยู่แต่ในคลับเมจิกซิตี้ มันก็จะดูหดหู่เกินไปหน่อยเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งครอบครัวก็นั่งรวมกันเต็มพื้นที่ กินอาหารอร่อย กำลังดูงานกาล่า และพูดคุยสัพเพเหระกัน ดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่วิเศษมาก แม้แต่หานเนี่ยนก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่มี
ณ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ในวันต่อมามีผู้คนมากมายมามอบของขวัญวันปีใหม่ นี่คือการที่ทุกคนปฏิบัติต่อตระกูลเทียนในอดีต แต่ในวันนี้ ผู้คนหันมาประจบประแจงตระกูลหานตระกูลเทียนไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มคนใหญ่คนโตที่มามอบของขวัญด้วยเช่นกัน แถมเทียนฉางเฉิงเองยังเป็นคนนำของขวัญมามอบให้เป็นการส่วนตัวด้วยอย่างไรก็ตาม ตระกูลเทียนนั้นยังมีความต่างจากคนอื่น ๆ อยู่ โดยที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์ได้ มากที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่มอบของขวัญและทักทายไม่กี่ประโยคเท่านั้นก่อนจะกลับไป แต่ตระกูลเทียนได้รับเชิญให้เข้าไปในคฤหาสน์ เพราะด้านในมีเทียนหลิงเอ๋อร์เด็กสาวคนนี้อยู่ ไม่ต้องรอให้หานซานเฉียนเอ่ยปาก เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เชิญครอบครัวเธอเข้ามาในคฤหาสน์แล้วในวันที่ห้าของปีใหม่ทางจันทรคติ สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในที่สุดก็มาถึงเมื่ออี้เหล่าและฟางจ้านปรากฏตัว แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเอาซะเลยเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอไม่อยากนึกถึงในทีสุดก็เกิดขึ้นแล้ว“จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อยหรือยัง?” อี้เหล่าถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนเ
หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จ ซูหยิงเซี่ยก็เฝ้าดูหานซานเฉียนกินมันด้วยสีหน้ากังวล เขาดูอร่อยมาก กินจนเต็มปากไปหมด และชมซูหยิงเซี่ยไม่หยุดปาก จึงทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อยหลังทานอาหารเช้าเสร็จ หานซานเฉียนก็ออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขา โดยมีทุกคนในครอบครัวออกมาส่ง การจากลาครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่เมื่อซูหยิงเซี่ยกลับบ้านทั้งน้ำตา เธอก็ลองทานอาหารเช้าที่เธอทำ แล้วน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดสำหรับซูหยิงเซี่ยซึ่งไม่ได้ทำอาหารบ่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอาหารออกมาได้อร่อย แต่หานซานเฉียนก็ยังคงกินอาหารที่เค็มเกินกว่าจะกลืนลงไปได้ ซึ่งทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งจนหยุดร้องไห้ไม่ได้ที่ประตูของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง หานซานเฉียนและเจียงหยิงหยิงก็ขึ้นรถที่อี้เหล่าเตรียมไว้“ในเมื่อกำลังจะไปเทียนฉี งั้นฉันก็จะแนะนำเทียนฉีให้พวกนายรู้จักสักหน่อย” หลังจากขึ้นรถแล้ว อี้เหล่าพูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนพยักหน้า นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยมานานแล้ว"การดำรงอยู่ของเทียนฉี มีไว้เพื่อภารกิจพิเศษ ภารกิจนี้นายจะได้รู้ทีหลัง ตอนนี้ยังไม่พูดถึง สิ่งที่ฉันจะบอกนายก็คือ ในเทียนฉีมีการแบ่งระดั
“ได้ยินข่าวหรือยัง ผู้ชายที่ชื่อหานซานเฉียนคนนั้นจะเข้าร่วมการแข่งขันทุกระดับขั้น เขากำลังรนหาที่ตายจริง ๆ”“มากกว่ารนหาที่ตาย เท่าที่ฉันดู เขามาที่นี่เพื่อสร้างเรื่องตลก”“เขาเป็นถึงลูกศิษย์ของอี้เหล่า อาจมีความสามารถจริง ๆ ก็ได้ เพราะอี้เหล่าไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อนเลย”“ความสามารถ? ยอดฝีมือธรรมดา ๆ จะมีความหมายอะไรกับเทียนฉี ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหน แต่จะเทียบกับหลินตงได้เหรอ?”ภายในเทียนฉี ทุกคนรู้ว่าหานซานเฉียนกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับขั้นต่าง ๆ และคนส่วนใหญ่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกขบขันเทียน ตี้ เชวียน ฮวง สี่ระดับของเทียนฉี แต่ละระดับเป็นเกณฑ์ที่เข้มงวด โดยเฉพาะระดับเทียนยังคงรักษาสถิติไม่มีใครกล้าท้าทายมาเกือบสิบปี แม้แต่หลินตงซึ่งเป็นที่รู้จักในนามบุตรแห่งสรวงสวรรค์ก็ไม่เคยกล้าที่จะลอง และหานซานเฉียนผู้ที่เพิ่งจะได้เข้ามาในเทียนฉีกลับกล้าเข้าร่วมอย่างหุนหันพลันแล่น ในสายตาของคนในเทียนฉี เขาก็เป็นเหมือนเด็กทารก หรือไม่ก็มีปัญหาทางสมองทุกคนกำลังคุยกันเรื่องนี้ กล่าวได้ว่าหานซานเฉียนยังมาไม่ถึงเทียนฉี ชื่อของเขาโด่งดังในเทียนฉีแล้ว แต่ชื่อเสียงนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกไ
“อีกอย่างการท้าทายระดับฮวงในปีนี้ก็ยังโหดร้ายที่สุด มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด” กงเทียนไม่ได้สงบเท่าจวงถาง เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนทำสีหน้าดูถูกระดับฮวง เขาจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อหานซานเฉียนเผชิญกับคำเตือนของทั้งสอง เขาก็ไม่ได้สนใจ แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า "ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่ในเมื่อผมมาที่นี่แล้ว จะไม่มีวันอยู่ที่นี่ไปตลอดแน่นอน"ต่อมาฟางจ้านก็พาหานซานเฉียนไปยังสถานที่พักผ่อน เนื่องจากในเทียนฉีมีผู้ชายจำนวนมากกว่า ผู้หญิงจึงดูสะดุดตาเป็นพิเศษ คนเหล่านั้นต่างก็จับจ้องเจียงหยิงหยิง ในโลกภายนอกรูปร่างหน้าตาของเจียงหยิงหยิงไม่ได้โดดเด่นมาก แต่เธอก็ถือว่าไม่เลวในหมู่เด็กผู้หญิงธรรมดา สำหรับเทียนฉีรูปร่างหน้าตาของเธอเป็นความงามชั้นยอดอย่างแน่นอน และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกผีทะเลมีโอกาส หานซานเฉียนจึงขอให้ฟางจ้านจัดห้องนอนให้สองห้อง“อาจารย์ ผู้ชายคนนี้ดูถูกระดับฮวง ผมอยากจะเห็นเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขันนัก” กงเทียนพูดผ่านไรฟันหลังจากที่หานซานเฉียนเดินจากไปจวงถางส่ายหัวเบาแล้วพูดว่า "เกรงว่าจะไม่มีโอกาสนั้นน่ะสิ"“อาจารย์หมายความว่ายังไงครับ
“ไม่มีอะไรน่าชื่นชมหรอก” หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างไม่แยแสในความคิดของเขา ความรักคือการภักดีต่อคน ๆ เดียว หากสั่นคลอนเพราะความสวยงาม ก็ไม่อาาจเรียกว่าความรักได้ ในฐานะผู้ชาย หากไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานของครอบครัวได้ และไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของตัวเองได้ แล้วจะเรียกว่าผู้ชายได้อย่างไร“อ้อ ถึงเวลาที่จะอธิบายเกี่ยวกับซื่อเหมินและซานเตี้ยนให้ผมฟังได้หรือยัง?” หานซานเฉียนถามฟางจ้าน รูปแบบของเทียนฉีคืออะไรกันแน่ หานซานเฉียนไม่รู้อะไรเลย ในเมื่อตอนนี้เขามาถึงเทียนฉีแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องรู้สิ่งเหล่านี้“คำว่า 'ซื่อเหมิน' มาจากชื่อของสัญลักษณ์ทั้งสี่ในแปดทิศ ได้แก่ ประตูชิงหลง ประตูเสือขาว ประตูหงส์ไฟ และประตูเต่าดำ ทั้งสี่ประตูล้วนมีผู้นำแต่ละประตู ส่วนอี้เหล่าคือผู้นำของซื่อเหมิน มีสิทธิ์สูงสุดในซื่อเหมิน ส่วนซานเตี้ยนได้แก่ ห้องโถงเฉียนคุน ห้องโถงเหลียงอี้ และห้องโถงหยินหยาง ผู้นำของซานเตี้ยนมีชื่อว่าเหอชิงเฟิง” ฟางจ้านอธิบาย “หรืออาจกล่าวได้ว่าทั้งเทียนฉี อี้เหล่าและคนที่ชื่อว่าเหอชิงเฟิงมีอำนาจมากที่สุด?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัย หากผู้นำของซื่อเหมินและซานเตี้ยน