เมื่อเวลาการประลองศิลปะการต่อสู้ใกล้เข้ามา เรื่องที่เจียงหยิงหยิงได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับกลุ่มปรมาจารย์ก็เริ่มเป็นที่พูดคุยมากขึ้นเรื่อย ๆ เกือบจะทุกคนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงที่นี่ ในสายตาของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ ผู้หญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และการเข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ก็ยิ่งเป็นเรื่องตลกเข้าไปใหญ่ ก็เหมือนกับการที่จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งเข้ามาในโรงอาบน้ำชาย มันไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตาแปลก ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเธอด้วยในเวลาเดียวกัน มีข่าวใหญ่ยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นในโลกศิลปะการต่อสู้เมื่อฟางจ้านเทียนประกาศว่าเหลยเฮ่อหมิงจะเข้าร่วมการแข่งขันในกลุ่มปรมาจารย์ด้วย ผู้ที่ลงทะเบียนในกลุ่มปรมาจารย์ทั้งหมดต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญ เพราะความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิงทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวลมีแม้กระทั่งข่าวลือว่าบางคนต้องการถอนตัวจากการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ เพราะพวกเขาไม่ต้องการยืนบนเวทีเดียวกับเหลยเฮ่อหมิงจากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเหลยเฮ่อหมิงทรงพลังเพียงใดในการคุกคามผู้ค
“คราวนี้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนจะสร้างเรื่องตลกครั้งใหญ่แน่ ให้ผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ได้ยังไงกัน”“ถึงจะอยากสร้างความตื่นเต้นให้ผู้คน ก็ต้องมีขอบเขตบ้าง หวังซินโดนประตูหนีบหัวหรือไง”"ไม่รู้จริง ๆ ว่าหวังซินคิดอะไรอยู่ ถึงคิดว่าจะสร้างชื่อเสียงให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนด้วยวิธีนี้ เขาคิดว่าการแข่งขันที่ไร้สาระนี่จะกู้ชื่อให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนได้หรือไงกัน?""บางทีหวังซินอาจต้องการให้ผู้คนจดจำสถานฝึกยุทธหลิงหยุนในอีกแบบหนึ่งก็ได้ ฉันคิดว่าสถานฝึกยุทธหลิงหยุนอีกไม่นานก็คงต้องปิดตัวลงแน่"หลายคนบนอัฒจันทร์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในความเห็นของพวกเขา การเข้าร่วมการแข่งขันของเจียงหยิงหยิงนั้นเป็นเรื่องตลก และไม่สามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจได้แม้ว่าหวังซินจะอยู่แถวหน้าของผู้ชม แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้นอย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้หวังซินรู้สึกหายใจไม่ออก แม้ว่าเขาจะเดาไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากเจียงหยิงหยิงขึ้นบนสังเวียน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าจะคนหรือผีตอนนี้ต่างก็พากันหัวเราะสถานฝึกยุทธหลิงกันทั้งนั้น “ท่านอาจารย
เขาและฟางจ้านเทียนรู้ดีว่าคำพูดของเหลยเฮ่อหมิงเป็นการโอ้อวดมากแค่ไหน เพราะนี่คือการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ ทุกคนที่เข้าร่วมได้คือบุคคลที่มีทักษะที่ดี แม้ว่าเหลยเฮ่อหมิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากมากที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ในกระบวนท่าเดียว แค่คิดน่ะง่าย แต่จะทำได้หรือเปล่านั้นยังไม่มีใครรู้ได้“คู่ต่อสู้ของเธอประมาทเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ มันยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น” ฟางจ้านเทียนอธิบาย จริง ๆ แล้วคำพูดเหล่านี้ก็เป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น เพราะในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่กังวลว่าเจียงหยิงหยิงจะแข็งแกร่งเกินไป แต่ยังกังวลว่าเหลยเฮอหมิงจะพ่ายแพ้ให้กับเจียงหยิงหยิงด้วยหากเหลยเฮ่อหมิงแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถคว้าโอกาสในการเข้าร่วมเทียนฉีเท่านั้น แต่มันจะยังทำลายชื่อเสียงของสถานฝึกยุทธจ้านเทียนด้วยในเกมแรก เจียงหยิงหยิงก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง ทุกคนต่างก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องที่เธอเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเดียว สำหรับการแข่งขันกลุ่มเยาวชน มันเป็นชัยชนะที่ง่ายดายสำหรับเธอมากเรื่องตลกก่อนหน้านี้เหมือนเป็นการตบหน้าเข้าอย่า
“ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาน่าจะแก่กว่าเหยียนจุน นายแน่ใจเหรอว่ายังแข็งแกร่งอยู่?” แม้ว่าชื่อเฉินเปาจะทำให้จงหมิงกั๋วตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ไม่ได้สูญเสียสติ เมื่ออายุเยอะแล้ว ทักษะจะลดลงอย่างแน่นอน เฉินเปาในวันนี้จะเทียบกับในอดีตได้อย่างไร“ผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่ผมบอกปู่ได้เลยว่าตอนนี้เฉินเป่าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ” จงเทียนอีกล่าวเมื่อเห็นว่างจงเทียนอีพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ จงหมิงกั๋วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของเฉินเปาอีกต่อไป แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงกลับมาเหยียนจิงอีกครั้ง “นายหาเขาเจอได้ยังไง และทำไมเขาถึงยอมกลับมาที่เหยียนจิง?” จงหมิงกั๋วถามอย่างงุนงง"สมาคมศิลปะการต่อสู้ก่อตั้งโดยเฉินเปา แต่ตอนนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้ถูกพวกขยะที่เห็นแต่ผลกำไรก่อความยุ่งเหยิง แม้แต่การประลองศิลปะการต่อสู้ทุกครั้งก็ยังไม่เป็นธรรม ดังนั้นเฉินเปาจึงทนไม่ไหวแล้ว เขาต้องการจัดระเบียบสมาคมศิลปะการต่อสู้ใหม่ และเอาตำแหน่งประธานสมาคมกลับคืนมา และผมจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เขาครับ” จงเทียนอีกล่าวจงหมิงกั๋วเป็นนักธุรกิจ เขาจึงรู้ดีว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์มากมายแค่ไหนเฉินเป
“หยิงหยิง เหลยเฮ่อหมิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้คนก่อน ๆ มาก สักพักตอนอยู่บนสังเวียนเธอต้องระมัดระวังให้ดีอย่าประมาทเขาเด็ดขาด” หานซานเฉียนเตือนเจียงหยิงหยิงก่อนขึ้นสังเวียนเขาไม่ได้กลัวว่าเจียงหยิงหยิงจะแพ้เกมนี้ หากเธอแพ้เพราะความแข็งแกร่ง หานซานเฉียนจะไม่โทษเธอ แต่หานซานเฉียนกังวลว่าการแข่งขันที่ราบรื่นในวันที่ผ่านมาจะทำให้เจียงหยิงหยิงได้ใจ เมื่อเธอประมาท มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เหลยเฮ่อหมิงทันทีที่สำคัญกว่านั้น เหลยเฮ่อหมิงมีเจตนาฆ่าเจียงหยิงหยิง เมื่อเจียงหยิงหยิงประมาท ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะแน่นอนเจียงหยิงหยิงพยักหน้าและกล่าวว่า "พี่ซานเฉียน ไม่ต้องกังวล ฉันจะระมัดระวังในการแข่งขันค่ะ และฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง"“ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจียงหยิงหยิงที่จะมาถึงแมตช์ชิงแชมป์ได้ เพราะเธอมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยมาก เธออาศัยเพียงความแข็งแกร่งในการเอาชนะ เมื่อเจอกับเหลยเฮ่อหมิง หากไม่ควบคุมให้ดี ในแง่ของประสบการณ์ เจียงหยิงหยิงก็เทียบเหลยเฮ่อหมิงไม่ได้“ฉันจะไม่แพ้ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่รู
ขณะที่เหลยเฮ่อหมิงกำลังรู้สึกได้ใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าขาของเขาถูกล็อกด้วยพลังมหาศาลไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมายืนอยู่ข้างเจียงหยิงหยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาก็ใช้แขนสกัดกั้นการโจมตีที่รุนแรงของเหลยเฮ่อหมิงไว้“เฮ้อ” หานซานเฉียนมองดูเจียงหยิงหยิงและถอนหายใจ ยังไงเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่จิตใจยังไม่มั่นคง เธอโกรธอย่างง่ายดายด้วยคำพูดของเหลยเฮ่อหมิง หากเขาไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ถึงเจียงหยิงหยิงจะยังคงมีชีวิตรอด แต่เกรงว่าเธออาจจะพิการทางสมองได้“หานซานเฉียน นายทำอะไรน่ะ!” เหลยเฮ่อหมิงกัดฟันและมองไปที่หานซานเฉียน นี่คือเวทีสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ แต่หานซานเฉียนกลับกล้าขึ้นมาบนสังเวียนในเวลานี้“หานซานเฉียน นายกำลังฝ่าฝืนกฎของการแข่งขันชิงแชมป์ นายรู้ไหมว่าจะมีจุดจบแบบไหน?” ฟางจ้านเทียนสถบอยู่ข้างสนามเช่นกัน เพราะเจียงหยิงหยิงกำลังจะตายแล้ว แต่จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เจียงหยิงหยิงรอดไปได้“กฎ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ฉันนี่แหละคือผู้ควบคุมกฎ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนทั่วทั้งสนามก็ตกตะลึงนี่คือการประลองศิลปะการต่อสู้ที่จัด
เฉินเปาหายตัวไปหลายปีแล้ว และคนที่รู้จักเขามีไม่มากแล้ว แต่คนในวัยหวังซินไม่มีวันลืมเฉินเปาแน่นอนดังนั้นเมื่อเฉินเปาปรากฏตัว ไม่เพียงแต่หวังซินเท่านั้นที่จำเขาได้ แต่คนอื่น ๆ ในสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็จำผู้ก่อตั้งสมาคมคนนี้ได้เช่นกัน“เฉินเปา เฉินเปากลับมาแล้ว!”“ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้เห็นบุคคลในตำนานในช่วงชีวิตของฉัน ได้ยินมาว่าเขาหายตัวไปหลายปี เพื่อออกค้นหาโลกอีกใบของศิลปะการต่อสู้ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงกลับมาล่ะ?”และที่เรียกว่าโลกอีกใบของศิลปะการต่อสู้ก็คือเทียนฉี หลายปีมานี้เฉินเปาออกตามหาเทียนฉี เขาต้องการเข้าร่วมเพื่อพบกับปรมาจารย์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น"ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เขาก็ยังปรากฏตัวขึ้น มันน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ" เมื่ออี้เหล่าเห็นเฉินเปา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้น หานซานเฉียนใช้โลกศิลปะการต่อสู้เป็นก้าวย่างให้ตระกูลหานได้กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์สูงสุดในเหยียนจิง แต่ก็ยังไม่น่าพอใจอยู่บ้าง แต่การปรากฏตัวของเฉินเปาอาจทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแม้แต่ผู้ก่อตั้งสมาคมก็พ่ายแพ้ให้กับหานซานเฉียน แล้วใครจะกล้าดูถูกตระกูลหานกันล่ะ?“อี้เหล่า ผมได้ยินมาว่าเฉินเปาต้องการเข
การลงนามในใบมรณะบัตรบนสังเวียน ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับความเหนือและความด้อยกว่าเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับความเป็นและความตายด้วย ในสายตาของผู้อื่น การกระทำของหานซานเฉียนเหมือนผลักตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น แต่อี้เหล่าขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีอี้เหล่ารู้ดีว่าถ้าหานซานเฉียนไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเฉินเป่าได้ เขาจะไม่มีทางเซ็นใบมรณะเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งที่หานซานเชียนแสดงออกมาให้เห็นระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อนกับฟางจ้าน เขาดูไม่เกรงกลัวเฉินเปายิ่งกว่า แต่อี้เหล่าคิดหาเหตุผลไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องการฆ่าเฉินเปา เฉินเปาหรือทั้งสมาคมศิลปะการต่อสู้เป็นเพียงก้าวย่างของหานซานเฉียน ตราบใดที่เขาก้าวบนสองคนนี้เพื่อขึ้นสู่อำนาจ สถานะของตระกูลหานในเหยียนจิงจะกลับมาอยู่จุดสูงสุดอีกครั้ง แต่ก็ไม่จำเป็นถึงกลับต้องฆ่าเฉินเปา“ฟางจ้าน ดูเหมือนว่านายจะต้องลงมือหน่อยแล้ว” อี้เหล่าพูดกับฟางจ้าน“อี้เหล่า หรือว่าคุณกังวลว่าหานซานเฉียนจะสู้เฉินเปาไม่ได้เหรอครับ?” ฟางจ้านถามอย่างสงสัย ในความคิดของเขา หานซานเฉียนแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกั