“แต่ฉันยังออกแรงไม่พอเลย ทำยังไงดีล่ะ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างอารมณ์ค้างอาจารย์หวังรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ หากเขาต่อสู้กับเจียงหยิงหยิง เขาก็อาจจะประสบปัญหาจริง ๆ แล้วถ้าเกิดเขาพิการขึ้นมา วันข้างหน้าจะทำอย่างไร ขณะที่กำลังคิดหาวิธีหลบหนี เขาก็คิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ และดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับเจียงหยิงหยิง "สาวน้อย อีกไม่กี่วันเหยียนจิงจะจัดงานประลองศิลปะการต่อสู้ ถ้าเธออยากเข้าร่วม ฉันสามารถช่วยเธอได้ รับรองว่าเธอจะได้ออกแรงอย่างสะใจแน่นอน"“งานประลองศิลปะการต่อสู้?” เจียงหยิงหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะมันกินเวลามากไป ขณะที่เธอกำลังจะปฏิเสธ จู่ ๆ เสียงของหานซานเฉียนก็ดังมาจากข้างหลังเธอ“หาโควต้าให้เธอหนึ่งที่ เธอจะเข้าร่วม” หานซานเฉียนล่าวเจียงหยิงหยิงหันหน้าไปมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนและพูดว่า "พี่ซานเฉียน พวกเราจะรีบกลับไปฉลองตรุษจีนไม่ใช่เหรอคะ?"“ทัน” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “โอกาสในการเข้าร่วมงานประลองศิลปะการต่อสู้มีไม่มากนัก เธอไม่อยากลองทดสอบความสามารถของตัวเองดูเหรอ?”เหตุผลหลักของเจียงหยิงหยิง คือเธอกลัวที่จ
กลอุบายของอาจารย์หวังมันแจ่มแจ้งมาก เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของเจียงหยิงหยิงเพิ่มชื่อเสียงให้กับสถานฝึกยุทธหลิงหยุน การประลองศิลปะการต่อสู้จัดขึ้นทุก ๆ สามปี นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับอาจารย์หวัง เขาไม่อยากพลาด และเขาก็มีเหตุผลที่ถูกต้องในการทำแบบนั้น เพราะหากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธของเขา ก็จะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการประลอง“อาจารย์หวัง คุณฉลาดมากจริง ๆ คิดจะหลอกใช้ฉันอย่างนั้นเหรอ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างเย็นชา ด้วยเจตนาฆ่าที่เห็นได้ชัดในน้ำเสียงของเธออาจารย์หวังตกใจมากจนรีบก้มศีรษะลงและอธิบายว่า "ถ้าคุณต้องเข้าร่วมการประลองก็ต้องทำแบบนี้เท่านั้น เพราะกฎของการประลองศิลปะการต่อสู้นั้นเข้มงวดมาก หากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธ ผมก็ไม่สามารถเอาบัตรเชิญมาให้คุณได้”หานซานเฉียนเหลือบมองเจียงหยิงหยิง และส่งสายตาบอกเธอว่าอย่าเพิ่งโกรธ ยังไงซะนี่ก็เป็นเพียงการทดสอบของเจียงหยิงหยิงเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าเธอต่อสู้ในนามของใคร“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็พาพวกเราไปดูสถานฝึกยุทธหน่อย” หานซานเฉียนเกล่าว“ครับ” อาจารย์หวังตอบรับอย่างรวดเร็วเจียงหยิงหยิงตามหานซานเฉียนไป โดยยังคงรู้สึกไม่พอใ
เหลยเฮ่อหมิงเป็นมือใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนวัยเดียวกัน สถานฝึกยุทธจ้านเทียนออกอาละวาดบ่อยครั้ง สถานฝึกยุทธหลายที่ยุ่งเหยิง ทั้งหมดนี้เป็นล้วนเป็นผลงานของเหลยเฮ่อหมิง และก็เป็นเพราะเหลยเฮ่อหมิงด้วยที่ทำให้สถานฝึกยุทธจ้านเทียนกลายเป็นสถานฝึกยุทธอันดับหนึ่งในเหยียนจิงแต่มีข่าวลือว่าเหลยเฮ่อหมิงจะไม่ลงแข่งขันในงานประลองครั้งนี้ ดังนั้นหลายคนจึงโล่งใจ แต่อาจารย์หวังไม่คิดเลยว่าข่าวลือเหล่าพวกนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ!ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับคำพูดของฟางจ้านเทียนเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าผู้ชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับการตัดสินแล้วขนาดผู้นำของสถานฝึกยุทธมากมายยังพ่ายแพ้ให้กับเหลยเฮ่อหมิง คนอื่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อเห็นอาจารย์หวังรู้สึกหวาดกลัว ฟางจ้านเทียนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงสั่งให้เหลยเฮ่อหมิงไปอาละวาดในแต่ละโรงยิม เพราะเขาต้องการให้คนเหล่านี้หวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเหลยเฮ่อหมิง“กลัวหรือยัง? มันก็เป็นเรื่องปกติที่นายจะรู้สึกหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิ
เมื่อพูดถึงเรื่องของจงเทียนหลี อาจารย์หวังก็แสดงสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก บวกกับความเจ็บปวดเล็กน้อย เนื่องจากสถานฝึกยุทธหลิงหยุนต้องการเงินเพื่อรักษามันเอาไว้ และเขาก็แทบจะหมดกระสุนและอาหารแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานให้คนอื่นเพื่อแลกเงิน “จะหยาบคายเกินไปไหม ถ้าผมบอกว่าทำไปเพราะเงิน” อาจารย์หวังกล่าว"สถานฝึกยุทธหลิงหยุนขาดเงินด้วยเหรอ?" หานซานเฉียนถามอย่างไม่คาดคิด สถานฝึกยุทธหลิงหยุนนั้นใหญ่โตโอ่อ่ามาก เห็นได้ว่าต้องใช้เงินมากมายในการสร้างมันขึ้นมา เมื่อเทียบกับสถานฝึกยุทธของเทียนฉางเฉิงในหยุนฉิงนั้นต่างกันหลายระดับ แต่เขายังขาดเงินอยู่งั้นเหรอ?"ขาด ขาดเยอะมากด้วยครับ ในอดีตสถานฝึกยุทธหลิงหยุนทำเงินให้ผมมากมายในช่วงที่รุ่งเรือง แต่ตอนนี้มันซบเซาแล้ว สถานฝึกยุทธหลิงหยุนไม่เพียงแต่ไม่ทำเงินเท่านั้น แต่ยังต้องจ่ายเงินทุกวันอีกด้วย คนที่คุณเห็นในโรงยิมวันนั้น แทนที่จะบอกว่าลูกศิษย์ผม พวกเขาเป็นเหมือนพนักงานออฟฟิศมากกว่า พวกเขาได้รับค่าจ้างจากผม หากไม่มีเงิน พวกเขาก็คงจากไปนานแล้ว และผมก็อาจจะเป็นคนเดียวที่เหลือในสถานฝึกยุทธหลิงหยุน” อาจารย์หวังกล่าวหานซานเฉียนอดไม่ได
เมื่อเวลาการประลองศิลปะการต่อสู้ใกล้เข้ามา เรื่องที่เจียงหยิงหยิงได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับกลุ่มปรมาจารย์ก็เริ่มเป็นที่พูดคุยมากขึ้นเรื่อย ๆ เกือบจะทุกคนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงที่นี่ ในสายตาของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ ผู้หญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และการเข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ก็ยิ่งเป็นเรื่องตลกเข้าไปใหญ่ ก็เหมือนกับการที่จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งเข้ามาในโรงอาบน้ำชาย มันไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตาแปลก ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเธอด้วยในเวลาเดียวกัน มีข่าวใหญ่ยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นในโลกศิลปะการต่อสู้เมื่อฟางจ้านเทียนประกาศว่าเหลยเฮ่อหมิงจะเข้าร่วมการแข่งขันในกลุ่มปรมาจารย์ด้วย ผู้ที่ลงทะเบียนในกลุ่มปรมาจารย์ทั้งหมดต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญ เพราะความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิงทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวลมีแม้กระทั่งข่าวลือว่าบางคนต้องการถอนตัวจากการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ เพราะพวกเขาไม่ต้องการยืนบนเวทีเดียวกับเหลยเฮ่อหมิงจากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเหลยเฮ่อหมิงทรงพลังเพียงใดในการคุกคามผู้ค
“คราวนี้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนจะสร้างเรื่องตลกครั้งใหญ่แน่ ให้ผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ได้ยังไงกัน”“ถึงจะอยากสร้างความตื่นเต้นให้ผู้คน ก็ต้องมีขอบเขตบ้าง หวังซินโดนประตูหนีบหัวหรือไง”"ไม่รู้จริง ๆ ว่าหวังซินคิดอะไรอยู่ ถึงคิดว่าจะสร้างชื่อเสียงให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนด้วยวิธีนี้ เขาคิดว่าการแข่งขันที่ไร้สาระนี่จะกู้ชื่อให้สถานฝึกยุทธหลิงหยุนได้หรือไงกัน?""บางทีหวังซินอาจต้องการให้ผู้คนจดจำสถานฝึกยุทธหลิงหยุนในอีกแบบหนึ่งก็ได้ ฉันคิดว่าสถานฝึกยุทธหลิงหยุนอีกไม่นานก็คงต้องปิดตัวลงแน่"หลายคนบนอัฒจันทร์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในความเห็นของพวกเขา การเข้าร่วมการแข่งขันของเจียงหยิงหยิงนั้นเป็นเรื่องตลก และไม่สามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจได้แม้ว่าหวังซินจะอยู่แถวหน้าของผู้ชม แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้นอย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้หวังซินรู้สึกหายใจไม่ออก แม้ว่าเขาจะเดาไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากเจียงหยิงหยิงขึ้นบนสังเวียน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าจะคนหรือผีตอนนี้ต่างก็พากันหัวเราะสถานฝึกยุทธหลิงกันทั้งนั้น “ท่านอาจารย
เขาและฟางจ้านเทียนรู้ดีว่าคำพูดของเหลยเฮ่อหมิงเป็นการโอ้อวดมากแค่ไหน เพราะนี่คือการแข่งขันกลุ่มปรมาจารย์ ทุกคนที่เข้าร่วมได้คือบุคคลที่มีทักษะที่ดี แม้ว่าเหลยเฮ่อหมิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากมากที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ในกระบวนท่าเดียว แค่คิดน่ะง่าย แต่จะทำได้หรือเปล่านั้นยังไม่มีใครรู้ได้“คู่ต่อสู้ของเธอประมาทเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ มันยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น” ฟางจ้านเทียนอธิบาย จริง ๆ แล้วคำพูดเหล่านี้ก็เป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น เพราะในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่กังวลว่าเจียงหยิงหยิงจะแข็งแกร่งเกินไป แต่ยังกังวลว่าเหลยเฮอหมิงจะพ่ายแพ้ให้กับเจียงหยิงหยิงด้วยหากเหลยเฮ่อหมิงแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถคว้าโอกาสในการเข้าร่วมเทียนฉีเท่านั้น แต่มันจะยังทำลายชื่อเสียงของสถานฝึกยุทธจ้านเทียนด้วยในเกมแรก เจียงหยิงหยิงก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง ทุกคนต่างก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องที่เธอเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเดียว สำหรับการแข่งขันกลุ่มเยาวชน มันเป็นชัยชนะที่ง่ายดายสำหรับเธอมากเรื่องตลกก่อนหน้านี้เหมือนเป็นการตบหน้าเข้าอย่า
“ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาน่าจะแก่กว่าเหยียนจุน นายแน่ใจเหรอว่ายังแข็งแกร่งอยู่?” แม้ว่าชื่อเฉินเปาจะทำให้จงหมิงกั๋วตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ไม่ได้สูญเสียสติ เมื่ออายุเยอะแล้ว ทักษะจะลดลงอย่างแน่นอน เฉินเปาในวันนี้จะเทียบกับในอดีตได้อย่างไร“ผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่ผมบอกปู่ได้เลยว่าตอนนี้เฉินเป่าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ” จงเทียนอีกล่าวเมื่อเห็นว่างจงเทียนอีพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ จงหมิงกั๋วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของเฉินเปาอีกต่อไป แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงกลับมาเหยียนจิงอีกครั้ง “นายหาเขาเจอได้ยังไง และทำไมเขาถึงยอมกลับมาที่เหยียนจิง?” จงหมิงกั๋วถามอย่างงุนงง"สมาคมศิลปะการต่อสู้ก่อตั้งโดยเฉินเปา แต่ตอนนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้ถูกพวกขยะที่เห็นแต่ผลกำไรก่อความยุ่งเหยิง แม้แต่การประลองศิลปะการต่อสู้ทุกครั้งก็ยังไม่เป็นธรรม ดังนั้นเฉินเปาจึงทนไม่ไหวแล้ว เขาต้องการจัดระเบียบสมาคมศิลปะการต่อสู้ใหม่ และเอาตำแหน่งประธานสมาคมกลับคืนมา และผมจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เขาครับ” จงเทียนอีกล่าวจงหมิงกั๋วเป็นนักธุรกิจ เขาจึงรู้ดีว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์มากมายแค่ไหนเฉินเป