หยวนหลิงรู้ว่ามีคนจำนวนมากตามจีบฉี๋อีหยุนในพื้นที่เขตจีน และคนเหล่านั้นก็เหมือนกับตั๊กแตนที่หวังจะได้จับฉี๋อีหยุนกินเป็น ๆ แถมยังเป็นคนหนุ่มที่มากความสามารถและมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น หากฉี๋อีหยุนสุ่มเลือกสักคน ฝ่ายตรงข้ามจะต้องยอมอุทิศชีวิตให้เธอแน่นอนแต่... ดูจากท่าทีของเธอ เหมือนว่าเธอจะชอบเพลย์บอยอย่างหานซานเฉียน!ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ด้วยความเป็นเลิศของฉี๋อีหยุน หานซานเฉียนจะคู่ควรกับเธอได้อย่างไร?“คุณผู้หญิงฉี๋ ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหมคะ?” หยวนหลิงถามด้วยความไม่เชื่อ“คุณได้ยินถูกแล้วล่ะค่ะ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ชอบฉัน” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างช่วยไม่ได้ดวงตาของหยวนหลิงเบิกกว้างฉี๋อีหยุนสวยมากขนาดนี้แถมยังชอบเขาด้วย แต่หานซานเฉียนกลับไม่ชอบเธอเนี่ยนะ!“คุณผู้หญิงฉี๋ เขาไม่ชอบคุณ แล้วคืนนั้น... พวกคุณยังทำแบบนั้นกันเหรอคะ?” หยวนหลิงพึมพำ เทพธิดาระดับฉี๋อีหยุนทำไมถึงยอมมอบตัวให้คนอย่างหานซานเฉียนกันล่ะ?"คืนนั้น?" ฉี๋อีหยุนถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า "ถ้าคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ก็คงดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น"หยวนหลิงรู้สึกเพียงว่าทัศนคติต่อโลกของเธอถูกทำลา
หลังจากที่ผลักฉี๋อีหยุนออก หานซานเฉียนก็ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ามืดแล้ว ในเวลานี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหานเนี่ยน กังวลว่าเธอนอนไม่หลับหรือไม่ได้กินอาหารดี ๆ และก็เป็นห่วงซูหยิงเซี่ยด้วย กลัวว่าเธอจะเป็นเหมือนเขาที่นอนไม่หลับเพราะเธอคิดถึงหานเนี่ยน“พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปรู้จักกับคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนเป็นคนร่ำรวยรุ่นที่สองในเขตจีน” ฉี๋อีหยุนมองตาหานซานเฉียน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยอมแพ้แม้จะถูกปฏิเสธ เพราะอย่างไรเธอก็ถูกเขาปฏิเสธมาหลายครั้งแล้วจนนับไม่ถ้วน หากเธอจะยอมแพ้ง่าย ๆ ก็คงไม่ยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้“ตกลง” หานซานเฉียนตอบนิ่ง ๆหลังจากที่ฉี๋อีหยุนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออก เธอก็ออกจากบ้านของหานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่ได้ไปส่ง เพราะต้องเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง หานซานเฉียนรู้ว่าตัวเองไม่ควรสร้างความหวังใด ๆ ให้เธอ เพียงเพราะใจอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเกิดการเข้าใจผิดเมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉี๋อีหยุนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องฉี๋ตงหลินและโอวหยางเฟยรู้ว่าวันนี้เธอไปพบหานซานเฉียนมา และดูจากท่าทีของเธอหลังจากกลับมาที่บ้านพวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าผลคืออะไรฉี๋ตงหลินอดไม่ได้ที
“เขาสนใจการแข่งรถฟอร์มูลา และต้องการก่อตั้งทีมของตัวเอง พวกคุณช่วยพาเขาไปเล่นด้วยได้ไหม?” ฉี๋อีหยุนกล่าว เธอเคยคิดถึงสถานการณ์การสร้างศัตรูแบบนี้ก่อนที่เธอจะมา เพราะเธอเป็นคนพาเขามา แล้วคนพวกนี้จะใจดีกับหานซานเฉียนได้อย่างไร?“ครอบครัวแบบไหนกัน ถึงได้อยากมาเล่นกับพวกเรา?” ฟางซั่วในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของฉี๋อีหยุน รู้สึกไม่ชอบหน้าหานซานเฉียนเป็นอย่างมาก เพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ หากพวกเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทำไมฉี๋อีหยุนต้องพาเขามาแนะนำเองแบบนี้ด้วยล่ะ?“เงินไม่ได้ขาด” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย เมื่อก่อนเขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น แต่ตอนนี้มีคนอุปถัมภ์อย่างหนานกงป๋อหลิง และนี่ไม่ใช่เงินของเขาเอง เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร “ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนายมาก่อน ครอบครัวของนายทำอะไรในเขตจีน?” ฟางซั่วถาม“ฉันเพิ่งมาที่อเมริกา ครอบครัวยังไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่นี่” หานซานเฉียนกล่าวฟางซั่วเลิกคิ้วด้วยความรังเกียจ และพูดกับคนอื่น ๆ "ที่แท้ก็เป็นคนมาใหม่ ในเมื่ออยากจะเล่น ใครก็ได้มาช่วยแนะนำกับเขาหน่อยสิว่ารถแข่งฟอร์มูลาต้องใช้เงินเท่าไหร่”“น้องชาย ม
“ฟางซั่ว หมอนั่นไม่ได้โกหกเราใช่ไหม เขารวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”“เขาดูไม่เหมือนคนรวยเลยสักนิด บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งทำเป็นอวดเบ่งต่อหน้าฉี๋อีหยุนก็ได้”“ฉันก็คิดเหมือนกัน เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์สามารถสร้างทีมแข่งรถระดับท็อปได้เลย แล้วเขาจะมัวมาเล่นกับพวกเราทำไมกัน?”หลังจากที่หานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนไปที่โรงรถ ฟางซั่วและกลุ่มของเขาก็เริ่มพูดคุยกันในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของของฉี๋อีหยุน ฟางซั่วเองก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อจีบฉี๋อีหยุน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หานซานเฉียนจะคุยโม้ฟางซั่วมีใบหน้ามืดมน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าหมอนี่นี้คุยโม้จริง ๆ ฉันจะเปิดเผยเขาเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขาได้ตายทั้งเป็นแน่"“เหอะเหอะ นายให้โรงรถห้องสี่สิบสี่กับเขา เจ้าของคนก่อนยังโชคร้าย ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเปิดร้านซ่อมรถเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง ผู้ชายคนนี้ก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างกันแน่นอน"“เลขสี่สิบสี่เป็นเลขอัปมงคล ใครไปใช้ก็จะโชคร้าย แม้ว่าเขาจะรวยจริงก็ต้องล้มละลายในไม่ช้าแน่”“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นพวกนายคิดว่าทำไมฉันถึงให้ห้องนั้นกับเขากันล่
ซู่หยางจ้องมองไปที่มือของหานซานเฉียนอย่างงุนงง คำว่า ‘เพื่อน’ ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายถูก ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาถูกเพื่อนสนิทแทงข้างหลัง ถึงขั้นร่วมมือกันกับผู้หญิงของเขา โจมตีเขาถึงแก่ชีวิต ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงไม่มีจุดจบที่น่าอนาถถึงขนาดนี้ หานซานเฉียนเห็นว่าซู่หยางมีสีหน้าแปลก ๆ และเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อย พอจะเดาได้ว่าเขาหวาดกลัวอะไร หลังจากเก็บมือกลับคืนมาแล้ว หานซานเฉียนก็พูดว่า "ถ้าคำว่าเพื่อนมันหนักเกินไปสำหรับคุณ งั้นคุณก็ถือซะว่าผมเป็นหุ้นส่วนก็ได้"ซู่หยางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาตกอับมาจนถึงตอนนี้ และคิดว่าตัวเองจะปล่อยวางเหตุการณ์นี้ และยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว ไม่คิดเลยว่าพอมีคนพูดคำนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะยังคงเจ็บปวดอยู่ปล่อยวาง มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ“ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อน วันนี้ผมจะลงเอยแบบนี้ได้ยังไง” ซู่หยางพูดนิ่ง ๆ“คุณอยากแก้แค้นไหมล่ะ? โอกาสอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ตราบใดที่คุณเต็มใจที่จะคว้ามันไว้” หานซานเฉียนกล่าวซู่หยางเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปในดวงตาของหานซานเฉียน พวกเขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้ากัน และเขาก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ พระเจ้าจะส่งความเมต
หานซานเฉียนที่ผ่านการล้างบาปจากเรือนจำตี้ซินมาแล้ว วิธีการเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวเมื่อเขาขยี้แขนหนึ่งในนั้นจนหัก ในที่สุดก็ได้ที่อยู่ของสำนักงานใหญ่มาเมื่อเห็นฉากนี้ ซู่หยางก็ขนลุกเกรียว ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาในฐานะลูกชายจากตระกูลที่ร่ำรวย เขาเคยเห็นด้านมืดของสังคมมามากมาย และเขาก็รู้จักกับคนที่โหดเหี้ยมมาบ้างแต่เมื่อเทียบกับวิธีการของหานซานเฉียน วิธีการของคนเหล่านั้นอยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกาแล็กซี มันไม่สามารถเทียบกันได้เลยอาการของซู่หยางนั้นยังถือว่าดี แต่ใบหน้าของเพื่อนของเขาตอนนี้นั้นซีดเผือดไปด้วยความหวาดกลัว และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างหยุดไม่ได้เมื่อขึ้นรถอีกครั้ง หานซานเฉียนก็ขับรถไปที่สำนักงานใหญ่ของพวกอันธพาลเหล่านั้นทันทีในรถ สุดท้ายซู่หยางก็อดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียน "คุณเป็นใครกันแน่?"“มันไม่สำคัญว่าผมเป็นใคร ตราบใดที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนกล่าว อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมรุนแรงของเขาเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนจะมีความโกรธแค้นเกิดขึ้นในใจจนเขาไม่สามารถควบคุมได้ บางทีอาจเป็นเพราะกา
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหัวโล้น ซู่หยางก็ตาแดงก่ำ และตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้แต่เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยังรู้สึกเคียดแค้นแทนเขา เขากัดฟันแล้วพูดว่า "คิดไม่ถึงเลยว่าหม่าเฟยห่าวจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ แย่งผู้หญิงของนายไปไม่พอ ยังทำลายชื่อเสียงของนายด้วย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ปล่อยนายไปอีก”ซู่หยางกำหมัดแน่น ความเคียดแค้นเกือบจะทำให้เขาเสียสติซู่หยางอดทนต่อความแค้นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป!ทันใดนั้น ซู่หยางก็คุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียน“ซู่หยาง นายจะทำอะไร!” เพื่อนของเขายื่นมือออกไปดึงซู่หยางขึ้น แต่ซู่หยางปฏิเสธซู่หยางก็ก้มศีรษะให้หานซานเฉียนแล้วพูดว่า "ตราบใดที่คุณสามารถล้างแค้นผมได้ ชีวิตของซู่หยางก็จะเป็นของคุณ คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น"“ชีวิตคุณไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม แค่มีชีวิตต่อไปแล้วช่วยผมใช้เงินก็พอแล้ว ส่วนจะแก้แค้นได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ จัดตั้งทีมขึ้นมาก่อน หากมีปัญหาอะไรก็ติดต่อหาผม" หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ ว่าเขาไม่มีแรงพอที่จะพาซู่หยางไปตามล่าทุกคนหรอกนะ“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ซู่หยางกล่าวอย่างมาดมั่นหานซานเ
ซุนอี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ขาของเขาชาจนไม่มีความรู้สึกไปนานแล้ว แต่เขาไม่กล้ามีความคิดที่จะลุกขึ้นเลยแม้แต่น้อย จะรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องรอง เพราะได้รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนจากปากของฉี๋อีหยุนแล้วนั้น ซุนอี้ก็กังวลว่าเขารักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำหานเหยียนผู้สูงส่งยังป็นได้เพียงสุนัขของหน้าหานซานเฉียนเท่านั้น แล้วบุคคลตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีตัวตนแบบเขาจะเทียบได้กับอะไรกัน?ดังนั้นการคุกเข่าของเขานอกจากการยอมรับผิดแล้ว ยังเป็นการอ้อนวอนขอไว้ชีวิตตัวเองอีกด้วย เมื่อซุนอี้เห็นหานซานเฉียน เขาก็คลานไปตรงหน้าหานซานเฉียนทันที“คุณหาน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วครับ” ซุนอี้ก้มหัวลงและร้องขอความเมตตาจากหานซานเฉียน“ผิดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “ซุนอี้ คุณจะผิดไปแล้วได้ยังไง คุณก็แค่โลภเกินไปเท่านั้น”“ใช่ครับ คุณหานพูดถูกทุกอย่าง ผมหวังว่าคุณหานจะปล่อยผมไป” ซุนอี้พยักหน้า ไม่ว่าหานซานเฉียนจะพูดอะไร เขาก็ทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น“ซุนอี้ คุณต้องการที่จะหุบบริษัทนี้ ถ้าผมปล่อยคุณไป แล้วผมจะอธิบายกับตระกูลหนานกงยังไงล่ะ?”