คฤหาสน์มะลิกลับจากโรงพยาบาลตอนเที่ยง รถราขาไปขากลับก็เนืองแน่นจนเคลื่อนตัวยาก เหมราชที่ยังอุ้มลูกหนี้มาส่งถึงห้องไม่อายสายตาลูกน้องที่มองอย่างสงสัย ทว่ามะลิกลับเป็นคนรู้สึกเอง“วางตรงนี้จ้ะ”ชี้ไปที่เตียงนอนของตัวเอง ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะค่อยๆ วางอย่างเบามือ“ฉันออกไปธุระก่อน เธอไม่ต้องทำงานจนกว่าจะหายดี”“แล้วแบบนี้หนี้คุณเหมจะหมดตอนไหน”“หายดีก่อน ฉันทบย้อนหลังเอง”ไม่รู้ว่าเป็นคำขู่หรือแค่ประโยคบอกเล่าแต่ทำมะลิคอหดได้เหมือนกัน ยังไม่วายแอบมองใบหน้าคมของคนที่นั่งย่อตัวข้างเตียงแล้วอมยิ้ม ครั้นเห็นเหมราชกำลังอ่านฉลากยาก็ต้องรีบหุบเมื่อสายตาคมเข้มตวัดขึ้นมามองหน้ากัน“ยาของเธอกินหลังอาหารทั้งหมด ฆ่าเชื้อแก้อักเสบกินให้ครบทุกมื้อและกินให้หมดนะ”“...”“เข้าใจไหม”“ข่ะ...เข้าใจจ้ะ”สิ้นประโยคตอบรับความเงียบก็เข้ามาปกคลุม สายตาที่มองกันประหนึ่งเป็นแม่เหล็ก มะลิเห็นโพรงแก้มคุณเหมดุนออกมาครั้นอีกฝ่ายใช้ลิ้นดุนดันอยู่ภายใน พลันนั้นความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นเพราะเหมราชลูบหัวเข่าที่งอนั่งบนเตียงนอน ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าไปมาแล้วลุกพรวดขึ้น“ฉันมีธุระ”“จ้ะ”ชายหนุ่มเดินออกไป ดวงตาสวยก็มองตามจนกระทั่
เมื่อธุระซื้อขายที่ดินเป็นอันเรียบร้อยดี เหมราชก็เข้ามาห้องทำงานของตน ครั้นนานๆ ทีเข้าจะมานั่งเก้าอี้ของผู้บริหารในส่วนอสังหาริมทรัพย์ หยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าสูท ทว่าลืมหยิบไฟแช็กติดมือมากด้วย ความอยากดูดสารนิโคตินทำให้เขาหงุดหงิด หยิบมือถือที่วางบนโต๊ะตั้งแต่แรกขึ้นมากำลังจะกดต่อสายหาลมเหนือก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเขาทิ้งไฟแช็กไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานตั้งหลาย อีกทั้งไอ้ลมมันเกินทางไปกรมที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ของที่ดินผืนนั้นมาเป็นของเขา นึกได้ก็เปิดลิ้นชักทันที ด้านในมีไฟแช็กอยู่สองอันและยังใช้งานได้ปกติ เขาหยิบมันขึ้นมากดหัวไฟแช็กแล้วลนไฟที่ปลายของมวนบุหรี่ ความร้อนค่อยๆลนจนมีควันขึ้น เขาสูดซืดใหญ่ๆ เอากลิ่นสารนิโคตินเข้าปอดและทิ้งไฟแช็กอันเก่าลงไว้ที่เดิม ยังไม่ทันจะปิดลิ้นชัก ดวงตาคมก็มองเห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ในนั้น “อะไร” เหมราชขมวดคิ้ว ปกติโต๊ะทำงานจะไม่เก็บเอกสารอะไรไว้แบบนี้ หากจะมีก็คงกระดาษที่ไม่ใช่หรือขยะที่ลืมทิ้งก็เท่านั้น เขาหยิบออกมา มองไปยังซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่ากระดาษเอสี่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้น มองอย่างนึกสงสัยแต่ไม่เอะใจอะไร เดินไปยังมุมห้องที่ก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็
“เดินเต็มเท้าได้แล้วนะมะลิ”“ได้แล้วจ้ะพี่อ้อย”อาการบาดเจ็บที่เท้าของมะลิหายดี เหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ยังต้องรักษาด้วยการทาครีม ทว่ามะลิก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันไม่ได้เป็นอยู่ที่ใบหน้า ก็คิดว่าแผลที่เท้าใครจะหลุบดวงตาต่ำมามองมะลิเดินมาพร้อมชามใบใหญ่ในมือ ก็พลันเอ่ยตอบคนแก่กว่าที่เดินมาจากอีกฝั่งของคฤหาสน์เห็นเป็นเพียงเงารางๆ ทว่าเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ว่าคือพี่อ้อยและมักตะโกนถามกันแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง คนอายุน้อยนั่งลงโต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิม ที่ชอบมานั่งเล่นนั่งกินขนมประจำหรือนั่งมองพระจันทร์ในวันที่นอนไม่หลับ ก็ต้องหันหน้าขวับมองอ้อยควั่นที่นุ่งผ้าถุงแล้วยังมีผ้าโพกบนหัวเดินถือขันตักน้ำพร้อมอุปกรณ์อาบน้ำมาจากฝั่งทางซ้ายมือ ทั้งยังกลิ่นสบู่หอมๆ ที่คลุ้งกระจายรู้เลยว่าพี่อ้อยอาบน้ำมา“กินอะไร”“ยำมะม่วงจ้ะ อยู่ในตู้เย็นมาหลายวันเลยเอามายำกินให้หมด”“น่ากิน แต่พี่แปรงฟันล่ะ ขี้เกียจแปรงฟันอีก”“พี่อ้อยอาบน้ำมาเหรอจ๊ะ”“ใช่ -- วันนี้อากาศหนาวด้วย น้ำนี่เย็นอย่างกับน้ำแข็ง”มะลิที่เอ่ยถามคนแก่กว่าด้วยความสงสัย เมื่อได้คำตอบก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นโบขึ้นกลางหน้าผาก ห้องพักแม่บ้านมีห้องน้ำส่วนตัวแยก
“ฉันบอกให้ลุกขึ้น”ว่าแล้วก็ดึงแขนมะลิให้เหยียดตัว ทว่าความสูงก็เสมอเพียงหน้าอกของเขา มองลูกหนี้ที่มีเพียงผ้าถุงห่อบนกายขาวอันอวบอัด เหมราชหลุบดวงตาต่ำก็เห็นร่องหน้าอกบึ้มบั้มของมะลิอย่างชัดเจน ไม่ต่างจากโดนมวนบุหรี่จี้กระตุ้นก็พลันขบริมฝีปากเหมือนจะอดกลั้นอะไรไว้บางอย่างไม่ให้แสดงออกมา“บ้านฉันหลังนี้เกือบร้อยล้าน เธอมานุ่งผ้าถุงอาบน้ำในตุ่มได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่ห้องเช่า”“ก็...ห้องน้ำมันใช้ไม่ได้ หรือจะให้มะลิขึ้นไปใช้บนห้องคุณเหม”ประโยคที่ออกจากปากมะลิเป็นเพียงการพูดลอยๆ ครั้นไม่รู้จะอาบตรงไหน ห้องน้ำส่วนของคนใช้ ใช้ไม่ได้ทั้งหมดเพราะท่อที่ส่งน้ำไปเก็บไว้ในแท่นตัน จะใช้ได้ก็เพียงคฤหาสน์หรือห้องพักพวกบอดี้การ์ดของเหมราชเท่านั้นมะลิพูดจบก็ยังยืนกอดอกตัวสั่น เมื่อลมหนาวเริ่มปะทะกายขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะหมุนตัวหยิบตะกร้าอุปกรณ์อาบน้ำเดินไปอีกฝั่งก็ถูกเหมราชกระชากแขนตัวแทบปลิว“อ่ะ !! คุณเหม”“...”“คุณเหม...พามะลิไปไหน”ทว่าชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเลย นอกจากการก้าวขายาวๆ หนึ่งข้างเท่ากับมะลิก้าวสองข้าง เท้าน้อยๆ ถกขึ้นบันไดไม่ต่างจากการเดินเร็ว ทั้งกลัวล้มทั้งมึนงงที่จู่ๆ เหมราชก็ลากกันขึ้นมาใ
แกร๊ก!! ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก เหมราชก็เด้งตัวจากเตียงนอนแล้วลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวมองคนตัวเตี้ยที่ออกมาจากห้องน้ำ มะลิสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มของเขาและโอบตัวเองไว้ครั้นเสื้อที่สวมใส่ตัวโคร่งใหญ่มากเกินไปและยาวจนมันลากพื้น ดวงตาคมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกครั้นถูกเหมราชจ้องราวจะกลืนกิน “อย่ามองมะลิแบบนั้นสิจ๊ะ” “ต้องมองแบบไหน” “ก็มอง...” “มานี่” มะลิถูกเรียกให้เดินเข้าไปหา แม้จะลังเลแต่เมื่ออีกฝ่ายออกคำสั่งก็ต้องไป ก้าวปลายเท้าขาวขยับเข้าหาเหมราชที่ยืนอยู่ข้างเตียง “มีอะไรจะใช้มะลิเหรอจ๊ะ” “ฉันเห็นเธอชอบใส่ถุงเท้า เลยซื้อมาฝาก” ได้ยินก็แอบแปลกใจ เป็นเจ้าหนี้แต่ซื้อของมาฝากมันช่างดูผิดวิสัย แต่กระนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ขณะที่เหมราชก็พูดออกมาทั้งอาการประหม่า ยืนเกาคอแล้วเอียงหน้าไปทางอีกแต่ดวงตาก็ยังเหล่มองคนตัวแคระที่ยืนอยู่ใกล้กัน มะลิรีบมัดเสื้อคลุมให้แน่นก้มหยิบถุงขึ้นมาเปิดดูด้านในที่มีของหลายชิ้นอยู่ในนั้น เพียงแต่เอามันออกมาได้เรียวคิ้วบางของมะลิก็ย่นเข้าหากันอย่างงงๆ “อันนี้เขาเรียกถุงน่องจ้ะ ไม่ใช่ถุงเท้า” คนอายุน้อยรีบบอกเพราะมาเฟียหนุ่มกำลังเรียกของ
มะลิครางทั้งกระเส่าเมื่อปลายนิ้วอันร้ายกาจสอดเข้าไปด้านในรูคับแคบ ขาอวบก็หนีบเข้าหากันยามรู้สึกว่าไม่คุ้นชินเพราะมีของแข็งๆ เข้ามาคว้านเล่นด้านใน“อ้าขามะลิ อ้าออก”“อื้อ...ไม่ชิน มะลิอ่า!!”ข้อมือหนาสะบัดเข้าออกเมื่อช่องทางลื่นไปด้วยน้ำเมือกใส มะลิบิดข้อมือที่ถูกล็อกแน่นให้หลุด แทนที่จะผลักเหมราชกลับเอี้ยวมาโอบต้นคอเอาไว้ เสียงข้อนิ้วกระแทกช่องทางดังแจ๊ะๆ ไม่นึกเลยว่าน้ำเสียวของคนบนตักจะออกมามากขนาดนี้เหมราชแทบไม่เหลืออดเกี่ยวสายชุดนอนลง ร่นไปกองไว้ที่เอว บีบเต้าอวบไปพร้อมกับการเกี่ยวกระแทกด้านล่างอย่างร้ายกาจ ช่องทางรักแฉะไปด้วยน้ำเมือกใสดังแจ๊ะๆ เคล้าหูทั้งเสียงครางลั่นของยัยลูกหนี้“แค่นิ้วยังแน่นขนาดนี้”ว่าแล้วก็จับคนบนตักนอนหงาย ในตอนนี้มะลิล่องลอยไม่มีสติ สมองขาวโพลนมองอะไรก็พร่าเบลอไปหมด ขาอวบแยกออกจากกันตามสัญชาตญาณให้เหมราชได้รัวท่อนนิ้วเข้าออกได้แต่จะพอใจดวงตาคมมองช่องทางฉ่ำแฉะ เนื้ออวบอิ่มชมพูระเรื่อมีขนเซ็กบางๆ ประดับก็เท่านั้น มองตาเป็นมันก็พลันกลืนน้ำลายราวกับคนหิวโหย ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปเพิ่ม ขยับเข้าออกทำอีกฝ่ายร้องลั่นพร้อมกับการใช้ปลายลิ้นโลมเลียน้ำหวานๆ ที่ยังหลั
ผ่านพ้นคืนนั้นมา มะลิก็เหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันคล้ายกับว่ามีอะไรมากระตุ้นหัวใจให้เต้นตึกๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อเนื้อสาวที่รักษามาจนถึงวัยยี่สิบปีบริบูรณ์มีชายมาดอมดมไปจนหมดสิ้น มะลิก็แอบวิตกและกลัวว่ายายจะผิดหวังก็การปล่อยเนื้อปล่อยตัวของหลานสาวคนเดียวความห่างไกลทั้งระยะทางและเวลาก็อดเป็นห่วงไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว งานบ้านงานครัวและการดูแลต้นไม้ราคาแพงรอบคฤหาสน์ รวมทั้งอาการบาดเจ็บที่หลังเท้าทำให้มะลิไม่สามารถโทรหายายได้ในทุกวัน กว่างานจะเสร็จยายก็เข้านอน แต่ถ้ามีโอกาสก็โทรถามไถ่และบอกคิดถึงอยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากเสร็จหน้าที่ของตัวเองก็รีบหลบมุมคุยกับยาย“มะลิกึดเติงแม่อุ้ยเน้อ” (มะลิคิดถึงยายนะ)เป็นประโยคสุดท้ายหลังจากสนทนากันนานมากทีเดียว มะลิวางสายพร้อมกับการพ่นหายใจที่มีแต่ความหนักอกหนักใจเข้าไปก่ายกอง ฝ่ามือขาวกุมหน้ากลมๆ ก่อนจะตบพร้อมกันคล้ายเป็นการทำโทษตัวเองที่ทำเรื่องน่าละอายลงไป“ยายจ๋า...มะลิขอโทษที่ทำเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ ขอโทษ ขอโทษ ฮือ...”เพราะไม่กล้าบอกตรงๆ เมื่อวางสายก็เอ่ยขอโทษซ้ำๆ นับเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ คำสอนของยายยังนึกถึงเสมอ เรื่องแบบ
หลายวันต่อมาเจ้าของคฤหาสน์ออกไปทำธุระสำคัญพร้อมลมเหนือตั้งแต่เช้า มีเพียงมะลิ อ้อยควั่นและบอดี้การ์ดชายที่ยังเหลือไว้ดูแลความเรียบร้อยอีกสองคน“วันนี้เราไม่ต้องทำมื้อเย็นใช่ไหมจ๊ะพี่อ้อย”“ทำสิ”“แต่คุณเหมไม่อยู่ทั้งวัน”“ทำเผื่อไว้เถอะ ถ้าคุณเหมไม่กลับมากินเราค่อยเก็บไว้อุ่นกินพรุ่งนี้”อ้อยควั่นเองก็ไม่รู้ว่าเหมราชจะกลับมาตอนไหน ทว่าโดยส่วนมากที่เจ้านายมาเฟียออกไปทำธุระหรือทำงานนอกบ้านก็จะอิ่มกลับมาเลย แต่กระนั้นก็ไม่อาจเดาได้เพราะบางทีก็กลับมากินที่บ้าน อาหารเย็นจึงจำเป็นต้องทำรอเผื่อไว้ก่อนมะลิที่กำลังกวาดใบไม้แห้งก็ตั้งใจทำต่อ อีกไม่นานคงต้องย้ายตัวเองเข้าครัว ส่วนพี่อ้อยก็นั่งถอนวัชพืชและเปลี่ยนกระถางดอกไม้ใบใหม่ ครั้นใบเก่าเริ่มแตกเพราะรากมันเริ่มใหญ่ขึ้น ทว่าต่างคนก็ต่างชะงักแล้วหันมองรั้วบ้านในทิศทางเดียวกัน ครั้นมีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น“มีคนมาจ้ะพี่อ้อย”“หรือคุณเหมจะกลับมาแล้ว” “พี่อ้อยมือเปื้อน มะลิไปดูให้เอง”คนอายุน้อยขันอาสา วางไม้กวาดลงได้ก็วิ่งไปยังประตูอันแสนอลังการ มะลิเห็นว่าเป็นรถสปอร์ตสีแดงเพลิงจอดอยู่ด้านหน้า เรียวคิ้วได้รูปก็พลันขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย รถคัน
เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื
เหมราชที่ยืนนิ่งชั่วครู่ ก็ย่นคิ้วเข้มที่เห็นลูกน้องยืนมาตัวเองเป็นนัยน์ตาเดียวกัน ก็พลันขึงตามใส่กลับ แววตาอันน่ากลัวทำทุกคนกระจายตัวออกกันออกไป ส่วนเหมราชก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าสัวที่หมุนตัวเดินตามลูกชายต้อยๆ แล้วหย่อนกายกลับเข้าไปนั่งที่เดิม “เตี่ยมานานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผู้เป็นพ่อ “ตั้งแต่เที่ยง โคราชมันอยู่ไม่ไกล ทำไมลื้อเพิ่งถึงอาเหม” เจ้าของชื่อยังไม่ตอบในทันทีแต่ขยับตัวไปยืนอยู่อีกมุม เขาควักบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อไม่ให้กลิ่นลอยคลุ้งไปในตำแหน่งที่หัสดินนั่ง จุดไฟแล้วคาบมันไว้ที่ปาก จากนั้นก็ดูดสารนิโคตินเข้าปอดอย่างหื่นกระหายครั้นอดทนอยากมาตลอดที่เดินทาง “รถมันติด” เหมราชก็ตอบตามความจริง สาเหตุของการมาช้ากว่าปกติก็เพราะรถในเมืองหลวงมันเนืองแน่น แต่ทว่านั่นไม่ใช่จุดสนใจของเจ้าสัวมากนัก “ลื้อกับอามะลิ...” พูดออกมาเพียงแค่นั้นคนฟังก็ตีความหมายของประโยคนั้นได้ เตี่ยของตนกำลังจะถามว่า เขาและมะลิเป็นอะไรกัน เหมราชยังทำท่าไขสือไปก่อน ตั้งใจดูดบุหรี่แล้วมองออกไปข้างนอก แต่เป็นการชะเง้อคอมองไปที่ห้องนอนของมะลิ หัสดินที่เห็นก็ลอบยิ้
คฤหาสน์เหมราช“นี่อาเหมยังไม่กลับอีกเหรอ”“ยังค่ะเจ้าสัว”อ้อยควั่นตอบพร้อมกับการเสิร์ฟน้ำชาร้อนๆ และขนมรองท้องให้หัสดิน ครั้นนั่งรถมาหาถึงที่แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเหมราชจะกลับมา และทุกครั้งที่ลูกชายหายไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัด นิสัยงอแงของหัสดินก็เกิดขึ้นไม่ต่างจากเด็ก“ไปเป็นอาทิตย์ไม่ติดต่อมาหาอั้วเลย เครนถล่มทับคอซี้แหง๋แก๋ไปแล้วมั้ง”หัสดินแอบบ่น ทุกครั้งที่เหมราชไปทำงานก็หายหัวไม่ติดต่อพ่อเลยสักครั้ง แม้แต่ข้อความสักประโยคก็ไม่มีส่งมา“คงกำลังมีความสุขน่ะค่ะเจ้าสัว”ชายมีอายุกำลังตั้งท่าจะยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม ได้ยินที่อ้อยพูดก็หันมาสนใจอยากรู้ในทันที ไปทำงานมีแต่เรื่องปวดหัว เอาอะไรมามีความสุข“ลื้อหมายถึงอะไรอาอ้อย...อะไรที่ลูกชายอั๊วกำลังมีสุข”หัสดินเอ่ยถามออกมาพร้อมกับคิ้วหงอกๆ ที่ย่นเข้าหากันอย่างงุนงง และในตอนนี้เขาอยากรู้เสียเต็มประดา“มะลิก็ไปด้วยค่ะ”“มะลิ...อ๋อ อีที่ตัวอ้วนๆ คนนั้นใช่ไหม”เจ้าสัวทำท่านึก ก่อนจะจำได้ว่ามะลิคือลูกหนี้ที่เหมราชลากตัวมาทำงานชดใช้กับหนี้สิน“ใช่ค่ะเจ้าสัว ลากมะลิขึ้นรถไปด้วย แง่งอนกันเหมือนคนเป็นแฟน”“หึๆ”ที่แท้ความสุขที่แม่บ้านบอกมาคือกา
ครบหนึ่งอาทิตย์สำหรับการมาคุมงานที่นครราชสีมา ในส่วนของเหมราชจัดการแล้วเรียบร้อย ที่เหลือคือในส่วนของวิศวกรที่จะจัดการต่อ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวันอยู่พักผ่อน เสพบรรยากาศโดยไม่มีเรื่องงานเข้ามาปะปน กระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพเพราะมีงานส่วนอื่นรออยู่ ข้าวของพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อยและลมเหนือกำลังขนขึ้นท้ายรถมะลิแอบเดินออกมาด้านนอกเพียงคนเดียวรอเหมราชที่ยังจัดการธุระส่วนตัวยังไม่เสร็จ เพราะอยากเสพบรรยากาศจนนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วกลับกรุงเทพไป อากาศที่บริสุทธิ์ทำปอดน้อยๆ ได้รับโอโซนอย่างเต็มที่ ยืนกอดอกมองวิวทิวทัศน์ด้านหน้าเป็นเทือกเขาเขียวสวยช่างเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมากเหมราชที่เดินออกจากห้องน้ำก็กวาดสายตามองหาคนอายุน้อยทันที ด้านหน้าเห็นเพียงลมเหนือกำลังจัดแจงกระเป๋าหลายใบให้เข้าที่ สวนมะลิกลับหายไปจากสายตาของเขา ทั้งที่ขอตัวเข้าห้องน้ำไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“เหนือ มึงเห็นมะลิไหม”“ไม่เห็นครับ”คำตอบของผู้ใต้บังคับบัญชา ทำเหมราชหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าลมเหนือกำลังจัดระเบียบกระเป๋าที่อัดแน่นอยู่ในท้ายรถ เลยไม่ทันได้สังเกตมองผู้หญิงของเจ้า