มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
เสียงฝีเท้าหนาสองคู่เดินอยู่ใต้ตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชน ดังกรุบเป็นจังหวะที่รีบร้อนมากทีเดียว เหมราชเพิ่งลงจากเครื่องสดๆ ร้อนๆ ครั้นกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปดูแลและตรวจตราความเรียบร้อยบ่อนกาสิโนที่ตั้งอยู่สิงคโปร์นานเกือบหนึ่งเดือน ธุรกิจสีเทาผิดกฎหมายในไทย แต่ดันถูกกฎหมายในต่างประเทศ ทว่าต้องรีบกลับมาก่อนกำหนดเมื่อเตี่ยป่วยหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล“เตี่ยเป็นยังไงบ้าง”“รู้สึกตัวแล้วครับ เมื่อวานหมดสติหลับทั้งวัน”เหมราชที่เอ่ยถามอย่างร้อนใจ เมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องก็ตกใจจนมือไม้สั่น รีบจองตั๋วเครื่องบินกลับในเวลากระชิดชั้นทันที แม้ ‘เจ้าสัวหัสดิน’ ผู้เป็นพ่อจะอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ทว่าร่างกายก็ดูแข็งแรง ตื่นเช้ามารำไทยเก๊กออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารมีประโยชน์ ยาจีนบำรุงไม่เคยขาด ตรวจสุขภาพทุกปีก็ไม่ก็พบโรคอะไรที่พอทำให้ป่วยหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ แต่จู่ๆ เจ้าสัวหัสดินกลับล้มหมดสติลงได้มันน่าแปลก หรือเชื้อมันหลบใน ซ่อนตัวไม่ให้เครื่องมือแพทย์ตรวจเจอ...พอได้ยินลมเหนือ คนสนิทเล่าถึงอาการของเตี่ยที่รู้สึกตัวก็สบายใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยๆ ตอนนี้เตี่ยก็ไม่เป็นอะไรมาก รีบ
บ้านหลังน้อยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ถัดไปไม่กี่กิโลเมตรก็เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ บรรยากาศในยามพลบค่ำค่อนข้างเย็น บนท้องฟ้ามีมวลเมฆจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนสีดำเพราะพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น‘ยายไหม’ หญิงชราที่เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ครอบครัวที่ว่าเหลือเพียงตัวเองและหลานสาวหนึ่งคน ดวงตาหม่นหมองด้วยสายตาละเหี่ย แปลงผักที่เพิ่งลงเมล็ดไปเมื่อกลางวัน หากโดนฝนเทกระหน่ำคงเสียหายไปมาก ความหวังจะเก็บเงินสักก้อนไปไถ่ถอนที่ดินมาคืนก็คงริบหรี่ ครั้นลูกชายตัวดีแอบเอาที่ดินไปจำนองนายทุนนอกระบบ ก่อนจะถูกยิงตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว“ยายจ๋า...เข้าบ้านเถอะจ้ะ”เสียงหวานแว่วออกมาทางประตู ‘มะลิ’ หลานสาววัยยี่สิบปีชะโงกหน้าเรียกยายเข้าบ้านเพราะด้านนอกลมเริ่มกระโชกแรง“...”“ฝนจะตกแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง สามวันดีสี่วันไข้ โดนละอองฝนนิดหน่อยก็เป็นหวัดหอบกันไปโรงพยาบาลในอำเภอ มะลิไม่อยากให้ยายยืนกลางแจ้งอยู่แบบนั้น มานั่งด้านในค่อยเปิดหน้าต่างแง้มดูยังเบาใจกว่านี้ยายไหมเห็นในความเป็นห่วงของหลานสาว ก็เดินเข้ามาทะลุไปหลังครัว นั่งบนเก้าอี้ไม้ที่พังอยู่รอมร่อมองไปด้านนอกด้วยแววตาสิ้นหวัง“ตกหนักจะอี้
กลางแดดเปรี้ยงยังมียายแก่ก้มๆ เงยๆ ยายไหมกำลังหย่อนเมล็ดผักลงหลุมที่เตรียมไว้ ครั้นตั้งใจจะปลูกอีกครั้งหลังจากเสียหายเพราะพายุลูกใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ ก็เห็นว่ามีเงาคนเดินเข้าใกล้ ในความคิดก็คงเป็นมะลิที่กลับมาจากหาของป่า แต่ทว่าต้องชะงักพร้อมกับคิ้วเหี่ยวที่ย่นเข้าหากันก่อนวางกระป๋องเมล็ดผักลงกองดิน เมื่อเงาที่ว่าเหมือนเป็นผู้ชายหลายคนก็ตกใจ คนแก่ชราทำอะไรก็เชื่องช้า ค่อยๆ หมุนตัวไปดูก็พลันตกใจอย่างหนัก เมื่อมีชายฉกรรจ์แปลกหน้า แต่งตัวใส่ชุดสูทสีดำแล้วยังสวมแว่นตาดำอีกด้วย หน้าตาดูโหดยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนพวกมาเฟียไม่มีผิด “พวกคุณเป็นใครกัน” ยายไหมถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ติดสั่น มองชายฉกรรจ์ด้วยความกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนนิ่งๆ “พวกฉันเป็นคนของเจ้าสัวหัสดิน” “เจ้าสัวหัสดิน!!” พอนึกชื่อได้ หญิงแก่ก็เข่าอ่อนขาทรุดในทันที ยกมือไหว้พลางเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เพราะเจ้าสัวหัสดินคือเจ้าหนี้ที่ลูกชายตัวเองแอบเอาที่ดินผืนปัจจุบันไปจำนองนอกระบบ ยายไหมน้ำตาไหลออกมา ครั้นเจ้าสัวส่งคนมายึดที่ดินที่ใช้อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ได้แต่ก้มกราบเท้
เพราะทางเลือกของมะลิมีไม่มาก ไม่อยากปล่อยให้ที่ดินและบ้านหลังเล็กแสนทรุดโทรมโดนยึดก็ต้องยอมไปใช้แรงงานชดใช้กับหนี้สินที่มีทั้งหมด รับข้อตกลงไปทำงานให้กับเจ้าหนี้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ยอมรับชะตากรรมกับเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยแสนโหด แม้พ่อจะตายไปแล้ว หนี้ส่วนนั้นก็ไม่อาจยกให้เป็นโมฆะได้แต่อย่างใด คนตายไปแล้วก็สบายคนที่อยู่ก็รับเวรรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อไป มะลิตัดสินใจไปทำงานตามที่เจ้าหนี้เสนอให้ ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนจะได้รับอิสระกลับมา แล้วให้ยายแก่ๆ อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยฝากเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันดีช่วยดูอีกแรง เก็บกระเป๋าใบเล็กๆ มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเพราะไม่ใช่คนชอบแต่งตัว ก่อนจะเดินออกมาหายายที่ยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่หน้าบ้าน “ไม่ต้องห่วงยายนะมะลิ ยายดูแลตัวเองได้” “มะลิไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆ นะ” ยายหลานที่ตัวติดกันปานปาท่องโก๋กอดกันแน่น พร้อมกับหลั่งน้ำตาแบบไม่ขาดสาย ต้องห่างไกลหลายร้อยกิโลครั้นเหลือกันแค่เพียงสองคน แต่แล้วก็ต้องจำใจจากเมื่อสถานะลูกหนี้มันค้ำคอ หอบกระเป๋าใบเก่าขึ้นรถตู้ มองยายแก่ๆ ที่ยืนมองหลานสาวกลับด้วยสายตาแดงละห้อย กระทั่งประตูรถตู้ปิดลง พลันมะลิก็ปล่อยโฮอย่าง
จุดสนใจไม่ใช่ลูกน้องที่มารายงาน เขาเห็นเป็นปลายเท้าเล็กกว่าเท้าของเขาอย่างมาก สวมถุงเท้าลายการ์ตูนยาวเหนือตาตุ่ม ค่อยๆ ไล่ดวงตาขึ้นสูง มองที่หน้าแข็งทว่ามันเนียนกริบและขาวแบบสะดุดตา ก่อนจะเปรยมองขึ้นเรื่อยๆ มาถึงต้นขาอวบ คนตรงหน้าสวมเพียงกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่าเล็กน้อย ก่อนจะเห็นรูปลักษณ์ลูกหนี้ของตนอย่างชัดเจน พลันนั้นเรียวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง พลางสบถคำหยาบในใจและกระตุกใบหน้าเหมือนว่าเอามาทำไม ลูกหนี้ดันเป็นผู้หญิง ท่าทางดูแล้วเหมือนยังไม่ถึงสิบแปดบริบูรณ์ ให้ทำงานอย่างอื่นก็กลัวโดนตรวจสอบใช้แรงงานเด็ก แต่ความจริงอายุของมะลิคือยี่สิบปีบริบูรณ์“ชื่อมะลิครับคุณเหม”เหมราชถอนหายใจ แต่ยังเอียงสายตาพยายามมองหน้าคนที่เอาแต่ก้ม ก็ไม่เห็นสักที เห็นแต่เพียงว่าเด็กสาวคนนี้ตัวอวบ ผิวขาว หน้ากลมๆ ผมยาวและถักเปียมาแบบยุ่งๆ เหมือนเด็กบ้านนอกไม่มีผิด“กูผิดเองที่เสือกไม่ถามว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”ในความคิดเขามองว่าแรงงานผู้หญิงมันไม่คุ้มค่ากับการนำมาใช้ชดใช้กับหนี้ เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินถือแก้วแอลกอฮอล์ในมือ ไปยืนตรงหน้าลูกหนี้ของตนที่เอาแต่ก้มหน้า“มะลิ”“!!”เจ้าของชื่อสะดุ้งน
เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื
เหมราชที่ยืนนิ่งชั่วครู่ ก็ย่นคิ้วเข้มที่เห็นลูกน้องยืนมาตัวเองเป็นนัยน์ตาเดียวกัน ก็พลันขึงตามใส่กลับ แววตาอันน่ากลัวทำทุกคนกระจายตัวออกกันออกไป ส่วนเหมราชก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าสัวที่หมุนตัวเดินตามลูกชายต้อยๆ แล้วหย่อนกายกลับเข้าไปนั่งที่เดิม “เตี่ยมานานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผู้เป็นพ่อ “ตั้งแต่เที่ยง โคราชมันอยู่ไม่ไกล ทำไมลื้อเพิ่งถึงอาเหม” เจ้าของชื่อยังไม่ตอบในทันทีแต่ขยับตัวไปยืนอยู่อีกมุม เขาควักบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อไม่ให้กลิ่นลอยคลุ้งไปในตำแหน่งที่หัสดินนั่ง จุดไฟแล้วคาบมันไว้ที่ปาก จากนั้นก็ดูดสารนิโคตินเข้าปอดอย่างหื่นกระหายครั้นอดทนอยากมาตลอดที่เดินทาง “รถมันติด” เหมราชก็ตอบตามความจริง สาเหตุของการมาช้ากว่าปกติก็เพราะรถในเมืองหลวงมันเนืองแน่น แต่ทว่านั่นไม่ใช่จุดสนใจของเจ้าสัวมากนัก “ลื้อกับอามะลิ...” พูดออกมาเพียงแค่นั้นคนฟังก็ตีความหมายของประโยคนั้นได้ เตี่ยของตนกำลังจะถามว่า เขาและมะลิเป็นอะไรกัน เหมราชยังทำท่าไขสือไปก่อน ตั้งใจดูดบุหรี่แล้วมองออกไปข้างนอก แต่เป็นการชะเง้อคอมองไปที่ห้องนอนของมะลิ หัสดินที่เห็นก็ลอบยิ้
คฤหาสน์เหมราช“นี่อาเหมยังไม่กลับอีกเหรอ”“ยังค่ะเจ้าสัว”อ้อยควั่นตอบพร้อมกับการเสิร์ฟน้ำชาร้อนๆ และขนมรองท้องให้หัสดิน ครั้นนั่งรถมาหาถึงที่แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเหมราชจะกลับมา และทุกครั้งที่ลูกชายหายไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัด นิสัยงอแงของหัสดินก็เกิดขึ้นไม่ต่างจากเด็ก“ไปเป็นอาทิตย์ไม่ติดต่อมาหาอั้วเลย เครนถล่มทับคอซี้แหง๋แก๋ไปแล้วมั้ง”หัสดินแอบบ่น ทุกครั้งที่เหมราชไปทำงานก็หายหัวไม่ติดต่อพ่อเลยสักครั้ง แม้แต่ข้อความสักประโยคก็ไม่มีส่งมา“คงกำลังมีความสุขน่ะค่ะเจ้าสัว”ชายมีอายุกำลังตั้งท่าจะยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม ได้ยินที่อ้อยพูดก็หันมาสนใจอยากรู้ในทันที ไปทำงานมีแต่เรื่องปวดหัว เอาอะไรมามีความสุข“ลื้อหมายถึงอะไรอาอ้อย...อะไรที่ลูกชายอั๊วกำลังมีสุข”หัสดินเอ่ยถามออกมาพร้อมกับคิ้วหงอกๆ ที่ย่นเข้าหากันอย่างงุนงง และในตอนนี้เขาอยากรู้เสียเต็มประดา“มะลิก็ไปด้วยค่ะ”“มะลิ...อ๋อ อีที่ตัวอ้วนๆ คนนั้นใช่ไหม”เจ้าสัวทำท่านึก ก่อนจะจำได้ว่ามะลิคือลูกหนี้ที่เหมราชลากตัวมาทำงานชดใช้กับหนี้สิน“ใช่ค่ะเจ้าสัว ลากมะลิขึ้นรถไปด้วย แง่งอนกันเหมือนคนเป็นแฟน”“หึๆ”ที่แท้ความสุขที่แม่บ้านบอกมาคือกา
ครบหนึ่งอาทิตย์สำหรับการมาคุมงานที่นครราชสีมา ในส่วนของเหมราชจัดการแล้วเรียบร้อย ที่เหลือคือในส่วนของวิศวกรที่จะจัดการต่อ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวันอยู่พักผ่อน เสพบรรยากาศโดยไม่มีเรื่องงานเข้ามาปะปน กระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพเพราะมีงานส่วนอื่นรออยู่ ข้าวของพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อยและลมเหนือกำลังขนขึ้นท้ายรถมะลิแอบเดินออกมาด้านนอกเพียงคนเดียวรอเหมราชที่ยังจัดการธุระส่วนตัวยังไม่เสร็จ เพราะอยากเสพบรรยากาศจนนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วกลับกรุงเทพไป อากาศที่บริสุทธิ์ทำปอดน้อยๆ ได้รับโอโซนอย่างเต็มที่ ยืนกอดอกมองวิวทิวทัศน์ด้านหน้าเป็นเทือกเขาเขียวสวยช่างเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมากเหมราชที่เดินออกจากห้องน้ำก็กวาดสายตามองหาคนอายุน้อยทันที ด้านหน้าเห็นเพียงลมเหนือกำลังจัดแจงกระเป๋าหลายใบให้เข้าที่ สวนมะลิกลับหายไปจากสายตาของเขา ทั้งที่ขอตัวเข้าห้องน้ำไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“เหนือ มึงเห็นมะลิไหม”“ไม่เห็นครับ”คำตอบของผู้ใต้บังคับบัญชา ทำเหมราชหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าลมเหนือกำลังจัดระเบียบกระเป๋าที่อัดแน่นอยู่ในท้ายรถ เลยไม่ทันได้สังเกตมองผู้หญิงของเจ้า