เพราะทางเลือกของมะลิมีไม่มาก ไม่อยากปล่อยให้ที่ดินและบ้านหลังเล็กแสนทรุดโทรมโดนยึดก็ต้องยอมไปใช้แรงงานชดใช้กับหนี้สินที่มีทั้งหมด รับข้อตกลงไปทำงานให้กับเจ้าหนี้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ยอมรับชะตากรรมกับเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยแสนโหด แม้พ่อจะตายไปแล้ว หนี้ส่วนนั้นก็ไม่อาจยกให้เป็นโมฆะได้แต่อย่างใด คนตายไปแล้วก็สบายคนที่อยู่ก็รับเวรรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อไป
มะลิตัดสินใจไปทำงานตามที่เจ้าหนี้เสนอให้ ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนจะได้รับอิสระกลับมา แล้วให้ยายแก่ๆ อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยฝากเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันดีช่วยดูอีกแรง เก็บกระเป๋าใบเล็กๆ มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเพราะไม่ใช่คนชอบแต่งตัว ก่อนจะเดินออกมาหายายที่ยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่หน้าบ้าน “ไม่ต้องห่วงยายนะมะลิ ยายดูแลตัวเองได้” “มะลิไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆ นะ” ยายหลานที่ตัวติดกันปานปาท่องโก๋กอดกันแน่น พร้อมกับหลั่งน้ำตาแบบไม่ขาดสาย ต้องห่างไกลหลายร้อยกิโลครั้นเหลือกันแค่เพียงสองคน แต่แล้วก็ต้องจำใจจากเมื่อสถานะลูกหนี้มันค้ำคอ หอบกระเป๋าใบเก่าขึ้นรถตู้ มองยายแก่ๆ ที่ยืนมองหลานสาวกลับด้วยสายตาแดงละห้อย กระทั่งประตูรถตู้ปิดลง พลันมะลิก็ปล่อยโฮอย่างหนัก จนชายฉกรรจ์ทั้งสองคนมองหน้ากัน “ไม่ได้พาไปฆ่า ร้องอะไรขนาดนั้น” “มะลิห่วงยายจ้ะ” “รู้ แต่คุณเหมเขาอยากได้เงินของเขาคืน ไม่มีก็ต้องทำงานใช้หนี้น่ะถูกแล้ว” “ฮือ...” มะลิยังปล่อยเสียงร้องโดยไม่กลัวว่าใครจะรำคาญ ในใจตอนนี้มีแต่ความเป็นห่วงยายที่ต้องอยู่บ้านหลังทรุดโทรมเพียงลำพัง รถตู้เบาะนิ่มนั่งสบายตูด แอร์ก็เย็นฉ่ำทำคนที่ร้องไห้เหนื่อยเผลอหลับสนิทอย่างไม่รู้ตัว หลายชั่วโมงกับการเดินทางโดยไม่จอดพักที่ไหน มีเพียงแวะเติมน้ำมันและเข้าห้องน้ำ กระนั้นไม่ได้ทำให้คนที่นอนหลับใหลรู้สึกตัวตื่นเลยสักนิด และรู้อีกทีเธอถูกปลุกให้ตื่นเมื่อเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังโต “ตื่น !” มะลิสะลึมสะลือขึ้นเมื่อถูกเรียกและโดนเขย่าตัว จากนอนฟุบหน้าลงเบาะนั่งก็งัวเงีย พลางขยี้เปลือกตาง่วงงุนแล้วมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านหน้าต่างรถ ก่อนที่บานประตูรถตู้จะเปิดออก “ลงมา” “ถึงแล้วเหรอจ๊ะ” “ถึงแล้ว” ชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวตอบห้วนๆ สั้นๆ มะลิหยิบกระเป๋าที่หล่นกองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาหอบแล้วขยับกายลงมา มองสิ่งที่ไม่คุ้นตาแบบงงๆ บรรยายในช่วงดึก แต่ทว่าสว่างไสวเพราะแสงไฟที่ประดับรอบบ้านเปิดทั่วราวกับเป็นงานกาชาด พื้นที่ตรงนี้และบ้านหลังโตอย่างกับคฤหาสน์ใหญ่มโหฬารมากกว่าบ้านเท่ากระต๊อบของเธอเป็นสิบเท่า แค่ทางเข้าจากรั้วมายังด้านในก็ยาวกว่าที่ดินปลูกผักของยาย คนงานในบ้านก็เดินกันอย่างพลุกพล่าน แต่งตัวคล้ายกันโดยเฉพาะพวกผู้ชาย “ตามมาด้านใน” มะลิพยักหน้าแล้วเดินตาม บ้านหลังนี้มีแต่ชายหน้าตาโหด จับจ้องมองเธอเป็นสายตาเดียวกันเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ดีหน่อยก็เป็นผู้หญิงที่ส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธอ และลักษณะการแต่งตัวก็คงไม่พ้นการเป็นแม่บ้านของที่นี่ เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ดวงตาคู่ใสก็เบิกกว้างกลมโต มันกว้างอย่างกับสนามฟุตบอลในโรงเรียนวัด โต๊ะตู้โชว์หรือโซฟาสวยหรูแบบฉบับบ้านคนรวยไม่มีผิด ก่อนจะเห็นว่ามีชายร่างสูงเป็นลมเหนือเดินมาจากฝั่งซีกขวาของบ้าน สวมสูทผูกเนคไทไม่ต่างจากชายฉกรรจ์สองคนที่เธอนั่งมาด้วยจากเชียงรายยันกรุงเทพ ทว่าชายผู้มาใหม่คนนี้ดูท่าทางใจดีกว่าอีกสองคนนั้นมากทีเดียว “มาถึงเร็วจังวะเดช” “เร่งคนขับรถเลยพี่” เพราะไม่อยากให้เจ้านายรอนาน เลยนั่งกันแบบมาราธอนไม่แวะจอดที่ไหน มะลิที่เอาแต่กอดกระเป๋าเป้ใบเก่ายืนก้มหน้าไม่สบตาใครทั้งสิ้น ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องมาทำงาน แค่นึกว่าต้องมาเป็นแม่บ้านก็รู้สึกเหนื่อยตาย เพราะบ้านหลังนี้อลังการเสียเหลือเกิน แค่บันไดขึ้นไปชั้นบนและส่วนบริเวณห้องโถงทำครึ่งวันก็ไม่น่าจะเสร็จ “พวกมึงไปพัก กูพาเข้าไปเอง” “ครับพี่” ชายหน้าดุสองคนพูดพร้อมกัน แล้วกระจายตัวกันออกไปคนละทิศละทาง ส่วนมะลิยังยืนตัวเกร็ง เสียวสันหลังวาบยามดวงตาคมของคนตรงหน้าจ้องมองกัน “เธอชื่ออะไร” “ชะชื่อ...มะลิจ้ะ” คนอายุน้อยแนะนำตัวเองด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ ยามลมเหนือขยับเข้ามา มะลิก็ขยับถอยหลังออก มองเพียงปลายเท้าของคนตัวโต ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเลยสักนิด “ฉันชื่อลมเหนือ เป็นลูกน้องคนสนิทของคุณเหมราช” “...” “เรียกฉันว่าเหนือเฉยๆ ก็ได้” “จ้ะ...คุณเหนือ” “ตามฉันมา” “ไปไหนอีกเหรอจ๊ะ” มะลิถามอย่างตื่นกลัว เดิมตามคนนั้นคนนี้จะทั่วบ้านอยู่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องมาทำงานอะไรเพื่อชดเชยกับหนี้สินที่ไม่ได้ก่อ “ไปพบเจ้าหนี้เธอไง” พูดจบลมเหนือก็เดินย้อนกลับไปยังฝั่งขวา โดยที่มะลิต้องจำใจก้าวเท้าเดินตามไปยังห้องห้องหนึ่ง ลมเหนือเคาะไปสามทีอย่างมีมารยาทโดยที่คนได้ในยังไม่เอ่ยอะไรออกมา ก่อนจะเปิดเข้าไปแล้วให้คนด้านหลังเดินตาม มะลิย่างเท้าเข้าอาณาเขตของห้อง มองเห็นเพียงขาโต๊ะที่ตั้งไว้ตรงกลางและมีเสียงดังปั๊กหลายที “พามาแล้วครับคุณเหม” เหมราชที่กำลังจ้องลูกสนุ๊กอย่างจดจ่อ ได้ยินที่ลมเหนือพูดแต่ยังไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากลูกกลมๆ ตรงหน้า แล้วใช้ไม้แทงเข้ากลางลูกเต็มๆ จนมันหล่นลงรูด้านข้าง ก่อนจะเหยียดตัวขึ้นเต็มความสูง เหมราชยังไม่ได้สนใจผู้มาใหม่แต่พอเข้าใจว่าต้องเป็นลูกหนี้ที่ถูกนำตัวมา เขาหมุนตัวไปหยิบเครื่องดื่มที่รินลงแก้วไว้ขึ้นมาดื่ม พอใจกับฝีมือยิงสนุ๊กของตัวเองที่แม่นยำขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอี้ยวใบหน้าหันมามอง ทว่าดวงตาคมมองจากพื้นค่อยๆ ไล่ขึ้นมาอย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังสังเกตบางอย่าง ??จุดสนใจไม่ใช่ลูกน้องที่มารายงาน เขาเห็นเป็นปลายเท้าเล็กกว่าเท้าของเขาอย่างมาก สวมถุงเท้าลายการ์ตูนยาวเหนือตาตุ่ม ค่อยๆ ไล่ดวงตาขึ้นสูง มองที่หน้าแข็งทว่ามันเนียนกริบและขาวแบบสะดุดตา ก่อนจะเปรยมองขึ้นเรื่อยๆ มาถึงต้นขาอวบ คนตรงหน้าสวมเพียงกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่าเล็กน้อย ก่อนจะเห็นรูปลักษณ์ลูกหนี้ของตนอย่างชัดเจน พลันนั้นเรียวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง พลางสบถคำหยาบในใจและกระตุกใบหน้าเหมือนว่าเอามาทำไม ลูกหนี้ดันเป็นผู้หญิง ท่าทางดูแล้วเหมือนยังไม่ถึงสิบแปดบริบูรณ์ ให้ทำงานอย่างอื่นก็กลัวโดนตรวจสอบใช้แรงงานเด็ก แต่ความจริงอายุของมะลิคือยี่สิบปีบริบูรณ์“ชื่อมะลิครับคุณเหม”เหมราชถอนหายใจ แต่ยังเอียงสายตาพยายามมองหน้าคนที่เอาแต่ก้ม ก็ไม่เห็นสักที เห็นแต่เพียงว่าเด็กสาวคนนี้ตัวอวบ ผิวขาว หน้ากลมๆ ผมยาวและถักเปียมาแบบยุ่งๆ เหมือนเด็กบ้านนอกไม่มีผิด“กูผิดเองที่เสือกไม่ถามว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”ในความคิดเขามองว่าแรงงานผู้หญิงมันไม่คุ้มค่ากับการนำมาใช้ชดใช้กับหนี้ เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินถือแก้วแอลกอฮอล์ในมือ ไปยืนตรงหน้าลูกหนี้ของตนที่เอาแต่ก้มหน้า“มะลิ”“!!”เจ้าของชื่อสะดุ้งน
อุปกรณ์ทำความสะอาดถือมาแบบเต็มไม้เต็มมือ มะลิก็ตรงไปยังห้องนั้นทันที เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวของเหมราช ด้านในก็มืดสนิทมองอะไรไม่เห็น แต่พอก้าวเท้าข้ามขอบประตูเข้าไป มะลิก็สะดุ้งเมื่อไฟในห้องสว่างอัตโนมัติเพราะเป็นระบบเซนเซอร์“นึกว่าคุณเหมอยู่”พูดคนเดียวแล้วพลางส่ายหัว ก่อนจะหยิบเครื่องดูดฝุ่นขึ้น เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน แอบงงเล็กน้อยแต่ทว่าก็พอเดาได้ว่ามันใชยังไง เมื่อกดปุ่มเปิด เริ่มการเก็บฝุ่นที่เหมือนว่ามันไม่มีเลยสักเม็ดแต่ก็ต้องทำ ห้องทั้งห้องก็ดังไปด้วยเสียงของอุปกรณ์ทำความสะอาด มะลิสังเกตเห็นว่ามีคราบเหนียวๆ ติดตามพื้นสองสามจุด ใช้ไม้ม็อบถูแล้วมันก็ไม่ออก ฉะนั้นคงต้องลงไปนั่งขัด หยิบผ้าผืนเล็กชุบน้ำถูแรงๆ มันก็ค่อยๆ หลุด แต่ก็ใช้เวลานานหลายนาที กระทั่งมะลิเห็นเงารางๆ หยุดอยู่ตรงหน้า เหมือนกับว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ภายในอกข้างซ้ายเริ่มสั่นรัวขึ้น ภาวนาไม่อยากให้เป็นเหมราชเพราะกลัวสายตาของมาเฟียหนุ่ม ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาก็ยิ่งตกใจ“ทำอะไร”!!ดวงตากลมเบิกโตเพราะความกลัว มือที่จับผ้าเช็ดพื้นกำแน่น นั่งพับเพียบบนพื้นนิ่งราวกับเป็นตุ๊กตาปูนปั้น เหมราชสวมรองเท้าที่
เมื่อดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟดำในยามเช้า และทำสมาธิให้ตัวเองด้วยเล่นสนุกเกอร์แบบพอหอมปากหอมคอ เหมราชก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องนอนหรูของตัวเอง ก่อนจะเดินลงมาที่โต๊ะอาหารตัวยาวที่มีเก้าอี้นั่งเรียงรายมากกว่าสิบตัว แต่ทว่าเขากลับนั่งเพียงลำพังเป็นประจำเกือบทุกครั้งที่กินข้าวในคฤหาสน์หลังนี้เหมราชอยู่ในชุดสบายๆ เพราะวันนี้ไม่ได้มีธุระออกไปไหน สวมเพียงเสื้อยืดสีขาวไม่มีลายแต่ราคาก็แพงเฉียดหลักหมื่น ส่วนกางเกงเป็นขายาวผ้านิ่มคล้ายกางเกงนอนแต่มันไม่ใช่ สามารถใส่ออกไปด้านนอกได้โดยไม่ต้องกลัวใครมองว่าสวมชุดนอนออกมาด้านนอกและผมเผ้าที่ไม่ได้เซตจัดแต่งทรง แต่ก็ดูดีไม่น้อย ยังฉีดเพียงน้ำหอมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่งทานอาหารมื้อเช้าในช่วงเก้านาฬิกาสิบห้านาทีในห้องครัวที่ถัดจากโซนกินข้าวไม่มาก เสียงดังก๊อกแก๊กจากการล้างภาชนะในครัว พี่อ้อยควั่นที่มือขาวเต็มไปด้วยฟองน้ำยาล้างจานก็หันมาคุยและวานคนอายุน้อยที่กำลังเรียงพวกเครื่องปรุงใช้แล้วให้เข้าที่เดิม“มะลิ เอาของหวานไปเสิร์ฟคุณเหม”“จ้ะ”มะลิทำตามอย่างว่าง่าย ของหวานมื้อเช้าของเหมราชเป็นเพียงลูกชิปในน้ำเชื่อมหวานน้อยเท่านั้น เดินถือถาดออกมาก็เ
ห้องทำงาน“เมื่อวานยอดตกไปสองล้านครับ”ลมเหนือรายงานยอดเล่นการพนันในกาสิโนให้เจ้านายฟัง ขณะที่เหมราชยืนดูดบุหรี่ข้างหน้าต่าง มองออกไปก็เห็นมะลิกำลังรดน้ำต้นไม้บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน แล้วยังก้มๆ เงยๆ ถอนต้นหญ้าชนิดอื่นที่เกิดแทรกขึ้นมาบดบังหญ้าราบเตียนราคาแพงที่ใช้ตกแต่งสวน“...”“ปกติคุณเหมพูดคำไหนคำนั้น แต่กับมะลิ”“ทำไม ยัยเด็กขี้เหร่ทำไม”“ดูต่อรองกับคุณเหมได้”ลมเหนืออมยิ้มขึ้นเล็กน้อย มองเจ้านายตัวเองที่พ่นควันขาวแล้วสอดสายตาออกไปด้านนอกเหมือนมีบางอย่างดึงความสนใจไปอย่างมาก“มึงก็ออกความเห็นมาสิ”“ขัดดอกไหมครับ”“...”“ยังไงคุณเหมก็มีเด็กมานอนด้วยอยู่แล้ว เอามะลิมาใช้ขัดดอกก็ไม่เลว”เขาเสนอออกมาเพราะเห็นว่าเหมราชมีคู่นอนทั้งขาจรและขาประจำอยู่บ้าง และช่วงนี้เหมราชก็ห่างหายกับผู้หญิงพวกนั้นเพราะงานที่รัดตัว อายุน้อยของมะลิแม้จะอ่อนกว่าคู่นอนของเจ้านายหลายปี แต่ทว่าใช้แก้ขัดมันก็คงไม่เลว เหมราชได้ยินเช่นนั้นก็หันคอแทบเคล็ดมองลูกน้องตัวเองตาขึง จนลมเหนือก้มหน้าไม่กลางสบตา ก่อนจะกระตุกมุมปากแล้วหัวเราะเสียงเหอะในลำคอเพียงหนึ่งครั้ง ความคิดนี้ไม่มีในหัวของเขาเลย“เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
เหมราชมีท่าทีเหนื่อยหน่าย แล้วยังร้อนกับอากาศข้างนอก ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำชำระคราบสกปรกที่หมักหมมอยู่ตามร่างกาย ถอดเนคไทที่อยู่บนคอ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแล้วตามด้วยกางเกงสแลกสีดำสนิท สลัดกองลงกับพื้นไปคนละทิศทางตามนิสัยไม่มีระเบียบ พลันดวงตาคมก็มองหาผ้าเช็ดตัวเพื่อจะห่อไว้ที่เอวแล้วออกไปดูบุหรี่สักมวนก่อนจะเข้ามาอาบน้ำ คิ้วเข้มขมวดสงสัย ครั้นโดยปกติผ้าเช็ดตัวของเขาจะแขวนไว้ข้างตู้ เดินตัวเปลือยล่อนจ้อนตามหาผ้าเช็ดตัวที่ถูกเก็บไว้ตำแหน่งใหม่ ประตูตู้เสื้อผ้าปิดดังตึ้ง เป็นผลให้คนที่กำลังใช้แปรงเล็กขัดซอกกระเบื้องชะงักในทันที มะลิขมวดคิ้วเช่นกันนึกสงสัยกับเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะลุกแล้วเดินย่องมาส่องผ่านรอยแง้มของประตูห้องน้ำ!!พระเจ้าช่วยกล้วยยาวมาก!!มะลิแทบอยากกรี๊ดออกมา แต่ต้องเม้มปากเงียบไว้อย่างสุดกำลัง เหมราชเดินไปเดินมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง ร่างหนาอัดแน่นไปด้วยซิกแพ็กไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เขาหยุดยืนเท้าสะเอวหันหน้ามาทางห้องน้ำด้วยท่าทางหงุดหงิด อากาศก็ร้อนยังหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอก็หัวเสียไปใหญ่ ทำดวงตาคู่หวานเห็นความเป็นชายที่ห้อยลงมาอย่างชัดเจน ไม่ต่างจากภาพอุจาดตา ส่วนนั้นของเหมรา
เอกสารบนโต๊ะกองพะเนินไม่รู้จักลดลง ครั้นเป็นช่วงของการตรวจสอบการเงินในรอบครึ่งปี แม้จะมีพนักงานดูแลในเรื่องนี้ทว่าเหมราชยังเอาบางส่วนมาตรวจสอบด้วยตัวเองทุกๆ หกเดือน ธุรกิจสีเทามันไม่เข้าใครออกใคร หาคนไว้ใจยากถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยกันมานานเป็นสิบปี ที่ยังจงรักภักดีกันอยู่ทุกวันนี้ก็คงเพราะเงินเดือนที่จ่ายมากจนงานที่อื่นก็หาไม่ได้ อีกทั้งการเลี้ยงดูปูเสื่อแบบอิ่มหนำสำราญชายหนุ่มหยิบแฟ้มขึ้นมา หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเริ่มตาลาย ตั้งแต่เช้าเขาอยู่กับตัวเลขจำนวนมหาศาลจนสายตาเริ่มล้า ขยับตัวไปยืนพิงขอบหน้าต่างครั้นจะมองต้นไม้เขียวขจีให้ดวงตาที่เหนื่อยล้าสดชื่นขึ้นบ้าง ทว่ามันมีบางอย่างดึงดูดจุดสนใจเขาแทนต้นไม้พวกนั้นซะแล้ว“มะลิ”เหมราชเอ่ยชื่อลูกหนี้สาวขึ้นมา พลันดวงตาที่หนักอึ้งไปด้วยอาการล้าและพร่าเบลอก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น แทนที่เขาจะหันกลับมาสนใจเอกสารในมือแต่กลับวางมันลง แล้วยืนกอดอกพิงหน้าต่างบานเดิม มองมะลิที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านข้างห้องทำงานของเขา หากมองจากด้านนอกจะมองไม่เห็นคนด้านใน แต่สำหรับคนด้านในมองเห็นคนด้านนอกได้อย่างชัดเจนยืนมองตาเป็นประกายโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะ
ส่วนคนอายุน้อยก็ดันได้กลิ่นควันบุหรี่ติดตามเนื้อตัวของชายหนุ่ม เหมือนเวลาหยุดนิ่งต่างคนก็ต่างทำตัวไม่ถูก หากจะปล่อยเอวที่โอบก็คงล้มหัวฟาดกระถางดอกไม้ มะลิเองก็ประคองตัวด้วยการกำเสื้อยืดแน่นเป็นการทรงตัว ประสานสายตากันอยู่แบบนั้นในชั่วขณะหนึ่ง “อ่า..พวกลื้อสองคนจะมองตากันอีกนานไหม นี่เป็นปลากัดอั๊วว่าท้อง” เสียงของหัสดินคล้ายเป็นน้ำถังใหญ่สาดเหมราชให้ได้สติ รีบประคองมะลิให้ยืนตัวตรงแล้วถอยห่างออกมา ดึงแขนตัวเองกลับมากระตุกเสื้อบนกายที่ยับยู่ยี่เป็นรอยมือและรอยสกปรกจากมือที่หยิบจับสิ่งของ มะลิหน้าเสียกลัวเหมราชจะโกรธที่เผลอทำเสื้อแพงๆ มีรอยและไม่เป็นทรง ยืนตัวหดเท่าสองนิ้วแล้วก้มหน้าอีกตามเคย “จะไปทำอะไรก็ไป ไม่ต้องมายืนเป็นเต่าแคระแถวนี้” “จ้ะ มะลิไปแล้ว” “เดี๋ยว !!” ก้าวขาได้แค่ก้าวเดียวก็สะดุ้งตกใจอีกครั้ง เหมราชพูดเสียงดังจนเหงื่อซึมตามฝ่ามือ “...” “เก็บถาดไปด้วย” โธ่ !ไอ้เราก็นึกว่าจะเปลี่ยนใจดุกัน “จ้ะ” มะลิรีบก้มเก็บถาด แล้ววิ่งไปทางหลังบ้านเพื่อทะลุเข้าประตูครัวโดยไม่หันกลับมามอง มีเพียงหัสดินที่ชะเง้อตามอย่างสงสัยและยังไม่รู้ชื่อเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ “ใคร” “...” เหมราช
“กรุงเทพหนาวด้วยแฮะมะลิ นึกว่าไม่ค่อยหนาวเหมือนเมืองเหนือ” มะลิใส่ถุงเท้าทั้งสองข้างเพื่อความอบอุ่นครั้นเป็นขี้หนาว โดยเฉพาะเท้าที่ไม่อาจปล่อยเปลือยในตอนนอนได้ มองนาฬิกาในตอนนี้มันสองทุ่มครึ่ง บรรยากาศที่เย็นยะเยือกทำมะลิคิดถึงยายมากกว่าทุกวัน หยิบมือถือตกรุ่นที่ใช้มานานจนแบตเตอรี่เสื่อม ชาร์ตวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าสองรอบ เปิดรูปที่เคยถ่ายไว้ด้วยกล้องความคมชัดแบบกะโหลกกะลา ยามเห็นรอยยิ้มของยายก็อดไม่ได้ที่ยิ้มตาม แต่กระนั้นก็ต้องหุบลงเมื่อความเหงาและคิดถึงแม่อุ้ยของตนมันกัดกินหัวใจ “คิดถึงมากแบบนี้ นอนไม่หลับแน่ๆ เลยมะลิ” ใช่ คืนนี้เหมือนจะนอนไม่หลับ อยากโทรหาอยากได้ยินเสียง แต่ป่านนี้ยายไหมก็คงหลับไปแล้ว ต่างจังหวัดที่เป็นหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ ช่วงเวลานี้ก็ถือว่าดึกพอสมควร แต่สำหรับกรุงเทพเมืองกรุงที่ไม่มีวันหลับใหลต่อให้ฟ้าใกล้สว่างก็ยังมีเสียงรถราวิ่งสวนกันไปมาอยู่เลยมะลิวางมือถือลงเตียงนอน สวมรองเท้าฟองน้ำคู่ละไม่กี่ร้อยออกมาด้านนอกครั้นอยากเดินเล่นคั่นเวลาง่วงนอน มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็มีกลุ่มเมฆสีดำลอยเคลื่อนตัวไปมา ไม่เห็นแม้แต่ดาวหรือแสงพระจันทร์ ดวงตาคู่ใสเหมือนจะร้อนผ่าว ความค
เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื
เหมราชที่ยืนนิ่งชั่วครู่ ก็ย่นคิ้วเข้มที่เห็นลูกน้องยืนมาตัวเองเป็นนัยน์ตาเดียวกัน ก็พลันขึงตามใส่กลับ แววตาอันน่ากลัวทำทุกคนกระจายตัวออกกันออกไป ส่วนเหมราชก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าสัวที่หมุนตัวเดินตามลูกชายต้อยๆ แล้วหย่อนกายกลับเข้าไปนั่งที่เดิม “เตี่ยมานานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผู้เป็นพ่อ “ตั้งแต่เที่ยง โคราชมันอยู่ไม่ไกล ทำไมลื้อเพิ่งถึงอาเหม” เจ้าของชื่อยังไม่ตอบในทันทีแต่ขยับตัวไปยืนอยู่อีกมุม เขาควักบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อไม่ให้กลิ่นลอยคลุ้งไปในตำแหน่งที่หัสดินนั่ง จุดไฟแล้วคาบมันไว้ที่ปาก จากนั้นก็ดูดสารนิโคตินเข้าปอดอย่างหื่นกระหายครั้นอดทนอยากมาตลอดที่เดินทาง “รถมันติด” เหมราชก็ตอบตามความจริง สาเหตุของการมาช้ากว่าปกติก็เพราะรถในเมืองหลวงมันเนืองแน่น แต่ทว่านั่นไม่ใช่จุดสนใจของเจ้าสัวมากนัก “ลื้อกับอามะลิ...” พูดออกมาเพียงแค่นั้นคนฟังก็ตีความหมายของประโยคนั้นได้ เตี่ยของตนกำลังจะถามว่า เขาและมะลิเป็นอะไรกัน เหมราชยังทำท่าไขสือไปก่อน ตั้งใจดูดบุหรี่แล้วมองออกไปข้างนอก แต่เป็นการชะเง้อคอมองไปที่ห้องนอนของมะลิ หัสดินที่เห็นก็ลอบยิ้
คฤหาสน์เหมราช“นี่อาเหมยังไม่กลับอีกเหรอ”“ยังค่ะเจ้าสัว”อ้อยควั่นตอบพร้อมกับการเสิร์ฟน้ำชาร้อนๆ และขนมรองท้องให้หัสดิน ครั้นนั่งรถมาหาถึงที่แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเหมราชจะกลับมา และทุกครั้งที่ลูกชายหายไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัด นิสัยงอแงของหัสดินก็เกิดขึ้นไม่ต่างจากเด็ก“ไปเป็นอาทิตย์ไม่ติดต่อมาหาอั้วเลย เครนถล่มทับคอซี้แหง๋แก๋ไปแล้วมั้ง”หัสดินแอบบ่น ทุกครั้งที่เหมราชไปทำงานก็หายหัวไม่ติดต่อพ่อเลยสักครั้ง แม้แต่ข้อความสักประโยคก็ไม่มีส่งมา“คงกำลังมีความสุขน่ะค่ะเจ้าสัว”ชายมีอายุกำลังตั้งท่าจะยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม ได้ยินที่อ้อยพูดก็หันมาสนใจอยากรู้ในทันที ไปทำงานมีแต่เรื่องปวดหัว เอาอะไรมามีความสุข“ลื้อหมายถึงอะไรอาอ้อย...อะไรที่ลูกชายอั๊วกำลังมีสุข”หัสดินเอ่ยถามออกมาพร้อมกับคิ้วหงอกๆ ที่ย่นเข้าหากันอย่างงุนงง และในตอนนี้เขาอยากรู้เสียเต็มประดา“มะลิก็ไปด้วยค่ะ”“มะลิ...อ๋อ อีที่ตัวอ้วนๆ คนนั้นใช่ไหม”เจ้าสัวทำท่านึก ก่อนจะจำได้ว่ามะลิคือลูกหนี้ที่เหมราชลากตัวมาทำงานชดใช้กับหนี้สิน“ใช่ค่ะเจ้าสัว ลากมะลิขึ้นรถไปด้วย แง่งอนกันเหมือนคนเป็นแฟน”“หึๆ”ที่แท้ความสุขที่แม่บ้านบอกมาคือกา
ครบหนึ่งอาทิตย์สำหรับการมาคุมงานที่นครราชสีมา ในส่วนของเหมราชจัดการแล้วเรียบร้อย ที่เหลือคือในส่วนของวิศวกรที่จะจัดการต่อ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวันอยู่พักผ่อน เสพบรรยากาศโดยไม่มีเรื่องงานเข้ามาปะปน กระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพเพราะมีงานส่วนอื่นรออยู่ ข้าวของพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อยและลมเหนือกำลังขนขึ้นท้ายรถมะลิแอบเดินออกมาด้านนอกเพียงคนเดียวรอเหมราชที่ยังจัดการธุระส่วนตัวยังไม่เสร็จ เพราะอยากเสพบรรยากาศจนนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วกลับกรุงเทพไป อากาศที่บริสุทธิ์ทำปอดน้อยๆ ได้รับโอโซนอย่างเต็มที่ ยืนกอดอกมองวิวทิวทัศน์ด้านหน้าเป็นเทือกเขาเขียวสวยช่างเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมากเหมราชที่เดินออกจากห้องน้ำก็กวาดสายตามองหาคนอายุน้อยทันที ด้านหน้าเห็นเพียงลมเหนือกำลังจัดแจงกระเป๋าหลายใบให้เข้าที่ สวนมะลิกลับหายไปจากสายตาของเขา ทั้งที่ขอตัวเข้าห้องน้ำไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“เหนือ มึงเห็นมะลิไหม”“ไม่เห็นครับ”คำตอบของผู้ใต้บังคับบัญชา ทำเหมราชหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าลมเหนือกำลังจัดระเบียบกระเป๋าที่อัดแน่นอยู่ในท้ายรถ เลยไม่ทันได้สังเกตมองผู้หญิงของเจ้า