ห้องทำงาน
“เมื่อวานยอดตกไปสองล้านครับ” ลมเหนือรายงานยอดเล่นการพนันในกาสิโนให้เจ้านายฟัง ขณะที่เหมราชยืนดูดบุหรี่ข้างหน้าต่าง มองออกไปก็เห็นมะลิกำลังรดน้ำต้นไม้บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน แล้วยังก้มๆ เงยๆ ถอนต้นหญ้าชนิดอื่นที่เกิดแทรกขึ้นมาบดบังหญ้าราบเตียนราคาแพงที่ใช้ตกแต่งสวน “...” “ปกติคุณเหมพูดคำไหนคำนั้น แต่กับมะลิ” “ทำไม ยัยเด็กขี้เหร่ทำไม” “ดูต่อรองกับคุณเหมได้” ลมเหนืออมยิ้มขึ้นเล็กน้อย มองเจ้านายตัวเองที่พ่นควันขาวแล้วสอดสายตาออกไปด้านนอกเหมือนมีบางอย่างดึงความสนใจไปอย่างมาก “มึงก็ออกความเห็นมาสิ” “ขัดดอกไหมครับ” “...” “ยังไงคุณเหมก็มีเด็กมานอนด้วยอยู่แล้ว เอามะลิมาใช้ขัดดอกก็ไม่เลว” เขาเสนอออกมาเพราะเห็นว่าเหมราชมีคู่นอนทั้งขาจรและขาประจำอยู่บ้าง และช่วงนี้เหมราชก็ห่างหายกับผู้หญิงพวกนั้นเพราะงานที่รัดตัว อายุน้อยของมะลิแม้จะอ่อนกว่าคู่นอนของเจ้านายหลายปี แต่ทว่าใช้แก้ขัดมันก็คงไม่เลว เหมราชได้ยินเช่นนั้นก็หันคอแทบเคล็ดมองลูกน้องตัวเองตาขึง จนลมเหนือก้มหน้าไม่กลางสบตา ก่อนจะกระตุกมุมปากแล้วหัวเราะเสียงเหอะในลำคอเพียงหนึ่งครั้ง ความคิดนี้ไม่มีในหัวของเขาเลย “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เนื้อตัวมีแต่ขี้ไคล กูไม่สนใจเอามาขัดดอก” ผู้ใต้บังคับบัญชาจรดเรียวคิ้วเข้มเข้าหากัน ที่พูดมาคือขัดกับที่ลมเหนือมองเห็น มะลิเป็นผู้หญิงตัวขาว หน้าเนียนกลมแล้วยังแก้มแดงมีเลือดฝาดราวกับแต่งแต้มเครื่องสำอาง ตัวอวบน่าบีบน่าฟัดอีกต่างหาก แต่เหมราชกลับมองว่าเป็นเพียงเด็กกะโปโลที่มาจากบ้านนอก ไม่มีอะไรน่าสนใจ... “แล้วจะให้ทำอะไรชดใช้แทนหนี้ครับ เพราะมะลิมียายต้องกลับไปดูแล” “ทำทุกอย่างที่กูสั่ง” เขาเองก็นึกไม่ออก เพราะงานสำหรับชดใช้หนี้ในตอนนี้มันไม่มีให้ยัดมะลิเข้าไปอีกคน งานก่อสร้างก็คงไม่เหมาะ งานในบ่อนต้องส่งไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยัยลูกหนี้ดันต่อรองเพราะเกลียดกาสิโน แหล่งอบายมุขที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพลูกหนี้มาเฟีย ที่มองเห็นก็คงเป็นแม่บ้าน เอาไว้ช่วยอ้อยควั่นอีกแรงและเรื่องหยุมหยิมบางเรื่องที่แม่บ้านหรือแม้แต่ลูกน้องคนสนิทก็ทำไม่ถูกใจ งั้นเขาจะลองใช้งานมะลิแทนดูแล้วกัน “โอเคครับ...ตามที่คุณเหมต้องการเลย” “มึงออกไปก่อน กูอยากอยู่คนเดียว” “ครับ” ลมเหนือโค้งตัวรับคำสั่ง เดินออกมาให้เจ้านายอยู่คนเดียว แทนที่เหมราชจะกลับมานั่งเก้าอี้ทำงาน กลับยืนล้วงกระเป๋าแล้วดูดสารนิโคตินมองลูกหนี้คนใหม่ของตนแบบไม่วางตา ยิ่งมะลิอยู่กลางแดดไม่ต่างจากหลอดไฟนีออนสว่างเลยสักนิด มันดึงดูดดวงตารัตติกาลของเขาให้มองได้โดยง่าย ทั้งที่ปกติเขาไม่สนใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว “คนอะไรขาวอย่างกับกินหลอดไฟ” มะลิกลายเป็นลูกหนี้ที่ถูกปล่อยลอยแพ ไม่รู้หน้าที่หลักของตัวเองว่าต้องทำอะไร ได้แต่ทำตามคำสั่งเจ้าหนี้อย่างเหมราชที่นานๆ จะเรียกเธอมาใช้งานและเป็นผู้ช่วยแม่บ้านอย่างพี่อ้อยควั่น วันนี้ก็เช่นกัน หน้าที่ของมะลิคือการทำความสะอาดห้องนอนของเหมราช ครั้นเจ้าของคฤหาสน์หรูหราแห่งนี้ออกไปหาเตี่ยตั้งแต่เช้าและคงกลับมาอีกทีตอนดึกอย่างเช่นทุกวันที่เคยไป มะลิเดินถืออุปกรณ์เข้าห้องมาเฟียหนุ่มโดยใช้กุญแจสำรองจากพี่อ้อยควั่น พอเปิดเข้าไปก็เบิกดวงตากลมโต ห้องนอนเหมราชหรูหราสมฐานะ เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งตรงกลาง แค่แตะมือลงไปยังผ้าปูก็สัมผัสได้ถึงความนิ่ม ห้องนอนเหมราชอยู่ในโทนสีเข้มตามนิสัยของคนอยู่ กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายดุเถื่อนลอยคลุ้งมาแตะจมูก แต่มันก็เป็นกลิ่นเซ็กซี่ไม่น้อย ไม่แปลกใจทำไมมักมีผู้หญิงเข้าหามาเฟียหนุ่มตลอดเวลา เครื่องประดับราคาแพงวางเกลื่อนแบบไม่กลัวหาย เหมราชเป็นคนมีระเบียบกับกฎและระบบงานของตัวเองอย่างมาก ดูแลน้องหลายชีวิตและควบคุมได้เป็นอย่างดีไม่มีนอกกรอบ แต่ไม่ค่อยมีระเบียบกับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเสียเท่าไหร่ มะลิที่เห็นก็แอบส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ คนดุดันและเข้มงวดแบบนั้นไม่น่าหละหลวมกับการเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่ มันมีอีกหลายอย่างที่ลูกหนี้อย่างมะลิไม่รู้ในตัวตนของเหมราช เพราะตัวเองเจ้าระเบียบเป็นทุนเดิม ครั้นเห็นของพวกนี้วางเกะกะก็จัดการทำในทันที ตอนแรกว่าจะทำตามหน้าที่ แต่ทว่าตอนนี้เหมือนทำเพราะนิสัยส่วนตัว เธอทนเห็นของวางรกไม่ได้ เก็บกวาดของลงกล่องและลิ้นชัก แน่นอนว่ามะลิเพิ่งเคยเข้ามาครั้งแรก การเก็บของทุกชิ้นของเธอจึงเป็นการเก็บแบบตามใจ โดยไม่รู้เลยว่าของทุกชิ้นของเหมราชต้องเก็บไว้ที่เดิมห้ามย้ายไปไว้ที่อื่น ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างตั้งใจ เพราะห้องที่ใหญ่และของมากมายทำมะลิใช้เวลาอยู่ในห้องนอนหรูมากกว่าสามชั่วโมง ทำไปด้วยร้องเพลงไปด้วย ไม่เร่งรีบจนนาฬิกาหมุนมาตรงเลขเจ็ด “ห้าโมงเย็นแล้วเหรอ ห้องน้ำยังไม่ได้ขัดเลย” ใช้ผ้าเช็ดตามขอบโต๊ะตู้เตียงอีกรอบเพื่อความสะอาด จากนั้นถอดถุงเท้าลายน่ารักสีชมพูหวานกองไว้ที่หน้าห้องน้ำ มะลิต้องขัดถูพื้น หากใส่เข้าไปมันก็คงต้องเปียก แม่บ้านสาวกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง เทน้ำยาล้างห้องน้ำแต่ก็ยังแง้มประตูเอาไว้ให้กลิ่นอ่อนๆได้ระบายออกหลายทาง ขัดๆ ถูๆ ตามร่องกระเบื้องที่เริ่มมีตะไคร่น้ำเล็กๆ เกาะ โดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องกลับเข้ามาแล้วเหมราชมีท่าทีเหนื่อยหน่าย แล้วยังร้อนกับอากาศข้างนอก ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำชำระคราบสกปรกที่หมักหมมอยู่ตามร่างกาย ถอดเนคไทที่อยู่บนคอ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแล้วตามด้วยกางเกงสแลกสีดำสนิท สลัดกองลงกับพื้นไปคนละทิศทางตามนิสัยไม่มีระเบียบ พลันดวงตาคมก็มองหาผ้าเช็ดตัวเพื่อจะห่อไว้ที่เอวแล้วออกไปดูดบุหรี่สักมวนก่อนจะเข้ามาอาบน้ำ คิ้วเข้มขมวดสงสัย ครั้นโดยปกติผ้าเช็ดตัวของเขาจะแขวนไว้ข้างตู้ เดินตัวเปลือยล่อนจ้อนตามหาผ้าเช็ดตัวที่ถูกเก็บไว้ตำแหน่งใหม่ ประตูตู้เสื้อผ้าปิดดังตึ้ง เป็นผลให้คนที่กำลังใช้แปรงเล็กขัดซอกกระเบื้องชะงักในทันที มะลิขมวดคิ้วเช่นกันนึกสงสัยกับเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะลุกแล้วเดินย่องมาส่องผ่านรอยแง้มของประตูห้องน้ำ !! พระเจ้าช่วยกล้วยยาวมาก!! มะลิแทบอยากกรี๊ดออกมา แต่ต้องเม้มปากเงียบไว้อย่างสุดกำลัง เหมราชเดินไปเดินมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง ร่างหนาอัดแน่นไปด้วยซิกแพ็กไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เขาหยุดยืนเท้าสะเอวหันหน้ามาทางห้องน้ำด้วยท่าทางหงุดหงิด อากาศก็ร้อนยังหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอก็หัวเสียไปใหญ่ ทำดวงตาคู่หวานเห็นความเป็นชายที่ห้อยลงมาอย่างชัดเจน ไม่ต่างจากภาพอุจาดตา ส่วนนั้น
เอกสารบนโต๊ะกองพะเนินไม่รู้จักลดลง ครั้นเป็นช่วงของการตรวจสอบการเงินในรอบครึ่งปี แม้จะมีพนักงานดูแลในเรื่องนี้ทว่าเหมราชยังเอาบางส่วนมาตรวจสอบด้วยตัวเองทุกๆ หกเดือน ธุรกิจสีเทามันไม่เข้าใครออกใคร หาคนไว้ใจยากถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยกันมานานเป็นสิบปี ที่ยังจงรักภักดีกันอยู่ทุกวันนี้ก็คงเพราะเงินเดือนที่จ่ายมากจนงานที่อื่นก็หาไม่ได้ อีกทั้งการเลี้ยงดูปูเสื่อแบบอิ่มหนำสำราญชายหนุ่มหยิบแฟ้มขึ้นมา หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเริ่มตาลาย ตั้งแต่เช้าเขาอยู่กับตัวเลขจำนวนมหาศาลจนสายตาเริ่มล้า ขยับตัวไปยืนพิงขอบหน้าต่างครั้นจะมองต้นไม้เขียวขจีให้ดวงตาที่เหนื่อยล้าสดชื่นขึ้นบ้าง ทว่ามันมีบางอย่างดึงดูดจุดสนใจเขาแทนต้นไม้พวกนั้นซะแล้ว“มะลิ”เหมราชเอ่ยชื่อลูกหนี้สาวขึ้นมา พลันดวงตาที่หนักอึ้งไปด้วยอาการล้าและพร่าเบลอก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น แทนที่เขาจะหันกลับมาสนใจเอกสารในมือแต่กลับวางมันลง แล้วยืนกอดอกพิงหน้าต่างบานเดิม มองมะลิที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านข้างห้องทำงานของเขา หากมองจากด้านนอกจะมองไม่เห็นคนด้านใน แต่สำหรับคนด้านในมองเห็นคนด้านนอกได้อย่างชัดเจนยืนมองตาเป็นประกายโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะ
ส่วนคนอายุน้อยก็ดันได้กลิ่นควันบุหรี่ติดตามเนื้อตัวของชายหนุ่ม เหมือนเวลาหยุดนิ่งต่างคนก็ต่างทำตัวไม่ถูก หากจะปล่อยเอวที่โอบก็คงล้มหัวฟาดกระถางดอกไม้ มะลิเองก็ประคองตัวด้วยการกำเสื้อยืดแน่นเป็นการทรงตัว ประสานสายตากันอยู่แบบนั้นในชั่วขณะหนึ่ง “อ่า..พวกลื้อสองคนจะมองตากันอีกนานไหม นี่เป็นปลากัดอั๊วว่าท้อง” เสียงของหัสดินคล้ายเป็นน้ำถังใหญ่สาดเหมราชให้ได้สติ รีบประคองมะลิให้ยืนตัวตรงแล้วถอยห่างออกมา ดึงแขนตัวเองกลับมากระตุกเสื้อบนกายที่ยับยู่ยี่เป็นรอยมือและรอยสกปรกจากมือที่หยิบจับสิ่งของ มะลิหน้าเสียกลัวเหมราชจะโกรธที่เผลอทำเสื้อแพงๆ มีรอยและไม่เป็นทรง ยืนตัวหดเท่าสองนิ้วแล้วก้มหน้าอีกตามเคย “จะไปทำอะไรก็ไป ไม่ต้องมายืนเป็นเต่าแคระแถวนี้” “จ้ะ มะลิไปแล้ว” “เดี๋ยว !!” ก้าวขาได้แค่ก้าวเดียวก็สะดุ้งตกใจอีกครั้ง เหมราชพูดเสียงดังจนเหงื่อซึมตามฝ่ามือ “...” “เก็บถาดไปด้วย” โธ่ !ไอ้เราก็นึกว่าจะเปลี่ยนใจดุกัน “จ้ะ” มะลิรีบก้มเก็บถาด แล้ววิ่งไปทางหลังบ้านเพื่อทะลุเข้าประตูครัวโดยไม่หันกลับมามอง มีเพียงหัสดินที่ชะเง้อตามอย่างสงสัยและยังไม่รู้ชื่อเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ “ใคร” “...” เหมราช
“กรุงเทพหนาวด้วยแฮะมะลิ นึกว่าไม่ค่อยหนาวเหมือนเมืองเหนือ” มะลิใส่ถุงเท้าทั้งสองข้างเพื่อความอบอุ่นครั้นเป็นขี้หนาว โดยเฉพาะเท้าที่ไม่อาจปล่อยเปลือยในตอนนอนได้ มองนาฬิกาในตอนนี้มันสองทุ่มครึ่ง บรรยากาศที่เย็นยะเยือกทำมะลิคิดถึงยายมากกว่าทุกวัน หยิบมือถือตกรุ่นที่ใช้มานานจนแบตเตอรี่เสื่อม ชาร์ตวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าสองรอบ เปิดรูปที่เคยถ่ายไว้ด้วยกล้องความคมชัดแบบกะโหลกกะลา ยามเห็นรอยยิ้มของยายก็อดไม่ได้ที่ยิ้มตาม แต่กระนั้นก็ต้องหุบลงเมื่อความเหงาและคิดถึงแม่อุ้ยของตนมันกัดกินหัวใจ “คิดถึงมากแบบนี้ นอนไม่หลับแน่ๆ เลยมะลิ” ใช่ คืนนี้เหมือนจะนอนไม่หลับ อยากโทรหาอยากได้ยินเสียง แต่ป่านนี้ยายไหมก็คงหลับไปแล้ว ต่างจังหวัดที่เป็นหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ ช่วงเวลานี้ก็ถือว่าดึกพอสมควร แต่สำหรับกรุงเทพเมืองกรุงที่ไม่มีวันหลับใหลต่อให้ฟ้าใกล้สว่างก็ยังมีเสียงรถราวิ่งสวนกันไปมาอยู่เลยมะลิวางมือถือลงเตียงนอน สวมรองเท้าฟองน้ำคู่ละไม่กี่ร้อยออกมาด้านนอกครั้นอยากเดินเล่นคั่นเวลาง่วงนอน มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็มีกลุ่มเมฆสีดำลอยเคลื่อนตัวไปมา ไม่เห็นแม้แต่ดาวหรือแสงพระจันทร์ ดวงตาคู่ใสเหมือนจะร้อนผ่าว ความค
เมนูง่ายๆ ที่ว่าก็เป็นเพียงไข่เจียวหมูสับ หากเป็นอย่างอื่นคงใช้เวลาทำนานมากกว่านี้และดูท่าเหมราชจะหงุดหงิดโมโหหิวหากต้องรอนาน มะลิตั้งโต๊ะอาหารเย็นในช่วงสามทุ่มให้มาเฟียหนุ่ม เหมราชเดินลงมา เขาสวมเพียงกางเกงขายาวสีเทาตัวเดียว ผมที่ยังเปียกหมาดๆ เพราะไม่ได้เป่า แค่ซับน้ำด้วยผ้าขนหนูก็เท่านั้น และคราวนี้มะลิก็มีจุดให้สนใจใหม่นั้นก็คือรอยสักของเหมราช ครั้นรอบก่อนเธอมัวแต่มองอวัยวะอันใหญ่โตและตกใจจนไม่ได้สังเกตว่าชายหนุ่มมีรอยสักรูปงูตัวใหญ่อยู่บริเวณหลังซีกขวา ส่วนกลางสันหลังเป็นอักษรต่างประเทศที่เธอเองก็อ่านไม่ออกและไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาอะไร สักเรียงตัวยาวมาถึงระดับเอวมะลิแอบมองขณะที่อีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตากินข้าวเพราะความหิว เหมราชน่ากลัวก็มาก แต่ถ้าตัดความเป็นมาเฟียออกก็มีเสน่ห์ไม่น้อย อีกทั้งก็รู้สึกว่าจริงๆมาเฟียคนนี้ก็หล่อมากทีเดียว “หยิบบุหรี่มาให้ด้วย” “...” มะลิหันมอง ไม่รู้ว่าบุหรี่ที่เขาว่ามันวางอยู่ตรงไหน “ในห้องสนุ๊ก วางบนโต๊ะด้านข้าง” “จ้ะ มะลิไปหยิบมาให้” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนั้น ขณะที่เหมราชกำลังเคี้ยวอาหารอย่างง่ายๆ เต็มกระพุ้งแก้ม มะลิมองหาบุหรี่ทว่ากลับเห็นข
“ได้แล้วจ้ะ” มะลิวางลง รีบขยับตัวถอยออกเพราะอยู่ใกล้ไม่ได้ มือยังอังที่จมูก กระทั่งมาเฟียหนุ่มทิ้งที่เหลือลงโถแก้วสำหรับทิ้งก้นบุหรี่และถุยน้ำลายเหนียวหนืดเพื่อดับไฟที่ยังแดงบนก้านบุหรี่ “เหม็นเหรอ” “ก็เหม็นจ้ะ มะลิไม่ดูดเลยไม่รู้สึกหอมเหมือนคุณเหม” “ฉันก็ไม่เคยว่ามันหอม” “ไม่หอมดูดทำไมล่ะจ๊ะ” มะลิเงยหน้ามองแล้วเอ่ยคำถามนั้นออกไป จากที่เอาแต่ก้มหน้าก็สนใจกับประโยคนั้นของเหมราชทันที “ฉันติด” ที่เขายังดูดอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้ชื่นชอบว่ามันหอมแต่อย่างใด แต่เพราะดูดมานานหลายปีจากความคึกคะนองอยากรู้อยากลองเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น เขาเคยเลิกมันไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่แตะนานเกือบสองปี แต่ก็กลับมาดูดอีกครั้งในวันที่เขาถูกคนไว้ใจหักหลังทางธุรกิจเอาความลับไปขายให้กับศัตรูเพียงเพราะเงินไม่กี่สิบล้าน เป็นเพื่อนสนิทที่ไม่คิดว่าจะทำกันได้ ความเครียดสะสมและความเสียใจทับถม ทางออกที่พอช่วยได้คือการดูดบุหรี่ มันก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้แต่ก็แค่ตอนหยิบมันเข้าปากเท่านั้น แต่ผลที่ตามมาคือทำให้เขาติดบุหรี่หนักมากไปใหญ่ “คงจะเลิกยากนะจ๊ะ” “ฉันแค่ไม่ได้คิดจะเลิกต่างหาก” เหมราชตอบคนอายุน้อย หากตั้งใจจริงๆ มีหรือจะเ
วันต่อมา“อุ๊ย!! เท้าไปโดนอะไรมามะลิ”อ้อยควั่นทักขึ้น เมื่อเห็นคนอายุน้อยเดินขากะเผลกพร้อมกับการนิ่วหน้าแล้วยังสูดปากจากความเจ็บ วันนี้มะลิเดินเท้าเปล่า ไม่มีถุงเท้าสวมใส่เหมือนเช่นทุกวัน แต่มีผ้าก๊อซสำหรับพันแผลมาแทน ในมือก็ถือกล่องเก็บสำลีและน้ำเกลือเป็นอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะลากเก้าอี้ที่ซ่อนอยู่ด้านล่างออกมา จากนั้นก็นั่งลงแล้วยกเท้าข้างที่เป็นแผลขึ้นมาเหยียบยันบนเก้าอี้“โดนเศษถ้วยน้ำชาบาดเอาจ้ะพี่อ้อย”“ถ้วยน้ำชา”คนแก่กว่าหันมาอย่างสนใจ มองมะลิที่กำลังแกะผ้าพันแผลเพื่อจะล้างทำความสะอาดคราบเลือดจนเป็นวงสีแดงแล้วยังบวมเป่งเป็นหลังเต่าอีกด้วย“จ้ะ มะลิตกใจเสียงฟ้าร้อง เลยทำหลุดมือแตกไปทั้งเซตเลย น่าเสียดาย”“เอ้า!! นี่มะลิทำแตกหรอกเหรอ”อ้อยควั่นอุทานออกมาอย่างตกใจ รีบวางซองเครื่องปรุงที่กำลังเทใส่กระปุกลงแล้วลากเก้าอี้อีกตัวออกมานั่งข้างๆ คนอายุน้อยพยักหน้ารับว่าตัวเองเป็นคนทำ แต่ก็แอบงงทำไมพี่อ้อยถึงดูตื่นเต้นปนตกใจมากขนาดนี้“จ้ะ มะลิทำแตกเอง”“นึกว่าคุณเหมหงุดหงิดจนขว้างแตกน่ะสิ ที่ไหนได้ฝีมือเรานี่เอง”“ไม่ได้ตั้งใจนี่น่า” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ มะลิไม่ได้ตั
ก๊อก !! ก๊อก !! ก๊อก !!มาเฟียหนุ่มที่กำลังตั้งท่าเตรียมยิงลูกสนุ๊กบนโต๊ะลูกสุดท้าย ตวัดดวงตาคมมองประตูสีเข้มอย่างหงุดหงิดแล้วจิ๊ปากหนึ่งที กำลังจะแทงอยู่แล้วเชียวแต่ดันมีเสียงรบกวนเข้ามาขัด ก่อนจะนึกว่าคงเป็นไอ้ลมเหนือเดินกลับมาเอาอะไรสักอย่าง“เข้ามา”เขาตะโกนเป็นการอนุญาต เหยียดตัวแล้วขยับหามุมใหม่ในการยิง ครั้นจังหวะที่ตั้งท่าไว้ถูกขัดจากคนด้านนอกก็เลือกขยับมาฝั่งตรงข้าม หันหลังให้กับบานประตูที่มีคนด้านนอกเปิดเข้ามาพอดี มะลิก็เห็นว่าเหมราชกำลังก้มตัวราบไปกับโต๊ะ ใช้สมาธิอยู่กับกิจกรรมที่ชอบ ทั้งที่จริงเวลาว่างเขาควรถือปืนยิงเป้าที่สนามยิงปืน รัวกระสุนแบบดุเดือดเพื่อฝึกความแม่นยำ แต่เปล่าเลยเหมราชเป็นมาเฟียที่ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ไม่ชอบจับปืนแต่ชอบจับไม้สนุ๊ก นิ่งขรึมน่าเกรงขามและไม่สุงสิงกับใคร แต่อย่ายุ่งกับเขาเป็นพอ เพราะถ้าล้ำเส้นเข้ามาเขาก็เอาตายเหมือนกันปั๊ก!!กระแทกไม้เข้ากับลูกกลมๆ จนมันตกลงหลุมไปในที่สุด เมื่อเก็บแต้มบนโต๊ะสำเร็จเขาก็ยืดตัวเต็มความสูง พลันนั้นดวงตาของมะลิก็เชิดมองตามร่างสูงใหญ่ที่ยาวไม่ต่างจากเสาไฟฟ้า“มึงลืมอะไร”“...”มะลิทำหน้าแบบงงๆ ไม่เข้าใจที่เหมราช
เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื
เหมราชที่ยืนนิ่งชั่วครู่ ก็ย่นคิ้วเข้มที่เห็นลูกน้องยืนมาตัวเองเป็นนัยน์ตาเดียวกัน ก็พลันขึงตามใส่กลับ แววตาอันน่ากลัวทำทุกคนกระจายตัวออกกันออกไป ส่วนเหมราชก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าสัวที่หมุนตัวเดินตามลูกชายต้อยๆ แล้วหย่อนกายกลับเข้าไปนั่งที่เดิม “เตี่ยมานานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผู้เป็นพ่อ “ตั้งแต่เที่ยง โคราชมันอยู่ไม่ไกล ทำไมลื้อเพิ่งถึงอาเหม” เจ้าของชื่อยังไม่ตอบในทันทีแต่ขยับตัวไปยืนอยู่อีกมุม เขาควักบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อไม่ให้กลิ่นลอยคลุ้งไปในตำแหน่งที่หัสดินนั่ง จุดไฟแล้วคาบมันไว้ที่ปาก จากนั้นก็ดูดสารนิโคตินเข้าปอดอย่างหื่นกระหายครั้นอดทนอยากมาตลอดที่เดินทาง “รถมันติด” เหมราชก็ตอบตามความจริง สาเหตุของการมาช้ากว่าปกติก็เพราะรถในเมืองหลวงมันเนืองแน่น แต่ทว่านั่นไม่ใช่จุดสนใจของเจ้าสัวมากนัก “ลื้อกับอามะลิ...” พูดออกมาเพียงแค่นั้นคนฟังก็ตีความหมายของประโยคนั้นได้ เตี่ยของตนกำลังจะถามว่า เขาและมะลิเป็นอะไรกัน เหมราชยังทำท่าไขสือไปก่อน ตั้งใจดูดบุหรี่แล้วมองออกไปข้างนอก แต่เป็นการชะเง้อคอมองไปที่ห้องนอนของมะลิ หัสดินที่เห็นก็ลอบยิ้
คฤหาสน์เหมราช“นี่อาเหมยังไม่กลับอีกเหรอ”“ยังค่ะเจ้าสัว”อ้อยควั่นตอบพร้อมกับการเสิร์ฟน้ำชาร้อนๆ และขนมรองท้องให้หัสดิน ครั้นนั่งรถมาหาถึงที่แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเหมราชจะกลับมา และทุกครั้งที่ลูกชายหายไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัด นิสัยงอแงของหัสดินก็เกิดขึ้นไม่ต่างจากเด็ก“ไปเป็นอาทิตย์ไม่ติดต่อมาหาอั้วเลย เครนถล่มทับคอซี้แหง๋แก๋ไปแล้วมั้ง”หัสดินแอบบ่น ทุกครั้งที่เหมราชไปทำงานก็หายหัวไม่ติดต่อพ่อเลยสักครั้ง แม้แต่ข้อความสักประโยคก็ไม่มีส่งมา“คงกำลังมีความสุขน่ะค่ะเจ้าสัว”ชายมีอายุกำลังตั้งท่าจะยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม ได้ยินที่อ้อยพูดก็หันมาสนใจอยากรู้ในทันที ไปทำงานมีแต่เรื่องปวดหัว เอาอะไรมามีความสุข“ลื้อหมายถึงอะไรอาอ้อย...อะไรที่ลูกชายอั๊วกำลังมีสุข”หัสดินเอ่ยถามออกมาพร้อมกับคิ้วหงอกๆ ที่ย่นเข้าหากันอย่างงุนงง และในตอนนี้เขาอยากรู้เสียเต็มประดา“มะลิก็ไปด้วยค่ะ”“มะลิ...อ๋อ อีที่ตัวอ้วนๆ คนนั้นใช่ไหม”เจ้าสัวทำท่านึก ก่อนจะจำได้ว่ามะลิคือลูกหนี้ที่เหมราชลากตัวมาทำงานชดใช้กับหนี้สิน“ใช่ค่ะเจ้าสัว ลากมะลิขึ้นรถไปด้วย แง่งอนกันเหมือนคนเป็นแฟน”“หึๆ”ที่แท้ความสุขที่แม่บ้านบอกมาคือกา
ครบหนึ่งอาทิตย์สำหรับการมาคุมงานที่นครราชสีมา ในส่วนของเหมราชจัดการแล้วเรียบร้อย ที่เหลือคือในส่วนของวิศวกรที่จะจัดการต่อ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวันอยู่พักผ่อน เสพบรรยากาศโดยไม่มีเรื่องงานเข้ามาปะปน กระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพเพราะมีงานส่วนอื่นรออยู่ ข้าวของพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อยและลมเหนือกำลังขนขึ้นท้ายรถมะลิแอบเดินออกมาด้านนอกเพียงคนเดียวรอเหมราชที่ยังจัดการธุระส่วนตัวยังไม่เสร็จ เพราะอยากเสพบรรยากาศจนนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วกลับกรุงเทพไป อากาศที่บริสุทธิ์ทำปอดน้อยๆ ได้รับโอโซนอย่างเต็มที่ ยืนกอดอกมองวิวทิวทัศน์ด้านหน้าเป็นเทือกเขาเขียวสวยช่างเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมากเหมราชที่เดินออกจากห้องน้ำก็กวาดสายตามองหาคนอายุน้อยทันที ด้านหน้าเห็นเพียงลมเหนือกำลังจัดแจงกระเป๋าหลายใบให้เข้าที่ สวนมะลิกลับหายไปจากสายตาของเขา ทั้งที่ขอตัวเข้าห้องน้ำไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“เหนือ มึงเห็นมะลิไหม”“ไม่เห็นครับ”คำตอบของผู้ใต้บังคับบัญชา ทำเหมราชหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าลมเหนือกำลังจัดระเบียบกระเป๋าที่อัดแน่นอยู่ในท้ายรถ เลยไม่ทันได้สังเกตมองผู้หญิงของเจ้า