นีรนิลนั่งรถกลับมากับเขา ใบหน้าสวยเรียบนิ่งพลางหันมองไปทางอื่น สมองของเธอตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าให้ไปเอาปี๊บมาคลุมหัว หรือไม่ก็เอาจุ่มลงถังน้ำข้างทางไปเลยยิ่งดี ไปหลงเคลิ้มกับการกระทำของเขาแถมได้น้ำเสียด้วย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว หญิงสาวเลือกที่จะเงียบไม่เอ่ยคำใดให้เขาแอบหัวเราะเยาะได้อีก แล้วนี่เธอจะเอาหน้าไปสู้เขาได้ยังไงกัน
ตืดๆๆๆ!! เสียงนั้นดังขึ้น เนติกาหันไปกดปุ่มรับสายซึ่งเป็นบูทูชที่เชื่อมไว้กับในรถ
“ฮัลโหล! พี่เนคะ ถึงไหนแล้วคะ” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น เนติกาเหลือบมองคนที่นั่งข้างคนขับแล้วตอบเสียงเรียบ
“มีอะไรเหรอน้องรสา”
“ก็รสาเห็นพี่เนไปนานนี่คะ รสามีเรื่องจะปรึกษาพี่เนค่ะ เรื่องสำคัญมาก อีกอย่างก็คิดถึงพี่เนด้วย พี่เนไปนอนโรงพยาบาลได้หลายวัน รสาเหง๊าเหงา” น้ำเสียงออดอ้อนนั้นทำเอาคนนั่งข้างๆ รู้สึกหมั่นไส้
“หืม คิดถึงเป็นด้วยเหรอคะ” เนติกาแกล้งเย้าตอบ
“เป็นสิคะ อยากนอนกอดพี่เนจะแย่แล้ว”
“อื้อ แค่นี้นะพี่ขับรถอยู่” เมื่อเห็นว่ารสาพูดเยอะไป หญิงสาวจึงตัดบท แอบชำเรืองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ นี่หากว่าเป็นเมื่อก่อนมีสาวโทรมาแบบนี้ เธอถูกบิดเนื้อเขียวเป็นแน่ ตอนนั้นคือคลั่งรักกันและกันมาก ขี้หวงและขี้หึงเป็นที่สุดเลย
“เอ่อๆ ช่วยจอดตรงป้ายรถเมย์ตรงนั้นหน่อยค่ะ ฉันจะลง” นีรนิลบอกเขาโดยเธอไม่ได้มองหน้า
“จอดทำไมป้ายรถเมย์ ต่างจังหวัดแบบนี้ไม่มีรถแท็กซี่เหมือนเมืองกรุงนะ”
“เดี๋ยวเพื่อนมารับ ช่วยจอดด้วยค่ะ”
“หมอนพคงอีกนาน คุณไม่ต้องรอหรอก เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณจะได้รีบกลับ อีกอย่างเพื่อนฉันก็ไม่ได้มีแค่หมอนพคนเดียวนี่คะ” นีรนิลเชิดจมูกขึ้นมองหน้าเขา เนติกานิ่วหน้า หมายความว่าไม่ได้คุยแค่กับหมอนพอย่างนั้นเหรอ เป็นแม่หม้ายทรงเครื่องหรือยังไงกัน หญิงสาวคิดในใจ
“หม้ายเนื้อหอมจังนะคะ” สายตามองอีกฝ่ายแล้วยิ้มเหยียด นีรนิลขมวดคิ้วมองหน้าเขา หม้ายอะไรกัน เธอยังไม่เคยแต่งงานสักหน่อย นี่อย่าบอกนะว่ายังคิดว่าเธอแต่งงานกับพี่ที ข่าวการยกเลิกงานแต่งของเธอเพื่อนรุ่นเดียวกันรู้กันทั่ว แต่ก็ช่างเหอะ อธิบายให้ฟังตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขาก็มีคนของเขาแล้วนี่ตอนนี้
“มันก็ต้องธรรมดาอยู่แล้วค่ะ สาวแรกรุ่นหรือจะสู้มากประสบการณ์อย่างฉัน” นีรนิลจ้องหน้าคนขับแล้วยิ้มเยาะใส่ เนติกากำพวงมาลัยรถแน่น สายตามองไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บใจ ถึงว่าวิธีป้อนยาของเจ้าหล่อนทำเอาเลือดในกายเธอพลุ่งพล่าน นี่เนติกาเธออย่าให้อีกฝ่ายรู้เด็ดขาดว่าเธอหวั่นไหวหญิงสาวตะโกนบอกตัวเองในใจ
“หึ ถ้าอย่างนั้นเรื่องเมื่อกี้คงไม่เท่าไหร่ซินะ” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นเอ่ย คนฟังเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าเขาจะปากจัดขึ้นถึงเพียงนี้ เหน็บเสียจนเธอหน้าชาเลย
“อืมค่ะ ดูเด็กน้อยไปหน่อยนะคะ” เอาซิเย้ยมาเย้ยกลับไม่โกงนะคะตัว นีรนิลคิดแล้วเค้นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขา ดูเหมือนเขากัดฟันกรอดๆ เลยกระมัง สะใจชะมัด
“อ้อ เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นผู้ใหญ่อย่างฉันคงต้องออกโรงแล้ว”
เอี๊ยด!! บรืนนน
“อุ๊ย! ว๊าย! นี่คุณจะไปไหนคะ ทำไมเลี้ยวมาซอยนี้” เสียงแหลมแวดขึ้นเมื่อจู่ๆ เขาก็หักพวงมาลัยรถเลี้ยวซอยขวามือ ความเร็วของมันทำให้เธอเซไปตามแรงหมุนพวงมาลัย
“ก็ไปหาที่ที่ผู้ใหญ่เขาสนุกกันซิคะ”
“อื้อ ไปไหน เค้าไม่ไปตัว พาเค้าไปส่งหอพักเดี๋ยวนี้” นีรนิลมองหน้าเขาสลับกับมองข้างทาง ยิ่งเห็นป้ายข้างหน้าทำให้เธอใจคอไม่ดี เขาคิดจะทำอะไรของเขานะ บ้าจริงพาเราเข้าม่านรูดทำไมเนี่ย นีรนิลใจเต้นรัวคิดในใจเธอไม่น่าถามว่าเข้าโรงแรมเข้ามาทำอะไร บ้าจริงน้ำตาล หญิงสาวตำหนิตัวเอง
“ถึงแล้วค่ะ” เนติกายิ้มเย็นให้เจ้าหล่อน สีหน้าแววตาตอนนี้เหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิดเพื้ยน
“อื้อ บ้าเหรอตัว อย่ามาล้อเล่นอะไรแบบนี้นะ ดูสิพนักงานมายืนรอแล้วนั่น”
“หึ ถ้าอยากอายพนักงานก็ได้นะ ฉันจะทำให้น้องเขารู้ไปเลยว่าเรามาทำอะไรกัน” เนติกาเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ พลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
“ตะ ตัวจะทำอะไร อย่านะ” นีรนิลรีบดันหน้าเขาเอาไว้ เขาจะมาจูบเธอต่อหน้าพนักงานรูดม่านไม่ได้นะ หญิงสาวรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว
“พี่แค่พาเพื่อนมาพักสายตานะ เอ้านี่ทริป”
“ครับ นี่กุญแจห้องครับ ต้องการอะไรเป็นพิเศษเรียกได้นะครับ”
“อื้อ...อ๊ะ นี่คุณจะไปไหน ออกไปตอนนี้ หากเพื่อนคุณมาเจอ มีหวัง......” เนติการีบร้องห้ามเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันหลังหมายจะเปิดม่านรูดออก นีรนิลชะงักมือยืนหน้าเสีย เธอจึงหันกลับมาหาทางประตู เนติกาอมยิ้มเจ้าหล่อนทำท่าจะเดินมาใกล้ แต่อีกฝ่ายกลับวิ่งพรวดเปิดประตูเข้าไปในห้องพักอย่างรวดเร็ว เนติกายิ้มร้ายกาจก่อนจะเสยผมแล้วเดินตามไปนั้น
นีรนิลมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ นี่น่ะหรือม่านรูด ก็ดูไม่ค่อยขี้เหล่นะ สะอาดเป็นระเบียบดี กระจกเต็มเลยแถมแสงไฟนี่ซิ มันทำให้เธอเวียนหัวชอบกล ลำพังมึนจากเหล้าแล้วยังมาเมาแสงไฟในนี้อีก
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานเมื่อหันมาสบตากับเขา เธอรีบเดินหนีแล้วไปหยิบน้ำที่วางไว้ที่โต๊ะนั้นแล้วดื่มทันที
“อ๊ะ อย่าเพิ่ง อื้อ ไม่ทันแล้ว” เนติกามองขวดน้ำนั้นแล้วรีบร้องห้าม แต่ทว่าอีกฝ่ายกระดกรวดเดียวเกลี้ยงขวดเลยก็ว่าได้ หึ ไม่รู้หรือไงว่าน้ำนั้นมันคือยาโดปชั้นดี
“อึก อึก อึก!! รสชาติแปลกดี อื้อ ว่าอะไรนะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร ล้างหน้าล้างตาก่อนไหม”
“อื้อ มะ ไม่ล้าง ไม่ล้างอะไรทั้งนั้น ตัวพาเค้ากลับได้แล้ว เค้าไม่สนุกด้วยนะ”
“อื้อ ตอนนี้ไม่สนุกเดี๋ยวก็สนุกเองแหละ เชื่อฉันเหอะ” ร่างสูงแกล้งเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ สายตามองเจ้าหล่อนอย่างโลมเลีย นีรนิลใจสั่นระรัวอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกเหมือนต่อมบางอย่างในร่างกายเธอเริ่มตอบสนองน้ำเสียงกระเส่าและสายตาเล้าโลมนั้น
“อื้อ อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ อื้อ” นีรนิลเดินถอยหลังหลบเขา แต่เท้าดันไปติดกับโซฟารูปทรงแปลกๆ เนติกาอมยิ้ม เธอแอบเห็นเม็กเหงื่อเล็กๆ ผุดตรงหน้าผาก ช่วยไม่ได้นะตัว เค้าห้ามไม่ทันจริงๆ หญิงสาวคิดในใจ
“ฉันไม่เคยล้อเล่นกับอะไร” ใบหน้าสวยค่อยๆ โน้มลงไปใกล้ อีกฝ่ายพยายามเอนหลบหนี ไม่ล้อเล่นอะไรกัน ตัวกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกเค้าอยู่นะ รู้ไหมว่าตอนนี้เค้าอยากทำอะไรกับตัวแบบเมื่อกี้นี้เสียแล้ว
“ก็เล่นกับความรู้สึกเค้าไง รู้ไหมว่าทำแบบนี้เค้าคิด”
“คิดอะไรเหรอ” สายตามองเจ้าหล่อนพลางลากปลายนิ้วไปตามต้นแขนขาวเนียนนั้น
“ก็คิดถึงตัว คิดเรื่องเก่าๆ ของเรา แล้วก้อคิด อุ๊บ! จุ๊บ จ๊วบ อื้อ อือ อือ” นีรนิลไม่อยากจะพูดอะไรต่อ จู่ๆ ความคิดอยากจูบเขาก็แล่นเข้าสมอง เธอคว้าคอของเขาเข้ามาบดจูบเสียเอง บอกไม่ถูกเลยตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายและหัวใจของเธอมันเต้นแรงเสียจนเธอเกือบควบคุมมันไม่ได้เสียแล้วพอๆ กับร่างกายของเธอตอนนี้นั้น...>>>>
5 ปีก่อนร่างของสองสาวสวยกำลังนอนกอดกันกลมภายในห้องชุดสุดหรู กลางเมืองกรุง สองสาวดาวคณะนิติศาสตร์ อย่าง เนติกา (เน) ไพลีรัตน์ และพยาบาลศาสตร์ อย่าง นีรนิล (น้ำตาล) วีระพงษ์ ทั้งคู่อายุ 21 ปีเท่ากัน เข้าเรียนพร้อมกัน และพบรักกันตอนรับน้อง จึงย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโด ความรักสุกงอมจนปีเดินทางมาถึงปีสี่นี้ เนติการค่อยๆ ลืมตาอย่างช้าๆ เหลือบมองร่างเล็กแล้วอมยิ้ม หญิงสาวขยับเข้าไปหาแล้วกดปลายจมูกที่แก้มใสอย่างแผ่วเบา“จุ๊บ! รักตัวนะคะ” เนติกาเปรยเบาๆ ข้างแก้มใส หัวใจชุ่มฉ่ำไปด้วยความรัก เธอคลอเคลียปลายจมูกกับพวงแก้มใสไปตามลำคอ ทำให้ร่างน้อยกว่ารู้สึกตัว“อื้อ ตัว ทำอะไรคะเนี่ย อื้อ” นีรนิลปรือตามองร่างสูง เธออมยิ้มออกมาพลางเอียงไปอีกทาง พร้อมกับมือน้อยที่พยายามเอื้อมไปกอดร่างสูงของคนรัก“ก็เค้าปลุกตัวไง เช้าแล้วค่ะไปเรียนได้แล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ย พร้อมกับขยับร่างขึ้นแล้วเปลี่ยนจากตะกองกอดเป็นค่อมใบหน้าเจ้าหล่อนเอาไว้ นีรนิลอมยิ้มแล้วแกล้งมองค้อน“แน่ใจนะคะว่าปลุกให้ไปเรียน ไมได้ปลุกทำอย่างอื่น” นีรนิลยกมือดันหน้าอกของอีกฝ่ายเอาไว้ สายตาช้อนขึ้น พลางใช้มืออีกข้างเกาะที่บ่าของเขาเอาไว้เนต
นีรนิลส่งข้อความอธิบายเรื่องทั้งหมดและเธออ่านแล้วยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด ตอนนี้หัวใจของเธอเหมือนกับถูกกระชากออกมาแล้วขยี้ด้วยฝ่าเท้าของอีกฝ่าย ความรู้สึกดีๆ ตอนนี้มันสลายไปเพราะอีกฝ่ายหลอกลวง ทั้งๆ ที่เธอจริงใจ ตลอด 4 ปีมันไม่มีความหมายอีกแล้ว เนติการู้สึกเจ็บปวด เธอกลับไปเก็บข้าวของตอนที่นีรนิลไม่อยู่ แล้วทิ้งโน้ตเอาไว้พร้อมกับแหวานแทนใจที่เราเคยแลกกัน หลังจากวันนั้น เนติกาก็ไม่กลับเข้ามาที่ห้องอีก เธอหลบหน้านีรนิลแล้วทิ้งข้อความเอาไว้“ขอให้ตัวโชคดี” ประโยคนั้นทำให้คนอ่านถึงกับปล่อยโฮ“ตัว…ฮือออ เค้าขอโทษ ฮือๆ” นีรนิลหยิบข้อความนั้นขึ้นมาอ่านทีไร น้ำตาเธอไหลทุกครั้ง เธอพยายามตามหาเขาทุกที่ และก็เพิ่งรู้ว่าเขาทำเรื่องขอจบไปแล้ว เธอเช็ครายชื่อรับปริญญาเขาก็ไม่ประสงค์ที่จะรับมันด้วย แล้วเธอจะไปตามเขาได้ที่ไหน คนตัวเล็กปล่อยน้ำใสๆ ให้ไหลออกมาอย่างพลั่งพลู“น้ำตาล! เธออยู่ที่ห้องหรือเปล่า” เสียงเรียกนั้นดังมาจากด้านนอก เมื่อจำได้ว่าเป็นใครคนตัวเล็กจึงวิ่งไปเปิดประตู“อื้อ..ริน อึก มีอะไรเหรอ”“นี่ร้องไห้อีกแล้วเหรอ เนไปเกือบครึ่งปีแล้วนะ ตัดใจเหอะน้ำตาล”“อึก อือ มันยากนะริน ฮือๆ” เมื่อพูดถู
"พยาบาลคะๆ คนไข้มาแล้วค่ะ" เสียงผู้ช่วยพยาบาลเรียก ระหว่างนั้นนีรนิลรีบวิ่งเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างเคยชินคนตัวเล็กมองร่างสูงของหญิงสาวที่ถูกหามขึ้นเตียงเธอตกใจกับเลือดจำนวนมากที่อยู่บนตัวบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีดำจากเขม่าถ่าน คาดว่าน่าจะพลางตัวเวลาไปจับยาเสพติด"คุณพยาบาลห้ามเลือดก่อน เสร็จแล้วสั่งเตรียมห้องผ่าตัด""ห้องเรียบร้อยแล้วค่ะคุณหมอ""คนไข้มีญาติหรือเปล่า" คุณหมอเอ่ยถามเดี๋ยวดิฉันออกไปสอบถามให้ค่ะ""ว่าแต่ชื่อคนไข้อยู่ไหนเนี่ย" คนตัวเล็กมองหาแผ่นชาร์จเพื่อดูรายชื่อคนไข้"รายชื่อยังไม่มาเลยค่ะ" เสียงผู้ช่วยพยาบาลเอ่ย“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันออกไปจัดการเอง เธออยู่นี่นะ" นิรนิลสั่งผู้ช่วยพยาบาลเสียงเรียบพร้อมรีบเดินออกไปด้านนอกเพื่อหาญาติเซ็นเอกสาร“ขอโทษค่ะใครเป็นญาติคนไข้ที่ถูกยิงเมื่อกี้คะ. เสียงหวานตะโกนเรียกพลางมองหาร่างทหารหญิงทั้งสองเดินเข้ามา“เขาไม่มีญาติค่ะแต่พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานสามารถเซ็นเอกสารได้ค่ะ”“แต่ว่า....” นิรนิลทำท่าลังเล“จัดการเถอะค่ะคุณพยาบาลเพราะว่าผู้กองมีแกไม่มีญาติ”ประโยคนั้นทำให้เธอสะดุดหูชื่อเหมือนแฟนเก่าเราเลยแฮะเนรมินพยักหน้า
เนติกาเหลือบมองร่างเล็กในชุดพยาบาลสีขาวสะอาดนั้น แววตาไหววูบขึ้นมาเมื่อนึกถึงอดีต ตอนนั้นเจ้าหล่อนกำลังจะหมั้นนี่นา แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ ร่างโปร่งคิดไปไกลสารพัด“อ้าวตื่นแล้วเหรอตัว” ด้วยความเคยชิน นีรนิลจึงเอ่ยพลางรีบเข้ามาประคอง“เอ่อๆ ไม่ต้องหรอก ฉันลุกเองได้” นีรนิลหน้าชาเกือบทันที หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก แต่เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้มันเป็นปกติให้มากที่สุด“ตัวหิวอะไรไหม ข้าวต้มที่โรงพยาบาลคงไม่ถูกปากตัวเท่าไหร่”“ไม่หิว แล้วก็ไม่อยากกินด้วย ฉันอยากอยู่คนเดียว” เนติกาเบนหน้าหนีสายตานั้นเธอไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายมากนัก มันรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตรงหัวใจของเธอ“อ่อ แต่ว่าตัวยังลุกขึ้นไม่ถนัดนะ ให้เค้าอยู่ดูแลน่ะดีแล้ว” เสียงหวานเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอพยายามไม่ใส่ใจกับการกระทำที่สุดแสนจะหมางเมินของอีกฝ่ายนั้น“ไม่ต้องหรอก คุณไปทำงานของคุณเถอะ”“เอ่อๆ” นีรนิลทำหน้าไม่ถูก นี่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั๊งที่เขาออกปากไล่เธอแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวานเลยก็ว่าได้“แล้วก็เลิกเรียกว่าตัวด้วย เราไม่ได้รู้จักกัน” เนติกามองออกไปนอกหน้าต่าง ประโยคที่แสนทิ่มแทงหัวใจคนฟังนั้
เนติกาเผลอมองริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว หัวใจของเธอเต้นระทึก ดวงตาหวานหรี่ลงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน ความรู้สึกบางอย่างปรากฏในหัวใจนั้น ดวงตาหวานยังคงกวาดมองดวงหน้าใสนั้นนิ่ง นีรนิลอาศัยช่วงนั้นหันไปมองยาที่อยู่ในถาด แอบยิ้มแล้วค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันมา“ตัว!” หญิงสาวแกล้งเรียกเราเสียงเบาหวิว เนติกาเลิกคิ้วเชิงคำถามอย่างลืมตัว“หืม...อ๊ะ นี่...อุ๊บ อื้อ อื้อ อือ”เนติกาลืมตัวขานรับเสียงหวาน ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อจู่ๆ คนใต้ร่างของเธอก็นำบางอย่างมายัดใส่ปากเธอ เมื่อรู้ว่ามันคือยาเธอรีบจะบ้านทิ้ง แต่ทว่ามันก็ถูกสกัดกั้นด้วยริมฝาปากนุ่มของอีกฝ่ายที่ผงกหัวขึ้นมาฉกลงอย่างจังหนักหน่วง มือข้างหนึ่งก็กอดคอของเขาเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็กอดรัดร่างของเธอเอาไว้ เธอหายใจไม่ออกจนต้องกลืนเจ้าสิ่งนั้นลงไป“จู๊บ บ๊ะ!! อื้อ เธอทำอะไรของเธอเนี่ย แฮกๆๆๆ”เนติการีบผละร่างออกจากการกดทับร่างของคนตัวเล็กขึ้นแล้วจับคอตัวเอง“เอ้า ดื่มน้ำก่อนค่ะ..อื้อ เร็วๆ ซิ” นีรนิลทำหน้าตาไขสือ เธอไม่ยี่ระกับสายตาคมดุนั้น หญิงสาวรีบส่งน้ำให้เขาดื่มอย่างรวดเร็ว นึกขันเมื่อเห็นสีหน้าตกใจนั้น เนติกาหรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วนึกฉุน
นีรนิลมาแอบมองคนถือดีที่ตอนนี้บอกว่าจะรับประทานอาหารเอง คิ้วเรียวขมวดนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ ทำไมเขาถึงได้ดื้อได้ใจอย่างนี้นะ จะทานเองได้ยังไงกัน แขนข้างที่ใช้งานได้นั้นมันไม่ใช่ข้างถนัดของเขา แล้วมันก็ยังไม่ค่อยปกติด้วย ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องส่ายหัวอย่างเอือมระอา แบบนี้คงไม่ได้ทานยาแน่แกร่ก! คนตัวเล็กรีบเปิดประตูเข้าไปข้างในทันทีโดยไม่ต้องเคาะส่งสัญญาณตามมารยาท“อื้อ ...มาค่ะ เดี๋ยวเค้าป้อนให้เอง” หญิงสาวรีบขยับโต๊ะเลื่อนที่วางถาดอาหาร มาวางอยู่ตรงหน้าของเขา“ไม่ต้อง..ฉันกินเองได้” เนติกาจ้องหน้าอีกฝ่ายเสียงเข้ม ในใจนึกรำคาญตัวเองที่ทำอะไรไม่ค่อยถนัดนั้น“กินเองได้ยังไงล่ะคะ ดูสิ ถามว่า..ได้สักคำหรือยัง” หญิงสาวนิ่วหน้าตำหนิเขา เมื่ออีกฝ่ายเบนหน้าหนี เธอก็อมยิ้ม เพราะรู้ว่าคงเถียงไม่ออกนั่นเอง“อืมก็ได้ ป้อนเร็วๆ ด้วย หิวจะแย่แล้ว” ประโยคที่ได้ยินทำให้นีรนิลอมยิ้ม นีรนิลจัดการดึงข้าวต้มหมูของโปรดของเขาเอามาถือ ก่อนจะค่อยๆ ตักชั้นบนสุดใส่ปากเขาอย่างเบามือเนติการู้สึกดีเมื่อมีอะไรลงท้องเสียทีหลังจากที่ป้ำตักใส่ปากอย่างยากลำบาก ทุกการกระทำนั้นทำให้นีรนิลดีใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ ห้าหกปีท
นีรนิลหลุบสายตามองริมฝีปากเขาเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ การกอดรัดของเขานั้นมันแรงขึ้นมากกว่าเดิมที่เป็นอยู่นี้ มือน้อยรีบดันหน้าอกของเขาเอาไว้ ในใจเริ่มสับสนกับการกระทำของเขานี้“อื้อ ปล่อยนะคะ คุณกำลังจะทำอะไร” คนตัวเล็กถามเขาอีกครั้ง เนติกายกยิ้มมุมปาก แขนเรียวรัดเจ้าหล่อนมากยิ่งขั้น“นี่คุณ มากอดฉันทำไมคะเนี่ย จะพูดอะไรก็ไม่พูด ยืนจ้องหน้าอยู่ได้”“คิดจะปั่นหัวฉันเล่นอย่างนั้นเหรอ หืม” เนติกาเค้นเสียงต่ำพลางก้มหน้าลงมาใกล้“ปั่นหัวอะไรคะ ฉันไม่รู้เรื่องสักหน่อย อื้อ ปล่อยนะฉันอึดอัด อ๊ะ” คนตัวเล็กเริ่มดิ้น“คบกับคุณหมอแล้วยังมาทำเหมือนกับว่าอยากได้ฉันอีก นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”“อื้อ อย่ามาว่าฉันนะ ใครกันแน่ที่เลิกกันไปไม่กี่เดือนก็มีใหม่ ทุกวันนี้ยังกินเด็กอีกต่างหาก” นีรนิลเชิดหน้าต่อว่าเขาบ้าง เธอจ้องตาเขากลับอย่างเอาเรื่อง“ก็ยังดีกว่าคนที่บอกว่าชอบลิ้นแล้วกินดุ้นหน้าตาเฉย”“บ้า หยาบคาย คุณจะไปไหนมันก็เรื่องของคุณ เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว จะทำอะไรก็เรื่องของคุณ อ๊ะ ปล่อยสิ อื้อ” นีรนิลต่อว่าเขาผลักเขาสารพัด“หึ ไม่ปล่อย ""คนบ้า คนหยาบคาย""ใครจะนุ่มนวลเห
นีรนิลนั่งมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าหมอง ภาพของเขากับคนรักทำให้เธออกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะหวานเกินไปหรือเปล่าหญิงสาวคิดแล้วเมินหน้าหนี"น้ำหวานทานนี่สิครับ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ" นีรนิลทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะสิ่งที่หมอนพตักให้คือยำซึ่งมีหอมใหญ่กับผักชี เพราะเธอเกลียดผักทั้งสองชนิดนี้เป็นที่สุดแต่เธอรับเพราะความเกรงใจ คนตัวเล็กตักเฉพาะเนื้อสัตว์"หืม ยำนี้น่ากินอ่ะ "เนติการีบหยิบจานเอามาวางตรงหน้า แล้วเอาปลาสามรสไปวางแทน นีรนิลช้อนสายตามองหน้าเขา แอบยิ้มในใจที่มีคนเอาออกไปจากตรงหน้าเธอนั้น"อื้อ พี่เนอ่ะ ชอบกินผักก็ไม่บอก" รสามองเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทแล้วอมยิ้ม"กินผักอร่อยจะตายไป" ร่างโปร่งแอบเหน็บ"อื้อ ดื่มกันหน่อยครับ เอ้า ยินดีต้อนรับผู้กองเนกลับมาอีกครั้งครับ" พ่อของรสาเอ่ยพร้อมยกแก้วขึ้นนำ หลังจากนั้นทุกคนก็ร่วมกันยกแก้วร่วมยินดีที่เนติกาหายป่วยเกร่ง!!"น้ำตาลทานอีกนิดได้นะครับ พรุ่งนี้หยุดด้วย เดี๋ยวผมไปส่งครับ” สายตากรุ่มกริ่มของหมอนพไม่บอกก็รู้ว่าเขาคิดยังไง ทำเอาคนที่แอบฟังทุกการกระทำนั้นหงุดหงิดหัวใจเหลือเกิน“จะดีหรอคะเมาแล้วจะยุ่งนะคะ” ประโยคนั้นเนติกา หันไปมองอย่างฉับพลั
นีรนิลนั่งรถกลับมากับเขา ใบหน้าสวยเรียบนิ่งพลางหันมองไปทางอื่น สมองของเธอตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าให้ไปเอาปี๊บมาคลุมหัว หรือไม่ก็เอาจุ่มลงถังน้ำข้างทางไปเลยยิ่งดี ไปหลงเคลิ้มกับการกระทำของเขาแถมได้น้ำเสียด้วย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว หญิงสาวเลือกที่จะเงียบไม่เอ่ยคำใดให้เขาแอบหัวเราะเยาะได้อีก แล้วนี่เธอจะเอาหน้าไปสู้เขาได้ยังไงกันตืดๆๆๆ!! เสียงนั้นดังขึ้น เนติกาหันไปกดปุ่มรับสายซึ่งเป็นบูทูชที่เชื่อมไว้กับในรถ“ฮัลโหล! พี่เนคะ ถึงไหนแล้วคะ” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น เนติกาเหลือบมองคนที่นั่งข้างคนขับแล้วตอบเสียงเรียบ“มีอะไรเหรอน้องรสา”“ก็รสาเห็นพี่เนไปนานนี่คะ รสามีเรื่องจะปรึกษาพี่เนค่ะ เรื่องสำคัญมาก อีกอย่างก็คิดถึงพี่เนด้วย พี่เนไปนอนโรงพยาบาลได้หลายวัน รสาเหง๊าเหงา” น้ำเสียงออดอ้อนนั้นทำเอาคนนั่งข้างๆ รู้สึกหมั่นไส้“หืม คิดถึงเป็นด้วยเหรอคะ” เนติกาแกล้งเย้าตอบ“เป็นสิคะ อยากนอนกอดพี่เนจะแย่แล้ว”“อื้อ แค่นี้นะพี่ขับรถอยู่” เมื่อเห็นว่ารสาพูดเยอะไป หญิงสาวจึงตัดบท แอบชำเรืองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ นี่หากว่าเป็นเมื่อก่อนมีสาวโทรมาแบบนี้ เธอถูกบิดเนื้อเขียวเป็นแน่ ตอนนั้นคือคลั่งร
นีรนิลพยายามเบนกายหนี แต่ตอนนี้มันติดอยู่กับกำแพงบ้านของนายพลนี้เสียแล้ว แถมข้างซ้ายยังเป็นต้นไม้บ้านี้อีก คนตัวเล็กเริ่มหงุดหงิดตัวเองที่พอดื่มเหล้าแล้วเรี่ยวแรงไปไหนหมด เนติกาบดจูบอย่างหนักหน่วง มือข้างหนึ่งดันเจ้าหล่อนจนชิดกำแพง ส่วนอีกข้างก็สอดเข้าท้ายทอยให้แหงนเงยขึ้น ลิ้นร้อนพยายามสอดเข้าริมฝีปากเล็กอวบอิ่ม ความหวานของมันเธอรู้ดีว่ามันหวานมากมายขนาดไหน แต่ทว่าตอนนี้มันรู้สึกว่าเข้าไปชิมยากจัง“อื้อ ...” เสียงครางอย่างขัดใจดังขึ้น พลางลิ้นร้ายค่อยๆ สอดเพื่อเปิดปาก แต่อีกฝ่ายก็เม้มแน่นและพยายามเบี่ยงหน้าหนี ร่างโปร่งไม่รอช้าที่จะเคลื่อนมือไม้นั้นไปจัดการสิ่งที่กระตุ้นให้มันเปิดปากออกมา มือข้างหนึ่งเคลื่อนเข้ากอบกุมก้อนเนื้อกมข้างหนึ่งแล้วบีบคลึงมันอย่างหนักหน่วง“อ๊ะ! อุ๊บ อื้อ” ร่างน้อยสะดุ้งโหยงพร้อมส่งเสียงร้อง เพราะเนื้อนุ่มถูกเขาขยำอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงฐานไตที่แข็งขืนนั้น เธอจึงเพลี่ยงพล้ำให้กับเจ้าลิ้นร้อนของเขาที่สอดเข้ามาในอุ้งปากเธออย่างรวดเร็ว และตอนนี้มันได้ถือวิสาสะคิดว่าทั้งโพรงปากนี้เป็นของตัวเองเสียแล้ว มันเกี่ยวกวัดกวาดควานไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระพุ้งแก้ม“อื้ม จ
นีรนิลนั่งมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าหมอง ภาพของเขากับคนรักทำให้เธออกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะหวานเกินไปหรือเปล่าหญิงสาวคิดแล้วเมินหน้าหนี"น้ำหวานทานนี่สิครับ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ" นีรนิลทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะสิ่งที่หมอนพตักให้คือยำซึ่งมีหอมใหญ่กับผักชี เพราะเธอเกลียดผักทั้งสองชนิดนี้เป็นที่สุดแต่เธอรับเพราะความเกรงใจ คนตัวเล็กตักเฉพาะเนื้อสัตว์"หืม ยำนี้น่ากินอ่ะ "เนติการีบหยิบจานเอามาวางตรงหน้า แล้วเอาปลาสามรสไปวางแทน นีรนิลช้อนสายตามองหน้าเขา แอบยิ้มในใจที่มีคนเอาออกไปจากตรงหน้าเธอนั้น"อื้อ พี่เนอ่ะ ชอบกินผักก็ไม่บอก" รสามองเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทแล้วอมยิ้ม"กินผักอร่อยจะตายไป" ร่างโปร่งแอบเหน็บ"อื้อ ดื่มกันหน่อยครับ เอ้า ยินดีต้อนรับผู้กองเนกลับมาอีกครั้งครับ" พ่อของรสาเอ่ยพร้อมยกแก้วขึ้นนำ หลังจากนั้นทุกคนก็ร่วมกันยกแก้วร่วมยินดีที่เนติกาหายป่วยเกร่ง!!"น้ำตาลทานอีกนิดได้นะครับ พรุ่งนี้หยุดด้วย เดี๋ยวผมไปส่งครับ” สายตากรุ่มกริ่มของหมอนพไม่บอกก็รู้ว่าเขาคิดยังไง ทำเอาคนที่แอบฟังทุกการกระทำนั้นหงุดหงิดหัวใจเหลือเกิน“จะดีหรอคะเมาแล้วจะยุ่งนะคะ” ประโยคนั้นเนติกา หันไปมองอย่างฉับพลั
นีรนิลหลุบสายตามองริมฝีปากเขาเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ การกอดรัดของเขานั้นมันแรงขึ้นมากกว่าเดิมที่เป็นอยู่นี้ มือน้อยรีบดันหน้าอกของเขาเอาไว้ ในใจเริ่มสับสนกับการกระทำของเขานี้“อื้อ ปล่อยนะคะ คุณกำลังจะทำอะไร” คนตัวเล็กถามเขาอีกครั้ง เนติกายกยิ้มมุมปาก แขนเรียวรัดเจ้าหล่อนมากยิ่งขั้น“นี่คุณ มากอดฉันทำไมคะเนี่ย จะพูดอะไรก็ไม่พูด ยืนจ้องหน้าอยู่ได้”“คิดจะปั่นหัวฉันเล่นอย่างนั้นเหรอ หืม” เนติกาเค้นเสียงต่ำพลางก้มหน้าลงมาใกล้“ปั่นหัวอะไรคะ ฉันไม่รู้เรื่องสักหน่อย อื้อ ปล่อยนะฉันอึดอัด อ๊ะ” คนตัวเล็กเริ่มดิ้น“คบกับคุณหมอแล้วยังมาทำเหมือนกับว่าอยากได้ฉันอีก นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”“อื้อ อย่ามาว่าฉันนะ ใครกันแน่ที่เลิกกันไปไม่กี่เดือนก็มีใหม่ ทุกวันนี้ยังกินเด็กอีกต่างหาก” นีรนิลเชิดหน้าต่อว่าเขาบ้าง เธอจ้องตาเขากลับอย่างเอาเรื่อง“ก็ยังดีกว่าคนที่บอกว่าชอบลิ้นแล้วกินดุ้นหน้าตาเฉย”“บ้า หยาบคาย คุณจะไปไหนมันก็เรื่องของคุณ เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว จะทำอะไรก็เรื่องของคุณ อ๊ะ ปล่อยสิ อื้อ” นีรนิลต่อว่าเขาผลักเขาสารพัด“หึ ไม่ปล่อย ""คนบ้า คนหยาบคาย""ใครจะนุ่มนวลเห
นีรนิลมาแอบมองคนถือดีที่ตอนนี้บอกว่าจะรับประทานอาหารเอง คิ้วเรียวขมวดนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ ทำไมเขาถึงได้ดื้อได้ใจอย่างนี้นะ จะทานเองได้ยังไงกัน แขนข้างที่ใช้งานได้นั้นมันไม่ใช่ข้างถนัดของเขา แล้วมันก็ยังไม่ค่อยปกติด้วย ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องส่ายหัวอย่างเอือมระอา แบบนี้คงไม่ได้ทานยาแน่แกร่ก! คนตัวเล็กรีบเปิดประตูเข้าไปข้างในทันทีโดยไม่ต้องเคาะส่งสัญญาณตามมารยาท“อื้อ ...มาค่ะ เดี๋ยวเค้าป้อนให้เอง” หญิงสาวรีบขยับโต๊ะเลื่อนที่วางถาดอาหาร มาวางอยู่ตรงหน้าของเขา“ไม่ต้อง..ฉันกินเองได้” เนติกาจ้องหน้าอีกฝ่ายเสียงเข้ม ในใจนึกรำคาญตัวเองที่ทำอะไรไม่ค่อยถนัดนั้น“กินเองได้ยังไงล่ะคะ ดูสิ ถามว่า..ได้สักคำหรือยัง” หญิงสาวนิ่วหน้าตำหนิเขา เมื่ออีกฝ่ายเบนหน้าหนี เธอก็อมยิ้ม เพราะรู้ว่าคงเถียงไม่ออกนั่นเอง“อืมก็ได้ ป้อนเร็วๆ ด้วย หิวจะแย่แล้ว” ประโยคที่ได้ยินทำให้นีรนิลอมยิ้ม นีรนิลจัดการดึงข้าวต้มหมูของโปรดของเขาเอามาถือ ก่อนจะค่อยๆ ตักชั้นบนสุดใส่ปากเขาอย่างเบามือเนติการู้สึกดีเมื่อมีอะไรลงท้องเสียทีหลังจากที่ป้ำตักใส่ปากอย่างยากลำบาก ทุกการกระทำนั้นทำให้นีรนิลดีใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ ห้าหกปีท
เนติกาเผลอมองริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว หัวใจของเธอเต้นระทึก ดวงตาหวานหรี่ลงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน ความรู้สึกบางอย่างปรากฏในหัวใจนั้น ดวงตาหวานยังคงกวาดมองดวงหน้าใสนั้นนิ่ง นีรนิลอาศัยช่วงนั้นหันไปมองยาที่อยู่ในถาด แอบยิ้มแล้วค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันมา“ตัว!” หญิงสาวแกล้งเรียกเราเสียงเบาหวิว เนติกาเลิกคิ้วเชิงคำถามอย่างลืมตัว“หืม...อ๊ะ นี่...อุ๊บ อื้อ อื้อ อือ”เนติกาลืมตัวขานรับเสียงหวาน ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อจู่ๆ คนใต้ร่างของเธอก็นำบางอย่างมายัดใส่ปากเธอ เมื่อรู้ว่ามันคือยาเธอรีบจะบ้านทิ้ง แต่ทว่ามันก็ถูกสกัดกั้นด้วยริมฝาปากนุ่มของอีกฝ่ายที่ผงกหัวขึ้นมาฉกลงอย่างจังหนักหน่วง มือข้างหนึ่งก็กอดคอของเขาเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็กอดรัดร่างของเธอเอาไว้ เธอหายใจไม่ออกจนต้องกลืนเจ้าสิ่งนั้นลงไป“จู๊บ บ๊ะ!! อื้อ เธอทำอะไรของเธอเนี่ย แฮกๆๆๆ”เนติการีบผละร่างออกจากการกดทับร่างของคนตัวเล็กขึ้นแล้วจับคอตัวเอง“เอ้า ดื่มน้ำก่อนค่ะ..อื้อ เร็วๆ ซิ” นีรนิลทำหน้าตาไขสือ เธอไม่ยี่ระกับสายตาคมดุนั้น หญิงสาวรีบส่งน้ำให้เขาดื่มอย่างรวดเร็ว นึกขันเมื่อเห็นสีหน้าตกใจนั้น เนติกาหรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วนึกฉุน
เนติกาเหลือบมองร่างเล็กในชุดพยาบาลสีขาวสะอาดนั้น แววตาไหววูบขึ้นมาเมื่อนึกถึงอดีต ตอนนั้นเจ้าหล่อนกำลังจะหมั้นนี่นา แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ ร่างโปร่งคิดไปไกลสารพัด“อ้าวตื่นแล้วเหรอตัว” ด้วยความเคยชิน นีรนิลจึงเอ่ยพลางรีบเข้ามาประคอง“เอ่อๆ ไม่ต้องหรอก ฉันลุกเองได้” นีรนิลหน้าชาเกือบทันที หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก แต่เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้มันเป็นปกติให้มากที่สุด“ตัวหิวอะไรไหม ข้าวต้มที่โรงพยาบาลคงไม่ถูกปากตัวเท่าไหร่”“ไม่หิว แล้วก็ไม่อยากกินด้วย ฉันอยากอยู่คนเดียว” เนติกาเบนหน้าหนีสายตานั้นเธอไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายมากนัก มันรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตรงหัวใจของเธอ“อ่อ แต่ว่าตัวยังลุกขึ้นไม่ถนัดนะ ให้เค้าอยู่ดูแลน่ะดีแล้ว” เสียงหวานเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอพยายามไม่ใส่ใจกับการกระทำที่สุดแสนจะหมางเมินของอีกฝ่ายนั้น“ไม่ต้องหรอก คุณไปทำงานของคุณเถอะ”“เอ่อๆ” นีรนิลทำหน้าไม่ถูก นี่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั๊งที่เขาออกปากไล่เธอแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวานเลยก็ว่าได้“แล้วก็เลิกเรียกว่าตัวด้วย เราไม่ได้รู้จักกัน” เนติกามองออกไปนอกหน้าต่าง ประโยคที่แสนทิ่มแทงหัวใจคนฟังนั้
"พยาบาลคะๆ คนไข้มาแล้วค่ะ" เสียงผู้ช่วยพยาบาลเรียก ระหว่างนั้นนีรนิลรีบวิ่งเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างเคยชินคนตัวเล็กมองร่างสูงของหญิงสาวที่ถูกหามขึ้นเตียงเธอตกใจกับเลือดจำนวนมากที่อยู่บนตัวบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีดำจากเขม่าถ่าน คาดว่าน่าจะพลางตัวเวลาไปจับยาเสพติด"คุณพยาบาลห้ามเลือดก่อน เสร็จแล้วสั่งเตรียมห้องผ่าตัด""ห้องเรียบร้อยแล้วค่ะคุณหมอ""คนไข้มีญาติหรือเปล่า" คุณหมอเอ่ยถามเดี๋ยวดิฉันออกไปสอบถามให้ค่ะ""ว่าแต่ชื่อคนไข้อยู่ไหนเนี่ย" คนตัวเล็กมองหาแผ่นชาร์จเพื่อดูรายชื่อคนไข้"รายชื่อยังไม่มาเลยค่ะ" เสียงผู้ช่วยพยาบาลเอ่ย“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันออกไปจัดการเอง เธออยู่นี่นะ" นิรนิลสั่งผู้ช่วยพยาบาลเสียงเรียบพร้อมรีบเดินออกไปด้านนอกเพื่อหาญาติเซ็นเอกสาร“ขอโทษค่ะใครเป็นญาติคนไข้ที่ถูกยิงเมื่อกี้คะ. เสียงหวานตะโกนเรียกพลางมองหาร่างทหารหญิงทั้งสองเดินเข้ามา“เขาไม่มีญาติค่ะแต่พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานสามารถเซ็นเอกสารได้ค่ะ”“แต่ว่า....” นิรนิลทำท่าลังเล“จัดการเถอะค่ะคุณพยาบาลเพราะว่าผู้กองมีแกไม่มีญาติ”ประโยคนั้นทำให้เธอสะดุดหูชื่อเหมือนแฟนเก่าเราเลยแฮะเนรมินพยักหน้า
นีรนิลส่งข้อความอธิบายเรื่องทั้งหมดและเธออ่านแล้วยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด ตอนนี้หัวใจของเธอเหมือนกับถูกกระชากออกมาแล้วขยี้ด้วยฝ่าเท้าของอีกฝ่าย ความรู้สึกดีๆ ตอนนี้มันสลายไปเพราะอีกฝ่ายหลอกลวง ทั้งๆ ที่เธอจริงใจ ตลอด 4 ปีมันไม่มีความหมายอีกแล้ว เนติการู้สึกเจ็บปวด เธอกลับไปเก็บข้าวของตอนที่นีรนิลไม่อยู่ แล้วทิ้งโน้ตเอาไว้พร้อมกับแหวานแทนใจที่เราเคยแลกกัน หลังจากวันนั้น เนติกาก็ไม่กลับเข้ามาที่ห้องอีก เธอหลบหน้านีรนิลแล้วทิ้งข้อความเอาไว้“ขอให้ตัวโชคดี” ประโยคนั้นทำให้คนอ่านถึงกับปล่อยโฮ“ตัว…ฮือออ เค้าขอโทษ ฮือๆ” นีรนิลหยิบข้อความนั้นขึ้นมาอ่านทีไร น้ำตาเธอไหลทุกครั้ง เธอพยายามตามหาเขาทุกที่ และก็เพิ่งรู้ว่าเขาทำเรื่องขอจบไปแล้ว เธอเช็ครายชื่อรับปริญญาเขาก็ไม่ประสงค์ที่จะรับมันด้วย แล้วเธอจะไปตามเขาได้ที่ไหน คนตัวเล็กปล่อยน้ำใสๆ ให้ไหลออกมาอย่างพลั่งพลู“น้ำตาล! เธออยู่ที่ห้องหรือเปล่า” เสียงเรียกนั้นดังมาจากด้านนอก เมื่อจำได้ว่าเป็นใครคนตัวเล็กจึงวิ่งไปเปิดประตู“อื้อ..ริน อึก มีอะไรเหรอ”“นี่ร้องไห้อีกแล้วเหรอ เนไปเกือบครึ่งปีแล้วนะ ตัดใจเหอะน้ำตาล”“อึก อือ มันยากนะริน ฮือๆ” เมื่อพูดถู