ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนหันไปมองซ่างกวนจิ่นพร้อมกัน พบว่าเครื่องแต่งกายของเขาไม่เหมาะสมกับฤดูกาลนี้จริง ๆซ่างกวนซีขมวดคิ้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาในเมืองหลวงจะไม่ราบรื่นนัก คงถูกเจ้ารองและเจ้าสี่รังแกแน่”อวี๋เฟยเหยียนกล่าวด้วยความรู้สึกสะท้อนใจว่า “โชคดีที่ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาญาณส่งศิษย์พี่ใหญ่ไปประจำการที่เขตเฟิงหลิง มิฉะนั้น บัดนี้ศิษย์พี่ใหญ่คงต้องใช้ชีวิตเยี่ยงองค์ชายสาม ทั้งหวาดหวั่นและขัดสน”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างขมขื่นว่า “หากข้าไม่จากไป คงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้หรอก แล้วจะถูกใครังแกได้อย่างไร”ถ้อยคำนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยเยี่ยนเว่ยฉือกัดขนมในมืออย่างแรงราวกับว่ากัดเนื้อซ่างกวนหลีได้ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดถึงซ่างกวนหลี ซ่างกวนหลีก็เดินเข้ามาพร้อมกับซ่างกวนเจวี๋ยและข้างกายซ่างกวนหลีก็มีเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดย่างสิบสองปีอยู่ด้วยเยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความสงสัยว่า “เด็กหญิงคนนั้นเป็นใคร”อวี๋เฟยเหยียนรีบกล่าวว่า “นั่นคือองค์หญิงเหวินหลิง พระธิดาของฮองเฮา เจ้าต้องอยู่ห่าง ๆ นางไว้นะ”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาถามว่า “เหตุใดหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนบ่
“เจ้าพูดอะไรบ้า ๆ องค์รัชทายาทเขา...” อวี๋เฟยเหยียนกำลังจะพูดเพื่อแก้ต่างให้ซ่างกวนซี แต่ถูกเยี่ยนเว่ยฉือจับแขนไว้เยี่ยนเว่ยฉือแทรกขึ้นว่า “องค์ชายรอง มีคำกล่าวว่าต้นไม้เล็กต้องตัด เด็กต้องได้รับการอบรม องค์หญิงเหวินหลิงเห็นหม่อมฉัน หนึ่งไม่คำนับ สองไม่ทักทาย แม้แต่คำว่าพี่สะใภ้ก็ไม่เรียก องค์รัชทายาทตำหนินางสักสองคำมีอะไรไม่ควรหรือ? หากอยู่ในบ้าน จะทำอะไรน่าอายก็ช่าง วันนี้มีคณะทูตจากต่างแคว้นมาเยือน นางยังไม่รู้จักมารยาท เหมือนไม่ได้รับการอบรม ใช้ความหยาบช้าเป็นข้ออ้างว่าไร้เดียงสา นี่ไม่ใช่การทำให้แคว้นเราเสียหน้าหรอกหรือ?”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมององค์หญิงเหวินหลิง กล่าวเสียงเย็นว่า “องค์หญิงของบ้างเมืองเราควรมีความรอบคอบ รู้จักการถ่อมตน เข้าใจมารยาท เคารพผู้ใหญ่ ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง เย่อหยิ่ง พูดจาหยาบคายประหนึ่งผู้ไร้การศึกษาเช่นนี้!”องค์หญิงเหวินหลิงไม่เคยถูกใครด่าแบบนี้มาก่อน ถึงกับอึ้งไปเลย!เพราะนางยังเด็ก จึงไม่อาจระงับอารมณ์ไว้ได้!“เจ้า! เจ้าด่าใคร เจ้าด่าใครว่าไร้การศึกษา ใครก็ได้ ใครก็ได้ ตบปากนางให้ข้า!”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะ หันไปมองผู้คนรอบข้างว่า “ทุกคนเห็นแ
การกระทำเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตะลึงงันในทันทีแม้แต่อวี๋เฟยเหยียนผู้มักทำตามอำเภอใจก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างเขาเข้าไปใกล้ซ่างกวนซี พึมพำว่า “เอ่อ... นี่ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?”ซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย เป็นเชิงบอกให้เขาอย่ายุ่งซ่างกวนหลีเอื้อมมือไปพยุงน้องสาวของตนขึ้นซ่างกวนเจวี๋ยที่อยู่ไม่ไกลก็วิ่งมาดูซ่างกวนเจวี๋ยขมวดคิ้ว “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าทำเกินไปแล้ว นางเป็นเพียงเด็ก เจ้าจะถือสาหาความกับนางด้วยเหตุใด?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวเสียงเย็นชา “เคารพผู้ใหญ่ถนอมเด็ก คำว่าเคารพอยู่ข้างหน้า นางไม่ได้เคารพองค์รัชทายาทและหม่อมฉันแม้แต่น้อย หม่อมฉันสั่งสอนนางบ้าง ไม่ใช่การถือสาหาความ แต่เป็นการสั่งสอน!”กล่าวจบ เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังองค์หญิงเหวินหลิงที่กำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร กล่าวต่อ “เอาล่ะ ขอโทษองค์รัชทายาทเสีย แล้วเรื่องวันนี้จะจบลงเพียงเท่านี้!”“อะไรกัน? ยังต้องขอโทษอีกหรือ?” ซ่างกวนหลีทำสีหน้าเหลือเชื่อ“ไม่เช่นนั้นเล่า ใส่ร้ายป้ายสี ว่าร้ายพี่ชาย ไม่ต้องขอโทษหรือ?”“แต่เจ้าก็ตีนางแล้วนี่!” ซ่างกวนหลีไม่ยอมเยี่ยนเว่ยฉือผายมือออก “หม่อมฉันตีนางก็เพื่อให้นางขอโทษอย่างไรเล่า!”ก
ต่อมาไม่ลืมที่จะสั่งนางกำนัลข้างกายว่า “ไปเร็ว เปลี่ยนโต๊ะอาหารนี้ให้ข้า”นางกำนัลไม่กล้าขัดคำสั่งพระชายาองค์รัชทายาท รีบเปลี่ยนภาชนะและเครื่องใช้บนโต๊ะของเยี่ยนเว่ยฉือและซ่างกวนซีเป็นชุดใหม่ทุกคนจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉือ เห็นว่านางไม่ก้าวร้าวอีกแล้ว นั่งลงอย่างสงบ ต่างคิดว่าเรื่องนี้คงจบลงด้วยดีแต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าเรื่องวุ่นวายนี้จะจบลงแล้ว องค์หญิงเหวินหลิงก็ร้องออกมาว่า “กรี๊ด! คัน คันจัง!”ทุกคนหันไปมอง เห็นว่าใบหน้าขององค์หญิงเหวินหลิงมีผื่นแดงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนางเกา ผื่นแดงก็กลายเป็นตุ่มแดง ๆ ราวกับถูกยุงกัดเต็มใบหน้า“เกิดอะไรขึ้น? เหวินหลิง เหวินหลิง? เป็นอะไรไป?” ซ่างกวนหลีดูวิตกกังวลมากองค์หญิงเหวินหลิงใช้มือเกาหน้า เพียงไม่กี่ครั้ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยแดง บางแห่งถึงกับถลอกซ่างกวนหลีเห็นดังนั้นจึงรีบกล่าวว่า “ห้ามเกา ห้ามเกาเด็ดขาด จะเสียโฉมนะ ไปเถอะ ไปตามหมอหลวงมา เร็วเข้า”ขณะที่กำลังตามหมอหลวง ซ่างกวนซี อวี๋เฟยเหยียนและฉินเซียงหรู ต่างหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับสงบนิ่ง จิบชาอย่างใจเย็น“อืม... ชาหอมจัง หอมจริง ๆ! ฝ่าบาท ไม่ลองชิมดูบ้างหรือ?”
เริ่มตรวจสอบจากฝ่ายในงั้นหรือ?ฮองเฮาดูแลกิจการทั้งปวงในพระราชวังหลังงานเลี้ยงรับเสด็จก็ย่อมต้องเป็นฮองเฮาที่จัดเตรียม หากเริ่มตรวจสอบจากฝ่ายใน ก็เท่ากับเริ่มตรวจสอบจากฮองเฮามิใช่หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือเอียงกายเล็กน้อย มองข้ามร่างของซ่างกวนหลีไปยังองค์หญิงเหวินหลิงที่ยังคงเกาใบหน้าไม่หยุดอยู่ด้านหลังเขานางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงมีบุญหนักหนา เพิ่งจะติเตียนว่าองค์รัชทายาทของเรางดงามล่มเมืองได้ไม่ทันไร สวรรค์ก็หาทางประทานใบหน้าอัปลักษณ์ให้นาง เพื่อมิให้ต้องถูกความงามฉุดรั้ง หากวันหน้ายังมีผู้ใดชื่นชอบนาง ผู้นั้นก็คงต้องหลงใหลในจิตวิญญาณอันน่าสนใจของนางเป็นแน่ นางก็ไม่ต้องหวาดหวั่นว่าผู้อื่นจะครหาเรื่องใช้โฉมงามล่อลวงใครอีกต่อไป”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ไม่กล่าวเช่นนั้นก็แล้วไป แต่นางยิ่งกล่าว ซ่างกวนหลีก็ยิ่งมั่นใจว่านางเป็นผู้ลงมือกระทำในขณะนั้นเอง หมอหลวงตู้จากสำนักหมอหลวงก็มาถึงหมอหลวงตู้รีบเข้าไปตรวจชีพจรแก่องค์หญิงเหวินหลิง แต่เมื่อตรวจไปได้ครู่หนึ่ง คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นซ่างกวนหลีถามอย่างร้อนใจ “ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ ถูกพิษหรือไม่ ท่านรีบว่ามา!”“ถูก...ถูกพิษหรื
เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มเยาะ “ถูกแล้ว ๆ คนผู้นั้นก็เพียงกล่าววาจาเท็จ เช่นเดียวกับที่องค์หญิงเหวินหลิงเพิ่งตรัสออกมา ทุกท่านโปรดอย่าได้เชื่อถือ!”อวี๋เฟยเหยียนเม้มริมฝีปากแอบหัวเราะ กระซิบเสียงเบา “ศิษย์พี่ใหญ่ วิชาหนามยอกเอาหนามบ่งของพี่สะใภ้ ใช่ได้เชี่ยวชาญยิ่งนัก”ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีปฏิภาณไหวพริบที่ว่องไวยิ่งนักส่วนฉินเซียงหรูที่อยู่ด้านข้าง กลับใคร่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้กระทำสิ่งใดแก่องค์หญิงเหวินหลิงกันแน่เหตุใดหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงจึงไม่อาจมองเห็นสิ่งผิดปกติ?เป็นเพราะวิชาแพทย์ของหมอหลวงผู้นั้นไม่สูงส่งเพียงพอหรือ?เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ หากวิชาแพทย์ไม่สูงส่ง แล้วจะมาเป็นหมอหลวงได้อย่างไรดังนั้น ใช่ว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงไม่สูงส่ง แต่เป็นเพราะวิชาพิษของเยี่ยนเว่ยฉือเหนือชั้นเกินไปหมอหลวงตู้ร้อนรนจนเหงื่อโทรมกาย เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้คังอู่กำลังจะเสด็จพร้อมด้วยเหล่าสนมมาเข้าร่วมงานเลี้ยง เขานึกขึ้นได้จึงกล่าวว่า “หรือว่า จะนำตัวไปที่สำนักหมอหลวงก่อนดีพ่ะย่ะค่ะ?”“นำไปสำนักหมอหลวงด้วยเหตุใด เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? รีบส่งองค์หญิงกลับวังหลังเร็วเข้า!” อ๋องจ่างซิ่นที่
การทะเลาะเบาะแว้งของสองพ่อลูกนั้นส่งเสียงดังอยู่บ้าง ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบในทันทีเยี่ยนเว่ยฉือมองดูพวกเขาทั้งสองด้วยความสงสัย จากนั้นจึงถามว่า “ฝ่าบาท ดูเหมือนอ๋องจ่างซิ่นจะเกรงกลัวบุตรสาวของตนเองนะ?”ซ่างกวนซีตอบว่า “มิใช่เกรงกลัว แต่หวงแหน อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินครึ่งศตวรรษแล้ว มีทั้งภรรยาและอนุภรรยามากมาย แต่กลับมีบุตรสาวเพียงคนเดียว เขาย่อมรักประดุจดวงใจ”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “เป็นเช่นนี้นี่เอง รูปโฉมของท่านหญิงอิ่นตางนั้นดูซื่อๆ แต่แววตาของนางกลับดูหยาบคายยิ่งนัก เอาแต่จ้องมองท่านอยู่ร่ำไป หึ! เหมือนสุนัขป่าที่เห็นซาลาเปาเนื้อ”ซ่างกวนซีจนปัญญา “พูดจาเหลวไหล ข้าจะเป็นซาลาเปาได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือโผเข้ากอดแขนของซ่างกวนซี พลางยิ้มหวาน “ฝ่าบาทมิใช่ซาลาเปา แต่คือดวงใจของข้า ผู้ใดบังอาจหมายปององค์รัชทายาทของข้า ข้าจะควักลูกนัยน์ตาผู้นั้นเสีย!”ฝ่าบาท…ของ…ข้า?ซ่างกวนซีเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกยินดีอยู่บ้าง แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นสงวนท่าที“พอแล้ว อย่าได้พูดจาเหลวไหล!” ซ่างกวนซีดึงแขนของตนเองกลับ ยกมือขึ้นลูบผมของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆท่าทางที่แสดงความเอ็นดูนั้นทำให้
ซ่างกวนจิ่นรีบกล่าวเสริม “ได้รับการโปรดปรานจากเสด็จพี่ใหญ่เช่นนี้ วิชาแพทย์ของท่านหมอฉินย่อมต้องล้ำเลิศ ท่านไม่ต้องถ่อมตนหรอก!”ฉินเซียงหรูยิ้มเล็กน้อย ทั้งสองโต้ตอบกันไปมา ดูสุภาพอ่อนน้อมยิ่งนักฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรไปยังที่นั่งว่าง ก็พบว่าที่นั่งข้างกายซ่างกวนเจวี๋ยว่างเปล่า ที่ตรงนั้นเดิมทีควรจะเป็นของซ่างกวนหลีคนเล่าไปไหน?ฮ่องเต้คังอู่จึงเอ่ยถามองค์ชายสี่ซ่างกวนเจวี๋ย “เจียเยว่ พี่รองของเจ้าเล่า?”ซ่างกวนเจวี๋ยเหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยตอบ “ทูลเสด็จพ่อ เหวินหลิงมีอาการป่วยกะทันหัน เสด็จพี่รองจึงส่งนางกลับวังหลังพ่ะย่ะค่ะ”“เหวินหลิงป่วย? เป็นไปได้อย่างไร? เมื่อครู่ยังเสด็จมาที่ตำหนักของเราเพื่อขอปิ่นปักผมอยู่เลย ไฉนจึงป่วยไปเสียได้?” ฮองเฮาแสดงความกังวลอย่างยิ่งซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะเยาะ “ก็ลองถามพระชายาองค์รัชทายาทผู้นี้ดูสิพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่วางท่าทีเป็นใหญ่อย่างเต็มที่ อบรมเหวินหลิงเสียยกใหญ่”เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างในทันทีพระนางทอดพระเนตรไปยังเยี่ยนเว่ยฉืออย่างไม่เชื่อสายตา ตำหนิด้วยเสียงเข้ม “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ากระทำเช่นนี้
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว