“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่??” อวี๋เฟยเหยียนเข้าไปหาเขา แล้วยกมือขึ้นโบกไปมาต่อหน้าซ่างกวนซีย่นคิ้วมองเขา กล่าวว่า “มีเรื่องอะไร?”มุมปากของอวี๋เฟยเหยียนกระตุก กล่าวว่า “ที่ข้าพูดมาตั้งนาน ท่านไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียวหรือ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?”ซ่างกวนซีหันไปมองทางลานบ้านของเรือนหน้า กล่าวเบาๆ ว่า “เมื่อคืนนี้เว่ยฉือออกไปข้างนอก”“ออกไป? ไปที่ไหน?”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “นางไม่ได้กล่าว”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจแล้ว ไม่ใช่แค่ ‘ไม่ได้กล่าว’ แต่เป็นการปกปิดอย่างจงใจ มิฉะนั้นซ่างกวนซีคงไม่มีท่าทางกังวลใจเช่นนี้อวี๋เฟยเหยียนกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่ายว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ หากท่านอยากรู้ก็ถามตรงๆ สิ ทำไมต้องมาทุกข์ใจอยู่คนเดียวเช่นนี้”ซ่างกวนซีถอนหายใจ กล่าวว่า “ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเอง ยิ่งรู้จักกันมากเท่าใดก็ยิ่งยากที่จะตัดใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจากลาก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น”อารมณ์ของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก อวี๋เฟยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่พะวงเรื่องพิษของตนเองหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือกระฉับกระเฉง ดูเหมือนจะมีอายุยืนยาวสิ่งที่ทำให้พวกเขาแยกจากกันได้ ก็มีเพีย
แต่ถ้อยคำเช่นนี้ จะให้เขากล่าวกับฉินเซียงหรูได้อย่างไรฉินเซียงหรูมีข้อตกลงว่าจะรับใช้ซ่างกวนซีเพียงสามปี กล่าวโดยสรุปแล้ว เขาก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่อวี๋เฟยเหยียนโบกมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่เห็นเจ้าทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิด เจ้าไม่ได้หญ้าหางสุนัขเขียวมาแล้วหรอกหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไปจับมัจฉาทองคำจิ่วหยางมาสิ!”“ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน? ข้าหรือ?” ฉินเซียงหรูชี้ไปที่จมูกตนเองด้วยสีหน้าประหลาดใจอวี๋เฟยเหยียนถลึงตาใส่ กล่าวว่า “หรือจะเถียงว่าข้าใสร้ายเจ้า?”ฉินเซียงหรูกดริมฝีปาก กำลังจะอธิบาย จู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นว่า “รัฐทายาทอวี๋พูดเช่นนี้ถือว่าใส่ร้ายหมอฉินแล้ว!”ทั้งสองหันไปมองตามเสียง ก็เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาอวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจ จึงใช้สายตามองเป็นเชิงถาม อยากรู้ว่าตนใส่ร้ายฉินเซียงหรูอย่างไรเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่สมุนไพรบนพื้นกล่าวว่า “นี่คือใบชงโคดิน มีสรรพคุณในการล้างพิษที่ดีมาก ส่วนนี่คือหญ้าแก้วขาว มีฤทธิ์ขับพิษเช่นกัน นี่คือหญ้าลิ้นมังกร มีฤทธิ์แก้พิษ สมุนไพรมากมายกว่าสี่สิบชนิด ล้วนแต่เป็นสมุนไพรแก้พิษทั้งสิ้น หมอ
เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายต่อ “ที่ข้าพูดว่า ‘ซ่อนเร้นอย่างยิ่งยวด’ หมายความว่าพิษนี้ก่อนจะกำเริบนั้น แม้นตรวจชีพจรขององค์รัชทายาทก็จะพบว่าปกติดีทุกประการ หากหมอธรรมดาตรวจดูย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเขาถูกพิษ”ฉินเซียงหรูผู้ยืนเคียงข้างพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้องแล้ว”“ที่ข้าพูดว่า ‘แปรเปลี่ยนได้’ หมายความว่าพิษนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ตลอดเวลา บางคราวถึงกับทำให้ชีพจรของเขาแข็งแรง กำยำยิ่งกว่าคนทั่วไป”ฉินเซียงหรูยังคงพยักหน้า “ถูกต้องอีกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ องค์รัชทายาทจึงสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์ ‘สหัสเหมันต์’ ได้ ขณะที่ท่านกับคุณชายเย่ฝึกไม่ได้ เพราะ ‘สหัสเหมันต์’ นั้นร้ายกาจเย็นยะเยือก หากปราณไม่ล้ำลึก พลังแท้จริงไม่แข็งแกร่ง ย่อมถูก ‘สหัสเหมันต์’ กลืนกิน”อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ฟังท่านทั้งสองกล่าวแล้ว เหตุใดพิษกู่เย็นนี้จึงคล้ายเป็นสิ่งดีเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ใช่ ๆ หากมันสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งดี แต่พิษกู่เย็นนี้ มีทั้งหนอนกู่และทั้งพิษ เมื่อหลายปีมานี้ หากไม่สามารถแก้พิษได้ เหตุใดเราจึงไม่เปลี่ยนวิธี ไปลองจัดการกับ ‘หนอนกู่’ ตัวนั้นดูเ
เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกลอกตา รู้สึกว่าการสื่อสารกับอวี๋เฟยเหยียนเป็นเรื่องยากนางจึงหันไปมองหมอฉินผู้สง่างามดุจหยกฉินเซียงหรูครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน พยักหน้า “หนอนกู่พิษอยู่ในร่างกายขององค์รัชทายาท มันกินอะไรย่อมขึ้นอยู่กับว่าองค์รัชทายาทรับประทานอะไร แม่นางเยี่ยนหมายความว่า ให้องค์รัชทายาทลองรับประทานอาหารรสเลิศนานาชนิด แล้วคอยสังเกตชีพจรของเขา หากชีพจรผิดปกติ พิษกำเริบ แสดงว่าหนอนกู่พิษไม่ชอบ หากชีพจรแข็งแรง พลังแท้จริงพลุ่งพล่าน แสดงว่าหนอนกู่พิษชอบ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง หากชีพจรลื่นไหลแผ่วเบา อาจเป็นอันตรายต่อหนอนกู่พิษ บางทีอาจสามารถฆ่าหนอนกู่ตัวนั้นได้โดยไม่ทำร้ายองค์รัชทายาทก็เป็นได้!”เรื่องการแก้คุณไสยพิษกู่นั้น เยี่ยนเว่ยฉือเคยเห็นแต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ เพราะในโลกอนาคตมีเครื่องมือที่ทันสมัยมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรักษาแบบอ้อมค้อมเช่นนี้แล้วดังนั้น แม้ความรู้ที่นางสั่งสมมามีมากมาย แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นศูนย์หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เรื่องนี้ต้องร่วมมือกับฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูแปลกประหลาด แต่ก็ใช่ว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท จะทำเช่นไรดี! คุณหนูถูกท่านชนจนสลบไปแล้ว!”เยี่ยนเว่ยฉือเพ่งมองให้ดี ‘สตรีที่พูดอยู่ไม่ใช่ฉางเอ๋อร์แห่งจวนผิงอี้โหวหรอกหรือ?’ดังนั้นหญิงสาวที่ซ่างกวนซีอุ้มอยู่ในอ้อมแขนผู้นี้ซึ่งหมดสติไป คงเป็นเยี่ยนชิงซูเป็นแน่เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว คิดในใจว่า “นี่มันเล่นละครอะไรกัน?”เห็นได้ชัดว่าอวี๋เฟยเหยียนก็เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเช่นกันเขาก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปพร้อมกับถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรอยู่?”ซ่างกวนซีประคองเยี่ยนชิงซูที่หมดสติ กำลังจะหาคนมาช่วย พอดีก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนเขาไม่ลังเลที่จะผลักเยี่ยนชิงซูไปให้อวี๋เฟยเหยียน อวี๋เฟยเหยียนยื่นมือออกไปรับโดยไม่รู้ตัว ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ“โอ๊ย ๆ ๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน นาง ๆ ๆ...นางเป็นอะไรไป? ตายแล้วหรือ?”ซ่างกวนซีเหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ค่อยๆ เดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าเดินเพลินไปหน่อย ชนนางโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้เหตุใด นางจึงหมดสติไป”“ฝ่าบาทรูปร่างสูงใหญ่ ก้าวเดินดุจสายลม คุณหนูของบ่าวอ่อนแอปวกเปียก จะทนทานแรงชนของฝ่าบาทได้อย่างไร ฮือๆๆ คุณหนูจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ!” ฉางเอ๋อร์โวยวาย พยายามโยนความ
“อะไรนะ? ตั้งครรภ์?!” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความตกใจ “เยี่ยนชิงซูผู้นี้มิใช่ยังไม่ได้แต่งงานหรือ? เหตุใดจึงตั้งครรภ์ได้?”เมื่อพูดเช่นนี้ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็หยุดเดิน มามุงดูฉางเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตกใจจนหน้าซีด รีบพูดว่า “เจ้า...เจ้า เจ้า เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร คุณหนูจะเป็นไปได้อย่างไร เจ้า...อย่าพูดมั่วซั่ว! คุณหนู คุณหนู ท่านฟื้นเถอะเจ้าค่ะ!”เยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจฉางเอ๋อร์ พูดอย่างเอาจริงเอาจัง “โอ๊ย ๆ ๆ ไม่ใช่แค่ตั้งครรภ์เท่านั้น นี่ยังเป็นแฝดชายหญิงอีกด้วย! พ่อของเด็ก กระบองช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”กระบองยอดเยี่ยม?“ฮ่าฮ่าฮ่า...” ผู้คนที่มามุงดูต่างก็หัวเราะออกมาอวี๋เฟยเหยียนผู้โง่งมเกาหัว “กระบองยอดเยี่ยม? คุณหนูรองแห่งจวนผิงอี้โหวลักลอบมีลูกกับจอมยุทธ์หรือ?”ซ่างกวนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว!ส่วนอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่กับเยี่ยนเว่ยฉือนั้น ก็เหมือนคนโง่เขลาเบาปัญญาเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างเอาจริงเอาจัง “รัฐทายาทอวี๋กล่าวถูกเพียงครึ่งเดียว”“ครึ่งเดียว?”เยี่ยนเว่ยฉือยกคิ้ว “ใช่แล้ว มิใช่จอมยุทธ์เพียงคนเดียว แต่เป็นสองคน ข้าไม
เยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “ข้าไหนเลยจะบังอาจเท่าเยี่ยนชิงซู กลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย กลับโผเข้าหาพี่เขยตนเอง เหตุใด ฝ่าบาทชอบคนเสแสร้งเช่นนั้นหรือ?”“เมื่อใดที่ข้าบอกว่าชอบนาง? อย่าใส่ร้ายป้ายสี!”“หากฝ่าบาทไม่ชอบนาง ข้าช่วยฝ่าบาทไล่นางไป เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ชมข้า กลับตำหนิว่าข้าทำตัวเป็นเด็กน้อยเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ยอมแพ้!ซ่างกวนซียื่นมือออกไป จิ้มไปที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดบอกเจ้าว่า ‘เด็กน้อย’ คือการตำหนิ?”เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชมเยี่ยนเว่ยฉือว่ามีจิตใจเยาว์วัย ฉลาดแกมโกง!เยี่ยนเว่ยฉือลูบตำแหน่งที่ซ่างกวนซีจิ้ม อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกว่าการกระทำนี้ทั้งเอ็นดูและคลุมเครืออวี๋เฟยเหยียนมองบรรยากาศแปลก ๆ ระหว่างพวกเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าว่า...พวกท่านทั้งสอง ลืมข้าไปแล้วหรือใช่หรือไม่?”เอ่อ...ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนพร้อมกัน ต่างก็มีสีหน้าเขินอายไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดจริง ๆ ลืมเขาไปแล้วจริง ๆ ด้วย!“อะแฮ่ม!” ซ่างกวนซีกระแอมสองครั้ง ปรับอารมณ์ เอ่ยถาม “พวกเจ้าทั้งสองออกมาด้วยกัน เหต
เยี่ยนชิงซูเสียหน้าเพราะเยี่ยนเว่ยฉือบนท้องถนน เมื่อกลับถึงจวนก็อาละวาดอีกครั้งทำเอาเยี่ยนหานซานรำคาญใจ จึงออกไปข้างนอกเพื่อหลบความวุ่นวายและยังทำให้ท่านหญิงหมิงหยางปวดใจ รีบตามลู่อู๋มาถามไถ่ว่าเหตุใดจึงยังไม่ฆ่าเยี่ยนเว่ยฉืออีกแต่บ่าวไพร่ที่ส่งไปกลับตามหาลู่อู๋ไม่พบท่านหญิงหมิงหยางถามด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ? ไม่พบ? ไปที่โรงเตี๊ยมที่เขาพักแล้วหรือ?”ลูกน้องพยักหน้า “เรียนท่านหญิง ไปมาแล้วเจ้าค่ะ ลู่อู๋ออกไปแล้ว”ซินมามาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็อุทานออกมา “โอ๊ย ท่านหญิง! เจ้าคนผู้นั้นคงจะเชิดเงินหนีไปแล้วกระมัง!”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้ว ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นี้‘ลู่อู๋อย่างไรก็เป็นมือสังหารอันดับสี่ คงไม่เชิดเงินจำนวนเล็กน้อยนี้หนีไปหรอกกระมัง?’‘แต่เหตุใดจึงติดต่อเขาไม่ได้?’ในขณะที่ท่านหญิงหมิงหยางกำลังจะไปตามหาด้วยตัวเอง ก็มีเสียงของฉางเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก “ท่านหญิง ท่านหญิงเจ้าคะ แย่แล้ว! แย่แล้ว! ท่านรีบไปดูคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ!”แย่แล้ว?ท่านหญิงหมิงหยางรีบวิ่งออกไป ถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?”ฉางเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “คุณหนูถ
เยี่ยนเว่ยฉือวางจานในมือลง แล้วจึงหยิบขนมตรงหน้าอวี๋เฟยเหยียนกับฉินเซียงหรูขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือซ้ายและขวา จากนั้นก็สลับตำแหน่ง “ง่ายมาก ซ่างกวนหลีอยากทำเช่นไร เราก็ทำตรงกันข้าม!”ฉินเซียงหรูพูดต่อ “เจ้าหมายความว่า ให้ซ่างกวนหลีแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ให้ซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู?”แปะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้ว “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู ก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนผิงอี้โหวและจวนอ๋องจ่างซิ่น ในราชสำนัก เขาก็จะมีอำนาจต่อกรกับซ่างกวนหลีได้ ซ่างกวนเจวี๋ยผู้นี้ ตอนที่ไม่มีอำนาจก็ยังคงสงบเสงี่ยม หากมีอำนาจขึ้นมาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยเป็นแน่! ฝ่าบาท ท่านว่ามีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าการนั่งดูพวกเขาแว้งกัดกันเองเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากชม เพียงแต่พูดว่า “ตามใจเจ้า!”อวี๋เฟยเหยียนมองด้วยความอิจฉา คิดในใจว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ ต่อไปหากศิษย์พี่จะจัดการกับซ่างกวนหลีก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว”ฉินเซียงหรูมองด้วยสายตาเหมือนกำลังดูละคร ตะโกนในใจว่า “คนฉลาดใช้สมอง คนโง่ใช้กำลัง ใครเล่าจะเฉลียวฉลาดกว่
เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ เร่งฝีเท้า เดินนำหน้าคนทั้งสามซ่างกวนซีเห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยของนาง ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนปัญญาฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตปฏิกิริยาระหว่างสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ‘คนหนึ่งภายนอกดูอบอุ่น ภายในเย็นชา ไม่ใคร่สนใจสิ่งใด อีกคนภายนอกดูเย็นชา ภายในอบอุ่น จิตใจจมดิ่งลงไปนานแล้ว องค์รัชทายาทผู้มีสง่าราศีท่านนี้ สุดท้ายก็คงจะสู้แม่นางเยี่ยนผู้มีอารมณ์ขันไม่ได้!’…… จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่ทุกคนกลับถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะปฏิกิริยาของซ่างกวนหลีเมื่อครู่ทุกคนต่างก็กำลังคิดว่า ซ่างกวนหลีผู้นั้นต้องการแต่งงานกับผู้ใดกันแน่อวี๋เฟยเหยียนเกาหัวด้วยความสับสน “ซ่างกวนหลีดูเจ้าซู้ พวกเจ้าว่า เขาต้องการแต่งงานกับผู้ใด?”ฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรซ่างกวนซีเอามือเคาะพนักวางแขนของเก้าอี้เบาๆ ไม่ได้ตอบกลับเช่นกันมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำถามของอวี๋เฟยเหยียนอย่างจริงจังอวี๋เฟยเหยียนรอคำตอบอยู่นานก
ไหนเล่าเอวหนาเท่าถังน้ำกลับเป็นเอวบางร่างน้อย งามพิศชวนมองซ่างกวนหลีมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีกลิ่นอายของชนเผ่าอื่นแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว เพียงแต่...เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”คณะทูตจากต่างแดน พวกเขาควรจะส่งคนออกไปต้อนรับนอกเมือง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าเมืองมาเองได้ไม่ให้เกียรติกันเลยอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอียงศีรษะยิ้ม “ฝ่าบาทอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรืออยากรู้ว่าหญิงงามในจวนผู้นั้นปลอดภัยดีหรือไม่?”“เอ่อ นี่...”ซ่างกวนหลีพูดไม่ออก เพราะคำพูดของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการให้เขาเลือกระหว่างหญิงงามสองนางเห็นซ่างกวนหลีตอบไม่ได้ ซ่างกวนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดแก้ต่าง “ที่นี่วุ่นวายมาก ยังมีซากหมาป่าอีกมากมายด้วย เสด็จพี่ พวกเราไปพูดคุยกันที่อื่นดีกว่า”ซ่างกวนหลีพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ๆ ถูกต้อง ๆ ๆ องค์หญิงเสด็จมาจากแดนไกล ข้าควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เช่นนั้นก็...”“ไม่จำเป็น” อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขัดจังหวะซ่างกวนหลี “หากฝ่าบาทอยากร่วมโต๊ะกับข้า ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมาก พวกเราไปกันเถอะ!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่งสายตาที่คลุมเครือ
ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ขุดคุ้ยความลับในตัวนางได้แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองจมดิ่งลงไปมากเกินไปช่างสับสนยิ่งนักในขณะที่ซ่างกวนซีกำลังเหม่อลอย ก็มีร่างสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวนผิงอี้โหว“ฝ่าบาท ท่านดูสิ! นั่นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น!” เยี่ยนเว่ยฉือเตือนซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองตามสายตาของนาง ก็เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกับพั่วจวินจริงๆเพิ่งจะยื่นหนังสือราชการไป บอกว่าจะเข้าเมืองในอีกเจ็ดวัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพาพั่วจวินเข้าไปในจวนผิงอี้โหวซ่างกวนซีพูดว่า “พวกเราก็เข้าไปดูเถอะ”ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งในเวลาเดียวกัน ทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองยังคงต่อสู้กับสุนัขป่าที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดซ่างกวนหลีเองก็ถือกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตู ทำท่าทางเหมือนองครักษ์ปกป้องหญิงงามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยืนมองซ่างกวนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจึงยิ้ม “หน้าตาใช้ได้!”พั่วจวินไม่พูดอะไร เพียงแต่มองสุนัขป่ารอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าองค์หญิงของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตะโกนใส่ซ่างกวนหลี “องค์ชาย ท่านไล
หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว อวี๋เฟยเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสองช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว! ศิษย์พี่สังหารคน พี่สะใภ้ส่งมีด พี่สะใภ้ทำร้ายคน ศิษย์พี่ก็ขุดหลุม ช่าง...เป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก!”ปัง!ซ่างกวนซีเคาะศีรษะของอวี๋เฟยเหยียน ตำหนิว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล! นี่เป็นเรื่องของสุนัขป่า เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”อย่าได้ให้คนนอกรู้ความจริงเป็นอันขาด!อวี๋เฟยเหยียนยิ้มแห้งๆ “ขอรับๆๆ ใครใช้ให้เยี่ยนชิงซูหน้าตาเหมือนซาลาเปาเล่า ก็อย่าได้โทษสุนัขป่าที่ไล่กัดนาง!”คนกลุ่มหนึ่งเดินไปคุยกันไปอย่างช้า ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากข้างหลังซ่างกวนซีเงี่ยหูฟัง หัวเราะเยาะ “ดูเหมือนเขาจะชอบเยี่ยนชิงซู”คนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปมองพร้อมกันและแล้วก็เห็นซ่างกวนหลีพาซ่างกวนเจวี๋ยขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วข้างหลังยังมีทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองตามมาอีกกลุ่มใหญ่ท่าทางร้อนรนเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจมองทาง จึงไม่ได้สังเกตเห็นซ่างกวนซีและคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่บนถนนเมื่อซ่างกวนซีและคนอื่นๆ มาถึงจวนผิงอี้โหว ที่นี่ก็มีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมดแล้ว!“ไป! ฆ่
อวี๋เฟยเหยียนและซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินเซียงหรูอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะมีฤทธิ์เช่นไรฉินเซียงหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “หากข้าจำไม่ผิด สูตรนี้เหมือนจะเป็นสูตรที่นายพรานใช้ล่าสุนัขจิ้งจอก”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้ว จะส่งกลิ่นที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้ คล้ายกับสิ่งที่สุนัขตัวเมียหลั่งออกมาในฤดูผสมพันธุ์ ดังนั้นจึงสามารถดึงดูดสัตว์เพศผู้ในตระกูลสุนัขได้ โดยทั่วไปนายพรานจะใช้ล่าสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ เพื่อนำขนที่สวยงามของมันไปขาย ในเมืองนี้ไม่มีสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ แต่ควรจะมีสุนัขป่าเพศผู้ไม่น้อย”หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามก็ตกตะลึงอวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก แล้วก็ลุกขึ้นยืนทันทีซ่างกวนซีมองเขา “เจ้าจะทำอะไร?”อวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “เรื่องสนุกสนานเช่นนี้ ข้าจะพลาดได้อย่างไร!” พูดจบเขาก็จากไป!ฉินเซียงหรูถอนหายใจด้วยความเสียดาย “โอ๊ย ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน” น่าเสียดายที่เขาไม่มีวิทยายุทธ์ จึงไม่อาจแอบดูได้ซ่างกวนซีได้ยินดังนั้น จึงครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “อยากเห็น
“หมอฉิน เจ้า...เหตุใดเจ้าจึงไม่กินแล้วเล่า?” อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูด้วยความกังวล มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจฉินเซียงหรูยิ้มแห้ง ๆ “เอ่อ ข้าอิ่มแล้ว”สีหน้าเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อิ่มแล้ว แต่เป็นหวาดกลัว!อวี๋เฟยเหยียนรีบวางชามและตะเกียบ ซักไซ้ต่อไป “พวกเจ้าพูดมาสิ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือมองอวี๋เฟยเหยียน กะพริบตาด้วยความสงสัย “รัฐทายาทอวี๋ เหตุใดท่านจึงอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ หรือว่า...ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ข้าไม่ปรารถนาจะเรียนวิชาแพทย์ แต่รู้สึกว่าเปลือกหอยหวานคงไม่ใช่สิ่งดี ไม่เช่นนั้นเหตุใดฉินเซียงหรูจึงหยุดกินกลางคัน? ศิษย์ใหญ่ ท่านก็อย่ากินเลย! อ๊ะ ไม่ใช่ ท่านกินเถอะๆ นางทำให้ท่านโดยเฉพาะ!”ซ่างกวนซีถือชาม รู้สึกอึดอัดใจหากกินต่อ ก็รู้สึกว่าสีหน้าของฉินเซียงหรูนั้นแปลกประหลาดจริงๆหากไม่กิน อวี๋เฟยเหยียนก็คะยั้นคะยอบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำให้เขาโดยเฉพาะดังนั้น ซ่างกวนซีที่ไม่เคยอยากรู้อยากเห็นอะไรก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เว่ยฉือ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ความกระตือรือร้นใฝ่รู้ขององค์รัชทายาท ช่างน่าเลื่
เยี่ยนชิงซูเสียหน้าเพราะเยี่ยนเว่ยฉือบนท้องถนน เมื่อกลับถึงจวนก็อาละวาดอีกครั้งทำเอาเยี่ยนหานซานรำคาญใจ จึงออกไปข้างนอกเพื่อหลบความวุ่นวายและยังทำให้ท่านหญิงหมิงหยางปวดใจ รีบตามลู่อู๋มาถามไถ่ว่าเหตุใดจึงยังไม่ฆ่าเยี่ยนเว่ยฉืออีกแต่บ่าวไพร่ที่ส่งไปกลับตามหาลู่อู๋ไม่พบท่านหญิงหมิงหยางถามด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ? ไม่พบ? ไปที่โรงเตี๊ยมที่เขาพักแล้วหรือ?”ลูกน้องพยักหน้า “เรียนท่านหญิง ไปมาแล้วเจ้าค่ะ ลู่อู๋ออกไปแล้ว”ซินมามาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็อุทานออกมา “โอ๊ย ท่านหญิง! เจ้าคนผู้นั้นคงจะเชิดเงินหนีไปแล้วกระมัง!”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้ว ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นี้‘ลู่อู๋อย่างไรก็เป็นมือสังหารอันดับสี่ คงไม่เชิดเงินจำนวนเล็กน้อยนี้หนีไปหรอกกระมัง?’‘แต่เหตุใดจึงติดต่อเขาไม่ได้?’ในขณะที่ท่านหญิงหมิงหยางกำลังจะไปตามหาด้วยตัวเอง ก็มีเสียงของฉางเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก “ท่านหญิง ท่านหญิงเจ้าคะ แย่แล้ว! แย่แล้ว! ท่านรีบไปดูคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ!”แย่แล้ว?ท่านหญิงหมิงหยางรีบวิ่งออกไป ถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?”ฉางเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “คุณหนูถ
เยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “ข้าไหนเลยจะบังอาจเท่าเยี่ยนชิงซู กลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย กลับโผเข้าหาพี่เขยตนเอง เหตุใด ฝ่าบาทชอบคนเสแสร้งเช่นนั้นหรือ?”“เมื่อใดที่ข้าบอกว่าชอบนาง? อย่าใส่ร้ายป้ายสี!”“หากฝ่าบาทไม่ชอบนาง ข้าช่วยฝ่าบาทไล่นางไป เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ชมข้า กลับตำหนิว่าข้าทำตัวเป็นเด็กน้อยเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ยอมแพ้!ซ่างกวนซียื่นมือออกไป จิ้มไปที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดบอกเจ้าว่า ‘เด็กน้อย’ คือการตำหนิ?”เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชมเยี่ยนเว่ยฉือว่ามีจิตใจเยาว์วัย ฉลาดแกมโกง!เยี่ยนเว่ยฉือลูบตำแหน่งที่ซ่างกวนซีจิ้ม อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกว่าการกระทำนี้ทั้งเอ็นดูและคลุมเครืออวี๋เฟยเหยียนมองบรรยากาศแปลก ๆ ระหว่างพวกเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าว่า...พวกท่านทั้งสอง ลืมข้าไปแล้วหรือใช่หรือไม่?”เอ่อ...ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนพร้อมกัน ต่างก็มีสีหน้าเขินอายไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดจริง ๆ ลืมเขาไปแล้วจริง ๆ ด้วย!“อะแฮ่ม!” ซ่างกวนซีกระแอมสองครั้ง ปรับอารมณ์ เอ่ยถาม “พวกเจ้าทั้งสองออกมาด้วยกัน เหต