ซ่างกวนหลีเป็นหลานชายแท้ ๆ ของเขา ทั้งยังเป็นว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปที่เขาจะต้องสนับสนุน เขาจึงไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายอภิเษกสมรสกับชาวเป่ยอิ้นได้วิธีที่ดีที่สุดที่จะขัดขวางไม่ให้เขาอภิเษกกับชาวเป่ยอิ้น ก็คือสนับสนุนให้เขามีพระชายาโดยเร็วที่สุด เพราะองค์หญิงจากแคว้นอื่นที่ต้องการอภิเษกสมรสด้วยนั้นไม่อาจเป็นสนมได้แต่อันกั๋วกงกลับไม่มีสตรีที่ถึงวัยอันสมควรที่จะอภิเษกสมรสอยู่ในมือส่วนอ๋องจ่างซิ่นกลับมีบุตรสาวอายุสิบเจ็ดปี นามว่าหานอวี่เฟย และหลานสาวอายุสิบห้าปี นามว่าเยี่ยนชิงซูตาเฒ่าผู้นั้นรีบร้อนออกจากวัง ย่อมต้องกำลังวางแผนเรื่องนี้อย่างแน่นอนอันกั๋วกงเดาถูกต้อง เมื่ออ๋องจ่างซิ่นกลับถึงวัง สิ่งแรกที่ทำคือสั่งให้คนไปรับภรรยาและบุตรสาวที่กลับไปเยี่ยมบ้านกลับมาโดยเร็วสิ่งที่สองคือสั่งให้คนไปยังจวนผิงอี้โหว เพื่อเชิญท่านหญิงหมิงหยางมาพบท่านหญิงหมิงหยางเดินเข้ามาในจวนอ๋องจ่างซิ่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นอ๋องจ่างซิ่นก็ไม่ได้แสดงความเคารพ แต่กลับถามด้วยใบหน้ายู่ว่า “พี่ใหญ่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร ถึงกับต้องลากคนออกจากเตียง รบกวนการนอนหลับพักผ่อน”แท้จริงแล้วท่านหญิงหมิงหยางยังไม่ตื่
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่??” อวี๋เฟยเหยียนเข้าไปหาเขา แล้วยกมือขึ้นโบกไปมาต่อหน้าซ่างกวนซีย่นคิ้วมองเขา กล่าวว่า “มีเรื่องอะไร?”มุมปากของอวี๋เฟยเหยียนกระตุก กล่าวว่า “ที่ข้าพูดมาตั้งนาน ท่านไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียวหรือ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?”ซ่างกวนซีหันไปมองทางลานบ้านของเรือนหน้า กล่าวเบาๆ ว่า “เมื่อคืนนี้เว่ยฉือออกไปข้างนอก”“ออกไป? ไปที่ไหน?”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “นางไม่ได้กล่าว”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจแล้ว ไม่ใช่แค่ ‘ไม่ได้กล่าว’ แต่เป็นการปกปิดอย่างจงใจ มิฉะนั้นซ่างกวนซีคงไม่มีท่าทางกังวลใจเช่นนี้อวี๋เฟยเหยียนกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่ายว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ หากท่านอยากรู้ก็ถามตรงๆ สิ ทำไมต้องมาทุกข์ใจอยู่คนเดียวเช่นนี้”ซ่างกวนซีถอนหายใจ กล่าวว่า “ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเอง ยิ่งรู้จักกันมากเท่าใดก็ยิ่งยากที่จะตัดใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจากลาก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น”อารมณ์ของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก อวี๋เฟยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่พะวงเรื่องพิษของตนเองหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือกระฉับกระเฉง ดูเหมือนจะมีอายุยืนยาวสิ่งที่ทำให้พวกเขาแยกจากกันได้ ก็มีเพีย
แต่ถ้อยคำเช่นนี้ จะให้เขากล่าวกับฉินเซียงหรูได้อย่างไรฉินเซียงหรูมีข้อตกลงว่าจะรับใช้ซ่างกวนซีเพียงสามปี กล่าวโดยสรุปแล้ว เขาก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่อวี๋เฟยเหยียนโบกมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่เห็นเจ้าทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิด เจ้าไม่ได้หญ้าหางสุนัขเขียวมาแล้วหรอกหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไปจับมัจฉาทองคำจิ่วหยางมาสิ!”“ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน? ข้าหรือ?” ฉินเซียงหรูชี้ไปที่จมูกตนเองด้วยสีหน้าประหลาดใจอวี๋เฟยเหยียนถลึงตาใส่ กล่าวว่า “หรือจะเถียงว่าข้าใสร้ายเจ้า?”ฉินเซียงหรูกดริมฝีปาก กำลังจะอธิบาย จู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นว่า “รัฐทายาทอวี๋พูดเช่นนี้ถือว่าใส่ร้ายหมอฉินแล้ว!”ทั้งสองหันไปมองตามเสียง ก็เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาอวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจ จึงใช้สายตามองเป็นเชิงถาม อยากรู้ว่าตนใส่ร้ายฉินเซียงหรูอย่างไรเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่สมุนไพรบนพื้นกล่าวว่า “นี่คือใบชงโคดิน มีสรรพคุณในการล้างพิษที่ดีมาก ส่วนนี่คือหญ้าแก้วขาว มีฤทธิ์ขับพิษเช่นกัน นี่คือหญ้าลิ้นมังกร มีฤทธิ์แก้พิษ สมุนไพรมากมายกว่าสี่สิบชนิด ล้วนแต่เป็นสมุนไพรแก้พิษทั้งสิ้น หมอ
เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายต่อ “ที่ข้าพูดว่า ‘ซ่อนเร้นอย่างยิ่งยวด’ หมายความว่าพิษนี้ก่อนจะกำเริบนั้น แม้นตรวจชีพจรขององค์รัชทายาทก็จะพบว่าปกติดีทุกประการ หากหมอธรรมดาตรวจดูย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเขาถูกพิษ”ฉินเซียงหรูผู้ยืนเคียงข้างพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้องแล้ว”“ที่ข้าพูดว่า ‘แปรเปลี่ยนได้’ หมายความว่าพิษนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ตลอดเวลา บางคราวถึงกับทำให้ชีพจรของเขาแข็งแรง กำยำยิ่งกว่าคนทั่วไป”ฉินเซียงหรูยังคงพยักหน้า “ถูกต้องอีกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ องค์รัชทายาทจึงสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์ ‘สหัสเหมันต์’ ได้ ขณะที่ท่านกับคุณชายเย่ฝึกไม่ได้ เพราะ ‘สหัสเหมันต์’ นั้นร้ายกาจเย็นยะเยือก หากปราณไม่ล้ำลึก พลังแท้จริงไม่แข็งแกร่ง ย่อมถูก ‘สหัสเหมันต์’ กลืนกิน”อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ฟังท่านทั้งสองกล่าวแล้ว เหตุใดพิษกู่เย็นนี้จึงคล้ายเป็นสิ่งดีเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ใช่ ๆ หากมันสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งดี แต่พิษกู่เย็นนี้ มีทั้งหนอนกู่และทั้งพิษ เมื่อหลายปีมานี้ หากไม่สามารถแก้พิษได้ เหตุใดเราจึงไม่เปลี่ยนวิธี ไปลองจัดการกับ ‘หนอนกู่’ ตัวนั้นดูเ
เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกลอกตา รู้สึกว่าการสื่อสารกับอวี๋เฟยเหยียนเป็นเรื่องยากนางจึงหันไปมองหมอฉินผู้สง่างามดุจหยกฉินเซียงหรูครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน พยักหน้า “หนอนกู่พิษอยู่ในร่างกายขององค์รัชทายาท มันกินอะไรย่อมขึ้นอยู่กับว่าองค์รัชทายาทรับประทานอะไร แม่นางเยี่ยนหมายความว่า ให้องค์รัชทายาทลองรับประทานอาหารรสเลิศนานาชนิด แล้วคอยสังเกตชีพจรของเขา หากชีพจรผิดปกติ พิษกำเริบ แสดงว่าหนอนกู่พิษไม่ชอบ หากชีพจรแข็งแรง พลังแท้จริงพลุ่งพล่าน แสดงว่าหนอนกู่พิษชอบ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง หากชีพจรลื่นไหลแผ่วเบา อาจเป็นอันตรายต่อหนอนกู่พิษ บางทีอาจสามารถฆ่าหนอนกู่ตัวนั้นได้โดยไม่ทำร้ายองค์รัชทายาทก็เป็นได้!”เรื่องการแก้คุณไสยพิษกู่นั้น เยี่ยนเว่ยฉือเคยเห็นแต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ เพราะในโลกอนาคตมีเครื่องมือที่ทันสมัยมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรักษาแบบอ้อมค้อมเช่นนี้แล้วดังนั้น แม้ความรู้ที่นางสั่งสมมามีมากมาย แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นศูนย์หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เรื่องนี้ต้องร่วมมือกับฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูแปลกประหลาด แต่ก็ใช่ว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท จะทำเช่นไรดี! คุณหนูถูกท่านชนจนสลบไปแล้ว!”เยี่ยนเว่ยฉือเพ่งมองให้ดี ‘สตรีที่พูดอยู่ไม่ใช่ฉางเอ๋อร์แห่งจวนผิงอี้โหวหรอกหรือ?’ดังนั้นหญิงสาวที่ซ่างกวนซีอุ้มอยู่ในอ้อมแขนผู้นี้ซึ่งหมดสติไป คงเป็นเยี่ยนชิงซูเป็นแน่เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว คิดในใจว่า “นี่มันเล่นละครอะไรกัน?”เห็นได้ชัดว่าอวี๋เฟยเหยียนก็เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเช่นกันเขาก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปพร้อมกับถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรอยู่?”ซ่างกวนซีประคองเยี่ยนชิงซูที่หมดสติ กำลังจะหาคนมาช่วย พอดีก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนเขาไม่ลังเลที่จะผลักเยี่ยนชิงซูไปให้อวี๋เฟยเหยียน อวี๋เฟยเหยียนยื่นมือออกไปรับโดยไม่รู้ตัว ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ“โอ๊ย ๆ ๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน นาง ๆ ๆ...นางเป็นอะไรไป? ตายแล้วหรือ?”ซ่างกวนซีเหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ค่อยๆ เดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าเดินเพลินไปหน่อย ชนนางโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้เหตุใด นางจึงหมดสติไป”“ฝ่าบาทรูปร่างสูงใหญ่ ก้าวเดินดุจสายลม คุณหนูของบ่าวอ่อนแอปวกเปียก จะทนทานแรงชนของฝ่าบาทได้อย่างไร ฮือๆๆ คุณหนูจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ!” ฉางเอ๋อร์โวยวาย พยายามโยนความ
“อะไรนะ? ตั้งครรภ์?!” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความตกใจ “เยี่ยนชิงซูผู้นี้มิใช่ยังไม่ได้แต่งงานหรือ? เหตุใดจึงตั้งครรภ์ได้?”เมื่อพูดเช่นนี้ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็หยุดเดิน มามุงดูฉางเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตกใจจนหน้าซีด รีบพูดว่า “เจ้า...เจ้า เจ้า เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร คุณหนูจะเป็นไปได้อย่างไร เจ้า...อย่าพูดมั่วซั่ว! คุณหนู คุณหนู ท่านฟื้นเถอะเจ้าค่ะ!”เยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจฉางเอ๋อร์ พูดอย่างเอาจริงเอาจัง “โอ๊ย ๆ ๆ ไม่ใช่แค่ตั้งครรภ์เท่านั้น นี่ยังเป็นแฝดชายหญิงอีกด้วย! พ่อของเด็ก กระบองช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”กระบองยอดเยี่ยม?“ฮ่าฮ่าฮ่า...” ผู้คนที่มามุงดูต่างก็หัวเราะออกมาอวี๋เฟยเหยียนผู้โง่งมเกาหัว “กระบองยอดเยี่ยม? คุณหนูรองแห่งจวนผิงอี้โหวลักลอบมีลูกกับจอมยุทธ์หรือ?”ซ่างกวนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว!ส่วนอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนอยู่กับเยี่ยนเว่ยฉือนั้น ก็เหมือนคนโง่เขลาเบาปัญญาเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างเอาจริงเอาจัง “รัฐทายาทอวี๋กล่าวถูกเพียงครึ่งเดียว”“ครึ่งเดียว?”เยี่ยนเว่ยฉือยกคิ้ว “ใช่แล้ว มิใช่จอมยุทธ์เพียงคนเดียว แต่เป็นสองคน ข้าไม
เยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “ข้าไหนเลยจะบังอาจเท่าเยี่ยนชิงซู กลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย กลับโผเข้าหาพี่เขยตนเอง เหตุใด ฝ่าบาทชอบคนเสแสร้งเช่นนั้นหรือ?”“เมื่อใดที่ข้าบอกว่าชอบนาง? อย่าใส่ร้ายป้ายสี!”“หากฝ่าบาทไม่ชอบนาง ข้าช่วยฝ่าบาทไล่นางไป เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ชมข้า กลับตำหนิว่าข้าทำตัวเป็นเด็กน้อยเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ยอมแพ้!ซ่างกวนซียื่นมือออกไป จิ้มไปที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดบอกเจ้าว่า ‘เด็กน้อย’ คือการตำหนิ?”เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชมเยี่ยนเว่ยฉือว่ามีจิตใจเยาว์วัย ฉลาดแกมโกง!เยี่ยนเว่ยฉือลูบตำแหน่งที่ซ่างกวนซีจิ้ม อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกว่าการกระทำนี้ทั้งเอ็นดูและคลุมเครืออวี๋เฟยเหยียนมองบรรยากาศแปลก ๆ ระหว่างพวกเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าว่า...พวกท่านทั้งสอง ลืมข้าไปแล้วหรือใช่หรือไม่?”เอ่อ...ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนพร้อมกัน ต่างก็มีสีหน้าเขินอายไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดจริง ๆ ลืมเขาไปแล้วจริง ๆ ด้วย!“อะแฮ่ม!” ซ่างกวนซีกระแอมสองครั้ง ปรับอารมณ์ เอ่ยถาม “พวกเจ้าทั้งสองออกมาด้วยกัน เหต
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว