ยามดึก ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากทานอาหารเย็น ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็นั่งเล่นหมากรุกอยู่ที่ห้องโถงหน้าส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ข้าง ๆ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบเมื่ออวี๋เฟยเหยียนแพ้ไปอีกตา เสียงของจางมามาก็ดังมาจากด้านนอกประตู “พระชายา ซูเค่อมารอพบอยู่ที่นอกเรือนเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือคลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ให้นางเข้ามา”ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเค่อก็ถือถาดเข้ามา ซึ่งบนถาดนั้นดูเหมือนจะมีเสื้อผ้าหลายชิ้นซูเค่อเดินเข้าไปในโถงหลัก นางทำความเคารพซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก่อน จากนั้นจึงเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือและพูดว่า “พระชายา นี่เป็นกางเกงชั้นในที่ท่านสั่งหม่อมฉันตัดเย็บเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้หม่อมฉันตัดเสร็จแล้ว พระชายาลองดูสักหน่อยไหมเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมาดูงานปักที่อยู่บนนั้น พลางพูดด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง “ฝีมือประณีตมาก เทียบดูแล้วไม่น้อยหน้าไปกว่าช่างปักเย็บในสำนักพระราชวังเลย”“พระชายาชมเกินไปแล้ว ท่านชอบก็ดีมากแล้วเพคะ” ซูเค่อถ่อมตัวอย่างยิ่งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าชอบมากเลย แต่ไม่กล้าใส่หรอกนะ!”ไม่กล้าใส่?ซูเค่อมองเยี่ยนเว่
อวี๋เฟยเหยียนที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ข้าง ๆ หงุดหงิดเป็นอย่างมากจึงพูดขึ้น “พอ ๆ ๆ หยุดเสแสร้งได้แล้ว องค์รัชทายาททรงมองออกมาตั้งนานแล้วว่าเจ้าเล่นละครแสร้งทำเป็นยอมจำนน เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดนักรึ?”เมื่อซูเค่อได้ยินเช่นนั้น นางก็ไหล่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันทีราวกับสูญสิ้นจิตวิญญาณหลังจากนั้นไม่นาน ซูเค่อก็สะอื้นและพูดว่า “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร หม่อมฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว พระชายาฉลาดหลักแหลมเกินคน หม่อมฉัน...ขอยอมรับชะตากรรมเพคะ!”ทันทีที่พูดจบ ซูเค่อก็ลุกขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือตกใจคิดว่าซูเค่อจะลอบโจมตีนางซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็รีบวิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเช่นกันทว่าทุกคนก็ต้องประหลาดใจ ด้วยเพราะเห็นซูเค่อรีบวิ่งไปที่เสาด้านนอกหลังจากมีเสียงดังปึงสนั่นหวั่นไหว ปรากฏว่านางเอาหัวโขกพุ่งชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย?!ตายเช่นนี้เลย? ยังไม่ได้ไขข้อกระจ่างก็ตายไปทั้งอย่างนี้เลยรึ?!“กรี๊ด…” ชวนหงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเลือดของซูเค่อกระเซ็นตรงบริเวณนั้น และแล้วนางก็หน้ามืดและเป็นลมล้มไปเมื่ออวี๋เฟยเหยียนเห็นเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ช่างเป็นคนใจเด็ดเสียจริง!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า
“หอวั่งเจียง? อยู่ที่ไหนหรือ? อาหารอร่อยหรือไม่?” เยี่ยนเว่ยฉือตาเป็นประกายแลดูสนใจมากอวี๋เฟยเหยียนพูดแทรก “เฮ้ อันนี้ข้ารู้ ร้านอาหารที่หรูที่สุดในเมืองหลวงคือร้านฉือหลี่เซียง แต่ร้านที่มีแนวคิดทางศิลปะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือหอวั่งเจียง ร้านตั้งอยู่ริมน้ำ หากยกจอกมองสายน้ำ ก็จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว! อา แต่เสียดายที่มันอยู่ไกลไปหน่อย”เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างสงสัย “ยกจอกมองสายน้ำ รอบเมืองหลวงมีแม่น้ำฮ่วนซาเพียงสายเดียวและดูเหมือนจะไม่ไหลผ่านเมือง แสดงว่าพวกเราต้องออกนอกเมืองอย่างนั้นหรือ?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าไม่อยากออกนอกเมืองรึ?” หากเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากออกเดินทางไปท่องเที่ยว เขาก็สามารถเลือกสถานที่อื่นเพื่อเฉลิมฉลองได้“แน่นอนว่าไม่ใช่!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างมีความสุข “ข้าชอบออกไปเที่ยวข้างนอกเป็นที่สุด! เย้!”เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของเยี่ยนเว่ยฉือ ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าแสงแดดในวันนี้ดีเป็นพิเศษพิษเย็นในร่างกายดูจะไม่ทรมานเหมือนตอนแรกพิษเย็นแต่ใจร้อนรุ่ม……สามวันผ่านไปวันนี้เป็นวันที่อวี๋เฟยเหยียนเข้ารับตำแหน่ง และวันแรกที่เขาไปรายงานตัวมาก็
เยี่ยนเว่ยฉือเมินอีกฝ่ายและเดินออกจากเรือนคนรับใช้ที่นางยอมปล่อยซูเค่อไป เหตุผลประการแรกเพราะซูเค่อเป็นคนฉลาด และคนฉลาดจะไม่เดินบนเส้นทางผิดไปจนสุดทาง ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าซูเค่อจะไม่กลับไปติดตามซ่างกวนหลีอีกเหตุผลประการที่สองเป็นเพราะคำพูดของซ่างกวนซีที่บอกว่าซูเค่อมีคนที่ต้องปกป้องเมื่อคิดถึงน้องชายของซูเค่อ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจส่วนเหตุผลประการที่สามนั้น ซูเค่อต้องรู้ความลับมากมายของฮองเฮาและองค์ชายรองอย่างแน่นอนทว่าตอนนี้ซูเค่อคงไม่สามารถพูดได้และคงไม่กล้าพูดอย่างแน่นอน แต่หากวันหนึ่งซ่างกวนซีสามารถโค่นล้มเส้นสายของฮองเฮาได้เช่นนั้นซูเค่อก็สามารถมาเป็นพยานได้คนฉลาด ๆ ย่อมให้โอกาสนางได้มีชีวิตอยู่ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการเลือกของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นถูกต้อง เพราะก่อนที่ซูเค่อจะจากไป นางได้ขอให้จางมามามาบอกความลับแก่เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งอย่างเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่จางมามาและพูดด้วยความประหลาดใจ “นางบอกว่าหมิงตาวเป็นคนของ อันกั๋วกงอย่างนั้นหรือ?”จางมามาพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่เพคะ ซูเค่อบอกว่านางจำหมิงตาว ได้ เขาเป็นนักฆ่าที่อันกั๋วกงเลี้ยงเอา
ซ่างกวนซีไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไปเขารู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉือพยายามอย่างหนักเพื่อเขา ทั้งยังรู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉืออาจสร้างตัวตนปลอมขึ้นมา และรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้ซ่อนความลับไว้มากมายแต่เขาก็ไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ดีแม้จะเป็นเพียงความทรมานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการที่หัวกระแทก แต่ใจของเขาก็…ปล่อยผ่านไปไม่ได้นี่เขาหวั่นไหวหรือ?ซ่างกวนซีส่ายหัวเบา ๆ พลางคิดว่าตนไม่ได้หวั่นไหวหากจะบอกว่าหวั่นอะไร ก็คงจะเป็นหวั่นใจเพราะความปรารถนากระมังเขาเริ่มมีความปรารถนาอยากจะเป็นเจ้าของนาง และความปรารถนานี้ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้หากมีสิ่งใดทำให้นางบาดเจ็บคนเดียวที่จะทำให้นางบาดเจ็บได้มีเพียงเขาเท่านั้น!……ณ หอวั่งเจียงรถม้าเดินทางมานานกว่าครึ่งชั่วยามและในที่สุดก็มาถึงแม่น้ำฮ่วนซาที่มีทิวทัศน์แสนงดงามและที่นี่ก็มีหอสูงเจ็ดชั้นชื่อว่าวั่งเจียง!เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในรถม้า และไม่เห็นเงาของซ่างกวนซีกับอวี๋เฟยเหยียนอยู่รอบกายเยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งตกใจและตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนางเปิดม่านและกระโดดลงจากรถม้า เห็น
อวี๋เฟยเหยียนเองก็มองพี่ชายบริกรด้วยสีหน้างุนงงซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ในความคะนึงหาไร้ซึ่งปลาไน ดังนั้นความหมายของปลาตุ๋นน้ำใสก็คือมีเนื้อปลาหลายชนิด แต่ไม่มีเนื้อปลาไน”บริกรของร้านรีบชมเชย “คุณชายผู้นี้ช่างเชี่ยวชาญนัก!”เยี่ยนเว่ยฉือมุมปากกระตุก มาทานอาหารด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับถูกเย้ยหยันเสียได้หากไม่รู้หนังสือก็ไม่คู่ควรที่จะสั่งอาหารนางผลักรายการอาหารไปให้ซ่างกวนซีและพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์รัชทายาท ให้ท่านสั่งดีกว่า…”ซ่างกวนซีไม่ปฏิเสธและสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่หลังจากสั่งไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วถามว่า “ตอนที่เจ้าเลี้ยงหมูอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท พวกเขาสอนหนังสือเจ้าด้วยรึ?”เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ไม่รู้หนังสือแต่ซ่างกวนซีก็ไม่ได้คิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะใจดีถึงขนาดที่เชิญอาจารย์มาสอนหนังสือให้นางเมื่อได้ยินคำถามนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ตื่นตัวทันทีนางรีบพูดว่า “ปะ...เปล่า ที่ข้าอ่านหนังสือออก เพราะแม่ข้าเป็นคนสอน”ก่อนที่นางจะอายุหกขวบ แม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นางพอจะอ่านหนังสือออกอวี๋
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกตัว ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็ไร้เงาของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามแล้วเยี่ยนเว่ยฉือมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่เอาน่า ซ่างกวนซีไอ้คนสารเลว คิดจะชักดาบรึ? จนถึงเพียงนั้นเลยรึไร?”เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มรู้สึกปวดใจแทนกระเป๋าเงินของตัวเอง“ช่างเถอะ สั่งมาแล้วก็เลยตามเลย อย่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง!” เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มสวาปามอาหารอันโอชะบนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็คิดจะกลับจวนดีที่ซ่างกวนซีทิ้งรถม้าไว้ให้นางนางขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถขับกลับเมืองหลวงคนขับรถม้าควบรถไปตามถนนทางการอย่างว่าง่ายหลังจากไปได้เพียงหนึ่งในห้าของระยะทางท้องฟ้าก็มืดสนิท“ฮู่...” คนขับหยุดรถแล้วพูดว่า “พระชายาโปรดรอประเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจุดตะเกียงให้”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจุดตะเกียงน้ำมันบนรถม้าด้วยคนขับรถม้ายุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาหนึ่ง มีการจุดตะเกียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางต่อไปโดยอาศัยแสงไฟช่วยส่องทางทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าออกตัว จู่ ๆ ก็มีเงามืดร่าง
เยี่ยนเว่ยฉือมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างนางนั่งอยู่บนพื้น ขาของนางยังคงถูกตัวรถทับเอาไว้ กว่านางจะหลุดออกมาได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบการโจมตีขณะที่เห็นว่าดาบยาวแทงเข้ามาตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีดาบขนาดใหญ่มาขวางตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือแกร๊ง!นั่นเป็นเสียงของดาบที่กระทบกันเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตนางไว้คือ หมิงตาว?แล้วชายชุดดำผู้นี้ที่จะสังหารนางคือใครกัน?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้กระจ่างแจ้ง บุรุษทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันแล้วแสงเงาวาววับของดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือดไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไร?เยี่ยนเว่ยฉือหลุดออกจากตัวรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนทางการไม่มีใครอยู่บนถนนทางการ และตำแหน่งของนางที่อยู่เพียงลำพังก็ชัดเจนเกินไปหนีเข้าป่าหาที่ซ่อนก่อนดีกว่าเมื่อคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันเห็นเยี่ยนเว่ยฉือวิ่งหนี พวกเขาก็เห็นพ้องกันไปโดยปริยายว่าจะเลิกสู้และต่างรีบพุ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตัวเยี่ยนเว่ยฉือ ชายชุดดำก็ลงมือสังหารนางอีกครั้ง และหมิงตาวก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง และทั้งสองก็ได้เริ่มต่อสู้กันอีกเยี่ยนเว่ยฉือเข
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี