ยามดึก ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากทานอาหารเย็น ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็นั่งเล่นหมากรุกอยู่ที่ห้องโถงหน้าส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ข้าง ๆ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบเมื่ออวี๋เฟยเหยียนแพ้ไปอีกตา เสียงของจางมามาก็ดังมาจากด้านนอกประตู “พระชายา ซูเค่อมารอพบอยู่ที่นอกเรือนเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือคลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ให้นางเข้ามา”ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเค่อก็ถือถาดเข้ามา ซึ่งบนถาดนั้นดูเหมือนจะมีเสื้อผ้าหลายชิ้นซูเค่อเดินเข้าไปในโถงหลัก นางทำความเคารพซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก่อน จากนั้นจึงเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือและพูดว่า “พระชายา นี่เป็นกางเกงชั้นในที่ท่านสั่งหม่อมฉันตัดเย็บเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้หม่อมฉันตัดเสร็จแล้ว พระชายาลองดูสักหน่อยไหมเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมาดูงานปักที่อยู่บนนั้น พลางพูดด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง “ฝีมือประณีตมาก เทียบดูแล้วไม่น้อยหน้าไปกว่าช่างปักเย็บในสำนักพระราชวังเลย”“พระชายาชมเกินไปแล้ว ท่านชอบก็ดีมากแล้วเพคะ” ซูเค่อถ่อมตัวอย่างยิ่งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าชอบมากเลย แต่ไม่กล้าใส่หรอกนะ!”ไม่กล้าใส่?ซูเค่อมองเยี่ยนเว่
อวี๋เฟยเหยียนที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ข้าง ๆ หงุดหงิดเป็นอย่างมากจึงพูดขึ้น “พอ ๆ ๆ หยุดเสแสร้งได้แล้ว องค์รัชทายาททรงมองออกมาตั้งนานแล้วว่าเจ้าเล่นละครแสร้งทำเป็นยอมจำนน เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดนักรึ?”เมื่อซูเค่อได้ยินเช่นนั้น นางก็ไหล่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันทีราวกับสูญสิ้นจิตวิญญาณหลังจากนั้นไม่นาน ซูเค่อก็สะอื้นและพูดว่า “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร หม่อมฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว พระชายาฉลาดหลักแหลมเกินคน หม่อมฉัน...ขอยอมรับชะตากรรมเพคะ!”ทันทีที่พูดจบ ซูเค่อก็ลุกขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือตกใจคิดว่าซูเค่อจะลอบโจมตีนางซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็รีบวิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเช่นกันทว่าทุกคนก็ต้องประหลาดใจ ด้วยเพราะเห็นซูเค่อรีบวิ่งไปที่เสาด้านนอกหลังจากมีเสียงดังปึงสนั่นหวั่นไหว ปรากฏว่านางเอาหัวโขกพุ่งชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย?!ตายเช่นนี้เลย? ยังไม่ได้ไขข้อกระจ่างก็ตายไปทั้งอย่างนี้เลยรึ?!“กรี๊ด…” ชวนหงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเลือดของซูเค่อกระเซ็นตรงบริเวณนั้น และแล้วนางก็หน้ามืดและเป็นลมล้มไปเมื่ออวี๋เฟยเหยียนเห็นเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ช่างเป็นคนใจเด็ดเสียจริง!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า
“หอวั่งเจียง? อยู่ที่ไหนหรือ? อาหารอร่อยหรือไม่?” เยี่ยนเว่ยฉือตาเป็นประกายแลดูสนใจมากอวี๋เฟยเหยียนพูดแทรก “เฮ้ อันนี้ข้ารู้ ร้านอาหารที่หรูที่สุดในเมืองหลวงคือร้านฉือหลี่เซียง แต่ร้านที่มีแนวคิดทางศิลปะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือหอวั่งเจียง ร้านตั้งอยู่ริมน้ำ หากยกจอกมองสายน้ำ ก็จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว! อา แต่เสียดายที่มันอยู่ไกลไปหน่อย”เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างสงสัย “ยกจอกมองสายน้ำ รอบเมืองหลวงมีแม่น้ำฮ่วนซาเพียงสายเดียวและดูเหมือนจะไม่ไหลผ่านเมือง แสดงว่าพวกเราต้องออกนอกเมืองอย่างนั้นหรือ?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าไม่อยากออกนอกเมืองรึ?” หากเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากออกเดินทางไปท่องเที่ยว เขาก็สามารถเลือกสถานที่อื่นเพื่อเฉลิมฉลองได้“แน่นอนว่าไม่ใช่!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างมีความสุข “ข้าชอบออกไปเที่ยวข้างนอกเป็นที่สุด! เย้!”เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของเยี่ยนเว่ยฉือ ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าแสงแดดในวันนี้ดีเป็นพิเศษพิษเย็นในร่างกายดูจะไม่ทรมานเหมือนตอนแรกพิษเย็นแต่ใจร้อนรุ่ม……สามวันผ่านไปวันนี้เป็นวันที่อวี๋เฟยเหยียนเข้ารับตำแหน่ง และวันแรกที่เขาไปรายงานตัวมาก็
เยี่ยนเว่ยฉือเมินอีกฝ่ายและเดินออกจากเรือนคนรับใช้ที่นางยอมปล่อยซูเค่อไป เหตุผลประการแรกเพราะซูเค่อเป็นคนฉลาด และคนฉลาดจะไม่เดินบนเส้นทางผิดไปจนสุดทาง ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าซูเค่อจะไม่กลับไปติดตามซ่างกวนหลีอีกเหตุผลประการที่สองเป็นเพราะคำพูดของซ่างกวนซีที่บอกว่าซูเค่อมีคนที่ต้องปกป้องเมื่อคิดถึงน้องชายของซูเค่อ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจส่วนเหตุผลประการที่สามนั้น ซูเค่อต้องรู้ความลับมากมายของฮองเฮาและองค์ชายรองอย่างแน่นอนทว่าตอนนี้ซูเค่อคงไม่สามารถพูดได้และคงไม่กล้าพูดอย่างแน่นอน แต่หากวันหนึ่งซ่างกวนซีสามารถโค่นล้มเส้นสายของฮองเฮาได้เช่นนั้นซูเค่อก็สามารถมาเป็นพยานได้คนฉลาด ๆ ย่อมให้โอกาสนางได้มีชีวิตอยู่ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการเลือกของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นถูกต้อง เพราะก่อนที่ซูเค่อจะจากไป นางได้ขอให้จางมามามาบอกความลับแก่เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งอย่างเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่จางมามาและพูดด้วยความประหลาดใจ “นางบอกว่าหมิงตาวเป็นคนของ อันกั๋วกงอย่างนั้นหรือ?”จางมามาพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่เพคะ ซูเค่อบอกว่านางจำหมิงตาว ได้ เขาเป็นนักฆ่าที่อันกั๋วกงเลี้ยงเอา
ซ่างกวนซีไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไปเขารู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉือพยายามอย่างหนักเพื่อเขา ทั้งยังรู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉืออาจสร้างตัวตนปลอมขึ้นมา และรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้ซ่อนความลับไว้มากมายแต่เขาก็ไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ดีแม้จะเป็นเพียงความทรมานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการที่หัวกระแทก แต่ใจของเขาก็…ปล่อยผ่านไปไม่ได้นี่เขาหวั่นไหวหรือ?ซ่างกวนซีส่ายหัวเบา ๆ พลางคิดว่าตนไม่ได้หวั่นไหวหากจะบอกว่าหวั่นอะไร ก็คงจะเป็นหวั่นใจเพราะความปรารถนากระมังเขาเริ่มมีความปรารถนาอยากจะเป็นเจ้าของนาง และความปรารถนานี้ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้หากมีสิ่งใดทำให้นางบาดเจ็บคนเดียวที่จะทำให้นางบาดเจ็บได้มีเพียงเขาเท่านั้น!……ณ หอวั่งเจียงรถม้าเดินทางมานานกว่าครึ่งชั่วยามและในที่สุดก็มาถึงแม่น้ำฮ่วนซาที่มีทิวทัศน์แสนงดงามและที่นี่ก็มีหอสูงเจ็ดชั้นชื่อว่าวั่งเจียง!เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในรถม้า และไม่เห็นเงาของซ่างกวนซีกับอวี๋เฟยเหยียนอยู่รอบกายเยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งตกใจและตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนางเปิดม่านและกระโดดลงจากรถม้า เห็น
อวี๋เฟยเหยียนเองก็มองพี่ชายบริกรด้วยสีหน้างุนงงซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ในความคะนึงหาไร้ซึ่งปลาไน ดังนั้นความหมายของปลาตุ๋นน้ำใสก็คือมีเนื้อปลาหลายชนิด แต่ไม่มีเนื้อปลาไน”บริกรของร้านรีบชมเชย “คุณชายผู้นี้ช่างเชี่ยวชาญนัก!”เยี่ยนเว่ยฉือมุมปากกระตุก มาทานอาหารด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับถูกเย้ยหยันเสียได้หากไม่รู้หนังสือก็ไม่คู่ควรที่จะสั่งอาหารนางผลักรายการอาหารไปให้ซ่างกวนซีและพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์รัชทายาท ให้ท่านสั่งดีกว่า…”ซ่างกวนซีไม่ปฏิเสธและสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่หลังจากสั่งไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วถามว่า “ตอนที่เจ้าเลี้ยงหมูอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท พวกเขาสอนหนังสือเจ้าด้วยรึ?”เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ไม่รู้หนังสือแต่ซ่างกวนซีก็ไม่ได้คิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะใจดีถึงขนาดที่เชิญอาจารย์มาสอนหนังสือให้นางเมื่อได้ยินคำถามนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ตื่นตัวทันทีนางรีบพูดว่า “ปะ...เปล่า ที่ข้าอ่านหนังสือออก เพราะแม่ข้าเป็นคนสอน”ก่อนที่นางจะอายุหกขวบ แม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นางพอจะอ่านหนังสือออกอวี๋
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกตัว ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็ไร้เงาของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามแล้วเยี่ยนเว่ยฉือมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่เอาน่า ซ่างกวนซีไอ้คนสารเลว คิดจะชักดาบรึ? จนถึงเพียงนั้นเลยรึไร?”เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มรู้สึกปวดใจแทนกระเป๋าเงินของตัวเอง“ช่างเถอะ สั่งมาแล้วก็เลยตามเลย อย่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง!” เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มสวาปามอาหารอันโอชะบนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็คิดจะกลับจวนดีที่ซ่างกวนซีทิ้งรถม้าไว้ให้นางนางขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถขับกลับเมืองหลวงคนขับรถม้าควบรถไปตามถนนทางการอย่างว่าง่ายหลังจากไปได้เพียงหนึ่งในห้าของระยะทางท้องฟ้าก็มืดสนิท“ฮู่...” คนขับหยุดรถแล้วพูดว่า “พระชายาโปรดรอประเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจุดตะเกียงให้”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจุดตะเกียงน้ำมันบนรถม้าด้วยคนขับรถม้ายุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาหนึ่ง มีการจุดตะเกียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางต่อไปโดยอาศัยแสงไฟช่วยส่องทางทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าออกตัว จู่ ๆ ก็มีเงามืดร่าง
เยี่ยนเว่ยฉือมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างนางนั่งอยู่บนพื้น ขาของนางยังคงถูกตัวรถทับเอาไว้ กว่านางจะหลุดออกมาได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบการโจมตีขณะที่เห็นว่าดาบยาวแทงเข้ามาตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีดาบขนาดใหญ่มาขวางตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือแกร๊ง!นั่นเป็นเสียงของดาบที่กระทบกันเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตนางไว้คือ หมิงตาว?แล้วชายชุดดำผู้นี้ที่จะสังหารนางคือใครกัน?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้กระจ่างแจ้ง บุรุษทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันแล้วแสงเงาวาววับของดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือดไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไร?เยี่ยนเว่ยฉือหลุดออกจากตัวรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนทางการไม่มีใครอยู่บนถนนทางการ และตำแหน่งของนางที่อยู่เพียงลำพังก็ชัดเจนเกินไปหนีเข้าป่าหาที่ซ่อนก่อนดีกว่าเมื่อคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันเห็นเยี่ยนเว่ยฉือวิ่งหนี พวกเขาก็เห็นพ้องกันไปโดยปริยายว่าจะเลิกสู้และต่างรีบพุ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตัวเยี่ยนเว่ยฉือ ชายชุดดำก็ลงมือสังหารนางอีกครั้ง และหมิงตาวก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง และทั้งสองก็ได้เริ่มต่อสู้กันอีกเยี่ยนเว่ยฉือเข
ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ
ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ