เย่เทียนซูจะไปดูตามคำบอกเล่า แต่เขาถูกดึงดูดด้วยคำพูดของอวี๋เฟยเหยียนเยี่ยนเว่ยฉือตามหาคนรึ?อีกทั้งต้องการหาคนที่ซื้อหญ้าลิ้นงูขาว?คนผู้นั้นคือใครกัน?เย่เทียนซูรีบสั่งให้สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังไปซื้อยา จากนั้นก็เดินตามเยี่ยนเว่ยฉือและอวี๋เฟยเหยียนเข้าไปในร้านยาด้วยกันเยี่ยนเว่ยฉือไปหาลูกจ้างในร้านแล้วถามว่า “พี่ชาย รบกวนถามหน่อยว่าช่วงนี้ใครมากว้านซื้อหญ้าลิ้นงูขาวไปจนหมดหรือ?”การกล่าวถึงยาชนิดนี้มักจะดึงดูดสายตาแปลก ๆ จากผู้อื่นเสมอคราวนี้อวี๋เฟยเหยียนมีบทเรียนแล้ว เขาหยิบเงินออกมายื่นให้ลูกจ้างพลางพูดเร่งเร้า “ไม่ต้องมากความ ตอบมาตรง ๆ ”ลูกจ้างยิ้มอย่างประจบประแจงและพูดอย่างรวดเร็ว “เป็นแม่นางคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่านขอรับ”เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นางได้บอกไหมว่าตัวเองอาศัยอยู่ที่ไหน?”ลูกจ้างส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เคยบอกนะขอรับ แต่หากเป็นโรคนี้ก็น่าจะมาจากหอคณิกา เช่นนั้นจะเป็นที่ไหนได้อีกล่ะขอรับ”นั่นก็จริงเยี่ยนเว่ยฉือยังคงถามต่อไปว่า “นางมากี่ครั้งแล้ว?”ลูกจ้างในร้านตอบว่า “มีคนไม่มากที่ซื้อยาประเภทนี้ อีกทั้งในร้านก็มีสินค้าไม่มาก นางม
ยามดึก ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากทานอาหารเย็น ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็นั่งเล่นหมากรุกอยู่ที่ห้องโถงหน้าส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ข้าง ๆ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบเมื่ออวี๋เฟยเหยียนแพ้ไปอีกตา เสียงของจางมามาก็ดังมาจากด้านนอกประตู “พระชายา ซูเค่อมารอพบอยู่ที่นอกเรือนเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือคลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ให้นางเข้ามา”ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเค่อก็ถือถาดเข้ามา ซึ่งบนถาดนั้นดูเหมือนจะมีเสื้อผ้าหลายชิ้นซูเค่อเดินเข้าไปในโถงหลัก นางทำความเคารพซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก่อน จากนั้นจึงเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือและพูดว่า “พระชายา นี่เป็นกางเกงชั้นในที่ท่านสั่งหม่อมฉันตัดเย็บเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้หม่อมฉันตัดเสร็จแล้ว พระชายาลองดูสักหน่อยไหมเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมาดูงานปักที่อยู่บนนั้น พลางพูดด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง “ฝีมือประณีตมาก เทียบดูแล้วไม่น้อยหน้าไปกว่าช่างปักเย็บในสำนักพระราชวังเลย”“พระชายาชมเกินไปแล้ว ท่านชอบก็ดีมากแล้วเพคะ” ซูเค่อถ่อมตัวอย่างยิ่งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าชอบมากเลย แต่ไม่กล้าใส่หรอกนะ!”ไม่กล้าใส่?ซูเค่อมองเยี่ยนเว่
อวี๋เฟยเหยียนที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ข้าง ๆ หงุดหงิดเป็นอย่างมากจึงพูดขึ้น “พอ ๆ ๆ หยุดเสแสร้งได้แล้ว องค์รัชทายาททรงมองออกมาตั้งนานแล้วว่าเจ้าเล่นละครแสร้งทำเป็นยอมจำนน เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดนักรึ?”เมื่อซูเค่อได้ยินเช่นนั้น นางก็ไหล่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันทีราวกับสูญสิ้นจิตวิญญาณหลังจากนั้นไม่นาน ซูเค่อก็สะอื้นและพูดว่า “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร หม่อมฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว พระชายาฉลาดหลักแหลมเกินคน หม่อมฉัน...ขอยอมรับชะตากรรมเพคะ!”ทันทีที่พูดจบ ซูเค่อก็ลุกขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือตกใจคิดว่าซูเค่อจะลอบโจมตีนางซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนก็รีบวิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเช่นกันทว่าทุกคนก็ต้องประหลาดใจ ด้วยเพราะเห็นซูเค่อรีบวิ่งไปที่เสาด้านนอกหลังจากมีเสียงดังปึงสนั่นหวั่นไหว ปรากฏว่านางเอาหัวโขกพุ่งชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย?!ตายเช่นนี้เลย? ยังไม่ได้ไขข้อกระจ่างก็ตายไปทั้งอย่างนี้เลยรึ?!“กรี๊ด…” ชวนหงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเลือดของซูเค่อกระเซ็นตรงบริเวณนั้น และแล้วนางก็หน้ามืดและเป็นลมล้มไปเมื่ออวี๋เฟยเหยียนเห็นเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ช่างเป็นคนใจเด็ดเสียจริง!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า
“หอวั่งเจียง? อยู่ที่ไหนหรือ? อาหารอร่อยหรือไม่?” เยี่ยนเว่ยฉือตาเป็นประกายแลดูสนใจมากอวี๋เฟยเหยียนพูดแทรก “เฮ้ อันนี้ข้ารู้ ร้านอาหารที่หรูที่สุดในเมืองหลวงคือร้านฉือหลี่เซียง แต่ร้านที่มีแนวคิดทางศิลปะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือหอวั่งเจียง ร้านตั้งอยู่ริมน้ำ หากยกจอกมองสายน้ำ ก็จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว! อา แต่เสียดายที่มันอยู่ไกลไปหน่อย”เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างสงสัย “ยกจอกมองสายน้ำ รอบเมืองหลวงมีแม่น้ำฮ่วนซาเพียงสายเดียวและดูเหมือนจะไม่ไหลผ่านเมือง แสดงว่าพวกเราต้องออกนอกเมืองอย่างนั้นหรือ?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าไม่อยากออกนอกเมืองรึ?” หากเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากออกเดินทางไปท่องเที่ยว เขาก็สามารถเลือกสถานที่อื่นเพื่อเฉลิมฉลองได้“แน่นอนว่าไม่ใช่!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างมีความสุข “ข้าชอบออกไปเที่ยวข้างนอกเป็นที่สุด! เย้!”เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของเยี่ยนเว่ยฉือ ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าแสงแดดในวันนี้ดีเป็นพิเศษพิษเย็นในร่างกายดูจะไม่ทรมานเหมือนตอนแรกพิษเย็นแต่ใจร้อนรุ่ม……สามวันผ่านไปวันนี้เป็นวันที่อวี๋เฟยเหยียนเข้ารับตำแหน่ง และวันแรกที่เขาไปรายงานตัวมาก็
เยี่ยนเว่ยฉือเมินอีกฝ่ายและเดินออกจากเรือนคนรับใช้ที่นางยอมปล่อยซูเค่อไป เหตุผลประการแรกเพราะซูเค่อเป็นคนฉลาด และคนฉลาดจะไม่เดินบนเส้นทางผิดไปจนสุดทาง ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าซูเค่อจะไม่กลับไปติดตามซ่างกวนหลีอีกเหตุผลประการที่สองเป็นเพราะคำพูดของซ่างกวนซีที่บอกว่าซูเค่อมีคนที่ต้องปกป้องเมื่อคิดถึงน้องชายของซูเค่อ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจส่วนเหตุผลประการที่สามนั้น ซูเค่อต้องรู้ความลับมากมายของฮองเฮาและองค์ชายรองอย่างแน่นอนทว่าตอนนี้ซูเค่อคงไม่สามารถพูดได้และคงไม่กล้าพูดอย่างแน่นอน แต่หากวันหนึ่งซ่างกวนซีสามารถโค่นล้มเส้นสายของฮองเฮาได้เช่นนั้นซูเค่อก็สามารถมาเป็นพยานได้คนฉลาด ๆ ย่อมให้โอกาสนางได้มีชีวิตอยู่ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการเลือกของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นถูกต้อง เพราะก่อนที่ซูเค่อจะจากไป นางได้ขอให้จางมามามาบอกความลับแก่เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งอย่างเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่จางมามาและพูดด้วยความประหลาดใจ “นางบอกว่าหมิงตาวเป็นคนของ อันกั๋วกงอย่างนั้นหรือ?”จางมามาพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่เพคะ ซูเค่อบอกว่านางจำหมิงตาว ได้ เขาเป็นนักฆ่าที่อันกั๋วกงเลี้ยงเอา
ซ่างกวนซีไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไปเขารู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉือพยายามอย่างหนักเพื่อเขา ทั้งยังรู้ดีว่าเยี่ยนเว่ยฉืออาจสร้างตัวตนปลอมขึ้นมา และรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้ซ่อนความลับไว้มากมายแต่เขาก็ไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ดีแม้จะเป็นเพียงความทรมานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการที่หัวกระแทก แต่ใจของเขาก็…ปล่อยผ่านไปไม่ได้นี่เขาหวั่นไหวหรือ?ซ่างกวนซีส่ายหัวเบา ๆ พลางคิดว่าตนไม่ได้หวั่นไหวหากจะบอกว่าหวั่นอะไร ก็คงจะเป็นหวั่นใจเพราะความปรารถนากระมังเขาเริ่มมีความปรารถนาอยากจะเป็นเจ้าของนาง และความปรารถนานี้ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้หากมีสิ่งใดทำให้นางบาดเจ็บคนเดียวที่จะทำให้นางบาดเจ็บได้มีเพียงเขาเท่านั้น!……ณ หอวั่งเจียงรถม้าเดินทางมานานกว่าครึ่งชั่วยามและในที่สุดก็มาถึงแม่น้ำฮ่วนซาที่มีทิวทัศน์แสนงดงามและที่นี่ก็มีหอสูงเจ็ดชั้นชื่อว่าวั่งเจียง!เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในรถม้า และไม่เห็นเงาของซ่างกวนซีกับอวี๋เฟยเหยียนอยู่รอบกายเยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งตกใจและตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนางเปิดม่านและกระโดดลงจากรถม้า เห็น
อวี๋เฟยเหยียนเองก็มองพี่ชายบริกรด้วยสีหน้างุนงงซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ในความคะนึงหาไร้ซึ่งปลาไน ดังนั้นความหมายของปลาตุ๋นน้ำใสก็คือมีเนื้อปลาหลายชนิด แต่ไม่มีเนื้อปลาไน”บริกรของร้านรีบชมเชย “คุณชายผู้นี้ช่างเชี่ยวชาญนัก!”เยี่ยนเว่ยฉือมุมปากกระตุก มาทานอาหารด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับถูกเย้ยหยันเสียได้หากไม่รู้หนังสือก็ไม่คู่ควรที่จะสั่งอาหารนางผลักรายการอาหารไปให้ซ่างกวนซีและพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์รัชทายาท ให้ท่านสั่งดีกว่า…”ซ่างกวนซีไม่ปฏิเสธและสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่หลังจากสั่งไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วถามว่า “ตอนที่เจ้าเลี้ยงหมูอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท พวกเขาสอนหนังสือเจ้าด้วยรึ?”เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ไม่รู้หนังสือแต่ซ่างกวนซีก็ไม่ได้คิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะใจดีถึงขนาดที่เชิญอาจารย์มาสอนหนังสือให้นางเมื่อได้ยินคำถามนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ตื่นตัวทันทีนางรีบพูดว่า “ปะ...เปล่า ที่ข้าอ่านหนังสือออก เพราะแม่ข้าเป็นคนสอน”ก่อนที่นางจะอายุหกขวบ แม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นางพอจะอ่านหนังสือออกอวี๋
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกตัว ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็ไร้เงาของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามแล้วเยี่ยนเว่ยฉือมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่เอาน่า ซ่างกวนซีไอ้คนสารเลว คิดจะชักดาบรึ? จนถึงเพียงนั้นเลยรึไร?”เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มรู้สึกปวดใจแทนกระเป๋าเงินของตัวเอง“ช่างเถอะ สั่งมาแล้วก็เลยตามเลย อย่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง!” เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มสวาปามอาหารอันโอชะบนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็คิดจะกลับจวนดีที่ซ่างกวนซีทิ้งรถม้าไว้ให้นางนางขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถขับกลับเมืองหลวงคนขับรถม้าควบรถไปตามถนนทางการอย่างว่าง่ายหลังจากไปได้เพียงหนึ่งในห้าของระยะทางท้องฟ้าก็มืดสนิท“ฮู่...” คนขับหยุดรถแล้วพูดว่า “พระชายาโปรดรอประเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจุดตะเกียงให้”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจุดตะเกียงน้ำมันบนรถม้าด้วยคนขับรถม้ายุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาหนึ่ง มีการจุดตะเกียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางต่อไปโดยอาศัยแสงไฟช่วยส่องทางทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าออกตัว จู่ ๆ ก็มีเงามืดร่าง
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ