เยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ข้าง ๆ เกาจมูกพลางยิ้มแหยซ่างกวนซีมองนางแล้วถามว่า “เจ้าบอกเขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ในหมู่บ้านที่ข้าอาศัยอยู่ตอนที่ยังเป็นเด็ก มีสตรีช่างนินทานางหนึ่ง หากเล่าอะไรให้นางฟัง ทุกคนในหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปก็จะรู้กันหมด ไม่ต้องเปลืองแรงไปกระจายข่าวเลย ข้าจึงคุยกับคุณชายเย่ว่าพอจะหาคนที่มีความสามารถเช่นนั้นสักจำนวนหนึ่งได้หรือไม่”คนที่มีความสามารถ?ซ่างกวนซีอยากจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้หัวเราะออกมา เขาเพียงแค่พูดว่า “หยางอวิ๋นเฟิงกำลังประสบปัญหาใหญ่ และบางทีเจ้ากรมขุนนางอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง”“เจ้ากรมขุนนางผู้นั้นชื่ออะไรนะขอรับ?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซียิ้มเยาะ “ตู้เต๋อชาง ศิษย์คนโปรดของอันกั๋วกง”……สองวันต่อมาในช่วงสองวันมานี้ เรื่องราวที่เจ้ากรมและรองเจ้ากรมขุนนางสมรู้ร่วมคิดกันลักลอบซื้อขายน้ำมันตุงก็แพร่สะพัดไปทุกหนแห่งทั้งในและนอกราชสำนักต่างก็กำลังถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือรองเจ้ากรม พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นขุนนางดังสุภาษิตที่ว่าต้องใช้เวลาสิบปีกว่าที่บัณฑิตจะก่อกบฏกล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาทั้งสองจะได้ประโยชน์อะไ
อันกั๋วกงสะดุ้งและมองซุนเหลียวด้วยความประหลาดใจฮ่องเต้คังอู่ที่นั่งอยู่บนที่ประทับสูงเองก็สงสัยเช่นกัน “เจ้าบอกว่าสิ่งที่ซื้อขายไม่ใช่น้ำมันตุง แต่เป็นน้ำรึ?”ซุนเหลียวพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ทูลฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ถังเหล่านั้นเต็มไปด้วยน้ำ และมีเพียงชั้นน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ดังนั้นแนวทางในการพิจารณาคดีนี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่ไม่ใช่คนโง่ เพียงแค่อ่อนแอเท่านั้นเขาครุ่นคิดอย่างละเอียด แล้วจึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด‘ดูเหมือนว่าการที่น้ำมันตุงในจวนของเจ้ารองถูกเผาจนสิ้นไปตอนก่อนหน้านี้ ทำให้เขาจำเป็นต้องเติมน้ำมันอย่างเร่งด่วนจึงยอมเสี่ยงซื้อน้ำมันจากคนทั่วไป แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับนักต้มตุ๋น แทนที่จะขายน้ำมันตุงกลับกลายเป็นขายน้ำแทน เฮอะ เสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า คู่หลานลุงอันจือหย่วนกับเจ้ารองคงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือว่านี่จะเป็นแผนของชูจิ่ง?’ฮ่องเต้คังอู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดว่านี่อาจเป็นการตอบโต้ของซ่างกวนซีเขานั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัวและพูดต่อ “ในเมื่อนั่นคือน้ำ ก็ไม่มีความผิดขนาดที่ต้องโทษประหาร”หลังจากไ
“ชูจิ่ง? ร่างกายเจ้าดีขึ้นแล้วหรือ?” สิ่งที่ฮ่องเต้คังอู่กังวลมากที่สุดก็ยังเป็นเรื่องสุขภาพของซ่างกวนซีซ่างกวนซียิ้มและพยักหน้า “ขอขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยของเสด็จพ่อ ลูกหายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไรแล้วก็ดี เมื่อครู่เจ้าพูดว่าเจ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าอ๋องจ่างซิ่นและหยางอวิ๋นเฟิงเป็นผู้บริสุทธิ์”ซ่างกวนซีพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบ ซ่างกวนซีก็มองไปยังอ๋องจ่างซิ่นที่กำลังทำตาถมึงทึงและกล่าวต่อ “อันที่จริง ลูกไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้อ๋องจ่างซิ่นเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข่าวที่ลือกันในหมู่คนทั่วไป และระหว่างอ๋องจ่างซิ่นกับหยางอวิ๋นเฟิงก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดใด จึงไม่มีทางที่จะสมรู้ร่วมคิดกันได้พ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องจ่างซิ่นเห็นด้วยซ่างกวนซีกล่าวต่อ “นอกจากนี้ ขอเพียงลูกพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ท่านใต้เท้าหยางได้ ข่าวลือก็จะหายไปเองพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทจะทรงพิสูจน์อย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ซุนเหลียวถามอย่างอดรนทนไม่ไหว เขาเองก็อยากปิดคดีนี้เต็มที่แล้วกรมขุนนางมีหน้าที่ส่งเสริมและโยกย้ายบุคลากรแต่
อันกั๋วกงโกรธมาก เขาไม่รู้ว่าซ่างกวนหลีคิดอะไรอยู่ เหตุใดเขาถึงใช้ตั๋วเงินของหกกรมทำเช่นนั้น?กลัวจะไม่มีใครเอาไปพูดต่อหรืออย่างไร??อันกั๋วกงมองไปที่ซ่างกวนหลี เห็นว่าเขาเองก็สับสนเช่นกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขามอบตั๋วเงินทั่วไปหกใบให้ตู้เต๋อชาง แต่เหตุใดมันถึงกลายเป็นตั๋วเงินทางการไปได้?เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซ่างกวนซีก็กล่าวสรุป “จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ใต้เท้าหยางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง และทุกคนก็รู้ดีถึงการปฏิบัติตัวของท่านใต้เท้าหยาง เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ ไม่เล่นพรรคเล่นพวกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ทำตามกฎระเบียบ ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อเขาได้ยินว่ามีการมอบเงินบำนาญให้กับขุนนางอาวุโสที่เกษียณ เขาก็ไปทำหน้าที่นั้นด้วยตนเอง ขุนนางเช่นนี้จะซื้อน้ำมันตุงมาเป็นของตัวเองได้อย่างไร? เขาไม่มีที่ให้ใช้ด้วยซ้ำ!”การยกย่องหยางอวิ๋นเฟิงของซ่างกวนซี ทำให้ขุนนางหลายคนในท้องพระโรงพยักหน้าการเป็นขุนนางแห่งราชสำนัก น้ำที่ใสสะอาดจนเกินไป จะไม่มีปลามาแหวกว่ายฉันใด คนที่แยกแยะเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ จนชัดเจนเกินไป ก็จะไร้ซึ่งมิตรสหายฉ
ครั้นเสร็จราชกิจแล้ว ซ่างกวนซีก็ถูกฮ่องเต้คังอู่เรียกเข้าวังหลัง เดินเล่นในสวนด้วยกันฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ขับไล่ขันทีและเหล่านางกำนัลออกไป แต่สนทนาอย่างไม่เป็นทางการ เอ่ยถามว่า “ชูจิ่ง ชายาของเจ้ายังดีอยู่หรือไม่?”ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้คังอู่จะถามถึงเยี่ยนเว่ยฉือ จึงก้มหน้าตอบคำว่า “เสด็จพ่อโปรดวางใจ นางสบายดีทุกประการพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่ยิ้มน้อย ๆ พลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ พ่อไม่ได้ถามว่านางสบายดีหรือไม่ แค่ถามเจ้าว่าเจ้าคิดเช่นไรกับนาง พ่อกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ”แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้คังอู่กำลังถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพวกเขาต่างหากซ่างกวนซีนึกถึงใบหน้าที่งดงามน่ารักของเยี่ยนเว่ยฉือ จึงยิ้มน้อย ๆ ตอบกลับว่า “นางดีมาก”เพียงคำว่า ‘ดีมาก’ ก็ทำให้ฮ่องเต้คังอู่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพึงพอใจในตัวพระชายาองค์นี้ฮ่องเต้คังอู่กล่าวต่อ “นางผู้นั้นมีชาติกำเหนิดต่ำต้อย เป็นเชื้อสายของขุนนางต้องโทษ มิเคยได้ศึกษาเล่าเรียน อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ วัน ๆ ขลุกอยู่แต่กับหมู ดูเหมือนไม่เหมาะสมคู่ควรนัก แต่ด้วยเหตุนี้ นางจึงซื่อสัตย์และยึดแต่เพียงเจ้าที่พึ่งอย่างแท้จริง”กล
ซุนเหลียวพยักหน้า เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในพระตำหนักจิ่วหลงให้หยางอวิ๋นเฟิงฟังสุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะพูดว่า “องค์รัชทายาทเพิ่งเสด็จออกจากวังไม่นาน ราชโองการของฝ่าบาทก็ตามมา นี่ต้องเป็นเพราะองค์รัชทายาททรงแนะนำเจ้าแน่ ๆ”หยางอวิ๋นเฟิงยิ่งงุนงงขึ้นไปอีกคนในแวดวงราชการต่างก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแนะนำขุนนางย่อมเลือกคนในพรรคของตน หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่รู้จักกันอยู่ก่อนแล้วแต่เขากับองค์รัชทายาทแทบไม่เคยพบพานกัน เจอหน้านับได้ด้วยมือเดียว เหตุใดองค์รัชทายาทจึงแนะนำเขาเล่า?หยางอวิ๋นเฟิงคิดไม่ออก แต่ถึงอย่างไรแล้วนี่ก็ถือเป็นเรื่องดีเขากำลังจะเขียนจดหมายลาตายถึงภรรยา แต่ชีวิตกลับพลิกผัน ได้รับโชคลาภอย่างไม่คาดฝัน…… ดังคำกล่าว คนหนึ่งยินดี คนหนึ่งโศกเศร้าขณะนี้ที่จวนอันกั๋วกงเต็มไปด้วยบรรยากาศมืดมน“โง่เง่า โง่เง่า โง่เง่านัก”เพล้ง!อันกั๋วกงทุบแจกันอีกใบองค์ชายรอง ซ่างกวนหลีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก เพราะเขาไม่แน่ใจว่าหนึ่งในคำว่า ‘โง่เง่า’ สามคำนั้นมีสักคำไหนที่ด่าเขาหรือไม่ซ่างกวนหลีขมวดคิ้ว “ท่านลุง ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตู้เต๋อฉางจึงส่งตั๋วเงินของกร
อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูต่างก็ยกถ้วยชาแสดงความยินดีอย่างเต็มที่ ซ่างกวนซีนั่งสงบนิ่ง ยกถ้วยชาขึ้นดื่มเอง ไม่ได้แสดงความยินดีอย่างกระตือรือร้นเช่นพวกเขาอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เหตุใดจึงไม่ยินดีเลยเล่า วันนี้เราชนะอย่างงดงามเชียวนะ”เย่เทียนซูพยักหน้า “ใช่แล้ว ได้ตัดปีกอันกั๋วกง และยังได้ดันหยางอวิ๋นเฟิงขึ้นเป็นเจ้ากรมขุนนาง เราขึ้นนำสองแต้มเชียวนะ”ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ดูภายนอกแล้วอาจเป็นเช่นนั้น”“ภายนอก? แล้วภายในเล่า?” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัยซ่างกวนซีกำลังจะตอบ แต่หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังกินข้าวอยู่เขามองนางด้วยความสนใจ เอ่ยถามว่า “เจ้าคิดว่าสถานการณ์ภายในเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังเคี้ยวผักอยู่ ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทุกคนมองมา นางคิดว่าคายออกคงไม่เหมาะสม จึงรีบกลืนลงไปอย่างรวดเร็วแล้วตอบว่า “ภายใน… ภายในหากจะมีปัญหาคงเป็นเพราะอีกฝ่ายเริ่มสงสัยแล้ว ต่อไปเราจะทำอะไรก็ยิ่งยากลำบาก อีกทั้งหยางอวิ๋นเฟิงก็ไม่ได้เป็นพวกเรา ดังนั้นการกล่าวว่าเราชนะอาจยังเร็วเกินไป ที่สำคัญที่สุด หลังจากเหตุการณ์นี้ ค
เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซี “ฝ่าบาท เราไปดูกันเถิด”ซ่างกวนซีไม่ได้ปฏิเสธทั้งสองรีบรุดไปยังลานด้านหน้า พบว่ามีคนยืนมุงอยู่มากมายในบรรดาคนเหล่านั้นมีนางกำนัลทั้งสามจากสี่นางสีหน้าของซูเค่อซีดเซียว แต่ยังคงรักษาท่าทีสงบไว้ได้ส่วนชวนหงนั้นตกใจจนไม่กล้าสบตา ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซูเค่อฝูฉวีกล้าหาญน้อยที่สุด เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาเยี่ยนเว่ยฉือเหลือบมองพวกนาง ไม่ได้กล่าวอะไรแต่เดินไปหาร่างไร้วิญญาณของหว่านฉิงศีรษะของหว่านฉิงเต็มไปด้วยเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูเหมือนจะหัวแตกจนเสียเลือดมากเกินไปกระทั่งเสียชีวิตแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับพบรอยแดงที่ลำคอของนางรอยช้ำแดงม่วง เป็นรอยที่เกิดขึ้นก่อนเจ้าตัวเสียชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจแล้ว นี่คือการลอบสังหาร ก่อนจะผลักนางตกลงไปในบ่อน้ำตัวผู้ลงมือไม่ต้องคิดก็รู้ ต้องเป็นองค์ชายรองซ่างกวนหลีที่เสียเปรียบแน่ จึงคิดฆ่าคนเพื่อระบายความแค้นพวกเขาเหิมเกริมอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะกล้าลงมือในจวนองค์รัชทายาท แม้แต่ศพก็ไม่คิดจะซ่อนเร้นอำพราง ผลักทิ้งลงบ่อน้ำโดยตรงหากฆาตกรไม่รู้ว่าในจวนองค์รัชทายาทมีบ่อน้ำแห้ง อาจจะผลักลงบ่อน้ำที่พวกเขาใช้บริ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ