เด็กๆนอนต่อเพราะยังไม่สว่าง เมิ่งหย่งชวนที่นอนกอดเมียเอาไว้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย"เสี่ยวฟาง เจ้าพักเถอะเรื่องหาเงินไม่ต้องแล้ว พี่ทำเองได้พี่มีเงินอยู่เพียงแต่ไม่อยากเอาออกมาเพราะบ้านใหญ่จะมาวุ่นวายกับพวกเจ้าตอนที่พี่ไม่อยู่""ท่านพี่...ข้าเอ่อ""มีเรื่องไม่สบายใจหรือ""เป็นเมิ่งอี้ วันนี้เขามาที่บ้านอยากมาช่วยจัดการเรื่องบัญชีแต่ข้าไม่ได้ให้เขามาวุ่นวาย เขาเรียกท่านปู่ไปข้ากังวลว่าพวกเขาจะมีแผนไม่ดีเจ้าค่ะ ได้ข่าวว่าเขาคบค้ากับพวกที่มีรสนิยมซื้อขายเด็กๆหน้าตาดีไปเพิ่มพลังหยาง ข้าเป็นห่วงลูกๆ ถึงมิใช่สายเลือดแต่ก็รับเลี้ยงไว้แล้ว อย่างไรพวกเขาเรียกเราว่าท่านพ่อกับท่านแม่""หืม...เรื่องที่เจ้าว่าจริงหรือ""ข้าเองก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง หากเมิ่งอี้ทำเรื่องซื้อขายคนจริงๆเขายังควรเป็นบัณฑิตหรือเจ้าคะ ท่านพี่ฟ้าสางแล้วเราพาลูกๆไปขึ้นทะเบียนราษดีไหมเจ้าคะ หากเขาอ้างสิทธิ์หรือเอาผู้ใดมาแอบอ้างว่าเป็นพ่อแม่เด็กข้ากังวลใจ อีกอย่างได้ข้าวว่ามีคนต้องการอาเล็กไปเป็นอนุ พวกเขาจ่ายเงินเมิ่งอี้มาแล้วถึงแปดร้อยตำลึงเจ้าค่ะ"เรื่องนี้เสี่ยวเย่าเพิ่งบอกกับนางเมื่อคืนตอนที่นางกล่อมเขานอน เมิ่งหย่ง
แม่เฒ่าเมิ่งกับสะใภ้ใหญ่ที่เห็นเมิ่งลู่เจินลงมือก็แหกปากร้องโวยวายออกมาจนชาวบ้านออกมาดู เมิ่งอี้อยากจะไปปิดปากมารดากับท่านย่าของเขาจริงๆ ร้องเรียกคนมาแล้วจะซื้อขายสำเร็จอย่างไรเล่า ชาวบ้านมาถึงก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น"นี่ๆๆเช้าขนาดนี้คนบ้านเจ้าไม่มีงานมีการทำกันหรือไงเกิดอะไรขึ้นอีกเล่า ถือว่าเป็นน้องหัวหน้าหมู่บ้าน ทำอะไรไม่เคยเกรงใจผู้อื่นเลยน่ารังเกียจนัก"เมิ่งหย่งซินเดินขึ้นหน้าเอ่ยกับหนึ่งในนั้น"พวกเขาเมิ่งซานกับเมิ่งอี้ คิดขายข้าเจ้าค่ะท่านปู่สาม""อั๊ยย่ะ อะไรนะซื้อขายคน จุ๊ๆๆเมิ่งซานเจ้าทำเรื่องเช่นนี้จริงหรือ""ข้าจะขายใครจะทำไม ทุกคนก็รู้ว่านางเป็นตัวกาลกิณี ไม่เช่นนั้นเมิ่งจื่อของข้าจะถูกคนทำร้ายหรือ"ชาวบ้านจำเหตุการณ์นี้ได้พวกเขาชี้หน้าสองพ่อลูกทันที"เฮ้อ...เมิ่งซานเจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยหรือ พวกเจ้าอยากขายน้องสาวกับหลานสะใภ้ เมิ่งจื่อเองก็เป็นคนพาพวกเขาไปดูตัวชี้เป้าสุดท้ายตัวเองกรรมตามสนองยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก""ใช่ๆๆ ป้าหวังพูดถูกพวกเจ้ากรรมตามทันจะโทษใครกัน"ชาวบ้านเริ่มด่าทอเมิ่งซานและแม่เฒ่าเมิง ชายฉกรรจ์ไม่สนใจพวกเขามีหน้าที่แค่มาจับคนก็จับ เม
เมิ่งอี้ลนลานท่านแม่ทัพหรือเมิ่งหย่งชวนคือแม่ทัพหรือ เขารู้เพียงอารองส่งเมิ่งหย่งชวนไปเข้ากองทัพเพื่อให้เขาลืมความเสียใจเรื่องที่มารดาทิ้งไป แต่ตอนที่เขากลับมาก็เพื่อเข้าเรียนและสอบเท่านั้น จะเป็นแม่ทัพได้อย่างไร เมิ่งอี้ลืมตาที่บวมเพราะถูกตบมองหน้าคนด้านบนทันที เขาพยายามพูดออก"แม่ทัพ พี่ใหญ่ทะท่าน พวกเราไม่ๆกล้าอีกแล้ว""ไม่กล้าหรือ หึ นายกองหยวนเอาตัวคนมา"ไม่นานก็มีชายชราเดินเข้ามาเขาสะพายล่วมยาเมื่อมาถึงก็ประสานมือคารวะเมิ่งหย่งชวน"ข้าน้อยจ้าวอี้หานคารวะแม่ทัพเมิ่งขอรับ""อืม..ผลเป็นเช่นไร""เรียนท่านแม่ทัพ..ท่านผู้เฒ่าเมิ่งถูกตีอย่างแรงที่ศีรษะมิได้หกล้มตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดขอรับ""เมิ่งอี้ เมิ่งซานเพียงเพื่อหลอกล่ออาหญิงของเจ้ามาหาถึงกับลงมือโหดเหี้ยมกับผู้อาวุโสของตน นายกองหยวนฟ่าเหลียงบังคับขืนใจสตรีชาวบ้านยึดทรัพย์เข้าท้องพระคลังโบยร้อยไม้ขังคุกหลวง ชายทั้งสี่คนให้ไปทำงานที่เหมืองเหล็ก ส่วนศพนั้นไปโยนทิ้งสุสานไร้ญาติ สองพ่อลูกสกุลเมิ่งโบยร้อยไม้ติดคุกห้าปี ลงโทษได้"เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเมิ่งอี้กับเมิ่งซานก็ถูกโบยร้องครวญคราง แม่เฒ่าเมิ่งที่มาถึงก็ร้องไห้เข้ากอดบุตรชา
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินมาหาเมิ่งลู่เจินที่ตอนนี้คิดบัญชีค่าแรงอยู่ จางลี่กำลังนับเหรียญอีแปะร้อยเป็นพวงจ่ายค่าแรงตามรายชื่อที่เมิ่งลู่เจินคำนวณ เสิ่นเยี่ยนฟางนั่งลงก่อนจะคุยกับพวกเขา"อาเจิน...คืนนี้พี่จะพาขึ้นเขา อาลี่ อาจารย์หญิงจะพาอาเจินไปฝึกวิชาให้รู้จักการเอาตัวรอด เจ้าอยากไปดูไหม""เอาตัวรอดแบบใดขอรับอาจารย์หญิง""ตามไปก็รู้เอง เอาล่ะไปจ่ายค่าแรงได้แล้วอาเจิน อาลี่ ยามเซินจะขึ้นเขา"ทั้งคู่พยักหน้ารับปาก เสี่ยวเย่าคอยขานชื่อ จางลี่จ่ายเงิน เมิ่งลู่เจินขีดฆ่าคนที่รับเงินไปแล้ว ชาวบ้านต่างก็ชอบเด็กทั้งหกคน ช่างน่ารักเหลือเกิน เสิ่นเยี่ยนฟางที่กำลังล้างข่ากับขิงที่เพิ่งขุดมาที่ลำธารก็เหลือบเห็นรองเท้าสีดำมีไม้อยู่ข้างๆคล้ายๆไม้เท้า นางจึงเลื่อนสายตาขึ้นไปก็เห็นชุดสีขาวพริ้วๆปลิวไปมา ก่อนจะเงยหน้าก็เจอคนคุ้นเคยที่มาหานางสองรอบแล้ว"ท่านตา..วันนี้จะมากล่าวหาอะไรบุตรชายบุตรสาวข้าอีกเจ้าคะ""เหอะๆๆๆ...ข้ากล่าวหาหรือนี่ เจ้านี่นะ จุ๊ๆๆช่างเสียดายเคยเป็นอดีตเทพบุปผา ชั่วดีกลับไม่แยกแยะบุตรชายกับบุตรสาวเจ้า ไปหาสอนชาวบ้านเรื่องสมุนไพรนั่น ตอนนี้หัวข้าโล้นหมดแล้ว""เอ๋ ท่านตา..ท่านเป็นเทพแห่ง
ทั้งหกคนรับคำมารดา เสิ่นเยี่ยนฟางสะพายตะกร้าพาทั้งสองคนขึ้นเขา นางสอนให้สังเกตทิศทางหากไม่มีเข็มทิศต้องดูอย่างไร สังเกตมูลของสัตว์ว่าใหม่หรือเก่า เจอมูลสัตว์เสิ่นเยี่ยนฟางใช้ไม้จิ้มก่อนจะดม"นี่เพิ่งใหม่ๆ น่าจะเป็นของสัตว์กินพืช เดินอีกหน่อยไม่เกินสองชั่วยามจะถึงด้านใน เราจะปักหลักที่นั่นคืนนี้ อาเจินที่นั่นเป็นดงหมาป่า พี่จะไม่ช่วยเว้นแต่เจ้าจะมีอันตรายที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตพี่จึงจะยื่นมือ จำไว้ห้ามใช้กำลังภายใน ""ขอรับพี่สะใภ้""อาจารย์หญิง เหตุใดต้องสู้กับพวกมันเล่าขอรับ""ดูอย่าห่างๆ หากเจ้าอยากเรียนวิชาวันหน้าข้าจะสอนให้ เดินไวๆเถอะถ้าแสงหมดแล้วพวกมันหากินก่อนเวลาจะไม่ดี"ทั้งสามคนเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงบริเวณกลางป่าลึก อากาศเริ่มเย็นลง หมาป่าชอบอากาศเย็นชื้น เสิ่นเยี่ยนฟางจุดคบไฟที่เตรียมมา ผูกเปลไว้บนต้นไม้สูง จางลี่ไม่มีวรยุทธเขาปีนขึ้นต้นไม้อย่างทุลักทุเล เสิ่นเยี่ยนฟางเองก็ไม่มีวิชาตัวเบา แต่นางกินนอนในป่าแฝงตัวทำภารกิจนานปี ย่อมมีทักษะการพรางตัวจึงมีเพียงจางลี่คนเดียวที่อยู่ในเปลบนต้นไม้เมิ่งลู่เจินนั่งอยู่กับนาง ตะวันตกดินแล้วเสิ่นเยี่ยนฟางหาทิศที่อยู่ใต้ลม เสียงเห่าหอ
ไม่นานเมิ่งลู่เจินก็พานายพรานหวังมาถึง เมิ่งลู่เจินกับจางลี่ทำความเคารพอาจารย์ จางลี่ได้เรียนหนังสือกับหวงหย่งเนียน เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นว่าเขาไม่เกเรจึงลองให้เรียนดูสองวัน หวงหย่งเหนียนเดินมาบอกกับนางว่า"จางลี่หัวดีนัก เขาเก่งเรื่องคำนวณ การวางกลยุทธ์ส่วนเมิ่งลู่เจินเก่งหลายด้าน แต่ด้านการปกครองเมิ่งลู่เจินเรียนดีมากขอรับอาซ้อเมิ่ง""ถ้าเช่นนั้น การสอบครั้งนี้ให้พวกเขาลงสนามได้ไหมเจ้าคะ ข้าอยากให้เขาได้ลองเมื่อถึงเวลาที่ต้องสอบจริงจะได้ไม่ตื่นสนามมากเกินไป"เสิ่นเยี่ยนฟางจึงตกลงกับหวงหย่งเหนียนว่าจะให้น้องสามีกับลูกศิษย์ของนางไปสอบในอีกห้าวัน นายพรานเดินมาหานางถามไถ่ถึงเรื่องชำแหละหมาป่า"ภรรยาซิ่วไฉ ท่านอยากให้ข้าทำเช่นไรกับซากหมาป่าพวกนี้""ท่านลุงหวัง ข้าต้องการเพียงหนังของมันเพื่อไปทำเสื้อคลุมให้สามีข้า เพราะเขาถูกอากาศเย็นมากไม่ได้ ส่วนเนื้อหมาป่าหากชาวบ้านคนใดประสงค์จะรับข้ายินดีจ่ายแจก เก็บไว้ที่เรือนข้าเพียงสองตัวก็พอ"เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อย หวังฝูก็ลงมือชำแหละหมาป่าห้าสิบตัว เมิ่งลู่เจินทำแผลใส่ยาเรียบร้อยแล้ว โดยมีโจวหยางเป็นคนทำให้ ยาของเขานับว่าได้ผลดีเกินคาด เสิ่นเยี่
เสิ่นเยี่ยนฟางที่ได้ยินเสียงร้องของสตรีก็มาถึงเช่นกัน สามีนางหรือลวนลามผู้หญิงไม่น่าใช่นะ ถ้าผู้หญิงลวนลามเขาอันนี้น่าจะถูกต้อง ทุกคนมารวมกันประตูเรือนเปิดออก เมิ่งหย่งชวนอุ้มสตรีที่มีผ้าห่มคลุมกายเดินออกมา เมื่อมาถึงหน้าเรือนเขาก็ทิ้งนางลงกับพื้นไม่ไยดี จางเสี่ยวถิงเจ็บและจุกจนไม่สนใจว่าตนเองอยู่ในสภาพไหนลุกขึ้นชี้หน้าเมิ่งหย่งชวนทันที"ไอ้บ้านนอก ไอ้ชาวนาขาเปื้อนโคลน หึแค่บัณฑิตต่ำต้อยคิดว่าข้าสนใจเจ้าหรือ ข้าจะทำให้เจ้าถูกถอดออกจากบัณฑิตเข้าสอบไม่ได้อีกเลย เจ้ามันสมกับนางเมียบ้านป่าของเจ้านั่นแหละ ได้ข่าวว่าเป็นเพียงสตรีแพศยาที่ยั่วยวนกระทั่งอาเขยของตน อ๊าาอ่อยอ้า แค่กๆๆ"เมิ่งหย่งชวนคว้าลำคอจางเสี่ยวถิงจากนั้นออกแรงบีบทันที เขาไม่สนใจว่าหน้าเรือนจะมีคนกี่มากน้อย และนางเป็นบุตรสาวของจางหมิ่นหรือไม่ เมิ่งหย่งชวนเอ่ยออกมาทำเอาคนทั้งลานถึงกับพูดไม่ออกแม้กระทั่งจางหมิ่นเอง"สตรีเช่นเจ้าต่ำช้าเกินไป ไม่คู่ควรเอ่ยถึงภรรยาข้า อย่างเจ้าแค่เศษดินที่ติดรองเท้านางเจ้ายังไม่คู่ควร"เมิ่งหย่งชวนกำลังจะเหวี่ยงร่างบางออกไปก็มีเสียงหวานๆมาหยุดเขาเอาไว้"ท่านพี่..ปล่อยนางเถอะเจ้าค่ะ นางแค่
เมิ่งหย่งชวนเดินมาถึงก็ไม่สนใจคนสกุลจาง บ่าวรับข้าวของมาถือให้เมิ่งหย่งชวนจึงช้อนอุ้มเมียตัวเองเดินไปหน้าตาเฉยท่ามกลางสายตานับสิบๆคู่ เมิ่งซิ่วไฉรักเมียเพียงนี้เชียวหรือเสิ่นเยี่ยนฟางกับเขานั่งในรถม้า จางลี่เป็นคนบังคับม้ากลับหมู่บ้าน เมิ่งหย่งชวนเห็นสีหน้านางเพลียๆก็ถามขึ้น"ไม่สบายหรือเด็กดี เหตุใดหน้าซีดนัก""เมื่อคืนพาอาเจินไปวัดดวงมา เขาเก่งมากแต่ข้าคำนวณพลาด หมาป่าเหล่านั้นมีเยอะกว่าที่คิด ต้องกำจัดให้หมดไม่เช่นนั้นจะลงเขาลำบาก จางลี่ไปด้วยเขาไม่มีวรยุทธ ต่อสู้ไม่เป็น""เหตุใดไม่รอพี่กัน""ใต้เท้าหวงต้องการให้เขาไปสอบทั่นฮวา ข้าอยากให้อาเจินแข็งแกร่งหากคนสกุลลู่และคนสกุลจางมาหาเขาจะได้ไม่เพี้ยงพล้ำเจ้าค่ะ""เสี่ยวฟางเจ้าอยากให้อาเจินไปไหม""หากถามข้า น้องชายท่านเฉลียวฉลาดนักอยู่ที่นี่เสียดายความรู้ แต่หากไปก็ต้องมีคนคุ้มครองเขาเพิ่งจะสิบสามเท่านั้น อย่างไรก็ยังเด็กกลโกงผู้ใหญ่นั่นน่ากลัว""อืม..คิดถึงจังขอชื่นใจได้ไหมเด็กดี""อาลี่ขับรถม้าอยู่ท่านอย่ารุ่มร่าม ไว้คืนนี้นะอดใจหน่อย""แค่นิดเดียวเองนะคนงามของพี่""อืม"เมิ่งหย่งชวนรั้งนางมานั่งบนตักก่อนจะจูบนางดูดดื่ม จางลี่ที่บัง
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ