“ช้าก่อน...”
หลินจื่อชิงรีบเอ่ยขึ้น พลันมองใบหน้าจิ้มลิ้มของบุตรสาวคนที่สามอย่างครุ่นคิดหนัก ฮูหยินของเขาพูดถูก ฝ่ายนั้นไม่เคยพบหน้าหลินอวี้เหม่ยตอนโตมาก่อนเสียหน่อย ที่ต้องการแต่งก็เพื่อทำตามสัญญาหมั้นหมายเท่านั้น อีกทั้งเขายังรู้มาว่างานแต่งนี้ทำเพื่อเลี่ยงไม่ให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้กับแม่ทัพผู้เกรียงไกรนั่นเพื่อเป็นการมัดมือชกเลยชิงแต่งงานกับบุตรีของเขาเสียก่อน
หากส่งบุตรีอีกคนไป ทางนั้นก็คงไม่รู้ หรือถึงจะรู้แต่ถึงตอนนั้นข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ก็ยากจะแก้ไข
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขามีลูกสาวไม่รักดีเช่นหลินอวี้เหม่ยกันเล่า
“เจ้าแน่ใจนะว่ายินยอมแต่งกับแม่ทัพเซียวหลงเฉิงแทนพี่สาวเจ้า”
“แน่ใจเจ้าค่ะท่านพ่อ” หลินซูหนิงรับคำ ดวงตาเป็นประกายมุ่งมั่น
ภาพนั้นทำให้หญิงสาวที่ซ่อนตัวดูสถานการณ์อยู่ในเงามืดขมวดคิ้วอย่างงุนงง
เจ้าบ่าวของนางไม่ใช่หานเจี้ยนจวิ้นแต่กลับเป็นแม่ทัพเซียวหลงเฉิงงั้นหรือ
ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก นางเคยได้ยินชื่อนี้จากไหนนะ
ใช่แล้ว! ในฝันร้ายนั่นเขาคือเจ้าบ่าวของหลินซูหนิงน้องสาวนางมิใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้กลับกลายมาเป็นเจ้าบ่าวของนางแทนเล่า
นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน สิ่งที่อยู่ในฝันทำไมถึงกลับตรงข้ามกันไปหมดเช่นนี้ได้เล่า
หญิงสาวครุ่นคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ในฝันร้ายของตน นางจำได้ว่าในฝันนั่น คนที่เขาต้องแต่งงานด้วยคือหลินซูหนิงน้องสาวของนางมิใช่หรือ
ในขณะที่นางแต่งให้กับสามีชั่วอย่างหานเจี้ยนจวิน แต่สุดท้ายแม่ทัพผู้นั้นก็พบจุดจบถูกประหารด้วยข้อหากบฏในภายหลัง ส่วนหลินซูหนิงน้องสาวของนางนั้นเอาตัวรอดจากการประหารได้ด้วยการมอบเบาะแสและหลักฐานสำคัญทำลายแผนการก่อกบฏของสามีถวายให้กับองค์ฮ่องเต้ แถมได้พระสนมหลินพี่สาวคอยช่วยเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทอีกแรง ทำให้ นางมีความดีความชอบลบล้างความผิดจนได้รับอภัยโทษและมาแต่งงานใหม่กับหานเจี้ยนจวิ้นในภายหลัง
นี่คือเหตุการณ์ที่อยู่ในความฝันที่นางเห็นมา
แล้วนี่นางควรทำอย่างไรดีเล่า ควรเลือกทางไหนดี ถึงจะไม่ต้องเข้าไปอยู่ในวังวนเดิมที่มีจุดจบน่าอนาถเหมือนในฝันร้ายนั่น แต่ที่แน่ๆ คราวนี้นางย่อมไม่คิดสั้นเลือกหนีตามสามีชั่วอย่างหานเจี้ยนจวิ้นแน่ แต่การปล่อยให้น้องสาวตัวร้ายได้แต่งงานกับแม่ทัพเซียวอะไรนั่น มันก็จะซ้ำรอยเดิมในฝันอีกครั้ง อาจนำไปสู่จุดจบเดิมอีกก็เป็นได้
แล้วข้าควรเลือกทางไหนดีเล่า คิดสิคิด
ดูจากวาจาท่าทางของน้องสาวและแม่เลี้ยงของนางแล้ว เหมือนว่าทั้งสองจะต้องการแต่งเข้าจวนแม่ทัพแทนนางจนตัวสั่น หากนางหนีไปตอนนี้ทั้งสองก็จะได้สมใจ แต่ถ้าไม่หนีล่ะ หากนางยอมแต่งเข้าจวนแม่ทัพ
แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักแม้เขาจะเป็นบุตรชายคนเดียวของเพื่อนสนิทมารดาก็เถอะ แต่ก็ไม่เคยได้พบหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน แล้วหากในภายภาคหน้าเขาเกิดก่อกบฏขึ้นมาจริง นางเองก็ต้องมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตตายตกไปตามคนผู้นั้น
ไม่ว่าจะเลือกทางใด จุดจบก็ล้วนไม่สวยสักทาง ไม่ถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถ ก็หัวขาดเพราะติดร่างแหความผิดของผู้อื่นจนได้ แล้วนี่นางจะเลือกทางใดดีถึงจะหลีกหนีจุดจบอันเลวร้ายนั่นได้
“นายท่านขอรับ เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูจวนแล้วขอรับ”
ยังไม่ทันคิดออก บ่าวรับใช้ก็แจ้นเข้ามารายงานเสียแล้ว ทำให้หลินอวี้เหม่ยที่ยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกทางไหนถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ
“ฮือๆ คุณหนูรองของบ่าว จะทำอย่างไรดี”
เสี่ยวจูร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง นั่นยิ่งบีบรัดหัวใจของหลินอวี้เหม่ยเข้าไปอีก หากนางเลือกหนีไปเสียตอนนี้ก็อาจจะรอด แต่ก็ต้องทิ้งสาวใช้ที่จงรักภักดีกับนางไว้ที่บ้านนี้ จนสุดท้ายก็ต้องมีจุดจบคือตายหรือไม่ก็ถูกขายออกไปเป็นทาส หรือหากจะพาหนีไปด้วยกัน ก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดไปได้กี่น้ำ แต่จะให้นางตัดใจหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร
สวรรค์เอ๊ย...ท่านอุตส่าห์ให้ข้าย้อนเวลากลับมาแก้ไขแล้ว ไฉนจึงไม่ให้ทางเลือกง่ายๆ กับข้ากันนะ ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ล้วนไม่ดีสักทาง
แล้วนี่ข้าควรจะเลือกทางใดดีเล่า
“ท่านพี่ ท่านต้องเลือกแล้วนะเจ้าคะว่าจะทำเช่นไรดี จะออกไปบอกพวกเขาว่าลูกสาวของท่านหนีไปกับชายชู้เสียแล้ว ไม่อาจเข้าพิธีแต่งงานวันนี้ได้ ทนให้พวกเขาประนามหยามเหยียดพวกเราให้จมดินสักหน่อย หรือจะยอมให้หนิงเอ๋อร์ของเราแต่งไปก่อนเพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าให้สกุลหลินของท่านมีทางรอด”
หลินจื่อชิงนิ่งคิดคำนวณในใจอย่างเคร่งเครียด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจทนเสียหน้าให้ใครต้องมาประนามตระกูลหลินของเขาได้
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ให้หนิงเอ๋อร์แต่งแทนก็แล้วกัน”
คำนั้นทำให้สองแม่ลูกหันไปสบตากันอย่างสมใจ นึกเย้ยหยันหลินอวี้เหม่ยที่โง่เขลาทิ้งวาสนาดีๆ นี้ไว้ให้พวกนางเสพสุข แถมยังทำให้ตัวเองต้องแปดเปื้อนด้วยข้อหาหนีตามชายชู้ไปอีก นี่มิเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรือ
“พวกเจ้ารีบมาแต่งตัวให้คุณหนูสามเร็วเข้า”
หลินซูหนิงยิ้มอย่างสมใจ หากทว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ขยับกาย จู่ๆ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้น
“ช้าก่อน!”
“เหม่ยเอ๋อร์” / “พี่หญิงรอง!” / “คุณหนูรอง!”
ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่เดินออกมาอย่างงุนงง หลินซูหนิงหันไปมองพี่สาวอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผี
“เจ้าลูกไม่รักดี” นายท่านหลินเงื้อมือขึ้นอย่างลืมตัวด้วยโทสะ
“ท่านพ่อ! อีกเดี๋ยวข้ายังต้องเข้าพิธีแต่งงาน หากใบหน้ามีรอยตบขึ้นมา ท่านพ่อจะให้คำตอบกับท่านแม่ทัพเจ้าบ่าวของข้าอย่างไร”
หลินอวี้เหม่ยเตือนสติบิดาด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุมแต่แฝงด้วยเด็ดขาดในที ทำให้อีกฝ่ายเงื้อมือค้างไม่กล้าฟาดลงมา ถึงอย่างไรเจ้าบ่าวก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ แถมเป็นพระญาติห่างๆ ของฮองเฮา ก็นับว่าต้องให้เกียรติ
“เจ้าหายไปที่ใดมา ไหนหนิงเอ๋อร์บอกว่าเห็นเจ้าหนีตามชายชู้ไปแล้วมิใช่หรือ” หลินจื่อชิงถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดโมโห
“หนีตามชายชู้! ทำไมน้องสามถึงกล่าวหาพี่สาวร้ายแรงถึงเพียงนั้นเล่า ข้าเพียงแค่ตื่นเต้นจึงไปเดินสูดอากาศด้านนอก ไม่ได้หนีตามผู้ชายอย่างที่ถูกผู้ใดปากเสียกล่าวหาเสียหน่อย ท่านพ่อโปรดให้ความเป็นธรรมกับลูกด้วย” หลินอวี้เหม่ยบีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร ทำให้เจ้าของแผนการร้ายถึงกับเหวอทำอะไรไม่ถูก
“พี่หญิงรอง ทำไมท่าน...”
เพียะ!
“พี่หญิงรอง ทำไมท่าน...”เพียะ!ยังไม่ทันได้ถามจบ หลินอวี้เหม่ยก็ตวัดฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าจิ้มลิ้มของคนถามอย่างสุดแรง “นี่คือการลงโทษที่เจ้าบังอาจกล่าวหาพี่สาวของเจ้าว่าหนีตามผู้ชายไป”เพียะ!“ส่วนนี่คือการสั่งสอนที่เจ้าบังอาจพูดโกหกต่อหน้าท่านพ่อจนทำให้ข้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”“โอ๊ย! นี่เจ้า!” หลินซูหนิงกุมแก้มทั้งสองที่ถูกตบจนเลือดกลบปากต่อหน้าทุกคน“หนิงเอ๋อร์!” พอได้สตินางเฉินก็รีบปราดเข้าไปดูอาการของลูกสาวสุดที่รัก“ไยเจ้าจึงต้องลงมือรุนแรงกับลูกข้าด้วย”“หรือจะให้ข้าตบท่านด้วยอีกสักสองทีหรือไม่ โทษฐานที่ท่านไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวของท่านให้ดี กลับส่งเสริมให้ใส่ร้ายทำลายชีวิตผู้อื่นเช่นนี้”หลินอวี้เหม่ยถามเสียงเย็นเยียบ ดวงตาเย็นชาตวัดมองสองแม่ลูกตัวแสบที่ในชาติก่อนทำร้ายนางไว้อย่างหนักหนาสาหัส“ท่านพี่...ท่านจะยืนดูข้ากับลูกสามถูกบุตรสาวท่านตบตีเช่นนี้เฉยๆ หรือเจ้าคะ” พอสู้ไม่ได้ก็หันไปฟ้องสามีหาตัวช่วย“เหม่ยเอ๋อร์! เจ้าทำร้ายคนแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” หลินจื่อชิงขึ้นเสียงตวาดใส่“แล้วทีพวกนางทำร้ายข้า ใส่ความข้าเล่าเจ้าคะ ใช้ได้หรือ ข้าก็เพียงแต่ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองและจวนของเ
หลังจากที่รอเจ้าสาวอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลินอวี้เหม่ยก็ปรากฏกายในชุดเจ้าสาวสีแดงงดงามและหรูหรา คลุมศีรษะด้วยผ้าสีแดงตามประเพณี แต่ทว่าแทนที่จะเห็นเจ้าบ่าวที่ควรขี่ม้ามารับเจ้าสาวตามธรรมเนียมแต่กลับไร้เงาทำให้พ่อของเจ้าสาวอดขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจไม่ได้ แม้ว่างานวิวาห์นี้เป็นอดีตฮูหยินที่ล่วงลับได้ตกลงกับมารดาของเจ้าบ่าว แต่ก็ควรให้เกียรติฝ่ายเจ้าสาวบ้าง“ท่านพ่อรักษาตัวด้วย ลูกไปก่อนนะเจ้าคะ” หลินจื่อชิงถึงกับผงะไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ลูกสาวก็สวมกอดตน ทั้งที่นานแล้วที่อีกฝ่ายไม่ได้กอดคนเป็นพ่อเช่นนี้“อืม...เจ้าก็เช่นกัน จงจำไว้ว่าต้องรักษาเกียรติของสกุลหลินของเราไว้ให้ดี อย่าทำอะไรให้เสื่อมเสียหรือเดือดร้อนมาถึงตระกูลเราได้”หลินอวี้เหม่ยฝืนยิ้มในใจขื่นขม กระทั่งคำอวยพรก่อนออกเรือน บิดาของนางก็ยังห่วงตระกูลมากกว่าลูกสาวคนนี้“เจ้าค่ะท่านพ่อ”หญิงสาวรับคำเบาๆ แต่ในนาทีที่ผละออกนางก็รีบยัดบางอย่างใส่มือผู้เป็นบิดาโดยไม่มีผู้ใดทันสังเกตพร้อมกับกระซิบบางอย่างเบาๆ แล้วรีบคารวะบิดา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่นางเหลือในโลกนี้ ก่อนจะเดินตรงไปขึ้นเกี้ยวบุปผาโดยไม่เหลียวหลัง เสี่ยวจูสาวใช้คนสนิทรีบเดิน
หลินซูหนิงหน้าแดงก่ำ อดเขินไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเมื่ออีกฝ่ายยื่นริมฝีปากมาจูบที่ปากอิ่ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองลอบพบกันลับหลังผู้คน“คุณชายหาน เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”“เห็นก็เห็นสิ ถึงอย่างไร อีกไม่นานข้าก็ต้องให้แม่สื่อมาสู่ขอเจ้าไปเป็นฮูหยินของข้าอยู่แล้ว”แต่ข้าอยากเป็นฮูหยินของจวนท่านแม่ทัพใหญ่มากกว่าฮูหยินของรองแม่ทัพปลายแถวอย่างท่านนี่นา หลินซูหนิงได้แต่ตอบโต้ในใจอย่างหงุดหงิดที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมดไม่ได้อย่างใจนางทำไมนะ วาสนาดีๆ ถึงต้องไปตกที่นังพี่รองนั่นตลอด“เอ๊ะ! นั่นแก้มเจ้าทำไมเป็นรอยแดงเช่นนี้เล่า” จู่ๆ ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้างามของคนรัก“เอ่อ...เป็นเพราะข้ารีบมาหาท่าน เลยสะดุดล้มน่ะสิเจ้าคะ” หลินซูหนิงตอบพลางนึกอยากหักคอพี่สาวที่ทำให้แก้มนางมีรอยช้ำ“โถ...ยอดรักของข้า เจ้าช่างน่าสงสาร มาเถอะข้าจะช่วยรักษาแผลให้เจ้าเองนะ”หานเจี้ยนจวิ้นกระซิบคำหวาน พร้อมกับโน้มลงจุมพิตที่แก้มและริมฝีปากของนางอย่างหลงใหล จนทำให้สาวน้อยอดเคลิ้มตามไม่ได้“เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่าคิดถึงข้าหรือไม่”“คิดถึงสิเจ้าคะ ข้าย่อมคิดถึงท่านเพียงผู้เดียว”“ชื่นใจนักคนดีของข้า” พอขาดคำ
อีกด้านเกี้ยวเจ้าสาวก็มาหยุดที่หน้าจวนสกุลเซียว ที่ในวันนี้เต็มไปด้วยความครึกครื้นและการตกแต่งที่งดงามอลังการ งานแต่งงานของแม่ทัพเซียวผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดิน ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ไม่ว่าจะเป็นขุนนางสูงศักดิ์ ผู้มีอำนาจจากราชสำนัก รวมถึงชาวบ้านที่ต่างพากันมาชมงานแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่นี้ ใครๆ ต่างก็อยากเห็นเจ้าสาวของท่านแม่ทัพใหญ่กันทั้งนั้น“เชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว”เสียงนั้นเรียกสติที่หลุดลอยของหลินอวี้เหม่ยให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง ตั้งแต่ออกจากบ้านมา นางก็ใจลอยครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ลงมือทำไปป่านนี้ไม่รู้ว่าที่บ้านของนางกำลังโกลาหลกันปานใด แต่จะโทษใครได้ในเมื่อน้องสาวตัวดีของนางหาเรื่องใส่ตัวก่อน นางก็เพียงแค่ส่งทุกข์นั่นกลับคืนไปให้เจ้าของก็เท่านั้น ถือว่าเจ๊ากันไปมิใช่หรือ อย่างน้อยก็อาจช่วยตัดไฟแต่ต้นลมได้บ้าง จะหาว่านางใจร้ายก็ได้ ในเมื่อใจดีแล้วต้องพบจุดจบน่าอนาถ ก็ต้องร้ายเสียบ้างแบบนี้แหละ“คุณหนูเจ้าคะ”เสียงเสี่ยวจูกระซิบเรียกที่ข้างเกี้ยวอีกครั้ง ทำให้หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ไล่ความสิ่งที่รบกวนออกไปจากหัวใจ อย่างน้อยวันนี้นา
เมื่อไร้เจ้าบ่าว พิธีต่างๆ ก็ถูกยกเลิกทั้งหมดทำให้แขกที่มาในงานทยอยกันกลับอย่างกร่อยๆ ส่วนเจ้าสาวที่ควรต้องเข้าห้องหอที่เตรียมไว้กลับต้องถูกพาไปที่พักเรือนนอกจวนก่อนตามคำสั่ง“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราจะทำเช่นใดดี” เสี่ยวจูร้องไห้และกอดแขนนายสาวของตนแน่น“ในเมื่อยังไม่เข้าพิธีแต่งงาน งั้นก็ควรส่งข้ากลับบ้าน”“นั่นมิได้ขอรับ นี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพใหญ่ ในเมื่อเกี้ยวรับเจ้าสาวมาแล้วก็ถือว่าตอนนี้ท่านเป็นคนของแม่ทัพเซียวแล้ว หากท่านแม่ทัพไม่มีคำสั่ง ท่านก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”เผด็จการสิ้นดี!เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ นางก็อดขุ่นเคืองขึ้นมาไม่ได้เจ้าแม่ทัพเฮงซวยเอ๊ย...ข้าหรืออุตส่าห์สงสารที่ท่านต้องถูกน้องสาวข้าใส่ร้ายว่าเป็นโจรกบฏจนโดนประหาร อยากช่วยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่ต้องตายอนาถให้กลายเป็นรอด แต่ท่านกลับเนรคุณทำให้ข้าต้องกลายเป็นเจ้าสาวที่ถูกทุกคนหัวเราะเยาะขายหน้า แต่งงานโดยไร้เจ้าบ่าวไม่พอ แถมต้องถูกเนรเทศไปอยู่เรือนนอกห้ามเข้าจวนอีก‘นี่ข้าตัดสินใจผิดหรือไม่ที่เลือกจะแต่งงานกับท่านแม่ทัพหัวสุนัขผู้นี้แทนที่จะเลือกหนีไปตายเอาดาบหน้า ข้าต้องการช่วยท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนเช่น
สิ่งที่หลินอวี้เหม่ยคิดนั้นถูกต้องทีเดียว“โอ๊ย! เจ็บ...อูย...”เสียงร้องครวญครางดังออกมาเป็นระยะๆ จากห้องเก็บฟืนหลังบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่กักบริเวณของหลินซูหนิง ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนอนเปลือยแผ่นหลังแตกยับให้มารดาช่วยใส่ยาให้ หลังจากที่นางถูกบิดาสั่งโบยจนบาดเจ็บสาหัส“อดทนเอาหน่อยนะลูกรัก”นางเฉินปลอบลูกสาวไป น้ำตาไหลพรากไป วันนี้ใช่แต่บุตรีของนางที่โดนลงโทษ แต่มารดาอย่างนางเองก็มิวายโดนสามีตบตีเสียยกใหญ่โทษฐานที่ไม่ดูแลลูกให้ดี ปล่อยให้ไปก่อเรื่องงามหน้ากับบุรุษอย่างหานเจี้ยนจวิ้นแถมยังต้องมาขายหน้าเป็นขี้ปากชาวบ้านที่มามุงดูงิ้วตอนที่นายท่านหลินไล่ทุบตีบุตรสาวในสภาพเกือบเปลือยล่อนจ้อนไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงของหลินซูหนิงตอนนี้ด่างพร้อยไม่ต่างจากหญิงนางโลมเลยทีเดียวส่วนหานเจี้ยนจวิ้นผู้นั้น นอกจากถูกตีจนหัวแตก และมีบาดแผลตามเนื้อตัวแล้ว เขายังถูกหลินจื่อชิงสั่งคนจับมัดตัวไว้กับเสาด้านนอกเพื่อให้สำนึกผิด จนกระทั่งยอมรับปากจะมาสู่ขอลูกสาวของนางแต่งงานให้ถูกต้องแต่ถึงกระนั้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ป่นปี้ไปแล้วนี้ จะกอบกู้กลับมาได้ง่ายๆ หรือ หากหานเจี้ยนจวิ้นไม่มารับผิดชอบ ต่อไปจะหาบุรุษดีๆ มีชาติต
หลินอวี้เหม่ยมองดูเรือนนอกของจวนแม่ทัพเซียวอย่างหนักใจ หลังจากที่ถูกทิ้งไว้โดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยังคงอยู่บนศีรษะของนาง สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในอนาคตที่กำลังรอคอยอยู่นอกเรือนว่าเก่าแล้ว ภายในเรือนยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นไม้ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่มีคนเดินผ่าน ห้องถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าคร่ำคร่าเพียงไม่กี่ชิ้น โต๊ะไม้เล็กตรงกลางห้องมีร่องรอยของการใช้งานมาอย่างยาวนาน เบาะรองนั่งบนเก้าอี้บางตัวมีรอยขาด เหมือนถูกใช้งานจนหมดสภาพ ฟูกนอนในห้องนอนเล็กๆ ข้างในนั้นบางจนแทบไม่รู้สึกถึงความนุ่ม ห้องดูอับชื้นและมีแสงเพียงเล็กน้อยลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ครึ่งหนึ่งกลิ่นของไม้เก่าผสมกับกลิ่นอับจากการไม่ได้ใช้งานมานานชวนให้บรรยากาศของเรือนนี้ดูไม่น่าอยู่ และทำให้หลินอวี้เหม่ยรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม หากนี่เหมือนกับในฝันถ้างั้นนางก็ชักจะเข้าใจหลินซูหนิงขึ้นมาบ้างแล้วว่าทำไมน้องสาวตัวร้ายนั่นถึงแค้นจนต้องวางแผนใส่ร้ายเจ้าแม่ทัพเฮงซวยนี่ว่าก่อกบฏแล้วหนีไปเป็นอนุของหานเจี้ยนจวิ้นสามีชั่วของนางแทน ก็ดูเขาทำสิ มันน่าไหมล่ะนี่นางหนีเสือป
“คุณหนู ท่านควรกินอะไรบ้างนะเจ้าคะ อย่าอดอาหารเลย เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้นะเจ้าคะ”หลินอวี้เหม่ยนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่จะหันไปมองอาหารที่ถูกวางไว้ตรงหน้า แม้จะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแต่นางกลับกินอะไรไม่ลงเลย นางเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า“นี่คือชีวิตที่ข้าต้องเผชิญจริงหรือ? หรือว่านี่คือการลงโทษที่ข้าต้องได้รับ?”เสียงลมพัดไหวผ่านหน้าต่าง ความเย็นยะเยือกของค่ำคืนแผ่กระจายเข้ามาในห้อง ทำให้หลินอวี้เหม่ยกอดตัวเองแน่นขึ้น เสี่ยวจูสังเกตเห็นและรีบไปหยิบผ้าห่มมาให้“คุณหนู ท่านพักสักนิดเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้อาจมีข่าวดี” เสี่ยวจูพยายามปลอบใจ“ข่าวดีหรือ ข้าไม่คิดเช่นนั้น”แต่หลินอวี้เหม่ยรู้ดีว่าความหวังนั้นช่างเลือนลางนัก การแต่งงานที่ควรเป็นวันแห่งความสุข กลับกลายเป็นวันแห่งความว่างเปล่า ความเหงา และการรอคอยโดยไร้จุดหมายสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยคิดมีเค้าลางว่าจะเป็นจริง หลังจากวันที่นางถูกพามาทิ้งไว้ที่เรือนนี่ก็แทบจะไม่ได้ข่าวคราวใดๆ จากจวนแม่ทัพใหญ่อีกเลย ราวกับว่านางถูกขังในคุกที่ไร้ลูกกรงและตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงทุกวันในแต่ละมื้อจะมีบ่าวคนเดิมคอยนำอาหารมาวางให้ที่หน้าประตูแล้วหายตัวไปอย่
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม