เสียงแป้นพิมพ์รัวๆช่วงสายของวันเสาร์ ในห้องของคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านเอกมัย“อาย คืนนี้ว่างป่ะ? ไปแฮงค์เอ้าท์กัน Sirocco สีลมนะ”เสียงใสๆของจูน เพื่อนของเธอ สาวที่รักการปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจได้โทรมาชวน“เอ่อ…ก็ได้” ปากที่ตอบไป แต่ตาก็จ้องคอมพิวเตอร์อยู่“ขอธีมเซ็กซี่นะ วันนี้ทุกคนลงความเห็นว่าไป rooftop bar ที่เดิม คนต่างชาติเยอะด้วย”“อ่าหะ โอเค”อายหรือไอรดา สาววัย 25 เรียนจบมาสองปีแล้วและไม่มีงานประจำ เธออาศัยการทำงานถ่ายแบบอิสระเล็กๆน้อยๆ เวลาว่างก็ไปเข้าคอร์สเรียนเต้นเพื่อให้ตัวเองได้ไปเจอสังคมบ้างสงสัยใช่มั้ย? ว่าทำไมมีคอนโดหรูราคา 7 ล้าน? ก็เพราะมรดกยังไงล่ะ แต่ก็นั่นแหละ…มันแลกมาด้วยการสูญเสียพ่อแม่ไป เธอเป็นลูกคนเดียวถึงได้ทุกอย่างมา จึงเรียกได้ว่า ทุกขลาภ แล้วเรื่องเงินเรื่องทอง เมื่อไม่เข้าใครออกใคร ทำให้ต้องทะเลาะและผิดใจกับญาติพี่น้อง ทุกคนล้วนอยากมารุมทึ้งทรัพย์สมบัติของพ่อแม่เธอกันทั้งนั้น หลังจากพวกท่านเสียไปไอรดาเลือกที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มต้นเส้นทางชีวิตด้วยตัวคนเดียวโดยไร้ญาติขาดมิตรตั้งแต่นั้น….พอตะวันตกดิน ไอรดาเริ่มแต่งตัวแต่งหน้าทำผม และกินอะไรรอง
แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาเล็กน้อย ไอรดางัวเงียควานหาโทรศัพท์มาดู..เกือบสิบโมงแล้ว เธอกดรีโมทให้ผ้าม่านเปิดออก เห็นวิวกรุงเทพสวยๆจากชั้นที่ 27 แมทธิว DM มาหาเธอ ว่าเขาสามารถมารับเธอได้ ไอรดาเห็นแบบนั้น..ก็ยิ้มขำ“ท่าทางดูหิว ฉันไม่ใช่ของกินเล่นร้านสะดวกซื้อหรอกนะ”ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า เธอจะไปหาเองตามเวลา เพราะร้านที่นัดกันอยู่ใกล้คอนโดแค่ 800 เมตร 11.57 แมทธิวนั่งรอพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่ จนกระทั่งมีผู้หญิงบุคลิกมั่นใจ ใส่แว่นตาดำ มวยผมแสกกลางหลวมๆ เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่เปิดไหล่โชว์ผิวเนียนสวย กางเกงยีนส์ขาสั้น สะพาย neverfull MM เดินเข้ามาในร้าน เธอถอดแว่นตามองหา ก็เจอเขานั่งโต๊ะริมหน้าต่าง พอเดินไปใกล้ เขายิ้มให้จนตาหยี และลุกขึ้นเอาดอกไม้ให้“สวัสดี ผมดีใจและขอบคุณที่ยอมมาพบ” ไอรดายิ้มให้แบบไม่เห็นฟันพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะนั่งดูเมนูเพื่อเริ่มสั่งอาหารแมทธิวคิดว่าเธอคงไม่ค่อยไว้ใจเขา แต่ก็ยังยอมมากินมื้อเที่ยงด้วย “เมื่อคืน ผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธแล้ว”เธอละสายตาจากเมนู เหลือบตามองเขา สั่งอาหารแล้วเริ่มต้นพูดคุย“จริงๆอยากปฏิเสธนะ แต่เห็นว่ากล้าพูดชวนตรงๆ อีกอย่างใกล้ที่พักด้วย”ไ
ไอรดาหันไปมองที่ภูเขาในยามโพล้เพล้ แสงสีส้มแดงดูแล้วสวยอย่างประหลาด“คุณสูญเสียคนรัก แต่ยังโชคดีที่มีครอบครัวต่างกับฉัน..ถ้าให้แลกทุกสิ่งที่ฉันมีตอนนี้แล้วทำให้พวกท่านกลับมาได้ ฉันยอม”“น้องอายไม่ลองเปิดใจให้ใครที่รักจริงสักคนล่ะ จะได้มีคนช่วยคิด คอยดูแลอยู่เคียงข้างกัน” เธอทำเสียงขำขัน เหมือนว่ามันไร้สาระ“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ดีเท่าพ่อของฉัน จะมีไปทำไม ความรักน่ะ..มันน่ากลัวนะ ทำคนพังทลายมาเยอะ ฉันพึ่งพาตัวเองได้ ร้องไห้ก็กอดตัวเองได้ ฉันอยากทำสวยก็เพราะพอใจที่เห็นตัวเองในกระจกทุกบานที่เดินผ่าน ไม่ได้ทำสวยเพื่อใคร”แมทธิวกลับเอ็นดูเธอ ถึงแม้ว่าไอรดาจะพยายามทำท่าทางหรือคำพูดที่เย่อหยิ่งบวกกับอีโก้ที่สูงเทียมฟ้าใส่เขาก็ตาม “ผมเข้าใจที่น้องอายพยายามตั้งการ์ดอยู่ตลอดเวลา เหมือนนักมวยที่พร้อมจะต่อยใครก็ตามเมื่อรู้สึกถูกคุกคาม บางครั้งเราไม่ต้องพยายามทำเหมือนเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้”เธอทำหน้าไม่พอใจทันทีที่เขาพูดแบบนั้น แต่ไม่หันมามอง “บางครั้งประสบการณ์ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องมาจากคนที่เกิดก่อนหรือแก่กว่าหรอก ฉันเรียนรู้จากการมองประสบการณ์ของคนอื่นเอาก็ได้ อย่างที่คุณพยายามแนะนำฉัน ทั้ง
แมทธิวและไอรดา สบตากันอยู่แบบนั้น จนเธอเริ่มอึดอัด“คุณต้องการอะไร? เอางี้ดีกว่า พูดมาตรงๆเลย”ไอรดาอยากจบการสนทนาที่เธอรู้สึกว่ามันยืดเยื้อ“ผมอยากพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังเงิน ผมมีเวลาที่ไทยไม่มากเพราะต้องกลับไปทำงาน จะขออยู่จนถึงวันจันทร์ คุณก็ไม่ให้อยู่ ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”“ทำไมคิดว่าจะไม่มีโอกาส?”“คุณคงมีคนเข้าหาเยอะ ถ้าผมกลับไปกว่าจะกลับมา คุณอาจไม่โสดอีกแล้ว”“กะจะไม่ให้โอกาสฉันได้เจอคนอื่นบ้างล่ะ คิดกลับกันบ้างสิ”“ผมรู้สึกได้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าคุณก็มีความรู้สึกให้อยู่เหมือนกันแต่ไม่ยอมรับ”บ้าจริง….ไอรดาที่หน้าตารวบตึงแต่ข้างในนั้นไขว้เขว“ผู้หญิงที่รักตัวเองมากพอ จะไม่ไล่ล่าแต่จะดึงดูดสิ่งที่มีความหมายให้มาพบเจอเธอเอง ผมรู้ว่าเป็นสิ่งนั้นให้คุณได้ ถ้าคุณให้โอกาส”ตื้อมากใช่มั้ย? ได้สิ….“ปกติฉันไม่เคยคิดอยากคบกับคนอายุมากกว่าเป็นสิบปี เพราะความคิดอาจจะไม่บาลานซ์กัน คุณเคยหย่าร้างแถมมีเรื่องเด็กด้วย ถึงไม่ใช่ลูกคุณจริงๆ แต่ในเมื่อคุณรับเป็นลูกก็เท่ากับมีภาระติดตัวมา ขอโทษที่พูดตรงๆ ถ้าเราคุยกันไปนานวันเข้าไม่นานก็คงมีปัญหาแล้วก็
“ถ้าคุณถอดเสื้อ ฉันจะเปิดกล้องให้คุณเห็นหน้า”แมทธิวกะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มก่อนจะก้มมองตัวเขาเอง“อยากเช็กของหรือไง? ให้ผมเห็นหน้าก่อนสิ ถึงจะถอด”“แล้วแต่นะ…งั้นฉันจะวางแล้ว”“โอเค” เขาถอดเสื้อ ทำให้เธอเห็นว่าเขามีกล้ามแขนและหน้าท้องซิกแพค ไอรดาผิวปาก พยักหน้าให้ตัวเองว่าเขาซ่อนรูปจริงแบบที่เธอคิด “ขอผมเห็นหน้าคุณได้แล้ว อาย”ไอรดาเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่โต๊ะที่ใช้แต่งหน้า แล้วเธอไปนอนเล่นอยู่บนเตียง ทำเอาแมทธิวบ่นอุบที่เห็นเธอไม่ได้ถนัดนัก“ฉันจะได้ทำอย่างอื่นไปด้วยเวลาคุย จะให้มานั่งเปิดกล้องอย่างเดียวจนไม่ทำอะไรได้ไง แล้วนี่มันดึกแล้วไม่ใช่เหรอที่นั่น?”เขาไม่สนใจเรื่องเวลา แค่พอใจที่ได้คุยกับเธอ “คุณใส่ชุดแบบไหนไปเดทกับหนุ่มคนนั้นกันนะ สวยกว่าตอนไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”เธอลงจากเตียงมายืนให้เขาดู หมุนตัวไปมา “แน่นอน ต้องสวยสิ”“น้อยกว่าไปกับผม”ไอรดาส่ายหัวแต่ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งคู่คุยกันเป็นชั่วโมง เรื่องทั่วไป เรื่องงาน งานอดิเรก ความสนใจต่างๆ จนโทรศัพท์ของเธอมีเสียงเตือนว่าแบตจะหมดแล้ว“ตายละ แบตจะหมด ฉันหิวแล้วด้วย คุณเองก็นอนเถอะ”“พรุ่งนี้ผมโทรหานะ”เธอไม่ตอบแต่พยั
ไอรดายืนห่อตัวในวงแขนของแมทธิวที่ยันหน้าต่างอยู่แบบนั้น ลำตัวเขาแนบร่างกายของเธอที่ยืนหันหลังให้“ฉันร้อนแล้วก็ง่วง ขอบคุณที่รอตั้งสองชั่วโมง แล้วยังช่วยลากกระเป๋ามาให้ด้วย พักผ่อนกันเถอะนะ” เธอพยายามตัดบท พูดจบโดยไม่หันมา แต่แมทธิวเห็นหน้าเธอจากกระจกหน้าต่างที่สะท้อนอยู่ โดยที่ไอรดาไม่ทันสังเกตเพราะเอาแต่หลุบตาลงต่ำ“หันมาหาหน่อยสิ อยากเห็นหน้าจะแย่แล้ว ตั้งแต่มาไม่ได้มองเต็มๆ อยู่ในรถไฟ คุณก็เอาแต่มองออกไปข้างนอก”“คุณยืนเบียดฉัน”แมทธิวจับไหล่เธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างรวดเร็ว เธอทำท่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด “สาวสวยผู้กล้าท้าทายสายตาผมวันก่อน หายไปไหนแล้วล่ะ? ไหนบอกทำธุรกิจกัน จะให้สิทธิพิเศษผมแบบ Exclusive ที่ให้เช็กของวันนั้น ผมโอเคนะ เรือนร่างคุณสวยมาก”ได้ผล…เธอเงยหน้าจ้องตาเขาเขม็ง “ฉันพูดล้อเล่นสนุกๆเท่านั้น งานถ่ายแบบก็ไม่มีชุดว่ายน้ำอะไรเลย มากสุดก็ชุดดูเซ็กซี่นิดหน่อยแต่ไม่อนาจาร ชุดแฟชั่นธรรมดาๆ”“คุณล้อเล่น…แต่ผมเป็นห่วงจริง ถึงถามไงว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนมั้ย ไม่ได้ดูถูก เพราะถ้าไปถอดโชว์แบบนั้นต่อหน้าผู้ชายคนไหน คุณคงไม่รอด”“รวมถึงคุณด้วย?” ไอรดายังปากเก่งใส่เขาได้อย
แมทธิวนั่งก้มหน้าแล้วหลับตาลง พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง เรื่องที่ไอรดาต่อว่าเพราะเขาเองที่พูดแบบนั้นก่อน เธอคงสับสนที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ยังน้อยและตัวคนเดียว“คุณกลับไปที่ห้องก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียวให้ใจเย็นกว่านี้ ขอโทษที่ไร้มารยาท พูดจาแย่ๆใส่”เขาลืมตาเงยหน้ามอง น่าแปลกที่เขาไม่โกรธเธอเลย“ไอรดา..คุณคงลืมที่ผมบอกว่ายังไงเมื่อคืน ไม่ใช่แค่เพื่อมาหาแล้วมีอะไรด้วย แต่เพราะผมหลงรักคุณแล้วจริงๆ”พูดจบ แมทธิวก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเธอไปอย่างเงียบๆช่างเถอะ..ถ้าเขาเป็นผู้ชายของฉันจริง ก็จะกลับมาหาฉันเอง แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่….ไอรดาไปทำงานช่วงบ่าย พอเลิกงานตอนเย็นเลยถือโอกาสไปเที่ยวย่าน Ximending เธอไปแวะร้าน Popmart เพื่อซื้อลาบูบู้ไปฝากให้เพื่อนๆ พร้อมกับซื้อสตรีทฟู้ดเพื่อกลับมาเอามากินที่ห้อง แล้วเรียก Uber กลับมาที่โรงแรมระหว่างอยู่ในห้องเธอลงรูปว่าไปที่ไหนมาบ้าง จนเพื่อนๆที่ไทยมา comment กันยกใหญ่ ในขณะเดียวกันทั้งแมทธิวและภรรยาเก่าของเขาก็เห็นรูปพวกนั้นในไอจีของไอรดาเช่นกันแต่แมทธิวไม่กดไลค์ภาพของเธอในไอจี เย็นนี้ก็ไม่ออกไปไหน ไม่สั่งอะไรมากิน
“แมทธิว คุณเปิดห้องที่นี่ไว้กี่วัน?”ไอรดาที่ออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าหน้าตาเขาดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“สามคืน เพราะได้ยินคุณบอกว่าเผื่อหาโรงแรมใหม่…อาย ถ้าผมชวนคุณไปบ้านปู่ย่าผม คุณจะรังเกียจมั้ย?”เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วยืนกอดอกพิงโต๊ะ“ก็ได้นะ แต่ถ้าพวกท่านถาม ก็บอกว่าเป็นรุ่นน้องแล้วกัน”เขาพยักหน้ารับแบบเสียไม่ได้ ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้อง “ผมไปอาบน้ำ เดี๋ยวมากินมื้อเช้าด้วย อย่าลืมส่งเลขบัญชีให้ด้วย”ไอรดาส่งเลขบัญชีให้เขา ก่อนจะนอนเล่นโทรศัพท์รอไปพลางๆ ตอนนั้นในไอจีของเธอมีคนกดติดตามเพิ่มขึ้น ซึ่งมีไอจีของเด็กด้วย ซึ่งเธอสนใจแต่ไม่ได้คิดอะไร แมทธิวกลับมาพร้อมกับสั่งมื้อเช้ามากินด้วยกันกับเธอ เขารู้สึกว่าห้องนั้นแคบขึ้นมาทันตาเห็น “ไปอยู่ที่อื่นเอามั้ย? ยิ่งรู้สึกว่าแคบตอนนั่งกินข้าว ผมจ่ายเอง”“คุณเลือกแล้วกัน แต่ฉันจ่ายส่วนของตัวเองได้”“ไม่ต้องหรอก เพราะเราจะอยู่ห้องเดียวกัน ผมโอนให้แล้วนะหกหมื่น รอสักพักเงินคงเข้าบัญชีคุณ”เธอยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “อยู่ร่วมห้องด้วยกันหลายวัน ถ้าเกิดคุณผิดคำพูดที่ตกลงกัน ฉันก็คุยกับคนอื่นได้เลยนะ”“ก็รอดูไปว่าใครจะแพ้ก่อน ถ้า
ณ บ้านวิเชียรวรกุลทั้งสามตื่นแต่เช้า เตรียมตัวเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังขอนแก่น “เราเอากระเป๋าไปเพิ่มดีมั้ย? แมทธิว พวกชุด รองเท้า กระเป๋าที่ซื้อให้วีวี่ คงใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเด็กไม่พอหรอก ใบแค่นั้นน่ะ”“หนูไม่เอาไป กลัวชุดสวยกับรองเท้าพัง”ไอรดามองหน้า จนวีวี่หลบตาลง“ไม่ชอบเหรอ?”เด็กหญิงส่ายหน้าด้วยความกลัวไอรดา“แล้วทำไมไม่เอาไปด้วย?”“ถ้าหม่าม๊าเห็นจะต้องด่าหนู หนูกลัวหม่าม๊าทำพัง”คำตอบของเด็กทำเอาไอรดาสูดหายใจอย่างแรง ก่อนจะมองไปที่แมทธิว “ไม่เป็นไร ที่รัก เอาไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าคุณจะเมตตาเด็ก อนุญาตให้มาที่นี่อีก”เธอพยักหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง จึงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบสร้อยทองเส้นเล็กที่เคยได้ตอนเด็ก เป็นสร้อยทองสองสลึง ห้อยด้วยหลวงปู่ทวดองค์เล็ก “มานี่สิ…ใส่เอาไว้นะ ห้ามถอดไม่ว่าจะยังไง”วีวี่ยกนิ้วก้อยให้เธอแทนสัญญา ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน ไอรดาลุกขึ้นสะบัดหน้าแล้วหันหลังให้ก่อนจะพูดขึ้น“น้ายกคุณทรัฟเฟิ้ลให้ ขี้เกียจได้ยินทีหลังว่ามีเด็กนอนฝันร้าย ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลางดึก”เธอเดินออกจากห้องไปชั้นล่างทันที “คุณน้าโกรธที่หนูไม่เอาชุดไปด้วย”“ไม่ใช่แ
บ้านของไอรดาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อมีคนสี่คนในบ้าน มีเสียงเด็กหัวเราะ ป้ารินที่คิดถึงหลานของตัวเอง พอมีเด็กเล็กก็หายเหงาไปได้มาก แมทธิวชอบทำอาหาร ช่วยตัดหญ้า ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ พอช่วงบ่ายก็พากันขับรถออกไปเที่ยวนอกเมืองตามสถานที่ต่างๆทุกวัน แต่พอตกกลางคืนตั้งแต่มีเด็กหญิงมาอยู่ด้วย ไอรดาขอแมทธิวว่าจะไม่นอนห้องเดียวกับเขาและห้ามขอมีอะไรกับเธอในช่วงที่เด็กอยู่ที่นี่วีวี่อยากให้ไอรดาบินไปส่งกลับบ้านที่ขอนแก่นด้วย อีกทั้งแมทธิวก็ขอร้องจนยอมให้เขาจองตั๋วบินในวันเสาร์เพื่อไปด้วยกันสามคนจนได้ ระหว่างนั้นในเย็นวันพฤหัสบดี มีคนสองคนอุ้มเด็กเล็กเข้ามาที่บ้านของไอรดา แมทธิวที่กำลังเดินเล่นกับวีวี่ที่ปั่นจักรยาน เป็นคนที่ไปเปิดประตูให้ ป้ารินเดินออกมาหน้าบ้านถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้พาหลานมาหา พร้อมยื่นถุงพลาสติกเล็กๆใส่ส้มมาให้“แม่ สบายดีไหม? ซื้อส้มมาฝาก ว่าจะมาหาหลายทีตั้งแต่แม่บอกกลับมาที่บ้านนี้ พึ่งจะว่าง”“ไม่เป็นไรหรอก แม่เข้าใจ”ป้ารินกล่าวพร้อมกับรับหลานมาอุ้ม แมทธิวเดินกลับไปหาวีวี่ที่สนามหญ้าข้างบ้าน ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเป็นส่วนตัว“นั่นใครอ่ะแม่ มีเด็กด้วย”“แฟนหนู
แมทธิวขึ้นเครื่องเวลา 8.30 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง มีเวลาสี่ชั่วโมงครึ่งจะบินกลับเชียงใหม่ในตอน 13.05 เขาโทรหาไอรดาแล้วก็เรียก Taxi ตรงไปบ้านแม่ของกานต์วิภา ก็เจอลูกสาวตัวน้อยเตรียมกระเป๋าไว้เรียบร้อย เธอวิ่งเข้ามากอดและเขาอุ้มเธอเอาไว้ “คิดถึงแด๊ดดี๊มากเลย เราจะไปเชียงใหม่ใช่มั้ย?”“ใช่ แต่สัญญาแล้วนะว่าจะเป็นเด็กดี” เธอยื่นนิ้วก้อยให้แทนว่าสัญญา ทั้งคู่เกี่ยวก้อยกันตามนั้น “บอกคุณยายว่าจะมาส่งเช้าวันเสาร์นะ”เมื่อจัดการคุยผ่านล่ามตัวน้อยเรียบร้อย เขาก็ยกมือไหว้ร่ำลา แล้วพาไปทานมื้อเช้าในตัวเมืองขอนแก่น รอห้างสรรพสินค้าเปิด จึงพาเธอไปทานไอศครีมและเล่นบ้านบอลเพื่อฆ่าเวลา เขาส่งข้อความบอกกานต์วิภาว่ามารับลูกสาวแล้ว แต่อีกฝ่ายโทรกลับมาทันที“พี่แมทมาคนเดียวใช่มั้ย?”“ใช่ ทำไม? เดี๋ยวจะไปสนามบินแล้ว”“หวังว่าคงไม่มีใครต้องงอแงก่อน ระหว่างวีวี่กับผู้หญิงคนนั้น จะรอดมั้ยเนี่ย..หึ”กานต์วิภาหัวเราะเยาะ ก่อนจะพูดต่อไป“จะมาส่งกลับวันเสาร์ใช่มั้ย? จะรอดูว่าได้สักกี่วัน”“แค่นี้นะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว”แมทธิวตัดบทและวางสายแบบไร้เยื่อใยใดๆ ทำให้เธอถึงกับลืมตัวก
หลังจากไอรดาออกไปทำธุระข้างนอก แมทธิวก็โทรหากานต์วิภาให้บอกแม่ของเธอให้ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียนสี่วัน เพราะเขาจะไปรับมาใช้เวลาเพื่ออยู่ด้วยกัน แล้วจะไปส่งกลับขอนแก่นเช้าวันเสาร์“แล้วจะรับไปอยู่เที่ยวที่ไหน? ผู้หญิงคนนั้นจะยอมเหรอ..หึ” น้ำเสียงที่แสดงว่ากานต์วิภารู้สึกชอบใจ“ผมพูดเรื่องลูก ไม่ต้องพยายามไปพูดถึงเธอ ไอรดาเห็นใจเด็กมากพอ จนยอมจ่ายให้สามีเก่าคุณเพื่อให้เขาเซ็นง่ายๆ ถือว่าใจดีพอมั้ย? ขนาดคุณยังจัดการไม่ได้ถ้าผมไม่ขู่จะจ้างทนาย”ทำเอากานต์วิภาไม่พอใจที่เขาชื่นชมไอรดาแล้วตำหนิเธอแทน“ดูแลวีวี่ด้วยแล้วกัน อย่าให้มารังแกลูกหนู ไม่งั้นเจอดีแน่”“ปกติคุณเคยสนใจลูกด้วยเหรอ? กานต์”เขาวางสายใส่ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วแมทธิวสั่งอาหารเที่ยงมากิน หลังจากนั้นก็ไปนั่งเงียบๆในห้องพระ นั่งดูอัลบั้มรูปพ่อแม่ของไอรดา จนเจออัลบั้มหนึ่งเป็นรูปสมัยที่ไอรดายังเป็นเด็กหญิงเรื่อยไปจนถึงไฮสคูล กระทั่งตอนเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีแววตาที่สดใสและเติบโตมาเป็นอย่างดี ท่ามกลางรูปที่ถ่ายร่วมกับพ่อแม่ของเธออยู่มากมาย มีลายมือเขียนภาษาไทยเอาไว้ในหน้าสุดท้ายของอัลบั้
แมทธิวเริ่มเครียดเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงทั้งสองคนคุยกัน“เธอรู้สึกได้บ้างมั้ย ถ้าไม่เข้าข้างสามีเก่าจนเกินไป เขารักลูกสาวบ้างหรือเปล่า?”“เราไม่ได้พร้อมที่จะมีลูกในตอนที่อายุ 18 เขามีแต่ความกลัว”“ตอบไม่ตรงคำถาม เขาเห็นแก่ตัว..มากกว่ากลัว และเธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันที่ไม่ทำอะไรเลยที่จะเรียกร้องอะไรให้เด็ก บอกเขาไป เซ็นซะ แล้วส่งรูปมา ฉันจ่ายทันทีห้าหมื่นเข้าบัญชี”“เป็นพวกชอบจบปัญหาด้วยเงินสินะ”“ที่ผ่านมาเธอคงจบปัญหาได้งั้นสิ? ยืดเยื้อขนาดนี้จนเด็กปาไปแปดขวบ ฉันจะให้เขาเซ็นง่ายๆไม่ต้องพล่ามอะไร แล้วมาวุ่นวายกับทางนี้ให้ฉันต้องได้ยินอีก คิดดูแล้วกัน ถ้าสามีเก่าของเธอทั้งสองคนมีภรรยาใหม่ ลูกใหม่ จะเอาอะไรมารับประกันให้เด็กได้บ้าง นอกจากเธอต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือคอยมองหาผู้ชายคนต่อไปที่เข้ามารับภาระต่อ อย่างน้อยพ่อแท้ๆเกิดวันหนึ่งเขามีทรัพย์สินอะไรใดๆ แล้วเขาเป็นอะไรขึ้นมา ลูกสาวเธอนั่นแหละควรได้สิทธิ์ตรงนี้ด้วย ในขณะที่แมทธิวเขาก็อุปถัมภ์ต่อจนเรียนจบในฐานะที่เขาผูกพันกันมา” ไอรดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อทันที“ฉันจะไม่ทนเห็นผู้ชายของฉัน ต้องทำงานหนักจนไม่สบายไอเป็นเลือด
ไอรดาได้ยินทุกอย่าง ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บอาหารจานชามออกมานอกห้อง เจอกับแมทธิวที่รีบลุกขึ้นมาช่วยเธอ“ไม่เป็นไร คุณนั่งเถอะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง?”แมทธิวมองเธอที่เดินถือทุกอย่างผ่านเขาไป ไอรดาหลบตา ถามเหมือนไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยอะไรเกี่ยวกับเธอคุณคิดแบบที่เขาพูดบ้างหรือเปล่า…ไอรดา..“ผมกินมาแล้ว”เขาเดินไปโอบเธอที่ยืนล้างจานอยู่ แล้วช่วยล้างทั้งที่โอบอยู่แบบนั้น พลางพูดข้างๆหู เอาแก้มไปแนบแก้มเธอ“เขาดูหล่อมีชาติตระกูล ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไม่นานคงหลงเสน่ห์ได้ง่าย ผิวพรรณ หน้าตา นิ้วมือที่เรียวเหมือนผู้หญิง บ่งบอกว่าไม่เคยลำบาก แต่สายตาเขาเป็นคนชอบเอาชนะ มีคนเตือนผมให้ระวังถ้าขวางทางเขา เพราะเป็นลูกคนมีอิทธิพลและกว้างขวางที่นี่” ไอรดาเอาผ้าเช็ดมือให้เขาอย่างทะนุถนอม แล้วถามขึ้นมา“คุณอยากทำแบบที่พี่โจบอกหรือเปล่า?”“ผมไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด สนใจแค่คุณคิดยังไง ผมอาจจะไม่ได้มีเงินมากเหมือนเขา แต่จะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก”ไอรดาผละออกจากอกกว้างที่โอบเธอ ไปนั่งที่เก้าอี้แทน“แต่ฉันอาจทำให้คุณลำบาก มีบางครั้งที่ฉันแอบคิดว่า หรือควรจะคบเขาไปให้มันจบ ฉันเองก็จะสามารถรักษาธุรกิจ
ที่สุวรรณภูมิ แมทธิวเจอกับกานต์วิภาครั้งแรกในรอบครึ่งปี หลังจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจบลง เธอตื่นเต้นได้เพียงครู่เดียว ก็สังเกตว่าเขาใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่ไม่ใช่แหวนแต่งงานที่เคยใส่คู่กับเธอ ในขณะที่เธอยังใส่แหวนแต่งงานของเขาอยู่ แมทธิวเองก็เห็นแต่ไม่ใส่ใจ“พ่อของวีวี่ได้เจอลูกสาวของเขาหรือติดต่อมาบ้างมั้ย?”“พี่แมทก็รู้ว่าตั้งแต่หนูเลิกกับเขา เขาแค่โทรมาถามครั้งสองครั้ง พอแต่งงานกับพี่แมท เขาไม่ติดต่ออีกเลย พี่แมทเองก็ไม่สนใจไม่ใช่เหรอ”“หมายถึงหลังเราหย่ากันแล้ว”แมทธิวเริ่มเงียบ นั่งดูโทรศัพท์และส่งข้อความให้ไอรดาโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองเธอ ทำเอากานต์วิภาต้องพลอยเงียบไปด้วย ไม่พูดอะไรกันต่ออีก ได้แค่นั่งรอเวลาเพื่อขึ้นเครื่องทางด้านบ้านกิตติโสภณ มื้อเช้าที่ทุกคนลงมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร เจตสุวีย์แปลกใจที่น้องสาวอยู่บ้าน“จูน..ไม่ได้อยู่กับน้องอายเหรอ? กลับมาตอนไหน?”ดีที่ว่ามื้อเช้านี้ไม่มีพ่ออยู่ด้วยเพราะว่าไปต่างประเทศ จูนมองหน้าแม่ ก่อนจะมองที่พี่ชาย แล้วคิดว่าจะตอบดีไหม“กลับมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว เพราะมีคนมาเปลี่ยนดูแลแทน”เจตสุวีย์ถึงกับวางช้อนที่กำลังจะตักเข้าปาก แม่ที่
มีเสียงเคาะประตูห้อง ขณะที่เจตสุวีย์โทรคุยธุระกับใครบางคนอยู่ “โจ..ม๊าขอคุยด้วยหน่อย”เจตสุวีย์มาเปิดประตู ก็เจอแม่ที่ทำหน้าเครียดใส่ “ปิดประตูด้วย”แม่ของเขาสั่งเสียงเข้ม พอเขาปิดประตูก็โดนดุทันที“ทำไมทำตัวแย่แบบนี้ จูนโทรมาเล่าว่าโจไปบุกรุกบ้านน้องอายตีหนึ่ง ถ้าจูนไปช้าอีกหน่อยจะเป็นยังไง? ต่อให้คบกันแต่ถ้าผู้หญิงไม่ยอม ก็คือการข่มขืนดีๆนี่เอง ถ้าน้องแจ้งความจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ม๊าไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนแบบนี้ ถ้าจูนฟ้องป๊า โจโดนหนักแน่”“งั้นถ้าโจทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ โจอยากแต่งงานกับน้อง ป๊ากับม๊าพูดคุยทาบทามให้โจได้มั้ยครับ แต่โจจะลองคุยกับน้องก่อน”“พึ่งทำน้องร้องไห้ คงยังไม่หายโกรธแค่ข้ามคืน จูนเองโมโหน่าดูตอนโทรหาม๊า นี่ต้องอยู่ค้างเป็นเพื่อน เพราะจูนบอกน้องอายป่วยถึงกับต้องไปหาจิตแพทย์ ได้ยินแบบนี้ม๊ารู้สึกไม่ดีเลย โจทำอะไรกดดันน้องเกินไปก่อนหน้านี้ด้วยหรือเปล่า?” เขาตกใจที่ได้ยินแบบนี้ ถึงกับใจอยู่ไม่สุข“ตอนนี้จูนอยู่กับน้องอาย ผมขอโทรหาจูนก่อนครับม๊า”แม่ของเขาถอนหายใจด้วยหน้าที่บึ้งตึงแล้วหันหลังออกไป ทางด้านจูนพอเห็นพี่ชายโทรมาก็ค่อยๆลุกและออกจากห้องนอนเพื่อไปคุยข้าง
กานต์วิภาโอนอ่อนให้เขาแต่โดยดี เพราะหน้าตาที่หล่อ รูปร่างดี ผิวขาวเป็นหยวก แถมมีฐานะสูง แค่เขาทำท่าสนใจเธอก็รู้สึกดีแล้ว ยังไงอดีตสามีก็คงไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป การได้เป็นผู้หญิงของเศรษฐีหนุ่มคือทางเลือกที่ดีกว่า ถ้ามีโชคมากพอ เอาใจเขาดีๆ อาจได้เป็นคนโปรดของเขา ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วเธอมองหน้าเขาที่ขย่มอยู่บนตัวเธอ หน้าตาเขาช่างหล่อน่ารัก ตัวหอมฟุ้ง ทำเอากานต์วิภาเคลิ้มเหมือนฝันไปแต่ระหว่างที่ทำนั้น เจตสุวีย์ไม่จูบปากเธอ ไม่สัมผัสส่วนใดๆ เขามองตาเธอแว็บเดียวก็จับเธอนอนคว่ำแล้วทำต่อ กานต์วิภาถึงกับอายที่เขาเหมือนไม่อยากเห็นหน้าเธอ ที่ทำก็เพื่อบำบัดความใคร่อย่างเดียวและยังมีสติพอที่จะไม่ปล่อยข้างในเพื่อกันพลาดเมื่อเจตสุวีย์อารมณ์สงบลง เขาผละจากเธอทันที แล้วใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องกระดาษชำระบนโต๊ะมาให้กานต์วิภาเช็ดต้นขาที่เลอะและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยเขายืนหันหลังมือสองข้างยันโต๊ะไว้เหมือนกำลังตั้งสติ“เอ่อ..หนูขึ้นมาสักพักแล้ว เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย ขอตัวลงไปทำงานก่อนค่ะ” เขาไม่หันมาแต่ทำสัญญาณมือให้เธอออกไป “แล้วผมจะติดต่อไปเอง”กานต์วิภาไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา