"เธอเป็นอะไรหรือเปล่าชม" เพื่อนสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนก่อนมานั่งทานข้าวแล้ว ว่าชมจันทร์ดูเหม่อลอยผิดปกติ
"พวกเธอพอจะรู้ไหมว่าบริษัทไหนเขารับสมัครพนักงาน"
"เธออย่าพูดแบบนั้นสิ พวกฉันใจหายนะ"
"ฉันคงต้องหางานอื่นไว้รองรับ"
"เธอมีแค่วุฒิมัธยมไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ หรือฉันจะไปขอเป็นแม่บ้านโรงพยาบาลดี" อย่างมากเธอก็ได้อยู่ใกล้แม่คอยดูแลท่าน
"ไม่เอาอย่าทำแบบนั้นเลย"
"ใช่..ทุกปัญหามันต้องมีทางออกสิ"
"แต่ฉันหาทางออกไม่เจอ" อุตส่าห์ใจจดใจจ่อรอสิ้นปี เพราะผลงานที่เธอทำไว้ก็มีหลายชิ้น คงได้โบนัสกับเขาบ้าง แต่นี่ ดูชะตากรรมตัวเองแล้วคงอยู่บริษัทนี้ไม่ถึงสิ้นปีแน่
"อร่อยไหมครับ" ขณะที่ทั้งสามทานข้าวและนั่งคุยกันอยู่ ชาคริตก็ได้เข้ามาร่วมโต๊ะด้วย
"......" วิเวียร์และอันนามองมาที่ชมจันทร์แทบจะพร้อมกัน
ส่วนชมจันทร์ตักข้าวใส่ปากแล้วเคี้ยวแบบไม่สนใจ
"ผมซื้อของกินมาฝากด้วย" ว่าแล้วชาคริตก็วางถุงที่ซื้อมาลงตรงหน้าชมจันทร์ "คุณสองคนจะทานด้วยก็ได้นะครับ ผมซื้อมาเผื่อด้วย"
"ขอบคุณค่ะ แต่พวกเราใกล้จะอิ่มแล้ว" ตอนที่วิเวียร์พูดมองไปก็เห็นว่าเพ็ญพักตร์กับกลุ่มหัวหน้ามองมาเช่นกัน วิเวียร์ก็เลยสะกิดอันนาและชมจันทร์ดู
"เธอว่าพวกนั้นกำลังพูดถึงเราไหม"
"คงไม่พูดถึงเราหรอก แต่ว่าพูดถึง.." อันนาเหลือบตามองไปดูชาคริต แล้วก็มองมาที่ชมจันทร์
"ฉันอิ่มแล้ว เราไปกัน" ชมจันทร์วางช้อนแล้วก็ลุกขึ้น โดยไม่สนใจชาคริต ไม่ใช่แค่ไม่สนใจสิเหมือนว่าชาคริตไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ
ชาคริตที่ยังคงนั่งอยู่โต๊ะนั้นคนเดียว มองจ้องถุงที่ตัวเองซื้อมาให้แต่ผู้หญิงไม่รับ ..ไม่ต้องมองไปรอบๆ ตัวก็พอจะรู้ ว่าตอนนี้สายตาที่มองมาคงเกือบทั้งโรงอาหารนี้แน่
เย็นวันเดียวกัน.. ที่โรงพยาบาล
"เมื่อกี้คุณพยาบาลว่าอะไรนะคะ?"
"ญาติคนไข้ย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษแล้วค่ะ"
"ญาติคนไข้ที่ไหน คุณก็รู้ว่าแม่มีแค่ฉันคนเดียว"
"แต่คนไข้ยินยอมที่จะย้ายนะคะ"
"แล้วแม่ย้ายไปอยู่ห้องไหนคะ" ในใจคิดไปมากมายว่าคนคนนั้นคือใคร หวังว่าคงไม่ใช่คนที่เธอกำลังคิดอยู่หรอกนะ
พอรู้ว่าแม่ถูกย้ายไปที่ห้องไหนชั้นไหน ชมจันทร์ก็รีบไปที่นั่น
"แม่คะ"
"มาแล้วเหรอลูก" เดือนกำลังนอนดูทีวี พอเห็นว่าลูกสาวเข้ามาก็หันไปยิ้มหวานให้
"ใครเป็นคนย้ายแม่มาห้องนี้คะ"
"ของว่างมาแล้วครับคุณแม่"
"คุณชาคริต!?" มันเป็นแบบที่เธอคิดไว้จริง นี่พวกเขาจะไม่จบใช่ไหม
"อ้าวคุณมาแล้วเหรอครับ ผมกำลังเตรียมของว่างให้คุณแม่อยู่เลย"
"ถ้าหนูไม่เข้าใจอะไรกับพี่เขา ก็พูดกันดีๆ นะลูก"
"ไม่เข้าใจ?" นี่แสดงว่าผู้ชายคนนี้คงมาพูดตลบตะแลงอะไรให้แม่ฟังแน่เลย
"ผมว่าคุณแม่ทานของว่างก่อนดีกว่าครับ ส่วนเรื่องค่ารักษาและค่าห้องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมคุยกับคุณหมอแล้ว"
"ฉันขอคุยกับคุณหน่อยค่ะ" พูดจบชมจันทร์ก็เดินนำหน้าออกไปก่อน
"เดี๋ยวผมมานะครับคุณแม่"
"คุยกันดีๆ นะลูก"
"ครับ" ก่อนไปชาคริตเอื้อมมือมาขยับผ้าห่มขึ้นให้กับแม่ของเธอเล็กน้อย
หน้าห้อง..
"คุณกำลังทำอะไร"
"ผมรู้ว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีช่วยทุกอย่าง"
"แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันขอแล้วคุณจะยอมช่วยฉัน"
"ยอมสิครับ"
"ถ้างั้นฉันขอให้คุณไปไกลๆ ได้ไหม จะไปตายที่ไหนก็ไป"
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ชาคริตถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ สายตาเขามองไปดูรอบๆ เพราะคนที่นั่งอยู่แถวนั้นต่างก็มองมา
หมั่บ
"โอ๊ย" จังหวะที่เธอกำลังจะเดินกลับเข้าห้องก็ถูกชาคริตกระชากแขนไว้
"เธอแน่ใจแล้วเหรอ รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายที่ย้ายแม่เธอและเปลี่ยนหมอรวมแล้วเท่าไร"
"อะไรนะ? คุณสั่งให้เปลี่ยนหมอด้วยเหรอ"
"ใช่..หมอจากต่างประเทศด้วย เธอมีปัญญาจ่ายไหมล่ะ"
เพี๊ยะ! มือข้างที่ว่างอยู่สะบัดฟาดใส่ใบหน้าของชาคริตแบบหยุดอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
"คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้"
"ใช่ผมไม่มีสิทธิ์ แต่แม่คุณก็ยื่นสิทธิ์นั้นมาให้ผม" คนไข้ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ก็เลยมีสิทธิ์ให้ใครก็ได้เป็นเจ้าของไข้ ..เดือนสงสารลูกสาวที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คิดว่าพอเห็นทางที่จะช่วยลูกสาวได้ ก็เลยรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ และคิดว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นคนดี
แล้วจะทำยังไงดี จะพูดเรื่องนี้กับแม่ก็ไม่ได้ เพราะท่านคงมีความหวัง ทำไมเธอจะไม่รู้เรื่องเปลี่ยนหมอ เพราะคุณหมอที่ทำการรักษาคุยเรื่องอาจารย์หมอจากต่างประเทศให้เธอฟังแล้ว แต่เธอจะเอาปัญญาไหนจ่ายค่ารักษาให้แม่
"ยอมฉันสิ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง"
"มีอะไรหรือเปล่าลูก" พอลูกสาวกลับเข้ามาก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา"คุณแม่ว่าอะไรนะคะ""แม่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าลูก""ไม่ผิดหรอกค่ะ แม่นอนพักผ่อนเยอะๆ นะคะ อีกสองวันคุณหมอก็จะเดินทางมาถึงแล้ว" หลังจากที่ชาคริตไป ชมจันทร์ก็เข้าไปพบคุณหมอ ถามเรื่องค่ารักษาและค่าห้องพักว่าเธอต้องจ่ายเท่าไรเรื่องค่ารักษาต้องรอให้อาจารย์หมอวินิจฉัยดูก่อน ส่วนค่าห้องพักก็ต้องดูว่าคนไข้จะอยู่นานเท่าไร แต่หลักๆ เตรียมเงินล้านไว้รอได้เลย"พ่อชาคริตก็เป็นคนดีนะลูก คนเราจะเห็นความดีของกันก็ตอนลำบากนี่แหละ""แม่นอนนะคะ" เธอไม่อยากได้ยินแม้แต่ชื่อของผู้ชายคนนั้น แต่เธอจะทำยังไงดีเช้าวันต่อมา.. เมื่อคืนชมจันทร์นอนห้องพิเศษกับแม่ มีทั้งโซฟาให้นอน แอร์เย็นๆ แต่ทำไมเธอถึงนอนไม่หลับหญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกมาบริษัท พอมาถึง..กำลังใจก็ลดน้อยถอยลงไปอีก เพราะยังมีเรื่องที่ถูกย้ายให้ออกไปทำการตลาดต่างจังหวัด เงินรักษาแม่ก็ยังหาไม่ได้"ชม!!"เอี๊ยดดด~"ชมเธอเป็นอะไรไหม" วิเวียร์รีบเข้าไปดูเพื่อน"ฉันไม่เป็นอะไร" ชมจันทร์มองดูรถคันที่เกือบชนเธอ เจ้าของรถไม่แม้แต่จะลงมาดู"นี่มันรถของผู้บริหารคนใหม่ใช่ไหม?""เรา
"ฉันขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหมคะ"ชายหนุ่มที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกัน มองหน้าเธอโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ..แต่มันก็ดีมากแล้วสำหรับเธอที่เขายังมองหน้าอยู่"ฉันขอร้อง"ชมจันทร์ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นผู้บริหาร"คุณทัพไทคะ ฉันขอร้องนะคะ""จำชื่อฉันได้ด้วยเหรอ" ชายหนุ่มหันมามองเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกจากลิฟต์"จำได้สิคะ" ชมจันทร์ทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดแล้วเดินตามเขามาที่ห้องทำงาน"เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ" เลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องรีบพูดหยุดเธอไว้ก่อน แต่ก็ไม่กล้าขวาง เพราะไม่แน่ใจว่าคุณทัพไทจะให้เธอตามเข้าไปด้วยไหมตำแหน่งประธานบริษัทยังคงเป็นของเทวินน้องเขยของเขาอยู่ ถึงแม้ทัพไทจะเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ตำแหน่งของเขายังไม่แน่ชัดสโนไวท์ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมพี่ชายถึงยอมตกลงมาบริหารงานที่นี่ให้ ที่จริงโครงการขยายกิจการมีมาได้สองปีแล้ว แต่เธอกับสามียังไม่กล้าวางมือจากที่นี่ เพราะถึงอย่างไรบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่คุณปู่ของเทวินสร้างขึ้นมาแต่พอทัพไทไม่พูดอะไร ชุติมาเลขาหน้าห้องจำเป็นต้องปล่อยให้ชมจันทร์เข้าไปพอเข้ามาในห้องทัพไทก็เดินไปยืนมองทอดสายตาออกไปนอกอาคารที่มีผนังเป็นกระจ
"ถ้าช่วยเธอแล้วฉันจะได้อะไร""คุณต้องการอะไรล่ะคะ" ในเมื่อเขาถามมาแบบนั้น แล้วเธอจะตอบยังไงล่ะ..นอกจาก ถามเขากลับว่าต้องการอะไรจากเธอ"ยังไม่ได้คิด" สายตาเขายังคงจ้องมองดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า อยากให้เธอเป็นคนเสนอมาเอง"คุณจะทำเป็นสัญญาขึ้นมา ก็ได้นะคะ ฉันจะทยอยใช้เงินคืนให้คุณ""ยืมไปเป็นก้อน แต่จะใช้ทีละบาทสองบาท?""คุณก็พูดมาสิคะว่าคุณต้องการแบบไหน" ตอนนี้เธอมองไม่เห็นทางไหนแล้วจริงๆ เขาจะดูถูกเธอแค่ไหนก็คงต้องทนเอาสายตาคมมองตั้งแต่ใบหน้าต่ำลงไปจนถึงจุดกึ่งกลางลำตัวของผู้หญิงจนคนที่ถูกมองรู้สึกอายสายตานั้น แต่เธอก็ยืนให้เขามองสำรวจเรือนร่างของเธอโดยไม่หลบไปไหน"ถ้าฉันบอกว่าต้องการตัวเธอล่ะ""ค่ะ""?" เป็นเขาเองที่แปลกใจ ทีแรกกลัวว่าจะถูกเธอตบหน้าด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะตอบตกลงง่ายดายแบบนี้"แต่ฉันคิดว่าตัวฉันคงมีค่ามากกว่าสองข้อนั้น ฉันขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง" คนเราเกิดมาต้องคิดว่าตัวเองมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว ถ้าเธอจะใช้มันแลกกับอะไรสักอย่างต้องให้มันคุ้มกว่านี้"ว่ามา""ไล่หัวหน้าแผนกที่ชื่อเพ็ญพักตร์ และชาคริตออก""ได้สิ"ทำไมเขาตอบตกลงง่ายจัง แต่ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเสียเ
ลวงรักแฟนเก่า บทที่ 10 //18++ชมจันทร์คิดว่าต้องไปคุยกับเขาให้เข้าใจก่อน หญิงสาวก็เลย ยอมขึ้นรถมากับคนสนิทของเขา"นั่นยัยชมไปกับใคร" เพื่อนที่ตามออกมาทีหลังเห็นว่าชมจันทร์เดินไปขึ้นรถกับผู้ชายแปลกหน้า"ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันนะ""แต่ทำไมเราถึงไม่คุ้นหน้าล่ะ""พวกเขาอาจจะรู้จักกันก่อนที่จะมาคบกับเราก็ได้" ดูท่าแล้วชมจันทร์คงจะรู้จักกับผู้ชายคนนั้นจริง เพราะเห็นว่าเป็นคนเดินไปเปิดประตูรถเอง[หมู่บ้านจัดสรร]"เขาให้รออยู่ที่นี่เหรอคะ""ใช่ครับ"ชมจันทร์เดินตามคนของเขาเข้าไป บ้านหลังนี้ใหม่มาก เหมือนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เลย แถมไม่ไกลจากบริษัทด้วย"แล้วเขาจะมาตอนไหนคะ""อันนี้ผมก็ไม่รู้ครับ คุณรออยู่ในนี้แหละ""แล้วคุณจะไปไหน""ผมก็มีงานต้องทำ" ว่าแล้วคนของเขาก็ออกไปถ้ายังไม่มาทำไมไม่ให้เรากลับโรงพยาบาลก่อน ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว กลัวว่าแม่จะเป็นห่วง เพราะถ้าตอนไหนทำงานล่วงเวลาเธอจะบอกแม่ก่อน21 : 30 น ชมจันทร์ตัดสินใจว่าจะกลับไปโรงพยาบาลก่อน มืดขนาดนี้แล้วยังไม่มาอีก"?" พอเปิดประตูหน้าบ้านออกก็เห็นคนที่เธอรออยู่เดินเซเข้ามา "คุณไปดื่มมาเหรอ""ถามทำไม""ฉันว่าจะขอ โอ๊ย" เธอยังพูดไม่จบเลยก็ถูกเ
เช้าวันต่อมา.."......" เมื่อคืนเราเมามากเลยเหรอวะ ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเธออยู่ในห้องนี้แล้ว ที่จริงเขาไม่ได้แกล้งเดินเซหรอก ก่อนมาหาเธอเขาไปดื่มเหล้ามาก่อนแล้ว เพื่อสลัดความรู้สึกเดิมๆ ให้มันออกไปในเวลาต่อมาที่บริษัท.."ทำไมดูแกง่วงจัง" อันนาเห็นว่าชมจันทร์หาวหลายทีแล้ว"ยังไม่ได้นอนเลย""แกไปทำอะไรมา" เพื่อนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน เพราะเมื่อวานเห็นว่าชมจันทร์ขึ้นรถไปกับผู้ชายชมจันทร์ก็เลยเล่าคร่าวๆ ให้เพื่อนฟังเรื่องรักษาแม่ แต่เธอไม่ได้บอกหมดว่าค่าใช้จ่ายเท่าไรและคุณหมอเดินทางมาจากไหน เพราะถ้าเพื่อนรู้ต้องสงสัยแน่ว่าเธอเอาเงินมาจากไหนมารักษาแม่"แล้วเธอมีเงินเหรอ" ขนาดพูดไม่หมดเพื่อนยังสงสัยเลย"ฉันขอยืมคนรู้จัก""ถ้าฉันมีเงินคงให้เธอยืมได้""เอาแบบนี้ไหมล่ะ เดือนนี้ถ้าเธอช็อต กินข้าวเที่ยงกับพวกเราก็ได้ เดี๋ยวเราออกกันเลี้ยง""ขอบใจพวกแกมากนะ""ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ ขอให้แม่หายไวๆ นะ""คุยอะไรกันอยู่ งานที่ให้ทำเมื่อวานนี้ไปถึงไหนแล้ว" รจนาหัวหน้าคนใหม่เดินผ่านมาเห็นทั้งสามตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่คุยกัน"เรากำลังคุยเรื่อง.." วิเวียร์กำลังจะเล่าให้หัวหน้าฟัง เผื่อหัวหน้าเห็นใจลูก
ขณะที่ขับรถออกมาธีรพันธ์ก็แอบมองสายตาผู้เป็นนาย เพราะเขาเอาแต่จ้องกระจกที่มองผ่านไปเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างถนนชมจันทร์เดินออกมาหน่อยหนึ่งก็มีแท็กซี่ เธอก็เลยให้แท็กซี่มาส่งที่โรงพยาบาลคุยกับเขาแล้วแทนที่จะสบายใจขึ้น แต่ต้องทำให้คิดมากไปอีกว่าเขาจะยอมช่วยไหม แล้วตกลงพรุ่งนี้เธอจะหยุดงานได้ไหม เพราะถ้าไม่มีคำสั่งลงมาจากเขามีหวังหัวหน้าเล่นงานเธอหนักแน่ ..แต่ว่าเขาจะกล้าสั่งแบบนั้นเหรอ เพราะถ้ามันเป็นคำสั่งของเขาลงมาโดยตรง ต้องมีคนสงสัยแน่ว่าเขากับเธอเป็นอะไรกัน แล้วถ้าผู้หญิงของเขารู้ล่ะ?"ถ้าหนูไม่มีเงิน เราไม่รักษาต่อก็ได้นะลูก" เดือนเห็นว่าลูกสาวนั่งเหม่อลอย คิดว่าคงกำลังกลุ้มใจเรื่องนี้แน่ เพราะถ้าไม่มีชาคริตแล้วลูกสาวจะเอาเงินที่ไหนมารักษาแม่"แม่อย่าพูดแบบนั้นสิคะ เรามีหนทางที่จะช่วยให้แม่หายแล้ว ทำไมเราต้องพอแค่นี้ด้วย" เธอคิดไม่ออกว่าถ้าไม่มีแม่อยู่บนโลกนี้ เธอจะอยู่ต่อไปคนเดียวได้ยังไง ถ้าร่างกายของเธอแลกกับชีวิตแม่ได้ ทำไมเธอจะไม่รีบคว้าโอกาสนั้นไว้ล่ะ"แล้วหนูทานข้าวมาหรือยังลูก"ชมจันทร์ยิ้มให้แม่เล็กน้อยเพื่อเลี่ยงที่จะตอบ เพราะถ้าตอบไปก็คงโกหกว่าทานแล้ว"แม่นอนพักนะคะ พรุ่งน
หมั่บ! นาทีนี้เธอจะช้าไม่ได้แล้ว ค่อยให้เขาเคลียร์กันเองแล้วกัน หญิงสาวคว้าเช็คใบนั้นออกจากมือเขาก่อนที่จะไม่มีเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่กึก! พอได้เช็คแล้วชมจันทร์ก็รีบออกจากห้องไปก่อนเลย แถมเธอยังปิดประตูห้องให้ด้วยชุติมามองตามคนที่เข้ามาขอพบท่านผู้บริหาร เพราะเธอออกจากห้องทำงานของท่านแล้วก็รีบตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่พูดไม่กล่าวอะไรเลย"ชม" พอชมจันทร์ลงมาถึงข้างล่างก็ได้ยินเสียงอันนา"อัน" "โทรหาทำไมไม่รับสาย" อันนาลงมาเอาเอกสาร กำลังจะกลับขึ้นแผนก ก็เจอกับชมจันทร์เข้าเสียก่อน"วันนี้ยุ่งๆ""ยุ่งเรื่องที่โรงพยาบาลใช่ไหม แต่ทำไมไม่โทรมาลาหัวหน้าก่อน""ยังไม่มีคนแจ้งหัวหน้าให้เราเหรอ""เธอฝากใครลางานให้""เรื่องนั้นช่างมันก่อน เราไปทำธุระก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน" เธอจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้วกลัวว่าธนาคารจะปิดก่อน เพราะเธอต้องรีบไปขึ้นเงิน[โรงพยาบาล]พอมาถึงชมจันทร์ก็เอาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับแม่"หนูไปไหนมาเหรอลูก""ไปจ่ายเงินมาค่ะแม่"เดือนยิ้มให้กับลูกสาวเล็กน้อยเพื่อเป็นกำลังใจ นางไม่ถามว่าลูกเอาเงินมาจากไหน เพราะถ้าลูกอยากเล่าให้ฟังก็คงพูดออกมาแล้ว"หน้าแม่ดูสดชื่นขึ้นมากเ
ริมฝีปากบางค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ท่อนเอ็นที่มันตั้งชันอยู่ใกล้ใบหน้าแขนทั้งสองข้างของเขาขยับขึ้นไปหนุนท้ายทอยตัวเอง แล้วมองต่ำลงมาดูว่าเธอจะทำอย่างไร"อึก" หญิงสาวใช้ปากครอบงำเจ้าสิ่งนั้นและจินตนาการไปว่ามันคือของกินได้ เธอไม่รู้หรอกว่าการใช้ปากช่วยผู้ชายต้องทำยังไง แต่ก็ดีมากแล้วที่เขาเปิดโอกาสให้เธอเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้อะไร เพราะเธอลืมไปเลยว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมคือยาคุมกำเนิดอ๊อก อึก อ๊อก อึก ขณะที่ใช้ปากรูดขึ้นลงเธอก็มีอาการพะอืดพะอม แต่ไม่กล้าแสดงออกมาให้เขาเห็น เดี๋ยวหาว่ารังเกียจอีก "ซี๊ดด" ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เสียว ยิ่งฟันเธอถูกเนื้อบางๆ ด้วยแล้ว ในใจตอนนี้อยากจะจับศีรษะเธอกดลงแล้วกระแทกให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาคงเสร็จเร็วแน่ ก็เลยปล่อยให้เธอแสดงความสามารถหน่อย"อือ อ๊อก อ๊อก บ๊วก" ตอนที่น้ำของเขาซึมออกมาจากยอดปลาย รสชาติของมันไม่น่าจะมาอยู่ในปากของมนุษย์ได้เลย"แล้วมือมีไว้ทำไม" เขาเห็นว่าเธอพยายามมาสักพักแล้ว ถ้าเธอใช้มือรูดช่วยในขณะที่อมป่านนี้คงแตกไปแล้วมือเหรอ..เธอคิดว่าถ้าใช้มือก็คงไม่ต้องใช้ปากมั้ง หญิงสาวก็เลยกำช่วงลำท่อน แล้วก็รูดขึ้นลงเหมือนตำส้มตำ"อ้า
ลวงรักแฟนเก่า บทที่ 108🔞 ตอนจบงานแต่งวันนี้พายุจัดได้ใหญ่โตมาก เทียบเท่ากับงานของทศนได้เลย เพราะเขาไม่อยากให้เธอน้อยหน้าใคร แถมเจ้าสาวไม่ต้องลงแรงทำอะไรเลยแค่รอรับการเซอร์ไพรส์จากเขาเท่านั้นพอ"ผมรักคุณ" ชายหนุ่มล้วงเอาแหวนเพชรที่เตรียมมาให้กับเธอออกมาเพื่อจะสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายคะน้ายื่นมือข้างซ้ายไปให้เขาได้สวมใส่"ถอดออกก่อนดีกว่าไหมครับ" ตรงนิ้วนางข้างซ้ายยังมีแหวนทองที่เขาขอหมั้นเธอ"ไม่ค่ะ สวมด้วยกันเลย" มันเป็นแหวนที่เขาให้คะน้าก็เลยไม่อยากจะถอดมันออกพายุก็เลยสวมแหวนเพชรเข้าไปนิ้วเดียวกับแหวนทอง วงที่ให้เธอก่อนหน้านั้นพอสวมแหวนเสร็จเสียงปรบมือก็ดังขึ้น "จูบเลย จูบเลย" กองเชียร์หลายคนต่างก็เชียร์ให้คู่บ่าวสาวแสดงความรักให้กับแขกได้เห็นมือหนาถูกยกขึ้นมาบังในขณะที่จูบปากเธออยู่ เพื่อไม่ให้มันเป็นภาพโจ่งแจ้งเกินไปสาวๆ ต่างก็กรี๊ดกันสนั่น เพราะมันเป็นฉากที่ฟินมาก ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ เพราะนั่นหมายถึงเขาให้เกียรติเจ้าสาวมากพอพายุปล่อยจูบออกสายตาคนเป็นเจ้าสาวยังคงจับจ้องที่ใบหน้าเจ้าบ่าวของเธอ"คะน้าขอโทษด้วยนะคะ""คุณขอโทษผมทำไม""ขอโทษเรื่องที่พ่อกับแม่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ด้วย"
"แน่ใจนะว่านี่ชุดกินเลี้ยง?" คะน้าแปลกใจตั้งแต่ที่มุกงามเลือกชุดให้ลองใส่ดูแล้ว"รับชุดนี้แหละค่ะสวยดี" มุกงามไม่ได้ตอบคะน้าหรอกแต่หันไปพูดกับเจ้าของร้าน"เดี๋ยวก่อนนะงาม..""ไม่เดี๋ยวแล้วเอาชุดนี้แหละ" มุกงามก็เลยยื่นบัตรเครดิตไปให้เจ้าของร้านรูด แต่บัตรที่มุกงามให้ไปไม่ใช่ของตัวเองหรอก เป็นของใครบางคนที่วานให้เธอทำงานนี้ให้"คะน้าจ่ายเองก็ได้" คะน้าพูดแบบเกรงใจก่อนที่จะรับชุดจากเจ้าของร้านมา"กลับกัน"คะน้าเดินตามมุกงามออกมา ทำไมวันนี้เพื่อนดูแปลกๆ ถามอย่างก็ตอบอย่าง[บ้านพักข้าราชการ]"พวกเขาไม่อยู่เหรอ" เข้ามาในบ้านก็ไม่เจอทั้งพายุและทศน ทั้งๆ ที่พวกเขายังอยู่ในช่วงลาพัก"คงออกไปธุระเราไม่ต้องรอหรอก" มุกงามเป็นคนตอบคะน้าขอตัวเอาของเข้าไปเก็บในห้อง และเธอก็อดโทรถามไม่ได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนทำไมโทรศัพท์ถึงไม่เปิด ..แต่โทรไปก็ไม่มีสัญญาณเลยค่ำมืดวันเดียวกัน.."อุ๊ย" ลงจากรถก็เห็นคะน้ายืนเท้าสะเอวอยู่หน้าประตู"ตัวใครตัวมันนะเว้ย" ทศนกระซิบพูดกับพายุก่อนที่จะเดินผ่านคะน้าเข้าไปในบ้าน"ผมไปทำธุระมาครับ""แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะคะ""สงสัยว่าแบตผมจะหมดแน่เลย" พายุทำทีเป็นล้วงโทรศั
พอได้ยินยอดเงินที่แม่ขอจากเขาแล้วมือเรียวก็เอื้อมไปขอโทรศัพท์คืนไม่อยากให้เขาคุยต่อแล้ว {"ถ้าไม่มีเงินสินสอดถึงหนึ่งล้านบาท ก็อย่ามาคุยกับลูกสาวของฉัน"} เสียงนี้ยังดังเล็ดลอดออกมา"แม่หยุดนะ" พายุไม่ยอมส่งโทรศัพท์คืนให้ เธอก็เลยต้องร้องบอกให้แม่หยุดพูดก่อน>>{"ได้ครับ ผมให้คุณสองล้านเลย ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับคะน้าอีก"}"มันพูดเล่นหรือพูดจริงวะ" เสียงผู้ชายดังเข้ามาในสาย และคะน้าก็จำได้ว่ามันเป็นเสียงของพ่อ"ผู้พันคะ" คะน้าเรียกเขาให้หันกลับมามองเธอก่อน พอเขาหันกลับมาเธอก็ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกว่าอย่าไปคุยเรื่องเงินกับพ่อกับแม่"เอามาเดี๋ยวกูพูดเอง" เสียงผู้ชายที่ดังมาตามสายยังคงพูดต่อ เหมือนว่ากำลังแย่งโทรศัพท์กันคุย"ไม่ต้องมายุ่งนะนี่ลูกสาวฉัน!""อ้าวอีนี่ลูกมึงก็ลูกกูเหมือนกัน">>{"ผมอยากให้พวกคุณตกลงกันให้รู้เรื่องก่อนค่อยโทรกลับมาแค่นี้นะครับ"} {"อย่าเพิ่งสิคุณ"} พอได้ยินว่าทางฝั่งนี้จะวางสายทางนั้นก็รีบเรียกเอาไว้ก่อน>>{"ถ้าจะตกลงอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน เพราะพวกคุณกำลังคุยกับข้าราชการระดับสูง จะผิดคำพูดไม่ได้"} {"ได้ๆ แม่ตกลง ถ้าได้เงินสองล้านบาทจริงแม
ลวงรักแฟนเก่า บทที่ 105🔞"คิดถึงคุณจังเลย" พอเข้ามาในห้องนอนลับตาเพื่อนเท่านั้นแหละ พายุก็คว้าร่างของเธอเข้ามากอดไว้แน่น"คะน้าก็คิดถึงคุณค่ะ" ใบหน้างามแนบลงแผ่นอกของชายคนรักเบาๆแต่กอดกันอยู่เพียงไม่นานเขาก็โน้มลงมาขอจูบหญิงสาวยื่นริมฝีปากขึ้นไปรับจูบนั้นแบบรู้งานเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออกโดยการช่วยกันคนละไม้ละมือ"ซี๊ดด ขอก่อนนะแล้วค่อยออกไปอาบน้ำกัน""ค่ะ อืออ" เนินอวบถูกของแข็งที่เขา จับถูไถอยู่เมื่อสักครู่สอดใส่เข้ามา ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องการสิ่งนี้..เธอก็ต้องการมันเหมือนกันขาเรียวค่อยๆ แยกออกจากกันเองแบบไม่ต้องให้เขาใช้แรง แต่พายุก็ช่วยจับเพราะเธอไม่มีที่ยึดเหนี่ยว"เบาๆ นะคะ""ครับ" ใบหน้าคลอเคลียร์ฝังจูบลงซอกคอของหญิงอันเป็นที่รักเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ ขยับ ดันสะโพกนั้นเข้าไปช่องกลางระหว่างขาเรียว "ไปที่เตียงดีไหมครับ"คะน้าส่ายหน้าตอบไป เขาคงอยากได้ในท่ายืนแต่คงกลัวว่าเธอจะเมื่อยขา"ซี๊ดด น่ารักจัง" ริมฝีปากหนาพรมจูบและสูดดมกลิ่นกายอันหอมละมุนพร้อมกับดันสะโพกเข้ามา"อ่ะ อ่ะ อื้อ" คนตัวเล็กเกาะร่างแกร่งไว้แน่น เพียงไม่นานพายุก็พาเธอมานอนลงที่เตียง เพราะตอนกระ
"ใครนั่งฮ.มาลงที่นี่" จากที่กำลังจะเม้าท์เรื่องของผู้พันคะน้า ตอนนี้เปลี่ยนมาพูดถึงเฮลิคอปเตอร์ที่เพิ่งจะลงจอด"ใครจะรู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เรือกลางทะเลก็ต้องเป็นท่านๆ นั่นแหละ" เรือกลางทะเลหมายถึงทหารที่ออกทำภารกิจอยู่บนเรือ ถ้ามีเหตุด่วนฉุกเฉินสามารถขอกลับฝั่งได้โดยเฮลิคอปเตอร์ แต่นั่นต้องผ่านการเซ็นต์ยินยอมจากคนที่มีอำนาจถือว่าเฮลิคอปเตอร์มาช่วยชีวิตแล้วกัน คะน้าไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว ดีไปที่ขาเม้าท์มีเรื่องอื่นพูดคุยกันหญิงสาวนั่งทำงานจนถึงช่วงเย็นของวันเดียวกัน เธอก็รีบเก็บของแล้วกลับลงมาเพราะรู้สึกวิงเวียนศีรษะหนักมาก"?!?" ขาเรียวเก้าลงมาถึงขั้นสุดท้ายของบันได สายตามองไปเห็นผู้ชายที่ถือช่อดอกไม้ยืนอยู่เบื้องหน้า นี่เราคิดถึงเขามากเลยเหรอมองเห็นแสงตะวันที่สาดส่องมาเป็นเขาได้ยังไงเพื่อนๆ หลายคนที่ทยอยลงมาจากชั้นบนต่างก็หยุดไปตามๆ กัน ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่มีอะไรพิเศษก็คงทำให้คนอื่นหยุดมองไม่ได้ แต่นี่เขาถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาก จนเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่แถวนั้น"......" ชายหนุ่มที่ยืนหอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่แปลกใจ ทำไมเธอถึงทำเหมือนว่าคนที่ยืนอยู่ตร
"ฉันมาขอพบคุณพ่อค่ะ" ไม่มีใครไม่รู้จักเธอในฐานะลูกสะใภ้ของท่านนายพลทศกัณฐ์"เชิญผู้พันได้เลยครับ" ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเคาะส่งสัญญาณบอกท่านเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดประตูห้องให้"ว่าไงเรา" ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วชวนให้ลูกสะใภ้มานั่งอีกมุมหนึ่งซึ่งเป็นมุมรับแขก"งามมีเรื่องจะมาขอร้องคุณพ่อค่ะ""มีเรื่องจะมาขอร้อง เรื่องอะไร""คือว่า..." มุกงามทนเห็นเพื่อนอุ้มท้องโดยไม่มีพ่อไม่ได้แล้ว เธอต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่างก่อนที่ท้องของคะน้าจะโตขึ้นมา ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กัน แต่ความคิดของมุกงามก็ไม่ได้ต่างจากคะน้าเลย ถ้าท้องของคะน้าโตขึ้นมาโดยที่ยังไม่แต่งงาน ยิ่งเธอเป็นข้าราชการด้วยแล้ว มันก็จะดูไม่ดีบางทีอาจจะถูกตรวจสอบเลยก็ได้[บนเรือ] เวลาผ่านไปเพียงไม่นานจากตอนที่มุกงามขอเข้าพบพ่อของสามี ก็ได้มีทหารที่ทำงานในห้องสื่อสารมาตามผู้พันพายุไปรับโทรศัพท์ถ้ามีคนโทรขึ้นมาบนเรือแบบนี้ทหารจะตกใจมาก เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนและคนที่โทรเข้ามาไม่ใหญ่พอตัวก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนี้ได้ ที่ตกใจส่วนมากคนที่ได้รับโทรศัพท์ มีแค่ไม่กี่เรื่องถ้าญาติไม่ป่วยหนักก็คือญาติเสีย"มันคงไม่มีอะไรหรอก ไ
"งามว่าไปหาหมอดีกว่า" คะน้าไม่ได้มีอาการแค่ตอนทำกับข้าว ตอนทานข้าวคะน้าก็ทานไม่ค่อยลง"นอนให้เต็มอิ่มสักคืนพรุ่งนี้ตื่นมาคงหายดี""ถ้าไม่หายพรุ่งนี้ต้องไปหาหมอกับงามนะ" มุกงามรู้สึกคาใจกับอาการที่เพื่อนเป็นอยู่ แต่เพื่อนยังไม่แต่งงานคงไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องก่อนแต่งหรอกมั้ง เธอก็เลยไม่กล้าพูดกล้าถามออกมา นอกเสียจากพาไปให้หมอเช็คให้แน่ใจคะน้าทานข้าวต้มที่มุกงามทำมาให้แล้วก็นอนพักผ่อน มุกงามสั่งไว้ว่าห้ามทานยาตัวไหนทั้งนั้น คะน้าก็เลยไม่ทานที่มุกงามสั่งไว้แบบนี้เพราะถ้าเป็นแบบที่คิดไว้จริง กลัวจะมีผลกระทบ...จนถึงเช้าวันต่อมา..เมื่อคืนนี้คะน้าพยายามนอนให้หลับ บังคับตัวเองไม่ให้คิดอะไร พอตื่นขึ้นมาก็อาการดีขึ้น"ดีขึ้นแล้วแน่นะ""ดีขึ้นแล้วไม่เวียนหัวเหมือนเมื่อวาน ขอบใจมากนะงาม""ถ้าไม่ไหวก็กลับมาพักผ่อนนะ""จ้ะ" ทั้งสองก็เลยออกมาทำงานพร้อมกันคะน้าทำงานปกติ และอาการแบบเมื่อวานก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีกเลยจนมาถึงช่วงเย็น ทั้งสองกลับมาเจอกันที่บ้านอีกครั้ง"วันนี้เป็นยังไงบ้าง" มุกงามเป็นห่วงเพื่อนตอนเที่ยงก็ยังโทรไปถามอาการ ถึงตอนเย็นก็ยังถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ไม่เป็นอะไรแล้ว""อาการอาเ
"พอดีเลยค่ะ" คะน้ายกมือขึ้นมามองแหวนวงที่เขาเพิ่งสวมให้ด้วยรอยยิ้มที่ยากจะบรรยายพายุเห็นรอยยิ้มเธอก็อดที่จะอมยิ้มไปด้วยไม่ได้ จะไม่ให้พอดีได้ยังไงเขาแอบวัดขนาดตอนที่เธอหลับอยู่"รอผมกลับมานะเราจะจัดงานแต่งกัน""ค่ะ" ใบหน้างามแนบลงกับอกแกร่งเบาๆเช้าวันต่อมา..เมื่อคืนนี้ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน แต่พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเขานอนอยู่ข้างๆ แล้ว"เขาไปแล้วเหรอ" หญิงสาวที่ร่างกายเปลือยเปล่าแต่ก็มีผ้าห่มคลุมร่างของเธออยู่ รีบลุกขึ้นแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวพันรอบร่างกายไว้ ก่อนที่จะรีบออกมาจากห้อง"ทำไมออกมาแบบนี้" พายุออกจากห้องน้ำก็เห็นเธอมีแค่ผ้าเช็ดตัว"ฉันคิดว่าคุณออกไปแล้ว""ถ้าไปผมก็ต้องปลุกสิ ผมแค่มาอาบน้ำ"พอได้ยินเสียงปลดล็อกประตูห้องของทศน พายุก็รีบพาเธอเข้ามาในห้อง"คุณจะไปลงเรือตอนไหนคะ""คงสายๆ หน่อย""สายๆ เหรอ" เมื่อวานนี้เธอก็ลางานครึ่งวันแล้ว ถ้าลาวันนี้ไปส่งเขาอีกจะเป็นอะไรไหม"ส่งผมแค่นี้ก็ได้" เขาพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่"โทรมาหาฉันบ่อยๆ นะคะ""ครับ"[ที่ทำงานของคะน้า]"ผู้พันมองอะไรอยู่คะ" เพื่อนร่วมงานเห็นคะน้ามองไปทางท่าเรือก็เลยสงสัย"ป่านนี้เรือจะออกหรือยัง""เห็นว่าต
จากคนที่เคยพูดหยอกล้อ ตอนนี้นั่งเศร้าไม่ต่างกัน เพราะพรุ่งนี้มีคำสั่งขึ้นเรือแล้ว"เราขอย้ายดีไหมวะ""กว่าคำสั่งย้ายจะออกมา เป็นปีเลยนะ""ถ้ากูไม่อยู่แล้วเมียกูจะอยู่ยังไงล่ะ""เรียกเมียได้เต็มปากเลยนะ มึงขอเขาแต่งงานหรือยัง"เที่ยงวันเดียวกัน.."ทำไมคุณไม่โทรมาก่อนคะ" คะน้าลงมาก็เห็นเขายืนทำมาดเท่รออยู่หน้ารถแล้ว"ผมก็เพิ่งมาถึง" พายุพูดพร้อมกับเปิดประตูรถให้เธอขึ้น[ร้านอาหารนอกกอง]"ทำไมออกมาทานไกลจังคะ เดี๋ยวก็เข้างานไม่ทันหรอก""ผมอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้กับคุณบ้าง""มีอะไรหรือเปล่าคะ" ทั้งสองคุยกันระหว่างรออาหารที่เพิ่งสั่งไป"พรุ่งนี้มีคำสั่งให้ขึ้นเรือแล้ว"ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า เพราะเธอพูดไม่ออก"ครั้งนี้ไม่รู้จะออกเรือกี่เดือน ถ้าทะเลสงบก็คงอยู่นานหน่อย""ค่ะ" เธอก็เป็นทหารเหมือนกันทำไมจะไม่รู้ แต่ถึงแม้เป็นทหารก็มีหัวใจ"ผมจะโทรมาหาคุณบ่อยๆ นะ" แต่ก่อนเคยเห็นแต่เพื่อนแย่งโทรขึ้นฝั่งกัน ครั้งนี้คงมีเขาร่วมด้วยอีกคนเพียงไม่นานอาหารก็ถูกยกมาบริการ ถ้าเขาบอกหลังทานข้าวก็คงจะดี แล้วตอนนี้ใครจะทานลงล่ะ"ทานนี่สิครับ" มือหนาตักอาหารวางใส่ชามข้าวให้คะน้าพ