"อ้าว! พวกเจ้าได้ร่วมการแสดงกันด้วยหรือ?" เสียงของทหารยามหน้าเรือนที่จัดงานเลี้ยงพลันเอ่ยถามเมื่อมองเห็นทหารทั้งสามที่มีทั้งปานทั้งไฝและแผลเป็นน่าเกลียดแต่งอาภรณ์ทหารประจำค่ายแต่ทว่ากลับถือพิณผีผาคันงามเดินตามกันเข้ามาทางหน้าเรือนของงานเลี้ยงแห่งนี้ "แน่นอน พวกข้าช่างมีความสามารถยิ่ง" ฟงจินหมิงรีบเอ่ยคำพลางลูบหนวดแข็งกระด้างตรงปลายคางแสดงถึงความอวดอ้างอย่างแนบเนียน "พวกท่านรอฟังเพลงและลีลาร่ายรำดาบของข้าเถิด" ฟงลี่หลินเอาเยี่ยงอย่างพี่รองบ้าง นางกำลังนึกสนุกเสียจริงหลิงเวยเพียงยืนกอดพิณผีผาเอาไว้แน่นนึกตื่นเต้นจับใจ"อ่า...รีบเลย ข้าจักรอชม" ทหารยามอีกคนหนึ่งรีบเอ่ยพลางเปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ทั้งสามคนได้เข้าในงานเมื่อพี่น้องบ้านฟงที่ปลอมตัวด้วยการใส่แผลเป็นใส่ไฝใส่ปานแดงตามใบหน้าได้อย่างแนบเนียนไร้ใครจับพิรุธได้เดินเข้ามายังห้องโถงที่ใช้ในการจัดงานเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาเพียงยืนอยู่นิ่งๆ กวาดสายตามองทุกผู้คนอยู่อย่างนั้นการยืนตระหง่านกลางลานกว้างด้วยใบหน้าอัปลักษณ์กันอย่างนั้นทำเอาบุคคลทั้งหลายที่กำลังนั่งร่ำสุรากินอาหารกันอย่างเพลิดเพลินพลันตกตะลึงกับเหล่านักแสด
หลิงเวย ฟงลี่หลินและฟงจินหมิงเดินมาจนถึงเบื้องหน้าของเฉินจิ้นเหอแล้วยืนตระหง่านท้าทายทุกสายตาอยู่อึดใจพวกเขาพากันยอบกายคารวะชินอ๋องและพระชายาพลางแอบปรายหางตามองสาวงามทั้งสองผู้เป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา แล้วยืดตัวขึ้นเพื่อยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อตรึงสายตาของเหล่าผู้คนอีกครู่หนึ่ง โดยที่ไม่หันหน้ามองไปทางใครแบบเจาะจง กระทั่งฟงชินหยางยังมิได้อยู่ในสายตาของพวกเขาในยามนี้ ถึงแม้ว่าฟงชินหยางจะกำลังตกตะลึงจนตาค้างกับทั้งสามคนก็ตามทีหลิงเวยเห็นทุกคนกำลังมองมาอย่างสนใจจึงเริ่มต้นการแสดงตามแผนการนางก้าวเท้าน้อยๆ เดินถอยหลังออกไปหลายก้าวแล้วยกพิณผีผาขึ้นแนบอกด้วยแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของนางที่บัดนี้แข็งแรงยิ่งนัก เนื่องจากนางมักจะอุ้มบุตรชายทั้งสองขึ้นแนบอกและเข้าเอวพร้อมๆ กันอยู่ทุกวันฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเพียงยืนนิ่งเคียงคู่กันพร้อมยกดาบไม้ในมือขึ้นไขว้กันเหนือศีรษะในท่าสวยงามแลสง่าผิดกับรูปลักษณ์พร้อมการแสดง ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของพวกเขาสงบเรียบนิ่งน่ายำเกรงมากเป็นพิเศษเมื่อหลิงเวยก้าวถอยหลังไปยืนได้ตำแหน่งที่ต้องการเสียงกังวานแว่วหวานทรงพลังของนางจึงเอ่ยออกมา“บทเพลงนี้มีชื่อว่
เสียงร้องร่ำขับขานแว่วหวานกังวานใสผสมผสานเสียงพิณผีผาทรงพลังของหลิงเวยและลีลาร่ายรำดาบงามสง่าของฟงจินหมิงกับฟงลี่หลินทำให้ทุกผู้คนคล้ายกับถูกมนต์สะกดดึงโสตประสาทรับฟังตรึงสายตาเอาไว้มั่น โดยเฉพาะฟงชินหยางที่นั่งนิ่งเงียบงันด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบเฉยยากคาดเดาในห้วงอารมณ์แต่ในใจกลับคล้ายดั่งกลองศึกหลายใบตีลงระรัว...สงครามนี้ช่างยาวนานดุจนิรันดร์เหลือไว้แต่ความสิ้นหวังราชวงศ์ล้วนตกต่ำบทลงเอยมิอาจแก้ไขความทุกข์เข็ญมีไปทั่ว…ในขณะที่หลิงเวยยังคงบรรเลงผีผาและขับขานเสียงกังวานหวานใสควบคู่กับผีผาเสียงกังวานทรงพลัง ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเพียงออกท่าทางออกกระบวนท่าร่ายรำไปทางสาวงามเป้าหมายทั้งสองนางคนละฟากฝั่งอย่างสวยงามแนบเนียน...ตายอีกกี่คน เผาอีกกี่ศพผู้คนหาทางรอดชีวิตเหลือเพียงข้ายืนหยัดเพื่อบรรเลงเพลง…ฟงจินหมิงรำดาบไปทางฟงชินหยางที่มีสาวงามนางหนึ่งนั่งขนาบข้างอยู่ เขายกดาบขึ้นชี้หน้าสาวงามนางนั้นแล้วลดดาบลงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือไปทางนางด้วยท่าทางเชิญชวนนางให้ลุกขึ้นมาร่วมร่ายรำ ทำเอาเหมยเจียวที่กำลังแอบโปรยผงของยาปลุกกำหนัดลงในจอกเหล้าไปแล้วครึ่งห่อถึงกับชะงักงันเก็บผงยาแทบไม่ทันก่อนจะ
จินเยว่ชิงหรี่ตามองสองสตรีอัปลักษณ์ที่คนหนึ่งมีปานแดงกับไฝเม็ดใหญ่น่าเกลียดและอีกคนหนึ่งมีแผลเป็นลากยาวที่ข้างแก้มหากเป็นสตรีงดงามสวยหยาดเยิ้มที่ทางจวนเฟ้นหาตามเงื่อนไขความงามและฝีมือในการตอบสนองความสำราญต่อบุรุษเพศขั้นเซียน นางเกรงว่าฟงชินหยางจักอดใจเอาไว้ไม่ไหวจนลากสตรีงดงามนางนั้นออกไปกลืนกินจนหนำใจทั้งยังนอนกกนอนกอดกันไม่ยอมปล่อยทำให้อารมณ์กระสันพวยพุ่งรุนแรงจนพลาดพลั้งติดใจกันไปถึงไหนต่อไหน หึ! นางไม่มีวันยอม ไม่ยอมแน่ๆ เมื่อจินเยว่ชิงคิดได้ดังนั้นจึงคำรามด้วยเสียงหวานใส“ดีมาก เยี่ยมมาก ข้าชมชอบการแสดงชุดนี้ยิ่งนัก” หญิงสาวเอ่ยคำดังกังวานมาทางสามทหารหน้าบากตรงหน้ากลางลานแสดงเฉินจิ้นเหิอและเหลียนซือจินกำลังนั่งมองทหารทั้งสามที่แสดงการขับขานทั้งยังร่ายรำดาบเข้ากับบทเพลงอย่างนึกทึ่งแลประทับใจขึ้นมา เนื่องจากว่าการแสดงชุดนี้ช่างตรงใจพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก การที่บุรุษต้องออกไปทำศึกสงครามแล้วมีสตรีนั่งเฝ้ารออยู่ทุกยามตามความหมายแห่งบทเพลงนั่น ความรู้สึกเป็นเช่นไรนั้น พวกเขาสองสามีภรรยาต่างรู้ดี “ทหารหญิงท่านนี้แสดงได้ถึงบทเพลงเป็นอย่างมาก เจ้าคงประสบด้วยตนเองเลยกระมัง” เหลี
เหมยเจียวถึงกับตกใจตาโตหน้าแดงซ่านเมื่อจู่ๆ สายตาคมเข้มจมูกคมสันของบุรุษหล่อเหลาเหลือร้ายข้างกายโน้มลงมาแบบนั้น แต่แล้วนางพลันเนื้อร้อนผ่าวก่อนชาวาบไปทั้งลำตัวเมื่อได้ฟังคำจากริมฝีปากสีแดงๆ ของเขา“หากไม่ลุกออกไปข้าจักปาดคอเจ้าเสีย...” ฟงชินหยางกล่าวจบก็ยกยิ้มร้ายกาจใส่หน้านางข้างกายคล้ายกับว่ามิได้เอ่ยอันใดออกมาเหมยเจียวมีหรือจะช้านางรีบลุกขึ้นพรวดพราดเดินคล้ายกระโดดออกไปในทันที นางรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีล้อเล่น!สาวงามอีกนางหนึ่งที่นั่งอยู่กับองค์ชายฉีเล่อเห็นเหมยเจียวลุกขึ้นแล้วเดินพุ่งปราดออกไปแบบนั้นนางจึงต้องรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามออกไปด้วยเช่นกัน ใครมันจะโง่นั่งอยู่คนเดียว! ฟงจินหมิงเห็นสาวงามตามเป้าหมายเดินออกไปอย่างรวดเร็วปานนัดกันเยี่ยงนั้นแล้ว เขาจึงไม่มีการรีรอรีบสานต่อแผนการของเขาในทันที ชายหนุ่มจึงรีบเดินตามสาวงามทั้งสองออกไปเช่นเดียวกัน เขาจะตามไปหักคอพวกนาง! ฟงจินหมิงรีบพาสองสาวงามเจ้าของแผนการอันชั่วร้ายซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาให้เดินกรีดกรายติดตามเขาออกไปอย่างรวดเร็วไร้ข้อกังขา คงเหลือไว้เพียงหลิงเวยและฟงลี่หลินที่ยืนนิ่งตาโตตรงกลางลานแสดงหลิงเวยและฟงลี่หลินหันหน้าม
หลิงเวยก้มหน้าน้อยๆ หลุบตาลงเพื่อซุกซ่อนประกายหวามไหวในดวงตาสุดชีวิตเมื่อได้ใกล้ชิดกับฟงชินหยางเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แอบชำเลืองมองชายหนุ่มข้างกายพลางเม้มปากเอาไว้แน่นพวงแก้มนวลเนียนเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ นางกำลังเนื้อร้อนไปหมดแล้วในยามนี้ และยิ่งร้อนรุ่มคล้ายเป็นไข้เมื่อรับรู้ถึงความร้อนจากกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของเขายามนั่งใกล้กัน ฟงชินหยางยิ่งเพิ่มความร้อนแรงในแววตาเมื่อมองเห็นท่าทางของภรรยาเป็นอย่างนั้นห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่นั่นคือความนัยจากห้วงคำนึงของความคิดถึงที่มิได้นัดหมายของสองสามีภรรยาที่ยามนี้คนหนึ่งปลอมตัวและอีกคนหนึ่งเล่นตามน้ำไปแบบมึนๆ ทั้งสองยังคงนั่งนิ่งๆ ชำเลืองมองหน้ากันไปมาอยู่เงียบๆ ไร้สรรพเสียงใดๆ มีเพียงแต่อารมณ์บางอย่างที่ห่างหายไปนานเริ่มปะทุดุเดือดจนเลือดสูบฉีดแทบพุ่งอยู่ตรงแก่นกลางใจโดยมิได้นัดหมายแต่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกันฟงลี่หลินได้แต่ยืนชะงักอยู่กลางอากาศที่จู่ๆ พี่สะใภ้ก็หมุนตัวเดินจาก
บรรยากาศงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปภายในค่ำคืนรัตติกาลอันยาวนานในยามนี้หลิงเวยกำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มานั่งเคียงข้างกับฟงชินหยางโดยมิได้คาดฝัน ห้าปีที่ห่างหายกันทำเอานางใจสั่นไม่เบา และยิ่งรู้สึกตื่นเต้นหนักหนาก็คือการปลอมตัวเข้ามาโดยที่ไม่ยอมเปิดเผยนี่มันคือครั้งแรกในชีวิต นางบอกได้เลยว่าตื่นเต้นกับเรื่องแปลกใหม่เยี่ยงนี้มากนักแต่ทว่า นางกำลังรู้สึกสนุกดี นางกำลังชมชอบการทำอะไรอย่างนี้ นางกำลังได้กลั่นแกล้งสามีตัวร้ายของนางหญิงสาวคิดในใจอยู่คนเดียวพลางอมยิ้มแล้วเอียงหน้าน้อยๆ อย่างน่ารักอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจชายหนุ่มข้างกายเลยสักนิดว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดอันใดฟงชินหยางที่กำลังนึกโกรธกรุ่นนางผู้เป็นภรรยาที่บังอาจปลอมตัวมาพลันชะงักไปเมื่อมองเห็นกิริยาที่แสนคิดถึงนั่นของนาง จากที่กำลังขัดเคืองขัดใจกลับนึกหวั่นไหวขึ้นมา ความขึงเครียดแข็งกระด้างพลันอ่อนยวบยาบหวามไหวถูกครอบงำโดยนางในแบบที่เคยเป็นมา นางเป็นเสียแบบนี้แล้วเขาจักโกรธนางได้อย่างไรดูท่าทางนึกสนุกนั่นประไร ใครจะกล้าขัดใจได้กัน!เมื่อคิดได้แล้วจึงทำแค่เพียงนั่งนิ่งๆ เป็นรูปปั้นยักษ์ใหญ่ลอบมองภรรยาตัวน้อยว่าจะมาไม้
หลิงเวยพลันถลึงตามองค้างอ้าปากเล็กน้อยฟงชินหยางเห็นกระต่ายน้อยฝีมืออ่อนด้อยยิ่งนึกถูกใจ เขาย่อมตามใจนางหากนางอยากเล่นสนุก เขาจะทำเป็นไม่รู้จักนางก็ได้แต่จะจับนางขย้ำให้หนำใจไปเลย“เจ้าบรรเลงพิณได้ยอดเยี่ยมมากข้าชมชอบยิ่งนัก” ชายหนุ่มก้มหน้ากระซิบกระซาบกับหญิงสาวข้างกายหมายเกี้ยวนางอย่างนึกสนุกขึ้นมาบ้าง “ท่านคงชมชอบสตรีทุกนางที่เล่นพิณได้” หลิงเวยอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน เจอกันแค่วันนี้แต่เอ่ยคำเยี่ยงนั้นหรือ?ลับหลังนางเขาเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่? หลิงเวยมองค้อนคนตัวโตขวับๆ จนแก้มแดงพองออก ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งกลมโตเข้าไปอีก ปานแดงกับไฝเม็ดใหญ่มิใช่อุปสรรคกับความน่ารักของนางเลยสักนิดฟงชินหยางก้มหน้ามองคนตัวเล็กอย่างนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกินจนต้องขยับกายหนาแน่นเข้าใกล้นางอีกนิดจะได้ใกล้ชิดและแกล้งกันได้ถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น "ไม่เลย...ข้าไม่เคยชอบใคร" เสียงกระซิบทุ้มต่ำชิดใบหู“ท่านไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้” หลิงเวยดุออกมาแต่หาได้เบี่ยงหูออกห่าง นางกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ทำ“ข้าทำตัวอย่างไร” ฟงชินหยางตีหน้ามึนถามออกไป"ท่านไม่ควรตีสนิทกับสตรีอย่างนี้ เรายังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ" หญิงสาวเ
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข