ฟงชินหยางที่กำลังยืนตระหง่านอยู่เหนือกลุ่มพลทหารด้วยมาดมัจจุราชเหมือนเคยพลันเห็นใครบางคนจากทางหางตาเขาถึงกับต้องหรี่ตาลงเมื่อปรายสายตามองออกไปชายหนุ่มเห็นเป็นหญิงสาวนางหนึ่งในอาภรณ์ของทหารหญิงกำลังถูกสองชายหญิงในอาภรณ์เช่นเดียวกันจับดึงตัวออกไปจากกลุ่มของพลทหารในระยะห่างกันเป็นสิบจั้งสตรีนางนั้นมีปานสีแดงที่แก้มนวลข้างขวาและไฝเม็ดใหญ่ที่ใต้ตาข้างซ้ายฟงชินหยางถึงกับชะงักงัน นั่นเมียเขามิใช่หรือไร?ชายหนุ่มถึงกับยืนตรึงขึงนิ่งอยู่กับที่ถึงแม้ว่าระยะที่เขายืนอยู่จะห่างมากแต่ทว่าสายตาคมเฉี่ยวคล้ายพญาเหยี่ยวตัวเขื่องของเขาช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก โดยเฉพาะกับเมีย “ลากตัวออกไป!” แม่ทัพฟงผู้ดุดันเอ่ยคำรามให้ลูกน้องทหารจัดการพาสองพี่น้องที่หมายผูกมัดเขาด้วยน้ำชาใส่ยาปลุกกำหนัดให้ออกไปในทันทีเพื่อที่เขาจะได้จ้องมองใครบางคนได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้นเมื่อสองพี่น้องผู้คิดไม่ซื่อถูกลากออกไปแล้วเสียงเอ่ยไล่เหล่าพลทหารที่ยืนรายล้อมจึงดังตามมา “ออกไปให้หมด!”เหล่าทหารทั้งหลายมีหรือจะรอช้ารีบพากันหัวหดหมุนตัวกระจัดกระจายหายไปในทันที คงเหลือเอาไว้เพียงทหารตัวใหญ่ยืนยามนิ่งขึงอยู่ตรงหน้าเรือนพักคล้ายรูปปั้
ภาพของสตรีตั้งครรภ์ส่งยิ้มหวานส่งกล่องขนมตามด้วยเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฟงชินหยางเข้าไปในเรือนแล้วหายเข้าไปในนั้นเพียงสองต่อสองกำลังสร้างความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ให้กับสตรีนางหนึ่งได้เป็นอย่างดีเนื่องจากนางอยู่หลังพุ่มไม้และอยู่ห่างออกไปถึงสิบจั้งฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเองก็เข้าใจผิดไม่ต่างกัน เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดมิได้มีประสาทสัมผัสทางใบหูและสายตาที่ปราดเปรื่องดังเช่นฟงชินหยางหลิงเวยที่กำลังชาวาบไปทั้งเรือนร่างทำได้เพียงประมวลผลตามภาพที่ตนได้เห็นฟงชินหยางมีภรรยาที่ตั้งครรภ์อยู่ที่นี่!?เขากำลังจะมีบุตรกับสตรีนางอื่น แล้วบุตรชายทั้งสองของนางเล่า?เมื่อหลิงเวยคิดได้อย่างนั้นวิญญาณจึงหลุดออกจากร่างในทันที ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินได้แต่มองกันไปมาตาปริบๆในขณะที่ทั้งสามกำลังเข้าสู่ภวังค์มืดมิด เสียงห้าวหาญของทหารนายหนึ่งพลันดังประชิดเข้ามา “พวกเจ้าทั้งสามเป็นทหารเข้ามาใหม่คิดจะหลบหนีการฝึกอยู่หลังพุ่มไม้รึ ช่างบังอาจ!” จบคำก็หันหน้าไปเรียกพลทหารติดตามอีกสองนายข้างหลัง “พวกเจ้าไปลากตัวสามคนนั้นออกมาจากพุ่มไม้เดี๋ยวนี้” เห็นได้ชัดว่าผู้ออกคำสั่งเป็นหัวหน้ากองอย่างแน่นอนและยังบ้าอำนาจใช่ย
ฟงจินหมิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงต่ำต่อเนื่องยาวเหยียด “อืม...เห็นได้ชัดว่านี่อาจจะเป็นเพียงการประเมินบางอย่างจากองค์ชายต่างแคว้นผู้นี้และช่วงเวลานี้ย่อมไม่เหมาะที่เราจะเปิดเผยตัวตนให้พี่ใหญ่หรือใครๆ ได้เห็น คืนนี้จะมีคณะทูตจากต่างแคว้นมาเยือนชินอ๋องถึงถิ่น แน่นอนว่ามิใช่การมาท่องเที่ยวกระชับความสัมพันธ์ตามเหตุผลที่แสดงให้เห็น หากแต่อาจจะเป็นการหยั่งเชิงประเมินศัตรูภายใต้สัญญาสงบศึกที่กำลังจะหมดลงในปีหน้า และบุคคลที่พวกนั้นต้องการมาสังเกตการณ์แน่นอนว่าย่อมเป็นพี่ใหญ่ หากล้มพยัคฆ์มัจจุราชอย่างพี่ใหญ่ลงได้ หัวเมืองหน้าด่านแห่งนี้ก็คืออาหารคาวหวานอันโอชา หากว่าอาซ้อเปิดเผยตัวว่าเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของพี่ใหญ่ อาซ้อย่อมจะตกเป็นเหยื่อทางการเมืองในทันที”หลิงเวยได้ฟังพลันตื่นตะลึง เห็นได้ชัดว่าการปลอมตัวเยี่ยงนี้นับได้ว่าถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง“อืม...รวมถึงพวกเราด้วยหรือไม่พี่รอง” ฟงลี่หลินบ่นอุบพลางทุบไหล่ของตนที่ใช้แบกถังน้ำอยู่สองรอบ เหนื่อยใช่ย่อย!“แน่นอนย่อมเป็นเช่นนั้น” ฟงจินหมิงตอบรับด้วยสีหน้าจริงจังเข้มข้นทันใดนั้นทั้งสามคนพลันได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งเดินแบบย่องเบาแต่ก้า
เวลายามซวี(19.00-20.59)...ภายในเรือนใหญ่กลางวังชินอ๋องของเฉินจิ้นเหอสถานที่จัดงานเลี้ยงนี้เป็นเรือนรับรองที่มีขนาดใหญ่โตเกินมาตรฐาน มีห้องโถงโล่งกว้างมากนักเห็นได้ชัดว่าเรือนแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อการจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติของหัวเมืองหลักที่มีรอยเชื่อมต่อหลากแคว้นหลากชนเผ่าเมื่อสถานที่พร้อมอาหารพร้อมเหล่าบริวารพร้อมงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าคณะทูตจากแคว้นเป่ยฉีจึงเริ่มขึ้นขุนนางแลข้าราชบริพานทั้งหลายต่างพากันตบเท้าเดินเข้ามาภายในงานแล้วนั่งร่วมงานเลี้ยงกันอย่างรื่นเริง เสียงพูดคุยดังระงมจึงมีดังเช่นปกติเหมือนทุกครั้งที่มีการจัดงานเลี้ยง เพียงครู่ ท่านอ๋องเฉินจิ้นเหอในชุดสีน้ำเงินเข้มปักดิ้นสีทองเหลืองอร่ามทั่วอาภรณ์เดินอย่างงามสง่ามาในมาดสูงศักดิ์ทรงอำนาจแห่งเจ้าเมืองเคียงข้างมากับเหลียนซือจินพระชายาผู้มีใบหน้างดงามอ่อนกว่าวัยในอาภรณ์หรูหราสีแดงสดลายเหมยกุ้ยปักดิ้นสีทองงามระยับตาม ด้วยธิดาสาวนามว่า เฉินจินเยว่ชิง ผู้งดงามดั่งบุปผาบานสะพรั่งในอาภรณ์หรูหราไม่แตกต่างจากมารดาพร้อมด้วยแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรรูปร่างสูงใหญ่องอาจทรงพลังทั้งยังน่ากลัวน่าเกรงขามนามว่า
เมื่อบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังชินอ๋องแห่งนี้ได้เดินทางเข้ามายังห้องโถงจัดเลี้ยง เหล่าขุนนางทั้งหลายจึงหยุดเสียงเสวนาแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อทำเคารพกันอย่างพร้อมเพรียงองค์ชายฉีเล่อผู้เป็นแขกคนสำคัญแห่งค่ำคืนและเหล่าคณะของเขาได้ลุกขึ้นประสานมือทำความเคารพตามลำดับเมื่อชินอ๋องเฉินจิ้นเหอและชายาซือจินขึ้นนั่งยังแท่นประทับด้านบนสุดตามด้วยธิดานั่งต่ำหนึ่งระดับอยู่ทางด้านซ้ายของมารดาและฟงชินหยางนั่งต่างหนึ่งระดับอยู่ทางด้านขวาของท่านเจ้าครองหัวเมืองแต่ตรงกันข้ามกับองค์ชายฉีเล่อเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว การเอ่ยวาจาเปิดงานจากเฉินจิ้นเหอจึงบังเกิดและจบลงในเวลาต่อมา ตามมาด้วยการดื่มกินกันอย่างรื่นเริงพร้อมเสียงเสวนาดังระงมจึงดังมาอีกระลอก เสียงปรบมือเป็นจังหวะส่งสัญญาณให้การแสดงแห่งค่ำคืนพลันดังตามด้วยสาวงามหนึ่งนางในอาภรณ์วาบหวิวบางเบาพลิ้วไหวปลิวสะบัดแนบเนื้อเผยส่วนเว้าส่วนโค้งงดงามจับตาตรึงใจก้าวเท้าน้อยๆ วิ่งสับขาเป็นจังหวะดนตรีออกมากลางลานกว้างสำหรับการแสดง สตรีงดงามนางนี้ร่ายรำด้วยท่าทางยั่วเย้าในอาภรณ์ยั่วยวนพลางปรายสายตาเรียวสวยมองมาทางฟงชินหยางอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าคืนนี้นางจักต้องปรน
ทางฝั่งองค์ชายฉีเล่อนั้นได้แต่นั่งมองสาวงามที่กำลังนั่งเอาหน้าอกกลมๆ ถูกท่อนแขนของเขาด้วยสายตาเรียวคมฉายแววเย็นชาท่าทางนิ่งเฉยเขาไม่อาจปฏิเสธสาวงามนางนี้ได้แต่อย่างใดด้วยเพราะว่ามันอาจเป็นการหยามเกียรติงานเลี้ยงแห่งค่ำคืนนี้ เขาจึงได้แต่นั่งอดทนกับหน้าอกนุ่มๆ ที่กำลังเสียดสีไปมากับต้นแขนของเขาพลางส่งสายตาพิฆาตเป็นสัญญาณตอบกลับสายตาหยาดเยิ้มยั่วยวนนั่นเป็นระยะๆแต่ทว่า สตรีตรงด้านข้างกลับยังคงยั่วยวนไม่เลิกราเขาจึงทำได้เพียงนั่งอดทนต่อไป...บนแท่นประทับสูงสุดแห่งค่ำคืน จินเยว่ชิงได้แต่นั่งมองฟงชินหยางไม่วางตา นางยังคงมองเขาตลอดมาถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมองมาทางนางเลยนางยอมรับว่านางชมชอบเขามาก นางชอบเขามาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งเมื่อหกปีก่อนนั้นนางได้ไปร่วมงานล่าสัตว์ประจำปี นางกลับเห็นสตรีนางหนึ่งประกาศตัวว่าเป็นภรรยาของเขาและบอกรักเขาแบบเปิดเผยในธารกำนัลนางจึงช้ำใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อนางเดินทางกลับเข้าหัวเมืองมานางกลับได้กำลังใจจากมารดาของนางเป็นอย่างดีมารดาของนางรับปากว่าจะช่วยนางทุกวิถีทางที่จะทำให้ฟงชินหยางได้มาเป็นสามีของนางให้จงได้ มารดาของนางต้องการบุรุษผู้นี้มาเป็นบุตรเขย ค
มุมมืดมุมหนึ่งถัดออกมาจากงานเลี้ยงต้อนรับไม่ไกลกัน “แผนของเราก็คือ...” เสียงกระซิบกระซาบที่เบามากของฟงจินหมิงทำเอาฟงลี่หลินและหลิงเวยต้องก้มหน้ารับฟังจนปลายจมูกชนกัน “เราจะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปให้เป็นปกติที่สุดเพื่อรักษาชื่อเสียงของแว่นแคว้นรักษาหน้าตาของชินอ๋องรักษาหน้าที่การงานของพี่ใหญ่รักษาสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายพระองค์นั้น” “อืม...” ฟงลี่หลินและหลิงเวยพยักหน้าน้อยๆ จนปลายจมูกสัมผัสไล้กันไปมา“อาซ้อบรรเลงเพลงพิณในทำนองเร้าอารมณ์อย่างที่สุด บรรเลงจนกว่าข้ากับน้องเล็กจะรำดาบแล้วเข้าไปเชื้อเชิญให้สาวงามที่นั่งขนาบข้างของพี่ใหญ่กับองค์ชายให้ออกมาร่ายรำเสียด้วยกันจนกระทั่งจบบทเพลงพวกเราจักต้องลากสาวงามร้ายกาจสองนางนั้นให้ออกมาอย่างแนบเนียนมิให้เสียบรรยากาศงานเลี้ยงและไม่ให้ใครผิดสังเกตโดยเด็ดขาด หลังจากนั้นพวกเราก็จะใช้สาวงามสองคนนี้เป็นเหยื่อล่อแล้วจัดการกับคนหวังร้ายในลำดับต่อไป” “อืม...” อีกครั้งที่สองสตรีพยักหน้าตอบรับจนจมูกถูกัน“อาซ้อ” ฟงลี่หลินเอ่ยมาทางหลิงเวยเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องสตรีตั้งครรภ์นางนั้นท่านจะทำอย่างไร”หลิงเวยได้ยินพลันชะงักไปหญิง
"อ้าว! พวกเจ้าได้ร่วมการแสดงกันด้วยหรือ?" เสียงของทหารยามหน้าเรือนที่จัดงานเลี้ยงพลันเอ่ยถามเมื่อมองเห็นทหารทั้งสามที่มีทั้งปานทั้งไฝและแผลเป็นน่าเกลียดแต่งอาภรณ์ทหารประจำค่ายแต่ทว่ากลับถือพิณผีผาคันงามเดินตามกันเข้ามาทางหน้าเรือนของงานเลี้ยงแห่งนี้ "แน่นอน พวกข้าช่างมีความสามารถยิ่ง" ฟงจินหมิงรีบเอ่ยคำพลางลูบหนวดแข็งกระด้างตรงปลายคางแสดงถึงความอวดอ้างอย่างแนบเนียน "พวกท่านรอฟังเพลงและลีลาร่ายรำดาบของข้าเถิด" ฟงลี่หลินเอาเยี่ยงอย่างพี่รองบ้าง นางกำลังนึกสนุกเสียจริงหลิงเวยเพียงยืนกอดพิณผีผาเอาไว้แน่นนึกตื่นเต้นจับใจ"อ่า...รีบเลย ข้าจักรอชม" ทหารยามอีกคนหนึ่งรีบเอ่ยพลางเปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ทั้งสามคนได้เข้าในงานเมื่อพี่น้องบ้านฟงที่ปลอมตัวด้วยการใส่แผลเป็นใส่ไฝใส่ปานแดงตามใบหน้าได้อย่างแนบเนียนไร้ใครจับพิรุธได้เดินเข้ามายังห้องโถงที่ใช้ในการจัดงานเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาเพียงยืนอยู่นิ่งๆ กวาดสายตามองทุกผู้คนอยู่อย่างนั้นการยืนตระหง่านกลางลานกว้างด้วยใบหน้าอัปลักษณ์กันอย่างนั้นทำเอาบุคคลทั้งหลายที่กำลังนั่งร่ำสุรากินอาหารกันอย่างเพลิดเพลินพลันตกตะลึงกับเหล่านักแสด
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข