รังสีแห่งความเยือกเย็นและขุ่นเคืองแผ่ออกมาจากสายตาที่เหมือนเหยี่ยวของเจย์ “ไสหัวไป” เขาตะคอกด้วยเสียงต่ำปิแอร์ยืดหลังตรงและเดินไปหาเจย์จากนั้น เขาก็โยนก้นบุหรี่ลงพื้นอย่างขมขื่นและกระทืบมันอย่างรุนแรงด้วยเท้าราวกับว่ากำลังบดขยี้เจย์ปิแอร์กล่าวอย่างโหดร้ายด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง “แกภูมิใจอะไรนักหนา เบ็น? แกเป็นขยะที่ไร้ค่าที่สุดในหมู่บ้านชาวประมงของพวกเราไม่ใช่เหรอ? แกไม่หวั่นไหวเรื่องที่ภรรยาของแกหาเลี้ยงครอบครัวและเกาะเธอกินเลย หึ แล้วตอนนี้ ต่อหน้าฉัน แกยังจะทำตัวสูงส่งและมีคุณธรรมอยู่อีกงั้นเหรอ?”เจย์พูดขณะที่เตือนชายอีกคนอย่างเคร่งขรึมว่า “ไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันพูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม”สายตาของปิแอร์มองไปที่กำปั้นของเขา “นี่ แกพยายามจะจัดการฉันงั้นเหรอ? ดูแกสิ ทั้งดูอ่อนแอและเปราะบางขนาดนี้ แกรู้วิธีต่อสู้กับคนอื่นเขาด้วยเหรอ?”เจย์นึกถึงการเคลื่อนไหวที่แองเจลีนใช้สู้กับขโมยและกระโดดขึ้นในทันที กระโดดถีบด้วยลูกหมุน 540 ดีกรี เขาทำให้ปิแอร์ลอยออกไปปิแอร์จ้องเจย์ด้วยความไม่เชื่อ เขาเช็ดเลือดที่จมูกและลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าแกรู้วิธีเคลื่อนไหวด้วย”เจย์จ้อง
เจย์ตกตะลึงงัน นางมารร้ายที่มักจะหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่เสมอ กำลังทำตัวเหมือนกับคนอ่อนแอในตอนนี้ที่เธอแทบปฏิบัติกับคนลักพาตัวเหมือนกับพ่อแม่“คุณเป็นบ้ารึไง? ชีวิตของผมไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น!” เจย์ตะคอกแองเจลีนเสียงคำรามของแองเจลีนที่เหมือนกับสิงโตเพศเมียก็ดังกว่าเสียงของเขา “อย่าขัดขืนคนลักพาตัว ให้ในสิ่งที่เขาต้องการเถอะ เงินเป็นเพียงทรัพย์สินทางโลก สัญญากับฉันสิว่านายจะปกป้องตัวเอง”ยิ่งแองเจลีนกังวลเรื่องเจย์มากเท่าไหร่ ปิแอร์ก็ยิ่งไม่รู้จักพอเท่านั้น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คุณเซเวียร์ ฉันต้องการ 100 ล้าน”“โอเค ฉันจะโอนให้นายทันที”ในเวลาไม่นาน ปิแอร์ก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนการโอนเงิน ด้วยการที่เห็นเงินก้อนโตในบัญชีธนาคารของเขา รอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในแววตาของปิแอร์“เบ็น เป็นเรื่องจริงนี่หว่าที่ประธานห่วงแกเหมือนคนรัก งั้นฉันไปล่ะ ลาก่อน!” ปิแอร์วิ่งออกไปเหมือนกับค้างคาวออกจากนรกเพราะกลัวที่จะอยู่ต่อเจย์ถอนหายใจอย่างขุ่นเคืองเขาด่าแองเจลีนในใจ ‘ยัยโง่’เมื่อเจย์หากุญแจเพื่อเปิดประตู ปิแอร์ก็กลับมาอย่างกะทันหันและแทงเขาครั้งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว“นี่คือราคาที่แกต้องจ่าย
ทันทีที่เขาปล่อยเธอ มือของหญิงสาวก็เริ่มขยับยุกยิกอีกครั้งเจย์ลุกขึ้นนั่งด้วยความเจ็บปวด “แองเจลีน เซเวียร์!” เขาคำรามอย่างเดือดแองเจลีนตกใจมากกับรังสีของเขา“ผมเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ผมไม่ชอบเวลาคนอื่นมาสัมผัสเนื้อตัวผม” น้ำเสียงของเจย์อ่อนลงแองเจลีนรวบรวมความกล้าและสัมผัสที่บาดแผลบนสะบักไหล่ของเขาพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากที่มั่นใจว่ามันเป็นเพียงแค่แผลตื้น ๆ จากนั้นเธอก็เติมหม้อน้ำอุ่นและสั่งให้เขาถอดเสื้อออก “ถอดเสื้อออก ฉันจะเช็ดหลังให้”เจย์ไม่ขยับขณะที่สัมผัสของความสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่วดวงตาดุจเหยี่ยวของเขา “แองเจลีน เซเวียร์ นี่คุณมีความคิดที่จะรักนวลสงวนตัวระหว่างชายหญิงบ้างไหม?”แองเจลีนพูดว่า “ก็แน่นอนว่า หมอคงไม่มีความคิดที่จะสงวนระหว่างเพศในตอนที่พวกเขาช่วยเหลือผู้ป่วยหรอกนะ”“แต่คุณไม่ใช่หมอนะ” เจย์ส่งเสียงอย่างเดือดดาล“ครั้งหนึ่งฉันเคยทำงานในฐานะพยาบาลที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซีย แผลของนายน่ะ มันตื้น และฉันก็รักษาได้” แองเจลีนกล่าวด้วยความไม่พอใจอันชอบธรรมเจย์แหย่ว่า “คุณเป็นประธานของแกรนด์ เอเซียและคุณทำงานในฐานะพยาบาลมาก่อนงั้นเหรอ? นี่ฟังดูน่าขำเหมือนเรื
เจย์พูดเล็กน้อยว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดบรรพบุรุษของเขาซะหน่อย”แองเจลีนพูดท่าทีที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจว่า “ฉันไม่สน ใครที่ทำร้ายพี่ ฉันจะทำให้แน่ใจว่าทั้งเก้าชั่วโคตรตระกูลของมันจะรู้สึกถึงความโกรธของฉัน ฉันอยากให้มันเสียใจอย่างหนักเพื่อที่จะไม่มีใครกล้าหือกับพี่อีกในอนาคต”หลังจากที่แองเจลีนทำแผลให้เขาเสร็จ เธอก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าสะอาดให้กับเขาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอเจอคือตู้เสื้อผ้าที่ว่างเปล่ากับเสื้อผ้าราคาถูกจำนวนหนึ่งที่แขวนอยู่ มากไปกว่านั้น สีและสไตล์ก็ไม่ใช่รสนิยมของเขาแองเจลีนพูดว่า “เสื้อผ้าที่ไม่ตามกระแสพวกนี้ไม่เหมาะกับพี่”เจย์ตอบกลับอย่างสงบว่า “ภรรยาของผมซื้อน่ะ”นัยของความปวดใจเป็นประกายผ่านแววตาของแองเจลีน ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้วิธีชื่นชมความสูงส่งและออร่าอันสง่างามอย่างน่าภาคภูมิใจของเจย์เจย์กระชากเสื้อจากมือของเธอ จากนั้นก็สวมมันขณะที่อดทนต่อความเจ็บปวดโชคดีที่เขาดูดีกับทุกชุดที่ใส่แองเจลีนหยิบเสื้อยืดที่เปื้อนเลือดข้าง ๆ เธอ เดินไปยังซิงค์ล้างมือ และเริ่มซักมันให้กับเขาสัมผัสของความหมดหนทางแผ่ซ่านในแววตาของเจย์ในตอนที่เขาสังเกตเห็นว่าเธอทำ
บางทีเขาอาจพยายามที่จะกำจัดความเป็นไปได้ของการทำผิดโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเจย์จึงพามาริลินและไทเกอร์ไปยังเมืองอิมพีเรียลในวันต่อมาครอบครัวสามคนอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อพาร์ตเมนต์แตกต่างจากบ้านสวนห้องนอนเดียวที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ เมื่อก่อนนั้น เขาแบ่งปันห้องกับเทมเพสแทนที่จะเป็นมาริลิน ถึงกระนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปด้วยดีในตอนนี้ เจย์และมาริลินเจอกันบ่อยขึ้น แม้ว่าพวกเขาเป็นสามีและภรรยากัน เจย์ก็ยังคงพบว่าตัวเองกดดันและอดกลั้นอยู่มาริลินคิดแตกต่างเธอปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นผู้ชายของเธอ หลังจากที่อาบน้ำ เธอสวมชุดนอนบาง ๆ และกอดเขาจากด้านหลัง ทำตัวออดอ้อน “ที่รักคะ คุณไม่นอนกับฉันมานานมากเลยนะ ครั้งที่แล้ว เทมเพสก็อยู่ที่นั่น เพราะงั้นเราถึงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะคุณต้องดูแลเขา แต่ตอนนี้…”เจย์ขมวดคิ้วในตอนที่เขาได้กลิ่นโรสแมรี่ผสมกับกลิ่นธรรมชาติของสาวชาวประมงจากผมที่เปียกของเธอเขาพยายามอย่างที่สุดที่จะอดกลั้นความไม่สบายใจในท้องและเตือนตัวเองว่าเขาเป็นสามีของมาริลิน ดังนั้น เขาจึงมีข้อผูกมัดที่ต้องเติมเต็มหน้าที่ในฐานะสามี“อื้ม” เขาพยักหน้าพลางขมวดคิ้วมาริลินเอื้อมปลดกระ
แองเจลีนวางสายอย่างเร่งรีบด้วยความกลัวที่ว่าเธอจะเผยความรู้สึกของตัวเองเจย์จ้องโทรศัพท์ของเขาด้วยความงุนงงทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรหลังจากที่โทรหาเขาล่ะ?เขาโยนโทรศัพท์ไปข้าง ๆ และนอนลงบนเตียง ถึงกระนั้น เจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด หยิบเสื้อโค้ดข้าง ๆ เขาขึ้นมาและเดินออกไปด้านนอกมาริลินเดินออกจากห้องและถามความด้วยความกังวลว่า “ที่รักคะ คุณจะไปที่ไหนดึกป่านนี้แล้ว?”เจย์นิ่ง เขากำลังทำอะไรอยู่?ชายที่มีความรับผิดชอบไม่ควรห่วงเรื่องผู้หญิงคนอื่นนอกจากภรรยาของตัวเอง“ผมจะไปข้างล่างเพื่อสูดอากาศสดชื่นสักหน่อยน่ะ” เขาอารมณ์ไม่ดีรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของมาริลิน เธอเดินเข้าไปหาเจย์และเงยหน้ามองเขา เธอเตือนสติสามีที่พยายามที่นอกใจเธอโดยใช้สัญชาตญาณที่หลักแหลมในฐานะผู้หญิง“ที่รักคะ พวกเขาพูดกันว่า คุณเริ่มมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงรวยและมีอิทธิพลคนหนึ่ง นั่นจริงไหมคะ?” การสอบถามของมาริลินดูเปราะบางและอ่อนแอมากเจย์ไม่รู้ว่าจะตอบเธออย่างไรอยู่ครู่หนึ่งใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องกับคำถามนี้ยกตัวอย่างเช่น เมื่
“โอ๊ย” แองเจลีนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“แองเจลีน?” โจเซฟีนเปิดไฟและเห็นว่าแองเจลีนกำลังนั่งอยู่กับผ้าห่มที่แผ่ออกบนพื้น เธอรีบวิ่งเข้าไปหาและช่วยแองเจลีนลุกขึ้น“ทำไมพี่ไม่ขอให้ฉันช่วยล่ะ?” โจเซฟีนบ่น“ในที่สุดฉันก็คิดว่าฉันจำเป็นต้องชินกับความมืด” แองเจลีนตอบกลับโจเซฟีนรู้สึกปวดร้าวในใจแองเจลีนอาจจะกังวลว่าสักวันหนึ่งเธอจะตาบอดอย่างถาวรและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอพยายามที่จะเผชิญหน้ากับความมืดด้วยความคิดในแง่บวกวันต่อมามันเป็นวันที่ไร้ลมและมืดมน เสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เป็นการบ่งชี้ว่าพายุกำลังมาการสูญเสียการมองเห็นเป็นครั้งคราวของแองเจลีนไม่ฟื้นฟูโดยเร็วเหมือนที่มันเคยเป็นการมองเห็นของเธอยังคงมืดสนิทโจเซฟีนถามแองเจลีนขณะที่เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งว่า “ให้ฉันทาน้ำผึ้งให้พี่ไหม?”แองเจลีนพูดอย่างซึม ๆ “วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหน ทาแค่มอยซ์เจอไรเซอร์ก็ได้”โจเซฟีนทาโทนเนอร์ให้เธอตามมาด้วยโลชั่นมอยซ์เจอไรเซอร์โจเซฟีนเคยเห็นแองเจลีนทาหน้าด้วยน้ำผึ้งด้วยความพยายามที่จะดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อโจเซฟีนเห็นใบหน้าที่สดใสในตอนนี้ เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอเป
โจเซฟีนปล่อยมือของแองเจลีนโดยไม่มีการเตือนและกระซิบว่า “แองเจลีนฉันปวดท้อง ฉันจำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำ นั่งรอฉันตรงนี้นะ”ดังนั้น แองเจลีนจึงนั่งลงบนม้านั่งที่เตรียมไว้ให้กสำหรับลูกค้าในร้านโดยเฉพาะโจเซฟีนแอบอยู่ในความมืดและสังเกตเจย์อย่างลับ ๆ เธออยากเห็นการตอบสนองจริง ๆ ของเจย์เมื่อเขาเห็นแองเจลีนเจย์และมาริลินเดินเข้าไปในร้าน ส่วนมากเจย์จะอุ้มไทเกอร์ไว้ในอ้อมแขนของเขาและยืนอยู่ด้านหนึ่งเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็งในขณะที่มาริลินเลือกเสื้อผ้าที่เธอชอบ“คุณคิดว่าชุดนี้เป็นไงบ้างคะ ที่รัก?” มาริลินยกเสื้อสีแดงสดขึ้นในทันทีเจย์พยักหน้า “อื้ม”มาริลินที่เริงร่านำชุดเข้าไปยังห้องแต่งตัวและกำลังจะลองใส่พนักงานขายก็เดินเข้ามาและแย่งกระโปรงไปจากมือของมาริลิน จากนั้นก็มองมาริลินจากหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูก ด้วยที่เห็นชุดแฟชั่นราคาถูกของเธอ พนักงานขายจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงเล็กน้อย “คุณคะ ชุดนี้ราคา 130,000 คุณจ่ายไหวไหม?”มาริลินดูอับอายเป็นอย่างมากพนักงานขายยังคงพูดต่อว่า “ถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็อย่าลองใส่ เกรงว่าคุณจะทำให้ผ้าของเราเปื้อนน่ะค่ะ” เมื่อกล่าวเช่นนั้น เธอทำแม้กระทั่ง