แองเจลีนทำหน้าซื่อ ๆ แล้วตอบว่า “ฉันไม่มีของมีค่าอะไรนอกจากนาย”เจย์ “...”“ส่งกระเป๋าสะพายให้พวกเขาไป”แองเจลีนจึงโยนกระเป๋าสะพายให้กลุ่มโจรไปพวกโจรพลิกกระเป๋าสะพายคว่ำลงและโกรธจัดเมื่อไม่พบของมีค่าในนั้น“ผู้หญิงคนนี้สวยดีนี่ บางทีพวกเราอาจจะทำเรื่องสนุก ๆ กับเธอได้”“แน่นอน”เจย์ลากแองเจลีนไปอยู่ข้างหลังเขา “ถอยไป” เขาสั่งและละอองเคร่งขรึมก็แผ่ออกมาละอองของเขามีพลังข่มขู่ที่ทำให้ใครก็ตามเกิดอาการหวาดผวาได้แองเจลีนรู้สึกว่าเธอกำลังมองดู เจย์ อาเรสที่แสนน่าเกรงขามที่เธอเคยรู้จักเธอยืนอยู่ข้างหลังเขา การที่เขายืนหันปะทะกับแสงไฟ มันทำให้เขาดูเหมือนราวกับเทือกเขาสีเขียวที่สูงตระหง่านและแข็งแกร่งมันทำให้ใจเธอรู้สึกสงบเมื่อกลุ่มโจรแกว่งมีดไปมา เจย์ก็สั่งแองเจลีนว่า “เร็วเข้า รีบวิ่งหนีไป”ในตอนนั้นเองเขาก็วิ่งเข้าหาคมมีดและเริ่มสู้กับกลุ่มโจรแองเจลีนจะทิ้งเขาไว้ข้างหลังได้อย่างไร? สายตาที่เหมือนเหยี่ยวของเธอจ้องไปที่เจย์เจย์กำลังสู้โดยที่ไม่มีอาวุธและเขาคิดว่าคงไม่มีทางรอดพ้นจากอันตรายครงนี้ในวันนี้ได้ พวกโจรล้อมเขาไว้ทุกด้านและพุ่งเข้าไปโดยไม่มีสัญญาณบอก ในขณะที่เขา
ในที่สุด แองเจลีนก็พาเจย์กลับมาที่ห้องพักของเขาเจย์เตือนสติเธอด้วยใบหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง “ผมถึงบ้านแล้ว”แองเจลีนมองไปที่การริเริ่มของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนในสถานที่ก่อสร้างแล้วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังฝันอยู่“ใช่ นายถึงบ้านแล้ว”อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนคือบ้านของเจย์บี้เธอมุ่งมั่นที่จะสร้างอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนขึ้นมาใหม่เพียงเพื่อที่เธอจะได้มีบ้านให้เขาเจย์หมุนตัวกลับและเดินเข้าไป“พี่เบ็น!” แองเจลีนเรียกเขาโดยไม่ทันคาดคิดเจย์หันกลับมา...แองเจลีนพุ่งตัวข้างหน้าโดยไม่เอยสิ่งใดแล้วเธอก็ประทับริมฝีปากของเธอลงบนริมฝีปากของเขาเจย์รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าและยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเขาเกลียดชังนางมารร้ายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกคลื่นไส้เลยตอนที่เธอจูบเขาด้วยริมฝีปากสีม่วงดำที่น่าขยะแขยงนั้น?ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกดีอย่างมหัศจรรย์จริง ๆหรือบางทีโรคกลัวเชื้อโรคของเขาอาจหายขาดอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว?แองเจลีนเกรงกลัวที่จะอยู่ต่อหลังจากจูบเขา แล้วเธอก็รีบออกไปด้วยความรู้สึกผิด“พรุ่งนี้ฉันจะมาหานายอีก พี่เบ็น” เธอโบกมือให้เขาโดยที่หันหลัง
เมื่อเจย์รู้สึกว่านางมารร้ายคนนั้นได้เข้ามาครอบงำอารมณ์จิตใจของเขาเสียแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างหนักใจ หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว เขาก็ไปที่มุมห้องยืนตีลังกากลับหัวเขาต้องบังคับตัวเองให้ใจเย็นลงและคิดหาว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับแองเจลีนได้ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหาคำตอบอย่างหนักแค่ไหน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อแองเจลีนนั้นเกิดจากความหลงใหล ความไว้ใจ หรือความเกลียดชังสุดขั้วกันแน่วันรุ่งขึ้น เจย์ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่โดยการยื่นจดหมายลาออกกับหัวหน้าแผนกวิศวกรรม จากนั้นเขาก็ย้ายออกจากหอพักและเช่าอพาร์ทเมนต์สองห้องนอนในหมู่บ้านจัดสรรเล็ก ๆ ในเมืองอิมพีเรียลเขาควรจะพามาริลินและลูก ๆ ของพวกเขามาที่นี่ตอนที่เขาหางานที่มั่นคงได้แล้วในขณะเดียวกัน มันอาจจะช่วยให้เขาพ้นจากความคิดบ้าบอทั้งหมดที่เขามีกับแองเจลีนได้ด้วยเมื่อแองเจลีนรู้ว่าเจย์ได้ออกไปจากสถานที่ก่อสร้างแล้ว เธอนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะในห้องทำงานของประธานและถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย“เฮ้อ”ไม่ใช่เป็นเพราะสิ่งใดเลยแต่มันเพราะการที่เธอไปลอบจูบเขาแล้วตอนนี้เขาก็ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แสนจะ
ทันทีที่เซย์นออกไป แองเจลีนก็มองไปที่บุปผาในกุณฑีทองด้วยสายตาเหม่อลอยหลังจากย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าของเขา โลกของเจย์ก็เงียบและสงบลงเขาไม่ถูกชาวประมงรังควานรวมถึงไม่ถูกแองเจลีนคุกคามด้วยเช่นกันบ้านถูกห้อมล้อมไปด้วยความเงียบสงบในทุกวันแต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมากราวเหมือนกับว่ามีบางส่วนในหัวใจของเขาได้หายไปเลยทำให้หัวใจของเขารู้สึกว่างเปล่าเขาซื้อหนังสือหลายเล่ม อุปกรณ์วาดภาพ และเปียโนให้กับตัวเองตารางงานของเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ แล้วความรู้ของเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่นาน เขาคิดว่ามันช่างแปลกประหลาดที่เขาเข้าใจข้อมูลส่วนใหญ่ในหนังสือได้หลังจากอ่านเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เขายังสามารถเรียนรู้โดยการเปรียบเทียบและอนุมานสิ่ง ๆ หนึ่งกับข้อเท็จจริง และเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆ ผ่านการศึกษาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างครอบคลุมในวันนี้เขาเกิดอารมณ์พาไปแล้วตั้งกระดานวาดภาพขึ้น หลังจากผสมสีแล้วเขาก็เริ่มวาดภาพกระดาษแผ่นขาววางอยู่ตรงหน้าเขา เขายกพู่กันขึ้นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะวาดวิวทิวทัศน์อะไรดีท้ายที่สุดแล้วเขาก็ปล่อยพู่กันให้เคลื่อนไปตามความรู้สึกของเขาผล
วันนี้เซ็ตตี้น้อยมาพร้อมกับลุงเซย์นแทนที่จะเป็นฟินน์ตอนที่เซย์นเห็นเจย์ เขาอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตของเขาและเจย์ พวกเขาทั้งคู่ต่างไล่ตามน้องสาวของอีกฝ่าย แต่มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ของเจย์และแองเจลีนเท่านั้นที่สำเร็จ ในขณะที่เขากับโจเซฟินต่างแยกจากกันนอกจากนี้ยังมีความทรงจำอันเจ็บปวดที่เขาเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะความหวาดกลัวจากสายตาที่อาฆาตของเจย์เซย์นใคร่ครวญและคิดได้ว่าในเมื่อตอนนี้เจย์ได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว มันคงจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะชำระหนี้ทั้งเก่าและใหม่ทั้งหมดพวกนี้เสีย มิฉะนั้นสิ่งนี้จะฝังใจเขาไปตลอด“นายเบ็น เซ็ตตี้น้อยบอกว่าครั้งที่แล้วนายเล่นเพลงไปแค่ท่อนเดียวใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขามีคำติที่เกรี้ยวกราดที่ดูราวกับจะพูดว่า ‘นายไม่ละอายใจที่ได้รับเงินเดือนสูงขนาดนี้ในขณะที่นายเล่นเพลงไปแค่ท่อนเดียวบ้างเลยเหรอ?’เจย์ดูไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยและตอบอย่างใจเย็นว่า “อืม”เขาช่างเป็นคนพูดน้อยเสียจริง!เซย์นจงใจทำเรื่องต่าง ๆ ให้ยุ่งยากสำหรับเขา “ถ้าเป็นอย่างนั้น วันนี้นายก็สอนเพิ่มอีกสักสองสามท่อนได้ไหม? เซ็ตตี้น้อยเป็นอัจฉริยะน่ะ เธอจดจำเพลงอะไรก็ได้ต
จุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากความงุนงงที่คุณแม่ของเซ็ตตี้น้อยมอบให้กับเขาเจย์อธิบายว่า “เมื่อก่อนฉันเล่นผิดน่ะ ฉันเคยคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ยั่งยืนหรือมิตรภาพที่ยืนยาว ทั้งคู่ก็ต่างแบกรับภาระเอาไว้ ในตอนนี้กรอบความคิดของฉันต่างออกไปจากเดิม ฉันคิดว่าความรักที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งไม่สำคัญเท่ากับความรักที่ยั่งยืน!”“เหมือนกับสายน้ำไหล มันไม่เคยสิ้นสุด!”แม้เซ็ตตี้จะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เธอก็ยังคงสนับสนุนอย่างเต็มที่ “หนูคิดว่าคุณเล่นได้ดีจริง ๆ ทั้งครั้งที่แล้วและครั้งนี้เหมือนกันนะคะ”เมื่อเซย์นเข้ามาพร้อมกับน้ำผลไม้ เขาสะดุดกับการที่เชียร์ลีดเดอร์คนนี้กำลังพยายามประจบประแจงเจย์อย่างหนัก“คุณเบ็นเล่นเปียโนก่อนหน้านี้ใช่ไหม?” เซย์นประหลาดใจเล็กน้อยเซ็ตตี้น้อยพยักหน้า “ใช่ค่ะ”“ไม่ผิดพลาดเลยเหรอ?” เซย์นกระซิบเข้าไปในหูของเซ็ตตี้น้อยเซ็ตตี้พูดว่า “คุณเบ็นเล่นดีมาก เขาชำนาญและมีทักษะเป็นของตัวเอง เขาสามารถดึงความในใจโดยการเล่นท่วงทำนองที่เอื้ออารีและทำให้ผู้คนละลายไปด้วยความอ่อนหวาน หนูเรียนรู้จากคุณเบ็นได้เยอะอย่างกับหนูรู้แจ้งเลยล่ะค่ะ”เซย์นเบ้ปาก ดูไม่เชื่อ “
เจย์กินอย่างสง่างาม เห็นได้ว่าเป็นทุกข์เล็กน้อยกับการที่เซย์นตั้งคำถามเขาอย่างต่อเนื่องหน้าผากที่ดูดีของเขามีรอยย่นเล็กน้อยเซ็ตตี้น้อยรีบช่วยเจย์ให้ออกจากสถานการณ์นี้และดุเซย์นอย่างเกรี้ยวกราด “เวลาทานข้าว ไม่ควรพูดเสียงดังนะคะ ลุงเซย์น”เซย์นส่งสายตาให้กับเซ็ตตี้น้อยและพูดว่า “ลุงเห็นว่าคุณเบ็นเป็นผู้ชายที่มีพรสวรรค์ ถ้าเขายังโสด ลุงก็อยากเป็นพ่อสื่อให้เขากับคุณแม่ของหนูแต่งงานกันไง”ช้อนส้อมในมือของเซย์นแทบจะล่วงลงบนพื้น เขารู้สึกไม่สบายใจด้วยเหตุผลบางอย่างเซ็ตตี้น้อยกระตือรือร้นที่จะเห็นคุณพ่อและคุณแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น เธอจึงพูดเสริมว่า “คุณเบ็นคะ คุณแม่ของหนูไม่ใช่แค่สวยเท่านั้นนะคะ แต่ยังอ่อนโยนและน่ารักมากด้วย หนูมั่นใจว่าคุณจะชอบคุณแม่ของหนูมาก ๆ ในตอนที่คุณเจอคุณแม่”เมื่อกล่าวเช่นนั้น เธอก็ชำเลืองมองไปยังห้องที่ชั้นบนอย่างมีเลศนัยเซย์นแก้คำพูดเธอให้ถูกในทันที “ไม่ ๆ เซ็ตตี้น้อย ฉันจะโกหกคุณเบ็นไม่ได้ คุณแม่ของหนูอาจจะสวยและน่ารัก แต่จะบอกว่าเธอสุภาพก็ดู… เอ่อ เกินไปหน่อยน่ะ จะทำยังไงถ้าคุณเบ็นรู้ว่าเราโกหกเขาและพยายามที่จะส่งเธอคืนทีหลังล่ะ?”เซ็ตตี้น้อ
แทนที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนครอบครัวพร้อมกับภรรยาที่สวยและบริสุทธิ์ เขากลับเลือกที่จะเป็นนักพนันและสูญเสียชีวิตไปแทนเขามีความผิดอย่างแท้จริงที่ทำให้คุณแม่ของเซ็ตตี้น้อยผิดหวังน้ำตาของเซ็ตตี้น้อย ๆ ค่อย ๆ จางไปเจย์เลิกคิ้วและมองไปยังห้องที่อยู่ชั้นบน แน่นอนว่า อารมณ์ของเด็กนั้นยากที่จะคาดเดาได้ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว มันก็เป็นวันที่สดใสอีกครั้งเจย์ยืนขึ้นและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจ ผมยังมีเรื่องต้องทำ ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ”เซย์มองไปยังชั้นบนและเสียสมาธิอยู่ครู่หนึ่งเจย์เดินออกไปด้วยขาที่เรียวยาวเซย์นไม่ได้ลุกขึ้นในตอนที่เห็นเขาเดินออกไปแต่กลับนวดบริเวณระหว่างคิ้วเพราะเขากำลังปวดหัวจนกระทั่งเจย์ปิดประตู จากนั้นประตูห้องชั้นบนก็สไลด์เปิดออกอย่างช้า ๆ คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเซ็ตตี้น้อยคือบุคคลที่เลอโฉมความโศกเศร้าได้ถูกเขียนลงทั้งหน้าของแองเจลีนอีกครั้งขณะที่เธอเดินลงไปชั้นล่างอย่างช้า ๆ เซย์นมองเธอและพูดว่า “เธอก็ได้ยินเหมือนกันนี่ พี่สงสัยว่าเขาจะทิ้งภรรยาและลูกชายของไหม เธอควรจะยอมแพ้ซะนะ”แองเจลีนนั่งตรงหน้าเซย์นและน้ำตาก็กำลังคลอเบ้าเซย์นดึงทิชชู่และยื่นให้กับเ