ดวงตาของแองเจลีนพร่ามัวไปด้วยน้ำตา เธอพูดด้วยท่าทีที่ไม่พอใจอย่างเหลืออด “ทำไมนายต้องด่าฉันด้วย?”เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเขา ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอมักจะจับมือเขาในทุกที่ที่เธอไป และนั่นทำให้เธอเป็นคนที่แย่ในเรื่องการจดจำทิศทางมากแล้วตอนนี้เขากลับมาโทษเธอแทน?เจย์อึ้งไปเล็กน้อย ทำไมเธอถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ?“บอกผมมาสิว่าตอนนี้เราควรจะไปไหน?” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างบอกไม่ถูกแองเจลีนพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ถ้าฉันบอกนายว่าฉันหลงทางแล้ว นายจะเชื่อฉันไหม?”แน่นอนว่าเจย์คงจะไม่เชื่อเธอ แต่ทว่าหลังจากเห็นสีหน้าที่ว่างเปล่าและน่ารักใสซื่อของแองเจลีนแล้ว เขาก็พบว่ามันเป็นการยากที่จะไม่เชื่อเธอเพื่อที่จะแก้ตัว เธอพึมพำผ่านลมหายใจของเธอ “ผู้หญิงทั่วไปมักจะแย่ในเรื่องทางอยู่แล้วนะ”เจย์โต้กลับอย่างฉุนเฉียว “แต่คุณไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปสักหน่อย!”ใบหน้าของแองเจลีนปรากฏรอยยิ้มที่ปลื้มปิติ “ฉันรู้หรอกพี่เบ็น ฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาในสายตาของนาย”เจย์พูดว่า “สำหรับผม คุณเป็นเหมือนยานรบที่พลังล้นเหลือและทำได้ทุกอย่างในบรรดาผู้หญิงพวกนั้น แต่สมองที่เชื่องช้าของคุณทำให้คุณไม่ต่างจา
แองเจลีนทำหน้าซื่อ ๆ แล้วตอบว่า “ฉันไม่มีของมีค่าอะไรนอกจากนาย”เจย์ “...”“ส่งกระเป๋าสะพายให้พวกเขาไป”แองเจลีนจึงโยนกระเป๋าสะพายให้กลุ่มโจรไปพวกโจรพลิกกระเป๋าสะพายคว่ำลงและโกรธจัดเมื่อไม่พบของมีค่าในนั้น“ผู้หญิงคนนี้สวยดีนี่ บางทีพวกเราอาจจะทำเรื่องสนุก ๆ กับเธอได้”“แน่นอน”เจย์ลากแองเจลีนไปอยู่ข้างหลังเขา “ถอยไป” เขาสั่งและละอองเคร่งขรึมก็แผ่ออกมาละอองของเขามีพลังข่มขู่ที่ทำให้ใครก็ตามเกิดอาการหวาดผวาได้แองเจลีนรู้สึกว่าเธอกำลังมองดู เจย์ อาเรสที่แสนน่าเกรงขามที่เธอเคยรู้จักเธอยืนอยู่ข้างหลังเขา การที่เขายืนหันปะทะกับแสงไฟ มันทำให้เขาดูเหมือนราวกับเทือกเขาสีเขียวที่สูงตระหง่านและแข็งแกร่งมันทำให้ใจเธอรู้สึกสงบเมื่อกลุ่มโจรแกว่งมีดไปมา เจย์ก็สั่งแองเจลีนว่า “เร็วเข้า รีบวิ่งหนีไป”ในตอนนั้นเองเขาก็วิ่งเข้าหาคมมีดและเริ่มสู้กับกลุ่มโจรแองเจลีนจะทิ้งเขาไว้ข้างหลังได้อย่างไร? สายตาที่เหมือนเหยี่ยวของเธอจ้องไปที่เจย์เจย์กำลังสู้โดยที่ไม่มีอาวุธและเขาคิดว่าคงไม่มีทางรอดพ้นจากอันตรายครงนี้ในวันนี้ได้ พวกโจรล้อมเขาไว้ทุกด้านและพุ่งเข้าไปโดยไม่มีสัญญาณบอก ในขณะที่เขา
ในที่สุด แองเจลีนก็พาเจย์กลับมาที่ห้องพักของเขาเจย์เตือนสติเธอด้วยใบหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง “ผมถึงบ้านแล้ว”แองเจลีนมองไปที่การริเริ่มของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนในสถานที่ก่อสร้างแล้วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังฝันอยู่“ใช่ นายถึงบ้านแล้ว”อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนคือบ้านของเจย์บี้เธอมุ่งมั่นที่จะสร้างอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนขึ้นมาใหม่เพียงเพื่อที่เธอจะได้มีบ้านให้เขาเจย์หมุนตัวกลับและเดินเข้าไป“พี่เบ็น!” แองเจลีนเรียกเขาโดยไม่ทันคาดคิดเจย์หันกลับมา...แองเจลีนพุ่งตัวข้างหน้าโดยไม่เอยสิ่งใดแล้วเธอก็ประทับริมฝีปากของเธอลงบนริมฝีปากของเขาเจย์รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าและยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเขาเกลียดชังนางมารร้ายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกคลื่นไส้เลยตอนที่เธอจูบเขาด้วยริมฝีปากสีม่วงดำที่น่าขยะแขยงนั้น?ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกดีอย่างมหัศจรรย์จริง ๆหรือบางทีโรคกลัวเชื้อโรคของเขาอาจหายขาดอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว?แองเจลีนเกรงกลัวที่จะอยู่ต่อหลังจากจูบเขา แล้วเธอก็รีบออกไปด้วยความรู้สึกผิด“พรุ่งนี้ฉันจะมาหานายอีก พี่เบ็น” เธอโบกมือให้เขาโดยที่หันหลัง
เมื่อเจย์รู้สึกว่านางมารร้ายคนนั้นได้เข้ามาครอบงำอารมณ์จิตใจของเขาเสียแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างหนักใจ หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว เขาก็ไปที่มุมห้องยืนตีลังกากลับหัวเขาต้องบังคับตัวเองให้ใจเย็นลงและคิดหาว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับแองเจลีนได้ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหาคำตอบอย่างหนักแค่ไหน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อแองเจลีนนั้นเกิดจากความหลงใหล ความไว้ใจ หรือความเกลียดชังสุดขั้วกันแน่วันรุ่งขึ้น เจย์ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่โดยการยื่นจดหมายลาออกกับหัวหน้าแผนกวิศวกรรม จากนั้นเขาก็ย้ายออกจากหอพักและเช่าอพาร์ทเมนต์สองห้องนอนในหมู่บ้านจัดสรรเล็ก ๆ ในเมืองอิมพีเรียลเขาควรจะพามาริลินและลูก ๆ ของพวกเขามาที่นี่ตอนที่เขาหางานที่มั่นคงได้แล้วในขณะเดียวกัน มันอาจจะช่วยให้เขาพ้นจากความคิดบ้าบอทั้งหมดที่เขามีกับแองเจลีนได้ด้วยเมื่อแองเจลีนรู้ว่าเจย์ได้ออกไปจากสถานที่ก่อสร้างแล้ว เธอนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะในห้องทำงานของประธานและถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย“เฮ้อ”ไม่ใช่เป็นเพราะสิ่งใดเลยแต่มันเพราะการที่เธอไปลอบจูบเขาแล้วตอนนี้เขาก็ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แสนจะ
ทันทีที่เซย์นออกไป แองเจลีนก็มองไปที่บุปผาในกุณฑีทองด้วยสายตาเหม่อลอยหลังจากย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าของเขา โลกของเจย์ก็เงียบและสงบลงเขาไม่ถูกชาวประมงรังควานรวมถึงไม่ถูกแองเจลีนคุกคามด้วยเช่นกันบ้านถูกห้อมล้อมไปด้วยความเงียบสงบในทุกวันแต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมากราวเหมือนกับว่ามีบางส่วนในหัวใจของเขาได้หายไปเลยทำให้หัวใจของเขารู้สึกว่างเปล่าเขาซื้อหนังสือหลายเล่ม อุปกรณ์วาดภาพ และเปียโนให้กับตัวเองตารางงานของเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ แล้วความรู้ของเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่นาน เขาคิดว่ามันช่างแปลกประหลาดที่เขาเข้าใจข้อมูลส่วนใหญ่ในหนังสือได้หลังจากอ่านเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เขายังสามารถเรียนรู้โดยการเปรียบเทียบและอนุมานสิ่ง ๆ หนึ่งกับข้อเท็จจริง และเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆ ผ่านการศึกษาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างครอบคลุมในวันนี้เขาเกิดอารมณ์พาไปแล้วตั้งกระดานวาดภาพขึ้น หลังจากผสมสีแล้วเขาก็เริ่มวาดภาพกระดาษแผ่นขาววางอยู่ตรงหน้าเขา เขายกพู่กันขึ้นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะวาดวิวทิวทัศน์อะไรดีท้ายที่สุดแล้วเขาก็ปล่อยพู่กันให้เคลื่อนไปตามความรู้สึกของเขาผล
วันนี้เซ็ตตี้น้อยมาพร้อมกับลุงเซย์นแทนที่จะเป็นฟินน์ตอนที่เซย์นเห็นเจย์ เขาอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตของเขาและเจย์ พวกเขาทั้งคู่ต่างไล่ตามน้องสาวของอีกฝ่าย แต่มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ของเจย์และแองเจลีนเท่านั้นที่สำเร็จ ในขณะที่เขากับโจเซฟินต่างแยกจากกันนอกจากนี้ยังมีความทรงจำอันเจ็บปวดที่เขาเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะความหวาดกลัวจากสายตาที่อาฆาตของเจย์เซย์นใคร่ครวญและคิดได้ว่าในเมื่อตอนนี้เจย์ได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว มันคงจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะชำระหนี้ทั้งเก่าและใหม่ทั้งหมดพวกนี้เสีย มิฉะนั้นสิ่งนี้จะฝังใจเขาไปตลอด“นายเบ็น เซ็ตตี้น้อยบอกว่าครั้งที่แล้วนายเล่นเพลงไปแค่ท่อนเดียวใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขามีคำติที่เกรี้ยวกราดที่ดูราวกับจะพูดว่า ‘นายไม่ละอายใจที่ได้รับเงินเดือนสูงขนาดนี้ในขณะที่นายเล่นเพลงไปแค่ท่อนเดียวบ้างเลยเหรอ?’เจย์ดูไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยและตอบอย่างใจเย็นว่า “อืม”เขาช่างเป็นคนพูดน้อยเสียจริง!เซย์นจงใจทำเรื่องต่าง ๆ ให้ยุ่งยากสำหรับเขา “ถ้าเป็นอย่างนั้น วันนี้นายก็สอนเพิ่มอีกสักสองสามท่อนได้ไหม? เซ็ตตี้น้อยเป็นอัจฉริยะน่ะ เธอจดจำเพลงอะไรก็ได้ต
จุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากความงุนงงที่คุณแม่ของเซ็ตตี้น้อยมอบให้กับเขาเจย์อธิบายว่า “เมื่อก่อนฉันเล่นผิดน่ะ ฉันเคยคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ยั่งยืนหรือมิตรภาพที่ยืนยาว ทั้งคู่ก็ต่างแบกรับภาระเอาไว้ ในตอนนี้กรอบความคิดของฉันต่างออกไปจากเดิม ฉันคิดว่าความรักที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งไม่สำคัญเท่ากับความรักที่ยั่งยืน!”“เหมือนกับสายน้ำไหล มันไม่เคยสิ้นสุด!”แม้เซ็ตตี้จะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เธอก็ยังคงสนับสนุนอย่างเต็มที่ “หนูคิดว่าคุณเล่นได้ดีจริง ๆ ทั้งครั้งที่แล้วและครั้งนี้เหมือนกันนะคะ”เมื่อเซย์นเข้ามาพร้อมกับน้ำผลไม้ เขาสะดุดกับการที่เชียร์ลีดเดอร์คนนี้กำลังพยายามประจบประแจงเจย์อย่างหนัก“คุณเบ็นเล่นเปียโนก่อนหน้านี้ใช่ไหม?” เซย์นประหลาดใจเล็กน้อยเซ็ตตี้น้อยพยักหน้า “ใช่ค่ะ”“ไม่ผิดพลาดเลยเหรอ?” เซย์นกระซิบเข้าไปในหูของเซ็ตตี้น้อยเซ็ตตี้พูดว่า “คุณเบ็นเล่นดีมาก เขาชำนาญและมีทักษะเป็นของตัวเอง เขาสามารถดึงความในใจโดยการเล่นท่วงทำนองที่เอื้ออารีและทำให้ผู้คนละลายไปด้วยความอ่อนหวาน หนูเรียนรู้จากคุณเบ็นได้เยอะอย่างกับหนูรู้แจ้งเลยล่ะค่ะ”เซย์นเบ้ปาก ดูไม่เชื่อ “
เจย์กินอย่างสง่างาม เห็นได้ว่าเป็นทุกข์เล็กน้อยกับการที่เซย์นตั้งคำถามเขาอย่างต่อเนื่องหน้าผากที่ดูดีของเขามีรอยย่นเล็กน้อยเซ็ตตี้น้อยรีบช่วยเจย์ให้ออกจากสถานการณ์นี้และดุเซย์นอย่างเกรี้ยวกราด “เวลาทานข้าว ไม่ควรพูดเสียงดังนะคะ ลุงเซย์น”เซย์นส่งสายตาให้กับเซ็ตตี้น้อยและพูดว่า “ลุงเห็นว่าคุณเบ็นเป็นผู้ชายที่มีพรสวรรค์ ถ้าเขายังโสด ลุงก็อยากเป็นพ่อสื่อให้เขากับคุณแม่ของหนูแต่งงานกันไง”ช้อนส้อมในมือของเซย์นแทบจะล่วงลงบนพื้น เขารู้สึกไม่สบายใจด้วยเหตุผลบางอย่างเซ็ตตี้น้อยกระตือรือร้นที่จะเห็นคุณพ่อและคุณแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น เธอจึงพูดเสริมว่า “คุณเบ็นคะ คุณแม่ของหนูไม่ใช่แค่สวยเท่านั้นนะคะ แต่ยังอ่อนโยนและน่ารักมากด้วย หนูมั่นใจว่าคุณจะชอบคุณแม่ของหนูมาก ๆ ในตอนที่คุณเจอคุณแม่”เมื่อกล่าวเช่นนั้น เธอก็ชำเลืองมองไปยังห้องที่ชั้นบนอย่างมีเลศนัยเซย์นแก้คำพูดเธอให้ถูกในทันที “ไม่ ๆ เซ็ตตี้น้อย ฉันจะโกหกคุณเบ็นไม่ได้ คุณแม่ของหนูอาจจะสวยและน่ารัก แต่จะบอกว่าเธอสุภาพก็ดู… เอ่อ เกินไปหน่อยน่ะ จะทำยังไงถ้าคุณเบ็นรู้ว่าเราโกหกเขาและพยายามที่จะส่งเธอคืนทีหลังล่ะ?”เซ็ตตี้น้อ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ