หลังจากที่เจย์กินอาหารเสร็จ แองเจลีนก็โยนเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและถ้วยลงถังขยะ จากนั้นเธอก็นั่งตรงหน้าเขา สายตาของเธอค่อนข้างเพ้อฝันราวกับว่าเธอกำลังจ้องสัตว์เลี้ยงของตัวเอง“ระบบการย่อยอาหารของนายไม่ได้สุขภาพดีขนาดนั้น เพราะงั้นนายต้องจำไว้ด้วยว่าต้องกินข้าวตรงเวลา อย่ากินตามใจตัวเอง” เธอบ่นเจย์จ้องเธอด้วยท่าทีที่ไม่พอใจมันอาจจะเป็นเพราะเขาห่วงเรื่องของเทมเพส ดังนั้น แม้แต่การขมวดคิ้วของเขาก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดจู่ ๆ แองเจลีนก็เอื้อมสัมผัสคิ้วของเขา เธอกล่าวอย่างอ่อนโยน “นายมีบางอย่างในใจใช่ไหม?เจย์ตอบกลับอย่างปากร้าย “ถ้าคุณอยู่ให้ห่างจากผม ผมก็จะไม่มีอะไรในใจ”แองเจลีน “...”“ถ้ามีเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับตัวฉัน ฉันจะพยายามอย่างที่สุดที่จะทำให้ดีขึ้น” เธอกล่าวพลางกัดฟันและฝืนยิ้มออกมาเจย์เกลียดท่าทีที่เสแสร้งและอ่อนหวานของเธอ“งั้นคุณก็กลับไปในท้องแม่และเกิดใหม่สิ” เขากล่าวอย่างโหดร้ายแองเจลีนเดือดดาล เธอยกแขนขึ้น…“นายวอนเอง ใช่ไหม” เธอกัดฟันด้วยความโกรธเจย์มองที่มือของเธอ คิดว่าไม่มีทางหนีจากตบที่เขากำลงจะโดนได้ เขาไม่คิดว่าแองเจลีนจะไม่ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น ในที่ส
เจย์พูดว่า “ผมไม่มีเงินในตอนนี้ แต่ผมจะหาวิธีชำระค่ารักษา”แองเจลีนแทบจะหัวเราะใส่เขาชายคนนี้จะไม่มีเงินได้อย่างไรในเมื่อทั้งแกรนด์ เอเซียเป็นของเขา?“ถ้านายไม่มีเงิน บางทีนายจ่ายด้วตัวของนายก็ได้นะ” เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งมันยากที่เจย์จะเริ่มพูดให้ถูกใจเธอ และในตอนนี้ทั้งหมดมันได้หลอมละลายไปในทันทีเขาจ้องเธอด้วยความแค้น…แองเจลีนรีบข่มตัวเองไว้เธอคิดว่าเธอควรจะเอ่ยเรื่องนั้นกับตัวเองดีกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันหนึ่งเจย์ได้ความทรงจำกลับมา? แน่นอนว่า เขาจะมีความแค้น พิเคราะห์จากนิสัยของเขาในตอนเย็น เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็เสียงดังผ่านอากาศ ไซเรนยังคงดังต่อเนื่องในขณะที่จอดอยู่หน้าทางเข้าของโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียเจย์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความวิตกกังวลมาริลินบอกกับเขาว่าอาการของเทมเพสแย่มากเทมเพสคือสำคัญสำหรับเขามากคนที่เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเขาถือว่าเป็นครอบครัวสำหรับเจย์แองเจลีนเดินเข้าไปหาเจย์ วางมือบนไหล่ของเขาในขณะที่ปลอบและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา”เจย์ทำได้แค่จ้องเธออย่างเหม่อลอย เมื่อเธอพูดเช่นนั้น
พยาบาลคนนั้นจ้องเขาเขม็ง “อ๊ะ!... สำหรับเรื่องนั้น มันจะดีที่สุดถ้าคุณคุยเรื่องนั้นกับท่านประธาน!”เจย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สมเหตุสมผล “นี่คือการตัดสินใจของผม เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย คุณก็แค่เอาสัญญามาให้กับผมและผมจะเซ็นมัน”พยาบาลคนนั้นไม่กล้าขัดคำขอที่ข่มขู่ของเจย์ “ได้ค่ะ”เมื่อพยาบาลมอบสัญญาให้กับเจย์ เจย์ก็เซ็นโดยไม่ลังเลขณะที่แองเจลีนเดินออกจากห้องประชุม พยาบาลคนนั้นก็มอบสัญญาให้กับเธอแองเจลีนตรวจดูสัญญาและบนนั้นมือคำว่า ‘เจย์ อาเรส’ อยู่ ลายมือราบเรียบและไม่ใส่ใจเธอเริ่มโกรธเคืองเธอตบเท้าไปยังห้องเขาเจย์และโยนสัญญาใส่หน้าเขา เธอตั้งคำถามเขาว่า “นายกำลังทำอะไร?”เจย์หยิบกระดาษออกจากหน้าอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็มองแองเจลีนและพูดว่า “ผมไม่อยากให้พวกคุณหยุดการรักษาเทมเพสกลางคันเพราะว่าผมจ่ายบิลค่ารักษาไม่ได้ เพราะแบบนั้น ทำไมผมจะให้ความหวังที่จะมีชีวิตต่อไปกับเขาไม่ได้ล่ะ?”แองเจลีนพูดว่า “เก็บความใจกว้างของนายไว้ซะ ฉันกำลังช่วยเทมเพส ฉันจะไม่เอาเงินจากนายแม้แต่แดงเดียว ที่จริงแล้ว ฉันรับรองว่าฉันจะประสบความสำเร็จที่จะพาเทมเพสกลับมา”เจย์ประหลาดใจ “ทำไมล่ะ?”เขาคิดไม่ออกว่าท
อารมณ์ของเด็กมักแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาคิดถึงเซ็ตตี้น้อยมากจนทำให้เขาน้ำตาไหลลงมาเล็กน้อย“เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ไปนะ”“อืม”หลังจากนั้นไม่นาน ฟินน์ก็พาเซ็ตตี้น้อยมาที่ที่เจย์อยู่“คุณคะ!” เซ็ตตี้น้อยโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเขาทันทีที่เห็นเขาฟินน์ก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพด้วยความเคยชิน “หลังจากที่เธอรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน เธอก็ตื๊อให้ผมพาเธอมาที่นี่ให้ได้เลยครับคุณเบ็น ผมหวังว่าพวกเราจะไม่รบกวนคุณนะครับ”เจย์กอดลูบผมที่นุ่มสลวยของเซ็ตตี้น้อยแล้วก็ยิ้ม “เปล่านี่ ไม่เลย”หลังจากที่ฟินน์และเซ็ตตี้น้อยเข้าบ้านมา เจย์ก็รินน้ำให้พวกเขา แล้วจู่ ๆ ฟินน์ก็รีบตรงเข้าไป “คุณเบ็น ให้ผมทำเถอะครับ” เขาพูดอย่างตกใจกลัวเจย์รู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่อาจบอกได้ว่าสายตาของฟินน์กำลังหลอกลวงเขาอยู่หรือเปล่า แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าฟินน์ให้ความเคารพเขามากเกินไปนะ?ฟินน์รินน้ำและยื่นให้เจย์ด้วยความเคารพ แล้วเขาก็ตรงไปรินน้ำให้เซ็ตตี้น้อยเซ็ตตี้น้อยมองไปที่พี่ชายฟินน์ที่ไม่สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ เธอไม่รู้จะช่วยอย่างไร จึงได้แต่พูดกับเขาว่า “พี่ฟินน์ หนูคิดว่าพี่ควรกลับบ้านไปได้แล้วล่ะ หนูจะค้างคื
เมื่อพวกเขาผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย เด็กก็เริ่มเชื่อใจฟินน์“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ?” เจย์มีความสงสัย พ่อแม่แบบไหนจะยอมยกลูกให้กับคนภายนอกอย่างง่ายดายเช่นนั้น? มันช่างดูน่าเหลวไหลสำหรับเขาเจย์และเซ็ตตี้น้อยได้พบกันสองครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยพบกับพ่อแม่ของเธอมาก่อนเขาคิดตามหลักการว่าพ่อแม่ของเซ็ตตี้น้อยต้องขาดการสั่งสอนและให้ความรู้แก่ลูกเป็นแน่ ชีวิตรักของพวกเขาคงต้องประหลาดแปลกน่าดูเซ็ตตี้น้อยมองเจย์ด้วยความเศร้าโศกในดวงตาของเธอ“พวกเขาหย่ากันเหรอ?” เขาสรุปออกมาอย่างใจกล้าเซ็ตตี้น้อยส่ายหัว “พวกเขาจะไม่หย่ากันหรอกค่ะ พ่อของหนูเชื่อว่าจะมีแค่พ่อม่ายและแม่ม่ายเท่านั้นค่ะ ไม่มีการหย่าร้าง คุณพ่อกับคุณแม่รักกันมาก ท้ายสุดแล้วคุณพ่อของหนูก็ยกทุกอย่างให้คุณแม่ รวมถึงชีวิตของเขาด้วยค่ะ”จู่ ๆ เจย์ก็นึกถึงวลีที่ว่า ‘ความรักที่เร่าร้อนมากเกินไปนั้นอยู่ได้ไม่นาน’เขาเป็นคนดีและเขาสงสัยว่าเขาได้รับกรรมที่เขาควรจะได้รับหรือยัง“แล้วคุณแม่ของหนูล่ะ?”เธอทิ้งลูกแล้วแต่งงานใหม่เหรอ?น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาของเซ็ตตี้น้อย “คุณแม่อยากไปกับคุณพ่อค่ะ คุณแม่ก็เลยกรีดข้อมือตัวเอง แต่คุณลุงของห
“เบ็น ท่านประธานต้องการให้นายดูแลพวกเราใช่ไหม? ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินค่าอาหาร เพราะฉะนั้นนายช่วยไปบอกท่านประธานให้จ่ายค่าจ้างให้เราล่วงหน้าได้ไหม?” ชาวประมงอ้อนวอนเจย์เจย์มีสีหน้าเคร่งเครียด ชาวประมงพูดกับเขาอย่างโจ่งแจ้งให้เขาไปขอเหตุผลกับนางมารร้ายคนนั้น แต่เขาไม่ต้องการยุ่งอะไรกับเธอเลย“ฉันพอมีเงินสดอยู่บ้าง ฉันจะให้พวกนายทุกคนยืมก่อนก็แล้วกัน”สแตน ฮิทเชนส์พูดอย่างชั่วร้าย “เบ็น เงินทั้งหมดนั้นมาจากไหนกัน?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยเจย์จ้องไปที่เขาด้วยความเย็นชาในดวงตาของเขา ซึ่งมันทำให้สแตนส่ายหน้าเล็กน้อย เขามักรู้สึกว่าเศษขยะที่ไม่ได้เรื่องคนนี้มีแววตาที่น่าสยดสยองมาตลอดทอมมี่รีบทำลายบรรยากาศนี้และพูดว่า “เอาสิ ฮิทเชนส์ ถ้าเบ็นยินดีให้เรายืมเงิน แปลว่าเขาจะช่วยเรา เราควรจะขอบคุณเขานะ ทำไมเราต้องสนใจว่าเงินของเขามาจากไหนด้วยล่ะ?”“ใช่ ใช่” ชาวประมงคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วยสแตนมองชาวประมงคนอื่น ๆ ที่ทำตัวเคารพเจย์ในทันทีทันใด เขารู้สึกขมขื่นอยู่ภายในและหัวเราะเยาะ “หึหึ โรคของเขามันแพร่เชื้อได้ สิ่งที่เขามีมันคือเงินสกปรกทั้งหมดเลย เมื่อเรารับมันมา บางทีเราอาจจะติ
ชาวประมงลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ พวกเขาคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะตามการนำของสแตนมากกว่าเจย์ที่เป็นคนไร้ประโยชน์ นั่นเป็นเพราะว่าสแตนอาศัยอยู่ในเมืองเป็นเวลานานกว่าด้วยเหตุนี้ พวกเขาก็ระบายความโกรธไปที่เจย์ ทุบตีเขาด้วยความป่าเถื่อน“จัดการมัน!”“มันเป็นแค่คนนอกในหมู่บ้านของเรา ถ้าเราฆ่ามันให้ตายไปซะ ก็ไม่มีใครมาช่วยมันได้หรอก” สแตนพูดขณะขู่คำรามฟินน์หันหลังกลับมา เขาเห็นว่าเจย์เริ่มโกรธจัดและรับมือกับชาวประมงทั้งหมดด้วยตัวของเขาเองชาวประมงมักมีมัดกล้ามที่แข็งแรงและร่างใหญ่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เจย์มีร่างกายที่อ่อนแอกว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาความจำเสื่อมมานานเกินไป เขาจึงลืมไปว่าเขาเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน เขาปล่อยหมัดอย่างเรียบ ๆ ใส่คู่ต่อสู่ด้วยความอำมหิตที่มีภายในตัวเขาเปลวไฟลุกโชนออกมาจากนัยน์ตาของฟินน์ เขากัดฟันและคำรามออกมา “พวกแกรนหาที่ตายเองนะ”เขากระโจนเข้ามาเหมือนเสือจากัวร์ ลูกเตะวงกว้างฟาดเข้าใส่สแตน ทำให้เขาลอยขึ้นกลางอากาศ ลูกเตะและหมัดต่อยของฟินน์นั้นทรงพลังอย่างมากและใช้เวลาเพียงไม่นานในการจัดการชาวประมงเหล่านั้
จู่ ๆ แองเจลีนก็สารภาพกับเขาว่า “ฉันชอบนาย”ท่าทีของเจย์เต็มไปด้วยการปฏิเสธ “ผมไม่สนใจหรอก”แองเจลีนอ้าปากค้างเล็กน้อย… ความรู้สึกของความผิดหวังปะทะเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“นายจะไม่คิดสักหน่อยเหรอ?”เจย์มองเธอราวกับว่าเขากำลังบอกเธออยู่ในใจว่า ‘จะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ไปทำไมกัน?’แองเจลีนทำหน้าบึ้งแต่ยังคงยืนกรานและเริ่มคุยโอ้อวดว่า “นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนดี ฉันใสซื่อ รวย และฉันรู้วิธีเอาใจคน มีผู้ชายนับไม่ถ้วนในเมืองอิมพีเรียลที่ชอบฉัน”มุมปากของเจย์กระตุกอย่างแรง!“คุณแน่ใจเหรอว่าที่ผู้ชายพวกนั้นตามคุณไม่ใช่เป็นเพราะว่าเงินของคุณ?”แองเจลีนตอบ “เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นผู้หญิงที่น่าดึงดูดอันดับหนึ่งของทั้งเมืองอิมพีเรียลนี้”เจย์มองไปที่ ‘หนังสือสุดยอดคนดัง’ เล่มใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ริมฝีปากของเขากระตุกขึ้น “นั่นเป็นเพราะชื่อคุณเป็นตัวอักษรแรกในรายชื่อต่างหาก”แองเจลีน “...”บทสนทนาจบลงที่ทางตันแองเจลีนคิดว่าวิธีการจีบของเธอต้องผิดพลาดตั้งแต่เริ่มบทสนทนาแล้วเป็นแน่การพูดว่า ‘ฉันชอบนาย’ กับผู้ชายนั้นมันล้าสมัยเกินไป“ตราบใดนายยอมรับฉันได้ ฉันก็ใ