หลังจากที่เจย์กินอาหารเสร็จ แองเจลีนก็โยนเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและถ้วยลงถังขยะ จากนั้นเธอก็นั่งตรงหน้าเขา สายตาของเธอค่อนข้างเพ้อฝันราวกับว่าเธอกำลังจ้องสัตว์เลี้ยงของตัวเอง“ระบบการย่อยอาหารของนายไม่ได้สุขภาพดีขนาดนั้น เพราะงั้นนายต้องจำไว้ด้วยว่าต้องกินข้าวตรงเวลา อย่ากินตามใจตัวเอง” เธอบ่นเจย์จ้องเธอด้วยท่าทีที่ไม่พอใจมันอาจจะเป็นเพราะเขาห่วงเรื่องของเทมเพส ดังนั้น แม้แต่การขมวดคิ้วของเขาก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดจู่ ๆ แองเจลีนก็เอื้อมสัมผัสคิ้วของเขา เธอกล่าวอย่างอ่อนโยน “นายมีบางอย่างในใจใช่ไหม?เจย์ตอบกลับอย่างปากร้าย “ถ้าคุณอยู่ให้ห่างจากผม ผมก็จะไม่มีอะไรในใจ”แองเจลีน “...”“ถ้ามีเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับตัวฉัน ฉันจะพยายามอย่างที่สุดที่จะทำให้ดีขึ้น” เธอกล่าวพลางกัดฟันและฝืนยิ้มออกมาเจย์เกลียดท่าทีที่เสแสร้งและอ่อนหวานของเธอ“งั้นคุณก็กลับไปในท้องแม่และเกิดใหม่สิ” เขากล่าวอย่างโหดร้ายแองเจลีนเดือดดาล เธอยกแขนขึ้น…“นายวอนเอง ใช่ไหม” เธอกัดฟันด้วยความโกรธเจย์มองที่มือของเธอ คิดว่าไม่มีทางหนีจากตบที่เขากำลงจะโดนได้ เขาไม่คิดว่าแองเจลีนจะไม่ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น ในที่ส
เจย์พูดว่า “ผมไม่มีเงินในตอนนี้ แต่ผมจะหาวิธีชำระค่ารักษา”แองเจลีนแทบจะหัวเราะใส่เขาชายคนนี้จะไม่มีเงินได้อย่างไรในเมื่อทั้งแกรนด์ เอเซียเป็นของเขา?“ถ้านายไม่มีเงิน บางทีนายจ่ายด้วตัวของนายก็ได้นะ” เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งมันยากที่เจย์จะเริ่มพูดให้ถูกใจเธอ และในตอนนี้ทั้งหมดมันได้หลอมละลายไปในทันทีเขาจ้องเธอด้วยความแค้น…แองเจลีนรีบข่มตัวเองไว้เธอคิดว่าเธอควรจะเอ่ยเรื่องนั้นกับตัวเองดีกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันหนึ่งเจย์ได้ความทรงจำกลับมา? แน่นอนว่า เขาจะมีความแค้น พิเคราะห์จากนิสัยของเขาในตอนเย็น เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็เสียงดังผ่านอากาศ ไซเรนยังคงดังต่อเนื่องในขณะที่จอดอยู่หน้าทางเข้าของโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียเจย์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความวิตกกังวลมาริลินบอกกับเขาว่าอาการของเทมเพสแย่มากเทมเพสคือสำคัญสำหรับเขามากคนที่เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเขาถือว่าเป็นครอบครัวสำหรับเจย์แองเจลีนเดินเข้าไปหาเจย์ วางมือบนไหล่ของเขาในขณะที่ปลอบและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา”เจย์ทำได้แค่จ้องเธออย่างเหม่อลอย เมื่อเธอพูดเช่นนั้น
พยาบาลคนนั้นจ้องเขาเขม็ง “อ๊ะ!... สำหรับเรื่องนั้น มันจะดีที่สุดถ้าคุณคุยเรื่องนั้นกับท่านประธาน!”เจย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สมเหตุสมผล “นี่คือการตัดสินใจของผม เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย คุณก็แค่เอาสัญญามาให้กับผมและผมจะเซ็นมัน”พยาบาลคนนั้นไม่กล้าขัดคำขอที่ข่มขู่ของเจย์ “ได้ค่ะ”เมื่อพยาบาลมอบสัญญาให้กับเจย์ เจย์ก็เซ็นโดยไม่ลังเลขณะที่แองเจลีนเดินออกจากห้องประชุม พยาบาลคนนั้นก็มอบสัญญาให้กับเธอแองเจลีนตรวจดูสัญญาและบนนั้นมือคำว่า ‘เจย์ อาเรส’ อยู่ ลายมือราบเรียบและไม่ใส่ใจเธอเริ่มโกรธเคืองเธอตบเท้าไปยังห้องเขาเจย์และโยนสัญญาใส่หน้าเขา เธอตั้งคำถามเขาว่า “นายกำลังทำอะไร?”เจย์หยิบกระดาษออกจากหน้าอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็มองแองเจลีนและพูดว่า “ผมไม่อยากให้พวกคุณหยุดการรักษาเทมเพสกลางคันเพราะว่าผมจ่ายบิลค่ารักษาไม่ได้ เพราะแบบนั้น ทำไมผมจะให้ความหวังที่จะมีชีวิตต่อไปกับเขาไม่ได้ล่ะ?”แองเจลีนพูดว่า “เก็บความใจกว้างของนายไว้ซะ ฉันกำลังช่วยเทมเพส ฉันจะไม่เอาเงินจากนายแม้แต่แดงเดียว ที่จริงแล้ว ฉันรับรองว่าฉันจะประสบความสำเร็จที่จะพาเทมเพสกลับมา”เจย์ประหลาดใจ “ทำไมล่ะ?”เขาคิดไม่ออกว่าท
อารมณ์ของเด็กมักแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาคิดถึงเซ็ตตี้น้อยมากจนทำให้เขาน้ำตาไหลลงมาเล็กน้อย“เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ไปนะ”“อืม”หลังจากนั้นไม่นาน ฟินน์ก็พาเซ็ตตี้น้อยมาที่ที่เจย์อยู่“คุณคะ!” เซ็ตตี้น้อยโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเขาทันทีที่เห็นเขาฟินน์ก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพด้วยความเคยชิน “หลังจากที่เธอรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน เธอก็ตื๊อให้ผมพาเธอมาที่นี่ให้ได้เลยครับคุณเบ็น ผมหวังว่าพวกเราจะไม่รบกวนคุณนะครับ”เจย์กอดลูบผมที่นุ่มสลวยของเซ็ตตี้น้อยแล้วก็ยิ้ม “เปล่านี่ ไม่เลย”หลังจากที่ฟินน์และเซ็ตตี้น้อยเข้าบ้านมา เจย์ก็รินน้ำให้พวกเขา แล้วจู่ ๆ ฟินน์ก็รีบตรงเข้าไป “คุณเบ็น ให้ผมทำเถอะครับ” เขาพูดอย่างตกใจกลัวเจย์รู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่อาจบอกได้ว่าสายตาของฟินน์กำลังหลอกลวงเขาอยู่หรือเปล่า แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าฟินน์ให้ความเคารพเขามากเกินไปนะ?ฟินน์รินน้ำและยื่นให้เจย์ด้วยความเคารพ แล้วเขาก็ตรงไปรินน้ำให้เซ็ตตี้น้อยเซ็ตตี้น้อยมองไปที่พี่ชายฟินน์ที่ไม่สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ เธอไม่รู้จะช่วยอย่างไร จึงได้แต่พูดกับเขาว่า “พี่ฟินน์ หนูคิดว่าพี่ควรกลับบ้านไปได้แล้วล่ะ หนูจะค้างคื
เมื่อพวกเขาผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย เด็กก็เริ่มเชื่อใจฟินน์“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ?” เจย์มีความสงสัย พ่อแม่แบบไหนจะยอมยกลูกให้กับคนภายนอกอย่างง่ายดายเช่นนั้น? มันช่างดูน่าเหลวไหลสำหรับเขาเจย์และเซ็ตตี้น้อยได้พบกันสองครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยพบกับพ่อแม่ของเธอมาก่อนเขาคิดตามหลักการว่าพ่อแม่ของเซ็ตตี้น้อยต้องขาดการสั่งสอนและให้ความรู้แก่ลูกเป็นแน่ ชีวิตรักของพวกเขาคงต้องประหลาดแปลกน่าดูเซ็ตตี้น้อยมองเจย์ด้วยความเศร้าโศกในดวงตาของเธอ“พวกเขาหย่ากันเหรอ?” เขาสรุปออกมาอย่างใจกล้าเซ็ตตี้น้อยส่ายหัว “พวกเขาจะไม่หย่ากันหรอกค่ะ พ่อของหนูเชื่อว่าจะมีแค่พ่อม่ายและแม่ม่ายเท่านั้นค่ะ ไม่มีการหย่าร้าง คุณพ่อกับคุณแม่รักกันมาก ท้ายสุดแล้วคุณพ่อของหนูก็ยกทุกอย่างให้คุณแม่ รวมถึงชีวิตของเขาด้วยค่ะ”จู่ ๆ เจย์ก็นึกถึงวลีที่ว่า ‘ความรักที่เร่าร้อนมากเกินไปนั้นอยู่ได้ไม่นาน’เขาเป็นคนดีและเขาสงสัยว่าเขาได้รับกรรมที่เขาควรจะได้รับหรือยัง“แล้วคุณแม่ของหนูล่ะ?”เธอทิ้งลูกแล้วแต่งงานใหม่เหรอ?น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาของเซ็ตตี้น้อย “คุณแม่อยากไปกับคุณพ่อค่ะ คุณแม่ก็เลยกรีดข้อมือตัวเอง แต่คุณลุงของห
“เบ็น ท่านประธานต้องการให้นายดูแลพวกเราใช่ไหม? ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินค่าอาหาร เพราะฉะนั้นนายช่วยไปบอกท่านประธานให้จ่ายค่าจ้างให้เราล่วงหน้าได้ไหม?” ชาวประมงอ้อนวอนเจย์เจย์มีสีหน้าเคร่งเครียด ชาวประมงพูดกับเขาอย่างโจ่งแจ้งให้เขาไปขอเหตุผลกับนางมารร้ายคนนั้น แต่เขาไม่ต้องการยุ่งอะไรกับเธอเลย“ฉันพอมีเงินสดอยู่บ้าง ฉันจะให้พวกนายทุกคนยืมก่อนก็แล้วกัน”สแตน ฮิทเชนส์พูดอย่างชั่วร้าย “เบ็น เงินทั้งหมดนั้นมาจากไหนกัน?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยเจย์จ้องไปที่เขาด้วยความเย็นชาในดวงตาของเขา ซึ่งมันทำให้สแตนส่ายหน้าเล็กน้อย เขามักรู้สึกว่าเศษขยะที่ไม่ได้เรื่องคนนี้มีแววตาที่น่าสยดสยองมาตลอดทอมมี่รีบทำลายบรรยากาศนี้และพูดว่า “เอาสิ ฮิทเชนส์ ถ้าเบ็นยินดีให้เรายืมเงิน แปลว่าเขาจะช่วยเรา เราควรจะขอบคุณเขานะ ทำไมเราต้องสนใจว่าเงินของเขามาจากไหนด้วยล่ะ?”“ใช่ ใช่” ชาวประมงคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วยสแตนมองชาวประมงคนอื่น ๆ ที่ทำตัวเคารพเจย์ในทันทีทันใด เขารู้สึกขมขื่นอยู่ภายในและหัวเราะเยาะ “หึหึ โรคของเขามันแพร่เชื้อได้ สิ่งที่เขามีมันคือเงินสกปรกทั้งหมดเลย เมื่อเรารับมันมา บางทีเราอาจจะติ
ชาวประมงลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ พวกเขาคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะตามการนำของสแตนมากกว่าเจย์ที่เป็นคนไร้ประโยชน์ นั่นเป็นเพราะว่าสแตนอาศัยอยู่ในเมืองเป็นเวลานานกว่าด้วยเหตุนี้ พวกเขาก็ระบายความโกรธไปที่เจย์ ทุบตีเขาด้วยความป่าเถื่อน“จัดการมัน!”“มันเป็นแค่คนนอกในหมู่บ้านของเรา ถ้าเราฆ่ามันให้ตายไปซะ ก็ไม่มีใครมาช่วยมันได้หรอก” สแตนพูดขณะขู่คำรามฟินน์หันหลังกลับมา เขาเห็นว่าเจย์เริ่มโกรธจัดและรับมือกับชาวประมงทั้งหมดด้วยตัวของเขาเองชาวประมงมักมีมัดกล้ามที่แข็งแรงและร่างใหญ่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เจย์มีร่างกายที่อ่อนแอกว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาความจำเสื่อมมานานเกินไป เขาจึงลืมไปว่าเขาเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน เขาปล่อยหมัดอย่างเรียบ ๆ ใส่คู่ต่อสู่ด้วยความอำมหิตที่มีภายในตัวเขาเปลวไฟลุกโชนออกมาจากนัยน์ตาของฟินน์ เขากัดฟันและคำรามออกมา “พวกแกรนหาที่ตายเองนะ”เขากระโจนเข้ามาเหมือนเสือจากัวร์ ลูกเตะวงกว้างฟาดเข้าใส่สแตน ทำให้เขาลอยขึ้นกลางอากาศ ลูกเตะและหมัดต่อยของฟินน์นั้นทรงพลังอย่างมากและใช้เวลาเพียงไม่นานในการจัดการชาวประมงเหล่านั้
จู่ ๆ แองเจลีนก็สารภาพกับเขาว่า “ฉันชอบนาย”ท่าทีของเจย์เต็มไปด้วยการปฏิเสธ “ผมไม่สนใจหรอก”แองเจลีนอ้าปากค้างเล็กน้อย… ความรู้สึกของความผิดหวังปะทะเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“นายจะไม่คิดสักหน่อยเหรอ?”เจย์มองเธอราวกับว่าเขากำลังบอกเธออยู่ในใจว่า ‘จะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ไปทำไมกัน?’แองเจลีนทำหน้าบึ้งแต่ยังคงยืนกรานและเริ่มคุยโอ้อวดว่า “นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนดี ฉันใสซื่อ รวย และฉันรู้วิธีเอาใจคน มีผู้ชายนับไม่ถ้วนในเมืองอิมพีเรียลที่ชอบฉัน”มุมปากของเจย์กระตุกอย่างแรง!“คุณแน่ใจเหรอว่าที่ผู้ชายพวกนั้นตามคุณไม่ใช่เป็นเพราะว่าเงินของคุณ?”แองเจลีนตอบ “เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นผู้หญิงที่น่าดึงดูดอันดับหนึ่งของทั้งเมืองอิมพีเรียลนี้”เจย์มองไปที่ ‘หนังสือสุดยอดคนดัง’ เล่มใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ริมฝีปากของเขากระตุกขึ้น “นั่นเป็นเพราะชื่อคุณเป็นตัวอักษรแรกในรายชื่อต่างหาก”แองเจลีน “...”บทสนทนาจบลงที่ทางตันแองเจลีนคิดว่าวิธีการจีบของเธอต้องผิดพลาดตั้งแต่เริ่มบทสนทนาแล้วเป็นแน่การพูดว่า ‘ฉันชอบนาย’ กับผู้ชายนั้นมันล้าสมัยเกินไป“ตราบใดนายยอมรับฉันได้ ฉันก็ใ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ