มันเป็นบรรยากาศที่หนาวเย็นระหว่างแองเจลีนและเจย์เจย์กลัวว่าเขาจะเผลอทำให้เธอรู้ความรู้สึกของเขาถ้าเขาพูดมากเกินไปแองเจลีนไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่าจะทำให้นายท่านคนนี้ไม่พอใจในท้ายที่สุด แองเจลีนก็ทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา เธอพูดด้วยความเศร้า “ฉันขอโทษนะ เมื่อสองปีที่ฉันจากไป นายต้องผ่านอะไรมามากมาย แต่ฉันกลับไม่สามารถอยู่เคียงข้างนายได้ในฐานะภรรยาของนาย”เจย์จ้องมองลึกลงไปบนใบหน้าที่เสียใจของแองเจลีน จริง ๆ แล้วเขาควรจะเป็นคนที่พูดคำขอโทษ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอไม่พอใจ ตระกูลอาเรสจะเผยแพร่เและบิดเบือนรื่องอื้อฉาวสกปรก ๆ ของเธอได้อย่างไร?เธอควรจะเป็นนายหญิงของตระกูลเซเวียร์ผู้ซึ่งอยู่บนแท่นอย่างภาคภูมิใจเธอไม่ควรจะเป็นเด็กสาวผู้น่าสงสารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ที่ถูกทำให้เสียโฉม ถูกบังคับให้กระโดดตึกและยังต้องมาถูกสามีทอดทิ้งอีกเสียงจากลำคอที่เซ็กซี่ของเขาดังก้อง คำว่า ‘แองเจลีน’ ติดอยู่ในลำคอของเขา มันเป็นชื่อที่เขาร้องออกมานับครั้งไม่ถ้วนในความฝัน แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอ“เธอไม่ได้ทำผิดอะไรกับฉันเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เสียงที่ออก
ทันใดนั้น กลุ่มคนก็เข้ามารุมล้อมรถฮัมเมอร์ และเข้ามารุกรานแองเจลีนหัวใจของเจย์เหมือนกระโจนขึ้นมาถึงลำคอของเขาแองเจลีนรีบปิดประตูเพื่อปกป้องเจย์ จากนั้น เธอก็เดินไปข้างหน้าและเผชิญหน้ากับกลุ่มคนด้วยมือเปล่าฟินน์รีบวิ่งไปข้างหน้าและช่วยแองเจลีนเพื่อต่อสู้กับพวกอันธพาลที่ไม่รู้จักเหล่านี้พวกเขาเป็นนักสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาและทักษะของพวกเขาก็ไม่มีอะไรจะเย้ยหยันได้แองเจลีนรู้สึกสับสน คนพวกนี้มาตามเธอหรือเจย์กันแน่?“ฟินน์ คนพวกนี้เป็นใคร?”“ผมไม่รู้”เจย์จ้องไปที่แองเจลีน เขาไม่ได้คาดหวังว่าทักษะของแองเจลีนจะใช้ได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม แองเจลีนยังคงเป็นเด็กสาวที่เปราะบางอยู่ในใจของเขาเสมอเขากลัวว่าเธออาจตกอยู่ในอันตราย เขาจึงลดกระจกหน้าต่างลงและเอาลูกดอกสองสามอันออกจากช่องที่ซ่อนอยู่ในรถเข็น เขาจับมันไว้ระหว่างนิ้วของเขาผู้โจมตีที่เข้ามาใกล้ตัวแองเจลีนถูกทำร้ายจนเสียชีวิตด้วยลูกดอกแองเจลีนตัวสั่นเมื่อมองดูนักฆ่าล้มลงกับพื้น เธอหันกลับมามองเจย์เจย์ตกใจเล็กน้อย เขารู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของเขาอาจถูกเปิดเผยต่อแองเจลีนโดยสิ้นเชิง ทว่า เขาไม่สามารถมองดูเ
แองเจลีนพลันลืมตาขึ้นและเห็นเจย์จ้องมาที่เธอ มีรังสีอันเย็นเยียบเล็ดลอดออกมาจากรูม่านตาของเขา“เธอคิดจะทำอะไร?” เขาดุเธอด้วยน้ำเสียงมืดมนแองเจลีนตกใจและมองไปที่เขาด้วยสายตาเหมือนลูกหมา เธอทำหน้าน่าสงสารเจย์ไม่อยากมองเธออีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียว เพราะกลัวว่าเขาจะติดอยู่ในสายตาที่อ่อนโยนของเธอเขาเปิดประตูทันที “ฟินน์”ฟินน์ลากชายคนนั้นพาไปเตะท้องและสั่ง “คุกเข่าซะ”เจย์สอบปากคำชายคนนั้นด้วยสีหน้าซีดเผือก “ใครส่งแกมาที่นี่”ชายคนนั้นนิ่งเฉย เขามองไปที่ชายที่นั่งรถเข็น เขาคิดว่าเจย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนพิการคนหนึ่ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจย์จะมีรัศมีของคนสูงศักดิ์และไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปไม่ต้องพูดถึง สำหรับผู้ช่วยของเขาดูเหมือนแค่หนอนหนังสือ เขาประหลาดใจที่ผู้ช่วยกลับมีทักษะศิลปะการต่อสู้บางทีวันนี้พวกเขาได้เข้าไปยุ่งผิดคนเสียแล้ว“พวกแกเป็นใคร?” เขาถามฟินน์“เจ้าชายทายาทแห่งเมืองอิมพีเรียลไงล่ะ นายเคยได้ยินเกี่ยวกับเขาไหม?” ฟินน์ ได้ตอบกลับใบหน้าของชายผู้นั้นซีดไปทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เขาเริ่มสะอื้นและอ้อนวอน “ผมขอโทษครับ เราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ดังนั้นเราจึงทำผิดต่อท่านประ
แองเจลีนถอนหายใจอย่างอ่อนแรง“ถึงฉันจะเกลียดตระกูลไททัสมาก แต่นายไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ไร้เดียงสาเช่นนี้ ท่านอาเรส”ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอสังเกตเห็นเจย์จ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่คมกริบเธอพลันเงียบเจย์ถอนหายใจเช่นกัน แองเจลีนไร้เดียงสามาก เขาจะไม่กังวลเกี่ยวกับเธอได้อย่างไร?ฟินน์เห็นว่าอากาศรอบ ๆ ตัวทั้งคู่เริ่มเย็นลงและอึดอัด เขาก็เลยขัดจังหวะและพูดว่า “นายหญิงเซเวียร์ แผลของคุณต้องได้รับการรักษาใช่ไหมครับ?”เจย์ตอบว่า “พาเธอไปทำแผลซะ”แองเจลีนปฏิเสธ “ไม่จำเป็น มันไม่ร้ายแรงอะไร มันเป็นแค่บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”เจย์เหลือบมองไปยังแขนของเธอ ซึ่งเป็นสีแดงเลือดอยู่และตะคอก “ทำตามที่ฉันบอกแล้วหยุดพูดพล่ามได้แล้ว”นี่เขาเป็นห่วงเธอใช่ไหม?แองเจลีนพึมพำ “ฉันจะไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นก็ได้นี่”ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฟินน์ก็เดินกลับไปที่รถเพียงลำพังเจย์มองฟินน์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดลง “แองเจลีนอยู่ที่ไหน?”ฟินน์ยักไหล่ “นายหญิงเซเวียร์ไม่อยากทำให้คุณโกรธแล้ว เธอก็เลยเรียกแท็กซี่ออกไปแล้วครับ”เจย์จ้องมองไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเขาเห็นแองเจลีนขึ้นแท็กซี่ ดวงตา
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับจอร์จ เจย์และแองเจลีนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน พวกเขาจะเลิกกันได้อย่างไร?คู่หนุ่มสาวอาจจะโกรธเคืองกันจอร์จพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “เธอเอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่าต้องการทำให้ชื่อของตระกูลเซเวียร์ฟื้นคืนกลับมา แต่ลองดูสิ่งที่เธอทำลงไปสิ? แม้ว่าเซร่าจะทำผิด ยังไงก็ไม่ควรเผยแพร่เรื่องสกปรก ๆ ของครอบครัว เธอไม่ได้ขัดขวางเจย์จากการแก้แค้นกับเธอเลย และตอนนี้เกียรติของตระกูลเซเวียร์ก็ถูกทำลายลง เราจะกู้มันคืนด้วยความไว้วางใจที่เราสูญเสียไปในอนาคตได้ยังไง?”แองเจลีนยิ้มอย่างขมขื่น “มันเป็นความผิดของเธอ ทำไมฉันต้องช่วยเธอแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดีด้วยล่ะ?”จอร์จรู้สึกหมดหนทางของเขา “แก… เซร่าเป็นน้องสาวคนเล็กของแกนะ”แองเจลีนมองดูแม่ที่เงียบขรึมของเธอที่อยู่ข้าง ๆ และเหลือบมองแอนและพ่อของเธอซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเอาแต่ใจเธอก็เยาะเย้ย “เธอเป็นน้องสาวของฉันงั้นเหรอ? พ่อ คุณละทิ้งแม่และไปสร้างครอบครัวใหม่กับผู้หญิงคนอื่น เสื้อผ้าของคุณทั้งหมดในบ้านนี้ถูกขนออกไปหมดแล้ว คุณไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย ในเมื่อคุณได้เดินจากไปอย่างเด็ดขาดและไม่ทิ้งอะไรไว้ให้แม่จดจำค
ท่านปู่เซเวียร์ได้ตัดสินใจพูดเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้น จอร์จและแอนจึงไม่มีอะไรจะพูดโต้แย้งแองเจลีนคิดในใจว่า ‘ตอนนี้ แจ็ค อาเรส เป็นผู้รับผิดชอบบริษัทอาเรส ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทางหยิ่งทะนงและดูมีอำนาจครอบงำ เขาไม่สนใจแม้แต่เจย์ ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวเซเวียร์ด้วยซ้ำ‘คุณปู่จะทำอะไรได้เพื่อที่จะไปบังคับให้ แจ็ค อาเรส ปล่อยเซร่าไป’เมื่อจอร์จและแอนจากไป ท่านปู่เซเวียร์ก็เรียกแองเจลีนเข้ามาห้องทำงานเขาพูดค่อนข้างตรงไปตรงมา “ฉันรู้ว่าเธอเกลียดเซร่า แองเจลีน แต่เธอไม่ควรเผยเรื่องสกปรก ๆ ของครอบครัวอย่างแท้จริงออกไป ถ้าครอบครัวเซเวียร์ของเราต้องการฟื้นความแข็งแกร่งและภาพลักษณ์ ความสูงส่งและเกียรติยศของครอบครัวจะต้องไม่ถูกทำลาย ไม่อย่างนั้น เราจะเอาชนะใจคนในอนาคตได้ยังไง จริงไหม?”แองเจลีนรู้สึกเหมือนเธอเจอเรื่องเดจาวู “คุณปู่ คุณต้องการให้ฉันออกไปเจรจากับตระกูลอาเรสใช่ไหม?”ท่านปู่เซเวียร์พยักหน้า “เธอเป็นคนเดียวที่ทำได้”แองเจลีนปฏิเสธ “ฉันทำไม่ได้”ชายชราจ้องมาที่เธอ ขณะที่แองเจลีนพบข้ออ้างที่จะเอาชนะเพื่อพูดอ้อมค้อม “ฉันเลิกกับ เจย์อาเรส ไปแล้ว ดังนั้น ฉันเชื่อว่าแจ็คจะไม่สนใจฉันใน
โคลเดินไปที่ห้องทำงาน ในห้องนี้ของเขามีหนังสือไม่มากนัก แต่มันแสดงให้เห็นว่ามีอาวุธแปลก ๆ อยู่ทุกประเภทโคลนั่งบนเก้าอี้สูงที่หมุนได้และดวงตาของเขาก้มลงที่รูปปั้นบนโต๊ะ มันเป็นรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ที่เขาปั้นขึ้นมาและปั้นมันเมื่อคืนนี้หลังจากที่ไม่ได้นอนจากนั้น คาร์สันเข้ามาและเห็นว่านายน้อยของเขากำลังจ้องมองรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ด้วยความงุนงง เมื่อเขามองดูรูปปั้นอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่สวย ผมยาว ดวงตาคู่โต และสันจมูกสูงคาร์สันตกตะลึง เขายอมรับว่าหญิงสาวที่แสดงในประติมากรรมนี้สวยงามจริง ๆ แต่นายน้อยได้เห็นผู้หญิงที่น่าทึ่งนับพันคน ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่านายน้อยเป็นคนเย็นชาอยู่เสมอเขาไม่มีความรู้สึกต่อผู้หญิงคนไหนเลยอย่างไรก็ตาม...คาร์สันขยี้ตา ‘นี่ฉันดูผิดไปหรือเปล่า? ดวงตาของนายน้อยเมื่อเขามองดูประติมากรรมชิ้นนี้ช่างแตกต่างไปจากตอนที่เขามองผู้หญิงคนอื่นอย่างชัดเจน’มันเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล แต่ยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอีกด้วย“อะไรกันที่สูงส่งและสง่างามแบบนี้ และสาวน้อยคนนี้ นายน้อย?” คาร์สันเป็นคนติดตามโคลมาตลอดตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก สิ่งเดียวที่เขาได้เรี
คาร์สันพูดเสียงดังด้วยความเจ็บปวด “คุณบังเอิญเจอผู้หญิงหลอกลวงหรือเปล่า นายน้อย? 1 แสนล้านเลยนะ! นั่นคือทรัพยากรทางการเงินที่ยักษ์ใหญ่ชั้นนำของเมืองอิมพีเรียลมีเลย แม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลอาเรส เจ้าของแกรนด์เอเซียก็มีมูลค่าเพียงไม่กี่แสนล้านเท่านั้น”โคลพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ตระกูลยอร์กเป็นมหาเศรษฐี ทำไมเราต้องสนใจการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ด้วยล่ะ?”คาร์สันทุบหน้าอกของเขาที่รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ “ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ควรใช้เงินด้วยวิธีนี้นะครับ นายน้อย ถ้าต้องออกไปหาสาว ๆ บอกพวกเธอว่าจูบจะมีมูลค่า 100 ล้าน ลองนึกดูว่ามีผู้หญิงกี่คนที่จะเข้าแถวเพื่อคุณโดยเฉพาะ”โคลคิดเกี่ยวกับฉากนั้นและทันใดนั้นก็รู้สึกปั่นป่วนอีกครั้ง“จะเปรียบเทียบแองเจลีนกับพวกผู้หญิงหยาบคายคนอื่น ๆ ได้ยังไง?” โคลเย้ยหยันคาร์สันไม่เข้าใจความรู้สึกของความรักนั่นและถามว่า “ผมสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งแค่ไหนที่คุณยินดีใช้เงินจำนวนนี้กับเธอ?”โคลตบไหล่เขา “ฉันจะพานายไปพบเธอในครั้งต่อไป ก่อนอื่น นายต้องบอกฉันก่อนว่า นายเจอสิ่งสำคัญอะไรในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้บ้างไหม?”เมื่อพูดถึงเรื่องการทำงาน คาร์สัน
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ