แองเจลีนจ้องมองไปที่แอนอย่างโกรธจัด แอนแสดงท่าทีดูถูกเธอและเซย์น แต่การโจมตีแม่ของเธอนั้นทำให้รับไม่ได้เธอจึงเดินเข้าไปหาแอนพลางยกมือขึ้นตบแก้มของแอน “ไม่ว่าแม่ของฉันจะไร้ประโยชน์แค่ไหน อย่างน้อยคุณค่าของลูกที่เธอสอนก็เป็นเรื่องปกติ ไม่เหมือนคุณที่มีลูกสาวที่ถูกสอนให้ขโมยผู้ชายของคนอื่น ทำให้คน ๆ หนึ่งเป็นภรรยาน้อยในขณะที่ผู้ชายคนนั้นมีลูกแล้ว”ข้อมูลหลุดออกมาจากปากแองเจลีนเหมือนระเบิดปรมาณู ทุกคนในห้องตกใจในทันทีดวงตาของแอนกลายเป็นสีแดงเลือดในขณะที่เธอพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันเข้าใจ เธอคงถูกท่านอาเรสทิ้งมาและวิธีการคิดของเธอเลยไม่ชัดเจนมากนัก นั่นคือเหตุผลที่เธอใส่ร้ายลูกเซร่าของฉัน”แองเจลีนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเธอ คุณโทรหาเธอและถามเธอได้เลย คุณไม่ได้เจอเธอมาแปดหรือเก้าเดือนแล้ว ถ้าคุณนับวัน เธออาจจะคลอดลูกในเดือนนี้”จอร์จตกตะลึงกับข่าวนี้ “แองเจลีน เธอพูดจริงหรือเปล่า?”แองเจลีนพยักหน้า “คุณพ่อ ถ้าหนูโกหก ขอให้สวรรค์แสดงความโกรธใส่หนูได้เลย”นอกหน้าต่างก็มีสายฟ้าแลบแวบเข้ามาทันทีแองเจลีน "..."แอนหัวเราะ “คุณท่าน คุณเห็นไหม? แม้แต่พระเจ้าก็ยังมาเป็นพยานให้เซร่า สิ่งที
“แองเจลีน เธอมีอะไรจะบอกอีกไหม?”“หล่อนโกหก” แองเจลีนกล่าว“เธอนั่นแหละโกหก” แอนเลือกที่จะเชื่อลูกสาวของเธอเองอย่างแน่นอนเซร่าได้ยินเสียงแม่ของเธอและแองเจลีนคุยกัน ซึ่งหมายความว่าสิ่งต่าง ๆ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เธอรีบวางสายอย่างรวดเร็วณ สถานที่นี้ แอนก็ไม่ยอมหยุด“จอร์จ ดูลูกสาวที่แสนดีของคุณสิ เธอคงอยากจะใส่ร้ายเซร่าของเรา”จอร์จโกรธมากและผิดหวังกับแองเจลีนอย่างสุดจะบรรยาย “แองเจลีน เธอใส่ร้ายน้องสาวของเธอได้ยังไง? เธอเข้าใจถึงความสำคัญของความบริสุทธิ์สำหรับผู้หญิง ใช่ไหม?”“คุณพ่อคะ ที่ฉันพูดเป็นความจริง เซร่ากลายเป็นภรรยาน้อยของแจ็คไปแล้วและตอนนี้อยู่ที่อสังหาริมทรพย์ ทัวร์มาลีน” แองเจลีนพูดแย้งออกมาจอร์จยืนขึ้นและตบหน้าแองเจลีนไปที่ใบหน้า “ฉันไม่อยากได้ยินคำแบบนี้อีกในครั้งต่อไป”คุณนายเซเวียร์หลับตาลง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาเธอกล่าวอย่างเศร้า ๆ “เรื่องไร้สาระแบบนี้ เราไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ดูเหมือนว่านายท่านเซเวียร์จะลำเอียง นายท่านเซเวียร์ คุณควรไปดูด้วยตัวเอง”แอนรู้สึกเหมือนคนที่หยิ่งผยอง “นายท่านเซเวียร์คงจะรู้จักนิสัยของเซร่าของเราดีที่สุด เซร่าอาจจะเป็นภรร
‘ทำไมหรือ?’เจย์ตอบกลับข้อความของลูกชายในเวลาไม่นานเจนสันรู้ว่าพ่อกังวลใจเรื่องแม่มากเจนสันตอบว่า ‘คุณยายเลี้ยงใจร้ายเยาะเย้ยคุณแม่ที่คิดบวกเพราะความรักและคุณแม่ก็เข้าไปตบเธอ’‘ก็ดีแล้วหนิ’‘คุณแม่ดุคุณยายเลี้ยงโดยบอกว่าเธอสอนลูกสาวของเธอไม่ดีและน้าเซร่าก็เลยเป็นภรรยาน้อย’‘ใช่ ทำได้ดีมาก’เจนสันเกือบจะเห็นรูปลักษณ์ของพ่อในการปกป้องข้อบกพร่องของแองเจลีนอย่างไม่มีเงื่อนไขผ่านหน้าจอโทรศัพท์‘แต่คุณแม่มีไม่มีอำนาจมากพอ คุณตาจึงคิดว่าคุณแม่โกหกและพูดใส่ร้ายน้าเซร่า เขาจึงตบคุณแม่’…ข้อความของเจย์ไม่ได้ตอบกลับมาเป็นเวลาสักพักเจนสันถอนหายใจ พ่อคงจะโกรธปู่‘คุณพ่อครับ คุณแม่กำลังรออัศวินของเธอในชุดเกราะส่องแสงเพื่อช่วยชีวิตเธออยู่นะ’ หลังจากส่งข้อความนี้ เจนสันก็วางโทรศัพท์ไว้อย่างเงียบ ๆเจย์มองข้อความที่ลูกชายส่งมาและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นสีซีดตั้งแต่แองเจลีนยังเด็กจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยที่จะขึ้นเสียงใส่เธอเลยตอนนี้เขาอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก เขาต้องเลิกคบหากับแองเจลีน นี่เป็นระเบิดครั้งใหญ่สำหรับแองเจลีนแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าครอบครัวเซเวียร์จะให้ความอบอุ่น
เจนสันพูดว่า “คุณแม่กลัวว่าอาการของผมจะแย่ลงใช่ไหม?”แองเจลีนกล่าวว่า “เจนส์ ลูกไม่ได้มีอาการอะไรเลย ลูกแค่มีบุคลิกที่เย็นชา เหมือนพ่อ นี้เป็นเรื่องจริงที่ค่อนข้างจะดี เพียงแต่ว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนของลูก อาจคิดว่านายเป็นคนหยาบคายและไม่สนใจคนอื่น หากพวกเขาไม่ชอบลูกและแยกห่างจากตัวลูก ไม่ต้องเศร้านะ ยังไงแม่ก็จะเป็นคนที่รักลูกตลอดไป”ในที่สุด เจนสันก็ได้ยินความตั้งใจจริงของแม่และกอดเธอ “คุณแม่ครับ ขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง”แองเจลีน “…”ทำไมเด็กคนนี้ช่างพูดมีเหตุผล?ขณะส่งเด็ก ๆ ทั้งสามคนไปโรงเรียน พวกเขาพบกับคนใช้ของครอบครัวไททัสที่กำลังไปส่งลูกสาวของครอบครัวไททัสที่หน้าประตูโรงเรียน การกระทำของพวกเขาทำให้บริเวณลานหน้าประตูโรงเรียนมีความแออัดในทันที มีขบวนรถยาวติดอยู่บนทางเท้าที่ทางเข้าไปสู่โรงเรียนเห็นได้ชัดว่าเป็นการขับรถที่ผิดระเบียบ แต่การรักษาความปลอดภัยที่ประตูโรงเรียนและผู้ปกครองที่ถูกรบกวนบนท้องถนนต่างสั่นสะท้านและเบี่ยงตัวออกจากถนนหลัก ไม่มีใครกล้ากล่าวโทษครอบครัวไททัสเรื่องความเอาแต่ใจของพวกเขาเลย“ว้าว ดูนั่นสิ! ลูกสาวของตระกูลไททัสกำลังจะไปโรงเรียน”“ฉันได้ยินมาว่าใ
“แองเจลีน เซเวียร์ ถ้าเป็นเมื่อสิบปีที่แล้ว เราคงไม่กล้าแหย่เธอหรอก แต่ตอนนี้เมืองนางแอ่นเป็นของครอบครัวไททัสไปแล้ว หากเธอทำให้ครอบครัวไททัสขุ่นเคืองและเราไม่ได้สอนบทเรียนกับเธอ ครอบครัวไททัสจะยืนหยัดกับชื่อเสียงอะไรในโลกนี้ได้อีก?”ชายสวมสูทและเต็มไปด้วยความเกลียดชังผลักบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ออกไปและเดินไปหาแองเจลีน เขาถอดแว่นตากันแดดออกและมองไปที่แองเจลีนด้วยท่าทางหยาบคายแองเจลีนพูดอย่างโกรธเคือง “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว สู้กับฉันถ้านายต้องการ ถ้าแพ้ ก็ถอยรถออกไป ประตูโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ต้องมีความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่ตระกูลอาเรสของเมืองอิมพีเรียลก็ไม่กล้าที่จะดื้อรั้นเบบนี้ นับประสาอะไรกับตระกูลไททัส”“ฉันรู้ว่าเราละเมิดกฎจราจร แต่เราจะจ่ายค่าปรับอย่างเชื่อฟัง ครอบครัวไททัสเป็นพลเมืองที่ดีและปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว คุณเซเวียร์ เธอช่างสาระแนจริง ๆ เธอรู้ผลที่จะตามมาไหม?”ชายคนนั้นหยิบบุหรี่ในปากของเขาออก โยนมันลงบนพื้น แล้วเหยียบมันอย่างดุเดือดราวกับว่าเขากำลังเหยียบแองเจลีนจากนั้น เขาก็ยกมือขึ้นและออกคำสั่งว่า “ปฏิบัติต่อคุณเซเวียร์ดี ๆ หน่อย เธอเป็นสินค้าคุณภาพยอดเ
แองเจลีนรู้สึกประหลาดใจเธอไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของบุคคลนี้เป็นยังไงมาก่อน แต่ความเร็วของเขานั้นเร็วราวกับสายฟ้า มันเหมือนกับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเลยแองเจลีนเหลือบมองร็อบบี้น้อยที่อยู่ด้านข้าง ร็อบบี้น้อยของเธอเกิดมาพร้อมกับความเร็วที่รวดเร็วเช่นกัน ใครจะไปรู้ว่าเมื่อร็อบบี้น้อยโตขึ้น เขาอาจจะเป็นเหมือนผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ได้? ภายนอกดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายแต่ภายในเหมือนเสือดาวโคลเตะบอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บบนพื้นด้วยเท้าของเขาและเตือนพวกเขาว่า “กลับไปบอกพวกไททัสว่าตระกูลเซเวียร์ของเมืองนางแอ่นอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉัน ถ้าแกกล้าที่จะดูหมิ่นครอบครัเซเวียร์ในครั้งต่อไปอีกล่ะก็ ระวังว่าตระกูลไททัสจะจบสิ้น อีกอย่าง ถ้าคราวหน้าพวกแกอวดดีกล้ามองผู้หญิงของฉันอีก ฉันจะควักลูกตาของพวกแกออกมา”หลังจากการกล่าวเตือนแล้ว โคลยิ้มและมองไปยังแองเจลีนที่สับสน “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”แองเจลีนยังไม่หายจากอาการสับสนถึงอย่างนั้น ร็อบบี้น้อยก็จ้องมอง โคล ยอร์ก อย่างตื่นเต้น “คุณลุงครับ ท่าทางของคุณที่ทำไปเมื่อกี้น่าทึ่งมาก” ร็อบบี้น้อยพูดขณะทำท่าทางและความชื่นชมของเขาที่มีต่อโคลแสดงความปลื้ม
โคลอยากจะหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้น่ทำให้เเขาเป็นคนที่พ่ายแพ้ง่าย ๆ ไปเสียอย่างนั้น“ผมเป็นสามีในอนาคตของคุณนะ ไม่ใช่คนภายนอก ผมมีหน้าที่ต้องปกป้องคุณอยู่แล้ว” โคลกล่าวแองเจลีนกลอกตามองเขา ถ้าโคลพูดเรื่องไร้สาระอีกครั้ง แองเจลีนคงจะโกรธและปฏิเสธเขาถึงกระนั้น โคลรู้ว่าเขาทำผิดแต่ยังไม่ต้องการแก้ไขและเมื่อเวลาผ่านไป แองเจลีนก็รู้สึกมึนงง เธอขี้เกียจเกินกว่าจะแก้ไขถ้อยคำของเขาอีกแล้วท้ายที่สุด ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมไม่ว่าเธอจะแก้ไขเขากี่ครั้งก็ตามเธอหวังเพียงให้เขาจากไปโดยเร็วที่สุดเธอจำได้ว่าโคลเคยพูดว่าเขามาที่เมืองอิมพีเรียลเพื่อดำเนินการบางอย่างและหลังจากที่เขาทำธุระเสร็จ เขาจะจากไป“ว่าแต่ คุณทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?” แองเจลีนถามในขณะที่มีเจตนาร้ายโคลหรี่ตาลง โดยที่ไม่ค่อยเห็นเขาแสดงท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้“แองเจลีน ธุระของผมผ่านไปได้ไม่ค่อยดีเลย ผมก็เลยพาคุณไปอย่างที่สัญญากันไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ผมสัญญากับคุณว่าผมจะรีบจัดการ จากนั้น ผมจะพาคุณออกไปให้เร็วที่สุด” เขากล่าวด้วยท่าทางจริงจังอย่างผิดปกติแองเจลีนอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อไหร่กันที่เธอไปสัญญากับเขาว่าเธอจะไปกับเขา
เกรย์สันรู้สึกได้ว่าท้องฟ้าของเมืองอิมพีเรียลกำลังจะแปลเปลี่ยนไปวัยรุ่นที่ยืนอยู่ในที่ที่มีลมและคลื่นรุนแรงที่สุด… วัยรุ่นผู้อยู่ยงคงกระพันที่เอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้กลับมาแล้วเมื่อเกรย์สันกำลังจะหันหลังและจากไป เจย์ก็หยุดเขาไว้ทันใด “รอเดี๋ยว”เกรย์สันหันกลับมามองเขาเจย์กล่าวว่า “ส่งข้อมูลที่เรารวบรวมได้ไปให้แองเจลีน ปล่อยให้เธอทำหน้าที่ลงโทษครอบครัวไททัสเอง”เขาหยุดเล็กน้อยแล้วพูดอย่างชั่วร้ายว่า “เธอต้องมีความสุขที่ได้แก้แค้นในนามของครอบครัวเซเวียร์แน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น แม่เลี้ยงและพ่อของเธอก็จะไม่กล้าดูถูกเธอได้อีกต่อไป”เกรย์สันตกใจเล็กน้อย ท่านประธานอาเรสใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาใจคุณโรส เขาไม่เพียงต้องการให้เธอยิ้ม แต่ยังต้องการให้เธอต่อสู้เพื่อได้ตำแหน่งของเธอด้วยเกรย์สันกล่าวว่า “ได้ครับ ท่านประธานอาเรส”ในเมืองนางแอ่น ณ คฤหาสน์ไททัสชายสองคนแบก ฟอร์เรสท์ไททัสที่ได้รับบาดเจ็บและรีบพาเข้าไปในคฤหาสน์ของไททัสด้วยความตื่นตระหนก“คุณลุง!” ฟอร์เรสท์ร้องเรียกอย่างน่าเศร้าโยเซมิตี ไททัสกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟของเขาอยู่ เมื่อได้ยินเส
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ