ร็อบบี้น้อยนั้นพูดไม่ออก เขาแกล้งโจเซฟิน "น้าโจเซฟิน น้ามีจินตนาการล้ำเลิศมากเลยนะ มันน่าเสียดายที่น้าไม่ได้เขียนหนังสือ"โจเซฟินอยากจะหยิกหูร็อบบี้น้อยขึ้นมาทีเดียว แต่ละครั้งที่เธอทะเลาะกับเจนสัน เธอจะดึงหูเขาเป็นนิสัย เจนสันจะลบมือของเธอแล้วใช้สายตาพิฆาตจ้องเธออย่างต่อต้าน อย่างไรก็ตาม คนที่นั่งอยู่นั่นคือร็อบบี้น้อยผู้ซึ่งเรียนเทควันโด การตอบสนองต่อความรุนแรงของเขาไม่ใช่การหลีกเลี่ยง แต่เป็นการตอบโต้ด้วยสิ่งที่เขาเรียนรู้มาเขาป้องกันการจับจากแจนของโจเซฟินโดยการหวดมือกลับไปแล้วจับแขนเธอไว้ เขาบิดข้อต่อของเธอ จนโจเซฟินต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด"อ้า… นี่มันเจ็บมากเลยนะ! เจนสัน ปล่อยเดี๋ยวนี้!"ร็อบบี้น้อยปล่อยโจเซฟิน เธอสะบัดแขนด้วยความเจ็บปวดแล้วจ้องเจนสันอย่างเอาเรื่อง "พี่ นายเห็นแล้วกับตานี่ ใช่ไหม? นายไม่เชื่อตอนที่ฉันบอกว่าเจ้าบรรพบุรุษน้อยนี่ใช้เทควันโด้ได้ ตอนนี้เชื่อฉันรึยัง?"เจย์มองร็อบบี้น้อยด้วยความไม่เชื่อสายตา ความเร็วของ 'เจนสัน' นั้นไม่เหมือนกับตัวเขาคนเดิม การเคลื่อนไหวของเขาฉับไวและแม่นยำ แม้แต่บอดี้การ์ดของพวกเขาก็อาจจะยากที่จะต่อกรกับร็อบบี้น้อยในเรื่องขอ
ร็อบบี้น้อยกล่าว "ผมพูดผิดเหรอครับ? น้าชอบซุบซิบแล้วน้าก็ชอบขุดคุ้ยความลับคนอื่นมากจนน้ายอมขุดดินลึกสามฟุตเพื่อให้ได้ความลับของเขามา ผมไม่รู้จะเรียกน้าว่าอะไรแล้วถ้าไม่ใช่เครื่องขุดดิน?"โจเซฟินโกรธมากจนเธอเหวี่ยงหมัด ต้องการที่จะชกร็อบบี้น้อยสักหมัด ร็อบบี้น้อยวิ่งไปรอบบ้าน กระโดดไปมา โจเซฟินวิ่งตามเขานานมากจนเธอกระหืดกระหอบและพองตัวขึ้นจากการพยายามหายใจเข้า ไม่ว่าเธอจะวิ่งยังไง เธอก็ไม่สามารถแตะต้องเสื้อผ้าของร็อบบี้น้อยแม้แต่ปลายก้อยเจย์มองดูการวิวาทอันมีวคามสุขระหว่างหลานและน้าอยู่ข้าง ๆ แม้ว่าเขาจะประหลาดใจที่ 'เจนสัน' จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นเด็กร่าเริงสดใส แต่มันก็ไม่เลวเลยหากนี่จะกลายมาเป็นนิสัยถาวรของเขาเพราะว่าคนขับรถไม่อยู่ โจเซฟินจึงได้รับหน้าที่ให้ขับรถพาพวกเขาไปที่เคเอฟซี ในขณะที่เจย์และร็อบบี้น้อยนั่งหลัง โจเซฟินจงใจปรับกระจกมองหลังให้ตรงกับสายตาของ 'เจนสัน'ร็อบบี้น้อยนั่งบนตักของเจย์ มือนุ่มนิ่มของเขาจับจมูกของพ่อเขาเล็กน้อย จากนั้น เขาก็จับผมของพ่อ ในชั่วครู่ เขาก็ไม่หยุดจับตัวพ่อเขาเลย"เด็กนี่เป็นโรคไฮเปอร์รึไงนั่น?" โจเซฟินช่วยไม่ได้ที่จะต้องถามออกมาสายตาของเ
โจเซฟินเป็นปาปารัสซียอดฝีมือ เธออาจจะเป็นหญิงสาวที่มีเบื้องหลังเป็นชนชั้นสูง แต่เพราะคำขอของพี่ชายเธอ เธอจึงเฝ้าอยู่ด้านนอกชุมชนเจิดจรัศในเวลากลางคืนในคืนเดียวกัน โรสนอนไม่หลับเจย์กำหนดเวลาจากไปของเธอแล้ว แต่เธอไม่สามารถทำใจยอมจากลูกของเธอไปได้อีกเป็นครั้งที่สองในครั่งนี้ เธอจะกล้าหาญและอยู่ต่ออย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจจะย้ายออกเพื่อหลบหลีกปัญหาจากเจย์เมื่อวันใหม่มาถึง โรสลากกระเป๋าใบใหญ่สองใบลงมาข้างล่างพร้อมเจนสันและเซ็ตตี้ที่นั่งอยู่บนกระเป๋าเดินทาง ดูท่าทางงัวเงียโรสมาถึงประตูตอนที่โจเซฟินออกมาจากรถ "พี่สะใภ้"แต่ฟ้าตอนนี้จะยังมืด โจเซฟินจึงคิดว่าเด็กขี้เซาสองคนบนกระเป๋าเดินทางเป็นตุ๊กตา สายตาของเธอจดจ้องไปที่โรสคนเดียวโรสตกใจมากที่เห็นโจเซฟินเช่นกัน เธอจำหญิงสาวคนนี้ได้ โรสเข้าใจว่าหญิงสาวที่น่าดุงดูดคนนี้เป็นแฟนสาวของเจย์ เธอเพิ่งรู้เมื่อวานเองว่าเธอคือน้องสาวของเจย์พวกเธอเคยพบกันแล้วในวันแต่งงานเมื่อห้าปีก่อน แต่โรสนั้นมีความจำที่สั้น เธอลืมไปเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อโจเซฟินนั้นเคยมีตัวตน"ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?" โรสมองอุปกรณ์ของปาปารัสซีรอบคอของเธออย่างสงสัย—มันเป็นกล้
โจเซฟินกรีดร้องอย่างตกใจ "นี่คนจริงเหรอเนี่ย?"เมื่อเธอมองดี ๆ 'นี่มันจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเจนสัน?'โจเซฟินนึกว่าเธอกำลังพบเจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เธอจำได้ว่า 'เจนสัน' นั้นยังอยู่ที่เซาท์ซิตี้ในโฮไรซอน คอลเลอร์ เมื่อคืนนี่ ไม่ใช่เหรอ?"เจนสัน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?" โจเซฟินผวามากตอนที่เธอถามเขาเจนสันกล่าวอย่างไร้ชีวิตชีวา "เรื่องมันยาวน่ะ" เขาตอบแค่สี่คำเจ้าเด็กยะโสที่หวังจะให้ตัวเองพูดน้อยที่สุดนี่ทำให้โจเซฟินทรุดลงอีกครั้ง "เป็นไปไม่ได้ ทำไมนายกลับไปเป็นเด็กโอหังน่ารำคาญอีกแล้ว?"เจนสันไม่อยากสนใจเธอโรสกล่าว "คุณอาเรส ถ้าคุณมีคำถามอะไร เก็บมันไว้ถามตอนที่ถึงบ้านฉันก่อนดีกว่านะคะ"โจเซฟินพยักหน้าอย่างบูดบึ้งโรสย้ายไปบ้านใหม่ในอพาร์ทเมนท์ที่ชื่อ เมืองงอกงาม ในเซาท์ซิตี้ ที่อยู่ห่างจากแกรนด์เอเซียไปไม่กี่ถนนอพาร์ทเมนท์สองห้องนอนเล็ก ๆ ดูไม่กว้างขวางนัก แต่มันก็ยังสะอาดและสว่าง ที่สำคัญที่สุด หน้าต่างของมันเผยภาพอันงดงามของโฮไรซอน คอลเลอร์โจเซฟินยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองไปที่โฮไรซอน คอลลเลอร์ แล้วถอนหายใจ "ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุดสินะ พี่สะใภ้ คุณเดินหมาก
เจนสันและเซ็ตตี้ได้ยินการทะเลาะกันระหว่างคุณแม่ของพวกเขาและโจเซฟิน พวกเขามองดูผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างกังวลโจเซฟินดูท่าทางเย็นชาบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเจนสัน แล้วนึกไปถึงเด็กร่าเริงและกระตือรือร้นที่อยู่กับเจย์ เธอรู้สึกเหมือนถูกมีดแทงที่หัวใจเธอกล้ำกลืนความเจ็บปวดในหัวใจแล้วพยายามมีสติ "พี่สะใภ้ ตัวตนของคุณทำให้อารมณ์ของเจนสันไม่มั่นคง พี่ชายของฉันจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของแกรนด์เอเซียเพื่อรักษาอาการของเจนสัน ถ้าการวินิจฉัยของเขาไม่คลาดเคลื่อน เด็กออทิสติกคนนี้มีอาการหลายบุคลิก ฉันหวังว่าคุณจะปล่อยเด็กที่ไม่รู้เรื่องไป ยอมฟังพี่ชายของฉันแล้วไปจากประเทศนี้!"ความรักของโจเซฟินต่อเจนสันนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน โรสไม่ได้โกรธ ตรงกันข้าม เธอยิ้มเจนสันได้ยินที่โจเซฟินบอกว่าเขาป่วย เขาย่นจมูกจิ๋ว ๆ ของตัวเอง แล้วตวาดอย่างไม่สุภาพใส่โจเซฟิน "บ้า!"เจนสันรู้ว่าเขาไม่ได้ป่วย แต่วันหนึ่ง น้าโรคจิตของเขาต่างหากที่จะทำเขาตายโจเซฟินเครื่องติดจากการตอบสนองที่ใช้ไม่ได้ของเจนสัน เธอกำหมัดแล้วเดินไปหาเจนสัน ขู่เขา "เจนสัน นายเชื่อไหมว่าฉันจะชกนาย?"เจนสันวิ่งไปหลบหลังโรส เธอรีบอุ้มเขาทันทีโจเซฟิน
"เด็กสองคน?" โจเซฟินเข้าใจทันทีโรสพยักหน้า เธอเริ่มอธิบายโจเซฟิน "ใช่ เจนสันและร็อบบี้น้อยเป็นพี่น้องฝาแฝด คนที่มีความความดื้อรั้น, ความเย็นชา, และความหล่อเหลานั้นเป็นพี่ชายคนโต เจนสัน และคนที่พลังงานเหลือล้น, น่ารัก, สดใส, และหล่อเหลาอีกคนคือน้องชาย ร็อบบี้น้อย ไม่กี่วันก่อน เจ้าเด็กสองคนนี้สลับตัวกันลับหลังพวกเรา เจนสันผู้เย็นชาและร็อบบี้น้อยผู้ร่าเริง ปรากฏตัวต่อหน้าพวกคุณ และสร้างความทุกข์ให้พวกเราทั้งหมด"ก่อนที่โรสจะอธิบายจบ โจเซฟินก็จับใบหน้าของเจนสันด้วยความดีใจ "ถ้าอย่างนั้นเจนสันของเราก็ไม่ได้ป่วยเลยสักนิด!""ใช่สิ คุณนั่นแหละที่ป่วย" เจนสันกล่าวด้วยความไม่พอใจโจเซฟินจับใบหน้าเขาอย่างนุ่มนวลและขอโทษเจนสัน "น้าขอโทษ เจนสัน น้าโจเซฟินเข้าใจเธอผิดไป"เจนสันไม่ชอบที่น้าโจเซฟินจับใบหน้าเขามาก เขาหันหลังแล้วเอาหน้าซุกอ้อมแขนของโรส และใช้แม่เขาเป็นที่หลบภัยโจเซฟินถูกละเลยต่อหน้าต่อหน้าโดยหลานเธอ เธอตำหนิเขาอย่างขมขื่น "เจนสัน ทำไมนายยอมให้แม่กอดนาย แต่ไม่ยอมให้น้าทำเหมือนกันบ้างเล่า?"หลังจากแกล้งเจนสันอีกเล็กน้อย ความสนใจของโจเซฟินก็มาตกที่นางฟ้าตัวน้อยเซ็ตตี้ เซ็ตตี้มีผม
โรสและโจเซฟินกำลังพูดคุยกันหลังจากได้รับรู้ข่าวอันน่าตกใจ สำหรับโรส การพูดคุยครั้งนี้จะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล แม้ว่าเธอจะดูเหมือนพูดคุยอย่างผ่อนคลายและเป็นมิตร แต่ลึก ๆ แล้วเธอกำลังระมัดระวังกับคำตอบของเธอ"คุณอาเรส..."โจเซฟินพลันดึงมือของโรสอย่างน่ารักเพื่อแก้ไขคำพูดของเธอ "พี่สะใภ้ เรียกฉันด้วยชื่อเถอะค่ะ ในเมื่อคุณคือแม่ของเจนส์และเด็ก ๆ คุณก็จะเป็นพี่สะใภ้ของฉันตลอดไป อย่าทำตัวห่างเหินเลย"โรสจึงแก้ไขคำพูดตัวเองอย่างจริงใจ "โจเซฟิน...ตอนนี้คุณรู้แล้วถึงการมีตัวตนของร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีแผนจะทำอย่างไรต่อ? คุณจะบอกทุกอย่างกับเจย์ หรือว่าคุณจะช่วยฉันปกปิดความจริงต่อไป?"โจเซฟินไม่เข้าใจ "ทำไมฉันถึงบอกพี่ฉันไม่ได้ล่ะ? ในฐานะพ่อของเด็ก เขามีสิทธิ์ที่จะรู้การมีตัวตนของพวกเขาสิ? พี่สะใภ้ พี่ชายของฉันจะต้องอิ่มเอมใจแน่ถ้ารู้ว่าร็อบบี้น้อยกับเซ็ตตี้มีตัวตน"เซ็ตตี้เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวกับโจเซฟิน "คุณพ่อไม่ได้ชอบหนู เขาบอกว่าหนูเป็นเด็กไร้มารยาทและป่าเถื่อน หนูก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน ฮึ่ม"โจเซฟินพูดไม่ออก พ่อลูกคู่นี้ยังไม่ได้พบกันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขากลับมีค
โรสยิ้มอย่างสบายใจอย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเธอดูขมขื่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเจย์ เธอรักเขามาตลอดทั้งสองชีวิต การพูดว่าลืมเขานั้นง่ายกว่าทำจริงมากนัก"ด้วยความสัตย์จริง ฉันก็ยังรอเขาอยู่ในจุดเดิมมาตลอด" โรสกล่าวเสียงเบาโจเซฟินยอมในความเข้มแข็งของโรส และปณิธานที่แน่วแน่ของเธอ เธอชื่นชมโรสจริง ๆ "พี่สะใภ้ จากที่ฉันได้พูดไป ฉันจะปกป้องพี่ไว้ภายใต้ปีกของฉันด้วยชีวิต ใช้ชีวิตที่นี่ให้สงบสุข ฉันจะบอกพี่ชายเองว่าพี่สะใภ้ออกจากประเทศไปแล้ว"โรสกล่าวขอบคุณ "โจเซฟิน ขอบคุณนะ"โจเซฟินตอบ "พี่มอบหลานชายและหลานสาวสุดน่ารักให้ฉันตั้งสามคน ฉันต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณพี่สะใภ้"เซ็ตตี้ชะเง้ออยู่ที่ลูกบิดประตูแล้วกล่าวอย่างน่าสงสาร "คุณแม่ขา เมื่อไหร่พวกคุณแม่จะคุยกันจบคะ? เจนสันกับหนูหิวแล้วนะ"โรสนึกได้ทันทีว่าตอนนี้สายมากแล้ว เธอรีบใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วมุ่งหน้าเข้าครัว "แม่จะทำของอร่อยให้กินเดี๋ยวนี้เลย""พี่สะใภ้ ฉันก็อยากกินที่นี่ด้วย""ได้เลย!"ชามของบะหมี่ไข่และมะเขือเทศถูกเสิร์ฟเป็นมื้อเช้า ทั้งเจนสันและเซ็ตตี้ต่างได้รับอาหารเต็มชามทั้งคู่ นี่เป็นครั้งแรกของโจเซฟินที่ได้ทานอาหารเช้าที่ธรรมดาแ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ