“ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย?” แองเจลีนถามชายคนนั้นจ้องไปที่เธอ “ถ้าผมบอกคุณว่า จริง ๆ แล้วผมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ผมสามารถเป็นคนควบคุมได้ว่าคุณสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือตายก็ได้และกระทั่งสามารถบดขยี้คุณให้ตายเหมือนมดด้วยซ้ำ คุณจะกลัวไหม?”แองเจลีนยื่นมือที่ไม่เป็นอันตรายของเธอออกไป ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงมาอยู่เหนือเขา?ในท้ายที่สุดแล้ว เขายังช่วยให้เธอยืนขึ้นมาได้อีกแองเจลีนเงยหน้าขึ้นมองเขา คิ้วของเธอแสดงถึงความเศร้าและดวงตาของเธอก็ดูงดงาม พวกมันดูเหมือนบทกวีที่เข้าใจยาก โดยมีความหมายที่ลึกซึ้งและซ่อนเร้นความน่าดึงดูดใจกับผู้คนอยู่มากนัก“หากคุณมีอำนาจมากขนาดนั้น ได้โปรด ช่วยบดขยี้ฉันให้ตายเดี๋ยวนี้เลย” เธออ้อนวอน ความโศกเศร้าปรากฏได้ชัดในน้ำเสียงของเธอรอยยิ้มบนใบหน้าของชายคนนั้นหยุดนิ่ง ทันใดนั้น เขาจำได้ว่าเธอได้วิ่งกระโจนตัวเองเข้าหารถของเขาโดยไม่เกรงกลัวเมื่อแปดวันก่อน“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมลืมมันไปได้ ทั้ง ๆ ที่คุณเองนั่นแหละที่กำลังมองหาความตายอยู่แล้ว”แองเจลีนล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยไม่สนใจเขาผู้ชายมักดูถูกผู้หญิงที่ไม่ชื่นชมชีวิตของพวกเธอเอง
เธอและเจย์รักกันอย่างสุดซึ้งในช่วงสองชีวิตที่แล้วของพวกเขา เธอเคยคิดว่าแม้ว่าโลกทั้งใบจะยอมแพ้เธอ แต่เจย์จะไม่ทำอย่างนั้นแต่สุดท้ายแล้ว เจย์เป็นคนที่ทำร้ายเธอมากที่สุดชายคนนั้นยิ้มเบา ๆ “ผมจะตัดสินใจเลือกวันที่ดีที่สุดให้เราได้จัดงานแต่งงานขึ้น”รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยน แต่คำพูดของเขาแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาเธอพูดไม่ออก แองเจลีนจ้องมาที่เขา เขาไม่เข้าใจภาษาคนหรือยังไง?“แต่งงานกับผมนะ แล้วผมจะดูแลคุณจากคนที่ทำร้ายคุณเอง” ชายคนนั้นจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอและพูดอย่างจริงจังแองเจลีนปฏิเสธเขาทันที “ฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่งเรื่องของฉัน”ไม่ว่าเจย์ อาเรสจะเป็นคนสารเลวขนาดไหน เธอก็อยากจะเป็นคนที่ดูแลเขาอยู่ดีผู้ชายคนนั้นดื้อรั้น “คุณจะเป็นภรรยาของผมทันทีที่คุณแต่งงานกับผม สิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถให้คุณได้คือความรักที่คุณพูดถึง สำหรับส่วนที่เหลือ ผมทำให้คุณพอใจได้”ด้วยเหตุนี้ ชายคนนั้นจึงหันหลังและเดินจากไปแองเจลีน “...”ผู้ชายคนนี้มีชีวิตอยู่ด้วยการถือตัวเองสำคัญเป็นหลักสินะ?เขาคิดว่าเขาเป็นศูนย์กลางของโลกและทุกคนต้องหมุนรอบตัวเขาอย่างนั้นเหรอ?ในเวลาไม่นาน ซิมเมอร์ก็เข้า
แองเจลีนหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนั้นได้ยินเสียงความโกลาหลจากข้างนอกแองเจลีนได้สะดุ้งตัวขึ้นมาทันที เธอดึงเข็มจากถุงน้ำเกลือออกจากแขน แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินโซเซลงบันไดนี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกจากห้องนอน คฤหาสน์ได้รับการออกแบบเหมือนปราสาทในยุคกลาง ผนังที่สร้างจากหินอ่อนดูธรรมชาติอย่างงดงาม มีภาพวาดโบราณมากมายที่แกะสลักไว้ ผู้ที่มีความรู้ในสาขานี้จะรู้ว่ามีสัญลักษณ์พิเศษมากมายรวมอยู่ในที่นั่นคฤหาสน์นี้ดูเก่าแก่และลึกลับสำหรับแองเจลีนเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะจินตนาการว่าชายหนุ่มที่อายุน้อยและสง่าอย่างเขาจะมีรสนิยมที่ล้าสมัยอยู่ในอาคารเช่นนี้เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง เธอผลักประตูไปที่สวนหลังบ้าน ที่นั่น ตรงกลางคอกที่เลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ เธอเห็นชายที่เหมือนผู้ไร้ความทุกข์กำลังต่อสู้กับฝูงไก่เขาไล่ตามไก่ที่วิ่งหนีเขา ขนมันกระจัดกระจายไปทั่วคอก ทำให้สุนัขที่อยู่ใกล้ ๆ เห่าด้วยความตื่นเต้นมันเป็นภาพที่ค่อนข้างตลกขบขันถึงกระนั้น เห็นได้ชัดว่าคนรับใช้ผู้ชายของนายท่านผู้สูงศักดิ์ไม่มีความรู้สึกอยากจะเข้าไปทำแบบนั้น พวกเขามองดูชายผู้นี้อย่างกังวลราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่อันตรา
ชายคนนั้นรู้สึกถูกดูหมิ่น “คุณเรียกผมว่าคนไร้ประโยชน์งั้นเหรอ?”ดวงตาของเขากลายเป็นศัตรูขึ้นมาทันทีแองเจลีนพยักหน้า “แล้วคุณดูไม่ใช่เหรอ?”สายตาของเธอพบกับกลุ่มคนรับใช้ผู้ชายของเขา “คุณยังมีคนรับใช้จำนวนมากเพื่อบริการตัวคุณอยู่ นั่นก็ถือว่าเป็นคนไร้ประโยชน์สำหรับคุณว่าไหม?”ชายคนนั้นตกใจแองเจลีนนำไก่เข้าไปข้างใน เตรียมไว้ตามขั้นตอนการทำต่อไป เธอมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวแล้วใส่ลงในหม้อต้มก่อนปรุงรสด้วยเครื่องเทศ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำการรักษาบาดแผลของเธอต่อแม้ว่าเธอจะใช้แขนของเธอได้ดีในการแล่เนื้อไก่ แต่เธอก็ใช้กำลังทั้งหมดไปกับการใช้มีดเฉือนมัน สิ่งนี้ทำให้บาดแผลของเธอถูกเปิดออกและมีเลือดออกอีกครั้งในไม่ช้า กลิ่นหอมของซุปไก่ก็กระจายไปทั่วบ้านตอนที่ซิมเมอร์กำลังจะเสิร์ฟซุปให้แองเจลีน ชายคนนั้นพูดอย่างกะทันหันว่า “ให้ฉันลองชิมก่อน”เขาไม่เชื่อว่าสาวสวยคนนี้จะทำอาหารได้ซิมเมอร์ส่งซุปชามเล็ก ๆ ให้เขา เมื่อเขาชิมด้วยท่าทางอย่างสุภาพ กลิ่นหอมของซุปทำให้เขารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย“ซุปไก่นี้อร่อยมาก” เขาพูดยกย่องสิ่งนี้ทำให้ความตั้งใจของเขาที่จะแต่งงานกับเธอแข็งแกร่
เธอต้องการที่จะลืมเกี่ยวกับ เจย์ อาเรสทุกครั้งที่เธอคิดถึงเขา หัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากจนรู้สึกหายใจลำบากทุกครั้งโคลพูดเหมือนใช้อำนาจ “คุณเคยเกือบตายเพราะเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถือว่าชีวิตของคุณได้กลับคืนมาแล้ว ซึ่งในตอนนี้ ชีวิตของคุณเป็นของผมเพราะผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณ”แองเจลีนเริ่มชินกับนิสัยที่โคลแสดงออมาอย่างเอาแต่ใจ และนิสัยข่มขู่ ตอนแรกเธอเถียงกับเขา แต่ไม่นานนักเธอก็รู้แล้วว่าแม้ว่าเธอพูดจนเธอคอแห้ง เขาก็ยังจะทำตามสิ่งที่เขาพอใจอยู่ดีเธอเลยยอมปล่อยให้เขาพูดไปโคลกล่าวว่า “ผมจะพาคุณกลับบ้าน เมื่อผมทำเรื่องราวปัจจุบันนี้เสร็จเสียก่อน”แองเจลีนตกใจเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ทำเหมือนว่าเขากำลังจะลักพาตัวเธอไปเลยเธอยังคงดูอ่อนแอและนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้โทรศัพท์ของเธอได้หายไป เธอไม่มีเงินเหลือสักนิดเดียว เธอไม่รู้ว่าเธอจะแอบหนีไปได้อย่างไรถ้าชายคนนั้นจะพาเธอออกจากเมืองอิมพีเรียล เธอคงต้องพร้อมออกไปเมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเธอเปลี่ยนไป เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและเอื้อมมือไปขยี้ผมของเธอ “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมจะไม่ลักพาตัวคุณ ผมจะทำให้คุณเป็นอิสระ”“ฉันอยากกลับบ้าน” แองเจลีนโพล่งออกมา“ก็ได้
“ฉันไม่ต้องการ” แองเจลีนไม่ต้องการให้เขาสะกดรอยตามเธอโคลตอบว่า “ถ้าคุณไม่ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดระบบโทรศัพท์คอยติดตามคุณตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป นี่จะเป็นทางเลือกของคุณ”แองเจลีนนึกภาพของบอร์ดี้การ์ดที่อยู่ชั้นล่างผุดขึ้นมาในจิตใจของเธอ ใบหน้าของพวกเขาดูแข็งทื่อและผิดธรรมชาติราวกับว่าพวกเขาฉีดโบท็อกซ์ทุกคนแองเจลีนยอมรับโทรศัพท์เครื่องนั้นทันที จริง ๆ แล้วเธอเลือกที่จะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่ไหนก็ได้ที่ที่เธอต้องการ แต่มันจะยากยิ่งกว่าที่เธอจะเลือกกำจัดบอร์ดี้การ์ดเหล่านั้นโคลรู้สึกยินดีที่เห็นเธอรับโทรศัพท์ไปจากนั้น เขาก็เริ่มถอดแจ็คเก็ตของเขาออก แองเจลีนสูดหายใจเข้าและพูดหยุดเขา “คุณกำลังจะทำอะไร?”โคลมองออกไปนอกหน้าต่าง “ก็มันเป็นช่วงกลางคืนแล้วหนิ ได้เวลานอนแล้ว”จากนั้น เขาก็นั่งลงบนเตียงด้วยความตกใจแองเจลีนตกลงไปจากเตียงทันที เธอตกตะลึงขณะที่นั่งอยู่บนพื้นและมองโคลแล้วเธอเริ่มตำหนิเขาว่า “เรายังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ! ไม่มีใครบอกว่าฉันจะต้องนอนกับคุณ”โคลคลายคอเสื้อออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่เซ็กซี่และน่าดึงดูด“คุณจะไม่สูญเสียอะไรจากการนอนก
ในวันรุ่งขึ้น แองเจลีนตื่นแต่เช้าหัวใจของเธอเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อเธอจำได้ว่าโคลได้สัญญาว่าจะส่งเธอกลับไปยังเมืองอิมพีเรียลในวันนี้เมื่อเธอครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับที่มาของความสุขของเธอในตอนนี้ แต่จู่ ๆ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะเจย์ที่อยู่ในเมืองอิมพีเรียลทำให้คิดขึ้นมาได้แองเจลีนรู้สึกเศร้าอีกครั้ง“เขาไม่ชอบเธอแล้ว เธอไม่ควรคิดถึงเขาอีกต่อไป จากวันนี้เป็นต้นไปเธอต้องลืมเขาให้ได้ แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าเธอก็ตาม เธอต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เธอไม่สามารถปล่อยให้เขาดูถูกเธอได้อีกแล้ว” เธอคุกเข่าอยู่ข้างรั้ว ใช้นิ้วจิ้มหญ้าที่ขึ้นอยู่ข้าง ๆโคลเห็นที่เธอพึมพำกับตัวเธอเอง เมื่อเขาออกจากบ้าน เขาตั้งใจฟังมันอยู่นานก่อนที่เขารู้ว่าเธอกำลังบังคับใจตัวเองให้ขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเธอกับผู้ชายคนนั้น“แองเจลีน เราไปกันเถอะ” เขาเรียกพร้อมแสดงรอยยิ้มแองเจลีนก้มหน้าลงในขณะที่เธอเดินเข้าไปหาเขา“ทำไมล่ะ กลัวที่จะเจอเขาเหรอ?” เขากำลังจุดบุหรี่และพ่นควันออกมาหลายก้อนเขามีท่าทางสูบบุหรี่ด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนชอบสูบบุหรี่มานานแล้วแองเจลีนเริ่มไอจากควันบุหรี่โคลร
แองเจลีนตกตะลึงโคลหัวเราะอย่างเขินอาย “คุณควรรู้ไว้ว่าผมเป็นพวกชอบคนที่สมบูรณ์แบบ ผมก็แค่กังวลว่าผมจะจูบคุณไม่ได้ถ้าผมรู้ว่าคุณมีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดบนร่างกายของคุณ”ใบหน้าของแองเจลีนเริ่มแดงเมื่อเธอเบี่ยงหน้าหนี มีท่าทางแสดงออกบนใบหน้าของเธอ เธอกล่าวว่า “คุณและฉันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”โคลถอนหายใจเมื่อมองดูระยะห่างระหว่างพวกเขา “มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมอยู่แล้ว คนอย่าง โคล ยอร์ก ที่จะหาผู้หญิงที่ผมจริงจังด้วย ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่ชอบผมอยู่ดี”ใบหน้าของคนขับรถซีดทันที ขณะที่เขาเริ่มมีเหงื่อออกมามากเป็นครั้งคราว เขาได้แวบมองแองเจลีนผ่านกระจกมองหลัง ด้วยความกลัวแทนเธอผู้หญิงทุกคนที่ปฏิเสธนายท่านจะไม่ได้เจอเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเธออย่างแน่นอนแองเจลีนไม่รู้ตัวว่าเธอทำให้ใครขุ่นเคืองใจอยู่และเธอยังคงรู้สึกเขินอายโคลต่อไป “คุณส่งฉันทิ้งไว้ได้เลยนะเมื่อเราถึงเมืองอิมพีเรียลแล้ว ฉันคุ้นเคยกับสถานที่นี้ดีและจะไม่หลงทางอย่างแน่นอน”โคลจ้องไปที่เธอโดยไม่พูดอะไรมาก “คุณอยากไล่ผมไปขนาดนั้นเลยเหรอ?”แองเจลีนมองดูท่าทางที่ไม่พอใจ ซึ่งเขาทำเหมือนว่าถูกภรรยาทอดทิ้ง ความรู้สึกผิดชอบของเ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ