เจนสันสะดุดเล็กน้อย ถ้าใครก็ตามที่มีนิสัยแบบเซ็ตตี้ เจนสันจะดูถูกคนแบบนั้นแน่นอน แต่เจนสันรู้สึกช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าน้องสาวของเขานั้นน่าเอ็นดูเอามาก ๆพี่ชายน้องสาวมาถึงห้องเรียนในที่สุด คุณครูได้แจกกระดาษวาดเขียนและดินสอให้แก่เด็ก ๆ เจนสันวาดภาพคุณแม่ของเขา เพราะถึงแม้ว่าบุคลิกของเจนสันจะค่อนข้างเงียบ แต่ทักษะการวาดของเขานั้นล้ำหน้าทั้งร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้ไปไกลตั้งแต่เด็ก ๆเมื่อมองดูภาพวาดคุณแม่ที่สวยงามไร้ที่ติอย่างชื่นชม เซ็ตตี้ก็ขอร้องเจนสัน "พี่ชาย รูปคุณแม่ที่พี่วาดสวยมากเลย พี่วาดหนูด้วยได้ไหม?"เจนสันพยักหน้า "อ่าฮะ"เมื่อถึงเวลาเก็บงาน คุณครูนั้นแปลกใจมากกับภาพวาดของเจนสัน "ร็อบบี้น้อย เธอพัฒนาขึ้นมากเลยนะเนี่ย"เพื่อเป็นรางวัล คุณครูได้มอบคุกกี้โอริโอ้ถุงใหญ่ให้ "ร็อบบี้น้อย"เจนสันส่งคุกกี้ให้เซ็ตตี้ทันที "น้องชอบมันไหม?"เซ็ตตี้รับมันมาอย่างดีใจ เธอฉีกถุงออก ก่อนจะยัดชิ้นแรกเข้าปากเจนสัน "กินก่อนเลย พี่ชาย"หลังจากนั้น เซ็ตตี้ก็แบ่งขนมให้เเพื่อนคนอื่น ๆ เมื่อวนมาถึงรอบของเธอ มันก็ไม่มีคุกกี้เหลือแล้ว แต่เซ็ตตี้ก็ยังอารมณ์ดี "คุณแม่บอกว่าเราต้องแบ่งปันสิ่งดี ๆ
โจเซฟินเด้งขึ้นมาจากโซฟาด้วยความตกใจ เธอจับแก้มของร็อบบี้น้อยโดยไม่มีสัญญาณเตือน ทั้งบีบทั้งหยิก "เดี๋ยวนะ นี่ใช่เจนสันจอมเหยียดหยามและไม่ไว้ใจใครของพวกเราจริงเหรอ?"ร็อบบี้น้อยไม่ได้ดูโกรธหรือรำคาญอะไรกับการกระทำของโจเซฟิน ตรงกันข้าม เขาเผยรอยยิ้มอันใสซื่อให้เธอแทนโจเซฟินตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจ "เจย์ ฉันมั่นใจว่าลูกชายของนายถูกลักพาตัวแน่"เจย์ตบเข้าไปที่หลังหัวของโจเซฟินและตำหนิเธออย่างเยือกเย็น "เธอควรหยุดอ่านนิยายไร้สาระพวกนั้นได้แล้ว สิ่งที่เธอพูดชักจะเพ้อเจ้อเข้าไปทุกวัน"แม้ว่าคุณปู่คุณย่าไม่สามารถยอมเชื่อการจับพิรุธแปลก ๆ ของโจเซฟินได้ พวกเขาไม่อยากจะคิดหากหลานของพวกเขาถูกพาตัวไปเมื่อพวกเขาเริ่มทานอาหาร คุณปู่คุณย่าตักอาหารจำนวนมากใส่ชามของร็อบบี้น้อย แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขาขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองอย่างสุภาพ "ขอบคุณนะครับคุณปู่ ขอบคุณนะครับคุณย่า"แม้ว่า "เจนสัน" จะน่ารักและเป็นมิตร เจย์พลันรู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไปทั้งครอบครัวนั้นค่อนข้างชินกับความเฉยเมยของเจนสัน จึงเข้าใจได้ว่าทำไมตอนนี้พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับเด็กชายในตอนนี้ยังไง เจ
เจย์แสดงจุดยืนของตัวเองโดยไม่ลังเล "พ่อ เธอมีครอบครัวใหม่และมีลูกด้วยกันแล้ว เธอไม่มีทางมอบรักของแม่ที่แท้จริงให้เจนสันได้ ได้โปรดอย่าบอกว่าเธอเป็นแม่ของเขา อย่าสร้างความหวังให้เขา สุดท้ายเขาจะผิดหวัง"ชายชราดูโกรธ เขามองหน้าลูกชายแล้วคัดค้าน "เจย์ ถึงแกจะเกลียดเธอ แต่เธอก็เป็นแม่ของเจนสัน สายสัมพันธ์แม่ลูกไม่มีวันถูกทำลาย แกจะไม่เปิดใจแล้วให้พวกเขารู้จักกันหน่อยหรือยังไง? นี่ก็เพื่อประโยชน์ของเจนสันนะ"เมื่อเจย์ออกมาจากห้องหนังสือของชายชรา เขารู้สึกสับสนมากกว่าที่เคยมันดึกมากแล้วในตอนที่พวกเขาออกจากบ้านของคุณปู่และคุณย่า เจย์เดินออกมาจากคฤหาสน์ อุ้มร็อบบี้น้อยไว้ด้วยแขนข้างเดียว ร็อบบี้น้อยโบกมือลาให้คุณปู่และคุณย่าอย่างกระตือรือร้น "ลาก่อนครับคุณปู่ ลาก่อนครับคุณย่า ลาก่อนครับน้าโจเซฟิน"หลังจากจบการร่ำลา ร็อบบี้น้อยก็กอดคอของพ่อ 'คุณพ่อแข็งแรง เขาอุ้มเราได้ด้วยมือข้างเดียว' เขาคิด ร็อบบี้น้อยมีความสุขกับความรู้สึกเมื่อมีพ่อ"คุณพ่อ ผมอยากขึ้น ขึ้นไป!" ร็อบบี้น้อยนั้นอิจฉาเด็กคนอื่นที่ขี่คอพ่อเสมอ ในที่สุด เขาก็จะได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเองแล้วใบหน้าของเจย์จริงจังขึ้นเล็กน้อย
เจย์รู้สึกเหมือนเขาเพิ่งได้ยินเรื่องตลกมาก ๆ อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นชาของเขาแข็งค้าง'โรสเป็นนักเรียนระดับท็อปของสถานบันที่หนึ่ง?''เธอไม่ได้ส่องกระจกมองตัวเองรึไง ก่อนจะพ่นอะไรไร้สาระออกมาน่ะ นักเรียนทุกคนของสถานบันที่หนึ่งล้วนเป็นคนที่น่าทึ่ง''เธอโกหกเจนสันแบบนั้นได้ยังไง?'"เจนสัน" เจย์บอกด้วน้ำเสียงที่เพิ่มระดับมากขึ้น "ต่อให้เธอจบมาจากสถาบันที่หนึ่ง ความรู้เฉพาะทางและความเชี่ยวชาญของเธอก็ยังไม่ถึงระดับพนักงานของแกรนด์เอเซียที่เราต้องการ คุณพ่อไม่สามารถยกเว้นให้เธอได้ แบบนั้นจะไม่ยุติธรรมกับผู้สมัครคนอื่น"เจย์นั้นผิดหวังมากกับคำโกหกอันไร้ยางอายของโรส แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยอยากจะทำให้โรสขายหน้าต่อหน้า "เจนสัน"มันคือการปกป้องลูกของเขา—เขาไม่อยากเป็นคนที่ทำลายภาพของคุณแม่ที่งดงามในใจของลูกชายร็อบบี้น้อยนั้นมั่นใจกับความสามารถของคุณแม่เขามาก เขาย้ำและขอร้องเจย์ "คุณพ่อเชื่อผมเถอะครับ โรสน่ะเก่งจริง ๆ ได้โปรดให้เธอทำงานในบริษัทพ่อนะ? นะคร้าบ?"เจย์ถึงกับมึนงง "เจนสัน" ไม่เคยอ้อนวอนเขาเลย นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แล้วมันก็มีความจริงใจในน้ำเสียงของเขามากเหลื
เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แม่ของเขาร้องไห้ แต่เขาตกลงกับร็อบบี้น้อยแล้วว่าจะทำให้คุณแม่ยอมรับการทำงานที่แกรนด์เอเซียเจนสันไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรดี เขาจึงพยายามใบ้นิด ๆ ผ่านการวาด พยายามสื่อว่าเขาต้องการแม่มากแค่ไหนเขาหวังว่าแม่จะเข้าใจข้อความที่เขาต้องการสื่อผ่านภาพวาดและตกลงรับการรับสมัครของแกรนด์เอเซียในตอนนั้น เจย์พยายามโทรหาเธอ โรสมองไปที่เบอร์ที่ไม่คุ้นบนจอมือถือของเธอและเมินมัน"คุณแม่ โทรศัพท์เข้า!" เจนสันแหกปาก แล้วส่งมือถือให้แม่ของเขาเบอร์ที่ไม่ระบุชื่อนี้เจนสันคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขารู้อยู่แล้วว่าใครเป็นผู้โทรเข้ามา มันคือสายจากคุณพ่อของเขาเจนสันช่วยนำมือถือให้โรสและส่งมันเธอ เมื่อไม่อยากทำให้ลูกชายของเธอผิดหวัง เธอหยิบมือถือขึ้นมาแล้วรับสาย"โรส..."เมื่อเสียงเย็นยะเยือกของเจย์ผ่านเข้ามาในสาย โรสก็สะดุ้งเล็กน้อย"เธอสนใจจะทำงานในแกรนด์เอเซียรึเปล่า?" เสียงของเจย์นั้นราบเรียบ"ทำงานในแกรนด์เอเซีย?" โรสประหลาดใจ ถ้าเธอรับข้อเสนอนี้ในฐานะแองเจลีน มันจะไม่น่าแปลกใจเลยทว่า ตอนนี้เธอคือโรส! ในหัวของเจย์ เธอคือภรรยาป่าเถื่อนที่ไร้การศึกษา!"ท่านอาเรส คุณทำแบบนี้ทำไม?"
ดูเหมือนว่าโรสจะเลือกอยู่ภายใต้แผนกของเขาโดยตรง นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่เลิกนิสัยเดิมของเธอ"เยี่ยมมาก จำไว้ว่าต้องไปรายงานตัวที่แผนกทรัพยากรบุคลากรในศูนย์หลักของแกรนด์เอเซียสิบโมงเช้า ฉันจะทำให้มั่นใจว่าผู้สัมภาษณ์ในแผนกบุคลากรจะต้อนรับเธอเป็นอย่างยิ่งใหญ่" เจย์กัดฟันแน่นและเน้นคำว่า "ยิ่งใหญ่"โรสรู้สึกถึงความรู้สึกดูถูกอันรุนแรงจากผลายสาย "ขอบคุณมากค่ะ ท่านอาเรส!" แม้ว่าเธอจะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เธอก็ยังคงทำตัวเข้มแข็งหลังจากวางสาย โรสแต่งหน้าบาง ๆแม้ว่ามันจะบางและเป็นการแต่งแนวธรรมชาติ ผิวขาวผ่องและใบหน้าอันนุ่มนวลของเธอผสมเข้ากับชั้นแป้งบาง ๆ ทำให้เธอยิ่งดูสูงศักดิ์ คู่กับผมของเธอที่มัดทรงบันสูง และกระโปรงลูกไม้สีม่วงสว่าง เธอกลายเป็นแฟรี่แสนสวยไปเลยเซ็ตตี้นำกระเป๋า Michael Kors ของแม่เธอออกมา ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอกล่าวเสียงหวาน "คุณแม่ กระเป๋าใบนี้เข้ากับเมคอัพวันนี้ คุณแม่ดูเหมือนแฟรี่เลย คุณแม่สวยมากค่ะ"โรสรับกระเป๋ามาและจูบเซ็ตตี้ เธอขยิบตาให้เซ็ตตี้อย่างหยอกล้อแล้วกล่าว "แม่ดูเหมือนคนทำความสะอาดเหรอ?"เจย์บอกว่าเธอเหมาะกับการเป็นพนักงานทำความสะอาดของแกรนด์
เจย์ประเมินเธอต่ำไปมันมีคอมพิวเตอร์มากมายในศูนย์ใหญ่ของแกรนด์เอเซีย คอมพิวเตอร์บนโต๊ะบริการที่ชั้นล่างนั้นไม่ได้มีระบบป้องกันที่หนาขนาดนั้น ด้วยระบบแบบนั้น แม้แต่เซ็ตตี้เองก็ยังสามารถเจาะได้อย่างง่ายดายในเมื่อเขาดูถูกเธอ เธอก็จะทำให้เขาเห็นว่าเขาคิดผิด...เจย์กำลังอยู่กลางการประชุมและกำลังอธิบายในขณะที่แล็ปท็อปของเขาที่ฉายภาพให้จอหลักอยู่พลันดับลง"เกิดอะไรขึ้น" ทีมบริหารระดับอาวุโสของแกรนด์เอเซียนั้นอยู่ในการประชุมด้วย ปัญหาทางเทคนิคนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันไม่ใช่สำหรับแกรนด์เอเซีย ทุกคนเริ่มตื่นตระหนกเล็กน้อยเกรย์สันกระวนกระวายและเริ่มเหงื่อไหล มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่แกรนด์เอเซียถูกแฮ็คเกอร์เจาะระบบในเดือนเดียว คุณอาเรสแทบจะถลกหนังเขาทั้งเป็นครั้งก่อน เขาสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าคุณอาเรสจะทำยังไงกับเขาเมื่อเกิดครั้งที่สอง"คุณอาเรส ผมจะไปตรวจสอบดูเดี๋ยวนี้ครับ!" เกรย์สันพูดอึกอักสายตาของเจย์จดจ้องไปที่แล็ปท็อป จุดสว่างพลันโผล่ขึ้นมาจากหน้าจอดำมืด มันดูเหมือนกับปรากฏออกมาจากขอบฟ้า ทันใดนั้น มันก็เข้ามาใกล้แล้วระเบิดออกกลายเป็นดวงดาวนับล้านดวงในกาลอวกาศ ดวงดาวนับพันกระพริบ
โรสพยักหน้า "ใช่ ฉันเองค่ะ" เธอเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ให้เขา"ยอดเยี่ยม" เจย์เองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะคาดเดายากก็ตาม "มากับฉัน"เมื่อโรสจากไปพร้อมกับประธาน เธอก็ได้ยินเสียงของเหล่าผู้สัมภาษณ์ที่กำลังภาวนาให้เธออย่างเคร่งเครียด "คุณผู้หญิง คุณควรจะภาวนาสำหรับตัวคุณเองได้แล้ว!"โรสช่วยไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกเสียใจเล็ก ๆ แม้ว่าเธอจะสามารถเถียงได้ว่าเขาบอกเองว่าเธอสามารถแฮ็คคอมพิวเตอร์ของใครก็ได้ในศูนย์ใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้รับประกันว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เธอ!เจย์พาโรสไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา เขานั่งบนโซฟาหนังสีดำสุดหรูและพิจารณาหญิงวสาวตรงหน้าด้วยสายตาเหยี่ยวของเขา เขามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเมคอัพของโรสนั้นดูธรรมชาติ ใสกระจ่าง สด และเป็นมืออาชีพ ความสง่างามนั่นทำให้เจย์ลดการป้องกันลงไปชั่วครู่เลยทีเดียว'ฉันไม่คิดมาก่อนว่าสาวจากบ้านนอกจะชุบตัวได้ดีขนาดนี้… หากฉันต้องพูด เธอดูผุดผ่องทีเดียว' เขาคิดโรสจ้องมองเจย์ เดาไม่ออกสักนิดเดียวว่าจะเกิดอะไรกับเธอต่อไปเธอคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ควรเริ่มก่อน "ท่านอาเรส คุณบอกเองว่าฉันสามารถแฮ็คคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในศูนย์ใหญ่ได้ ฉันไ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ